‘ปิยบุตร’ เดินสาย 8 เวทีทั่ว ‘ร้อยเอ็ด’ อ้อนขอกำลังใจแบบจับต้องได้ให้เดินหน้าสู้กับ ‘ยักษ์ตนใหญ่’ ศัตรูประชาธิปไตยต่อ

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เดินสายขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ลงสมัครในนามคณะก้าวหน้า ซึ่งประกอบด้วย นายพลเสฏฐ์ พงศ์ฤทธิบาล ผู้สมัครนายกเทศมนตรีกู่กาสิงห์, นายชาตรี กุลสุวรรณ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีโพนเมือง, นายเดชา แก้วภูมิแห่ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีโคกกกม่วง, นายร่วมภูมิศักดิ์ พลเยี่ยม ผู้สมัครนายกเทศมนตรีโพนทอง, นายสมใจ สุระ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีท่าม่วง, นายทวีสิทธิ์ มนตรีชน ผู้สมัครนายกเทศมนตรีดงสิงห์ นายประมวล สุวลักษณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีผักแว่น และนายเทพพร จำปานวน ผู้สมัครนายกเทศมนตรีอาจสามารถ

โดยในวันที่ 24 มีนาคม 2564 เป็นการปราศรัย 3 เวที และในวันที่ 25 มีนาคม 2564 เป็นการปราศรัยหาเสียงอีก 5 เวทีรวด รวม 2 วันเป็นจำนวน 8 เวทีท่ามกลางประชาชนในพื้นที่ ที่มารอฟังและรอให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก

นายปิยบุตร กล่าวว่า จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นจุดเริ่มต้นทางการเมืองในภาคอีสานของตนเอง เพราะเมื่อครั้งที่เป็นเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ได้ตระเวนขึ้นเวทีปราศรัย ช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียง ก็ได้มาปราศรัยครั้งแรกที่จังหวัดร้อยเอ็ดแห่งนี้ จึงรู้สึกผูกพันกับร้อยเอ็ดเป็นอย่างมาก และต่อมาก็ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดจำนวนเกือบ 9 หมื่นเสียง เมื่อรวมกันกับพี่น้องทั่วประเทศ พรรคอนาคตใหม่ได้รับคะแนนเสียงทั้งสิ้น 6 ล้าน 3 แสนเสียง ส่งผลให้ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตนเองและเพื่อนๆ ได้เป็น ส.ส.ทั้งสิ้น 80 คน กลายเป็นพรรคอันดับ 3 ของประเทศ 

แม้ว่าต่อมาหัวหน้าพรรคอันดับ 3 จะอยู่ในสภาได้แค่เพียงสิบนาทีก็ตาม จะพูดสักคำในสภา เขาก็ยังไม่ให้โอกาสได้พูด และตนเองโชคดีกว่านิดหน่อยที่ได้อยู่ 10 เดือน 28 วัน เพราะผู้มีอำนาจตกใจที่เห็นพวกเราทำงานการเมืองแบบใหม่ ไม่เคยมีประสบการณ์เป็นนักการเมืองมาก่อน แต่สามารถได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนอย่างถล่มทลาย ดังนั้นคมดาบ คดีความต่างๆ จึงมาเต็มไปหมด ไม่หยุดหย่อนเพราะพวกเขาต้องการขจัดพวกเรา เตะออกไปจากการเมืองให้ได้ แต่พวกเขาจะไม่มีวันทำสำเร็จ เหมือนเป็นการปล่อยเสือออกจากกรงให้เข้าป่า พวกเราแม้จะไม่ได้อยู่ในสภา แต่ก็จะเดินทางไปพูดให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศฟังถึงหน้าบ้าน ไปช่วยผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าหาเสียงทั้ง อบจ. เทศบาล และ อบต.

“หลายคนอาจคิดว่า เคยเป็นอดีตแกนนำพรรค ใส่สูทผูกเนกไทพูดอภิปรายในสภา ทำไมต้องมาช่วยหาเสียงในระดับท้องถิ่น เป็นการลดเกรด ลดชั้นหรือไม่ แต่สำหรับพวกเรากลับคิดในทางตรงกันข้าม เพราะพวกเราคิดว่า การเลือกตั้งในทุกระดับมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ จะมีประชาชนจำนวนเท่าใด เป็นการเลือกตั้ง ส.ส. หรือเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะประชาชนทุกคนคือเจ้านายของพวกเรา และพวกเราเชื่อว่า นี่เป็นโอกาสให้ได้มาเจอพี่น้องประชาชนทั่วประเทศไทย มาเจอพี่น้องประชาชนตัวเป็นๆ มาถ่ายรูปกัน มาให้กำลังใจกัน อีกทั้งการที่มีอดีตแกนนำพรรคการเมือง เคยเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เคยเป็น ส.ส.อยู่ในสภา มาช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ระดับเทศบาลทั่วประเทศแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศไทย”

เลขาธิการคณะก้าวหน้า ยังได้กล่าวเชิญชวนให้เลือกการเมืองแบบใหม่เข้าไปรับใช้ประชาชน ขอโอกาสครั้งนี้ให้ได้ร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทย หยุดการเมืองแบบเก่าเปลี่ยนเป็นการเมืองแบบใหม่ที่แข่งกันด้วยนโยบาย แข่งขันกันที่ใครจะมีนโยบายที่ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น เป็นการแข่งขันที่ใครไปนั่งอยู่ในหัวจิตหัวใจของประชาชนมากกว่ากัน ซึ่งผู้สมัครของคณะก้าวหน้าทุกคนที่เราคัดสรร มีความตั้งใจทำงาน มีหัวใจประชาธิปไตย 100% ตั้งใจคิดนโยบายและทำงานเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี

“ถ้ารักธนาธร รักผม และต้องการส่งกำลังใจ อย่างเป็นรูปธรรม ให้พวกเราทำการเมืองแบบใหม่ ในการต่อสู้กับศัตรูประชาธิปไตยที่เป็นยักษ์ตนใหญ่ที่มีทั้งอำนาจรัฐและเงินทองมากมาย พวกเรามีเพียงสมอง กำลังใจและสองมือ รวมทั้งการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน และเพื่อส่งเสียงเป็นกำลังใจบอกพวกเราว่าแนวทางที่กำลังทำอยู่นี้มาถูกทางแล้ว แนวทางการเมืองแบบใหม่ ก้าวหน้า ก้าวไกล เพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคตใหม่ของคนไทยทั้งประเทศ ต่อสู้กับเผด็จการสืบทอดอำนาจ คือการออกไปช่วยกันกาเลือกผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าในวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคมนี้ เพราะการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยเริ่มต้นที่บ้านของพวกเรา เปลี่ยนแปลงบ้านเราให้ก้าวหน้า เปลี่ยนให้เทศบาลก้าวหน้า มาช่วยกันครับ” นายปิยบุตร กล่าวทิ้งท้าย

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า ช่วงหนึ่งของการปราศรัยเมื่อ นายปิยบุตร กล่าวว่า ในอนาคตอยากจะพูดปราศรัยเป็นภาษาอีสานทั้งหมด แม้ว่าตอนนี้ก็พอพูดได้บ้างบางคำแล้ว แต่สำนวนการออกเสียงก็ยังแปลก ๆ อยู่ ดังนั้นอาจต้องมาเป็นเขยอีสานแล้ว จะได้พูดภาษาอีสานได้เก่ง ๆ แต่ตอนนี้เป็นไม่ได้เพราะแต่งเมียแล้ว ได้สร้างเสียงฮือฮา ปรบมือชอบใจจากประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ได้มีประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัยได้ตะโกนให้กำลังใจเชิงหยอกล้อว่า คนอีสานยินดีต้อนรับ ถึงแม้จะไม่ได้มาเป็นเขยแต่ก็จะอยู่ในใจพวกเราเสมอ และหลังจากนั้นยังได้เข้ามาขอถ่ายรูปและให้กำลังใจพร้อมยืนยันว่าจะกาเลือกผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าด้วย