กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จับมือ สมุทรสาคร เดินหน้า "ศูนย์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในภาวะวิกฤติการศึกษาหรือ Smart Refer" รับมือวิกฤตการเรียนรู้ถดถอย-หลุดนอกระบบ พัฒนาสู่สมุทรสาครโมเดล

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จับมือ สมุทรสาคร เดินหน้า "ศูนย์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในภาวะวิกฤติการศึกษาหรือ Smart Refer" รับมือวิกฤตการเรียนรู้ถดถอย-หลุดนอกระบบ พัฒนาสู่สมุทรสาครโมเดล

นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวถึงสถานการณ์การปิดเรียนของจังหวัดว่า สมุทรสาครยังคงเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด แม้ว่าสถานการณ์การระบาดจะดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังคงต้องประเมินรายวัน จึงจำเป็นต้องปิดโรงเรียนมาตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563 และให้มีการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ โดยมอบหมายศึกษานิเทศคอยติดตามประเมินว่าการเรียนออนไลน์ได้ผลมากน้อยอย่างไร

อย่างไรก็ตามพบว่ามีเด็กบางกลุ่มที่เข้าไม่ถึงอุปกรณ์เทคโนโลยี ซึ่งได้แจ้งให้ศึกษาธิการจังหวัด เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษา หากพบว่ามีเด็กคนใดต้องการเครื่องมืออุปกรณ์ เน้นเฉพาะรายที่ไม่มี ขาดแคลนจริงๆ เมื่อมีการร้องขอเข้ามา ทางจังหวัดยินดีที่จะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อดูแลเด็กและเยาวชนในจังหวัดสมุทรสาครของเรา

นายธีรพัฒน์ กล่าวว่า “การจัดการเรื่องนี้ ต้องพิจารณาหลาย ๆ ส่วนร่วมกันทั้ง ด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และเรื่องการศึกษา ก็เป็นส่วนสำคัญ ต้องทำ ๆ ทุกอย่างในเวลาเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตอนนี้บุคลากรทางการศึกษาทั้งหมดรับทราบสถานการณ์ แต่ยังมีความจำเป็นไม่ให้เด็กเจอกัน เกรงว่าปัญหาการระบาดจะเกิดขึ้น ทางจังหวัดสมุทรสาครได้เตรียมประชุมร่วมกันกับหน่วยงานทางการศึกษาทั้งหมดเพื่อรับทราบข้อมูล และลงทำงานในพื้นที่เพื่อให้ครอบคลุมถึงเด็กทุกคน”

“เป็นเรื่องที่ดีที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ได้เข้ามาร่วมช่วยกับจังหวัดสมุทรสาคร ฉะนั้นเด็กนักเรียนยากจนพิเศษก็จะได้รับการดูแลจากจังหวัด และจากความร่วมมือจาก กสศ. ต้องขอขอบคุณ กสศ. ที่เข้ามาช่วยจังหวัดสมุทรสาคร และทุกฝ่ายที่ให้ความสนใจเรื่องการศึกษาในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งช่วยให้สามารถชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปสำหรับกลุ่มเด็กด้อยโอกาส ให้ได้มีสิทธิและความเท่าเทียมกับเด็กคนอื่น ๆ เพราะอย่างไรก็ตามพวกเขาคือต้นกล้าต้นหนึ่งในการพัฒนาประเทศ ”

ด้าน นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า จากการประเมินผลกระทบการปิดโรงเรียนที่ยาวนานในจังหวัดสมุทรสาคร พบว่า กลุ่มเด็กนักเรียนยากจนด้อยโอกาสกำลังเผชิญวิกฤตทางการศึกษา 2 ด้าน คือ

1.) การไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาในช่วงล็อคดาวน์เพราะขาดอุปกรณ์จึงส่งผลให้เกิดภาวะความรู้ถดถอย (learning loss) และ

2.) มีแนวโน้มที่เด็กและเยาวชนยากจนด้อยโอกาสเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษาเพิ่มขึ้น

เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว กสศ.ได้ประสานจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อนำกลไกศูนย์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในภาวะวิกฤตทางการศึกษาหรือ smart refer ซึ่งเป็นการบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่ในคณะกรรมการบริหารกสศ. เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข เข้ามาสนับสนุนการช่วยเหลือเด็กยากจนด้อยโอกาสที่ประสบกับภาวะวิกฤติทางการศึกษา โดยการทำงานจะแบ่งเป็น 2 ระยะ

1.) ระยะวิกฤต ประคับประคองเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ให้ได้รับการช่วยเหลือตามสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมทันสถานการณ์ และ

2.) ระยะฟื้นฟู จัดทำโปรแกรมการช่วยเหลือดูแลรายคนให้สามารถกลับเข้าสู่ภาวะวิถีปกติทางการศึกษาหรือได้รับการศึกษาตามสภาพปัญหาของแต่ละคนต่อไป

ทั้งนี้สามารถแจ้งความช่วยเหลือได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 079 5475 ต่อ 8

การที่กสศ.ริเริ่มศูนย์ smart refer นี้ขึ้น เพื่อปิดช่องว่างไม่ให้เด็กที่อยู่ในภาวะวิกฤตทางการศึกษาคนใดตกหล่น ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ โดยเริ่มต้นที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่แรก เพื่อพัฒนาให้เป็นสมุทรสาครโมเดล ก่อนขยายการทำงานต่อไป


ที่มา: https://www.komchadluek.net/news/government-of-thailand/458223