กระทรวงสาธารณสุข ชี้กรณีนอร์เวย์เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิดของไซเฟอร์ โมเดอร์นา ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ยืนยันไทยสั่งซื้อวัคซีนคนละตัว ขอประชาชนอย่ากังวล

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ปฏิบัติราชการรองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีประเทศนอร์เวย์พบรายงานผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า ที่ประเทศนอร์เวย์ใช้วัคซีนของ Pfizer และ Moderna โดยทั้ง 2 ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน คือ mRNA vaccine ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่เป็นของบริษัท แอสตร้าเซเนก้า จำกัด และซิโนแวค ประเทศจีน ที่ใช้กลุ่มวัคซีนเชื้อตาย ดังนั้นจึงอยากให้คนไทยเชื่อมั่นว่าไม่ได้ใช้ตัวเดียวกับนอร์เวย์

อย่างไรก็ตามการใช้วัคซีนอาจมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้ เช่น ปวดศีรษะ บวมร้อน คลื่นไส้ ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีที่มีความเปราะบางจะต้องได้รับการติดตามสังเกตุอาการ ปกติ 30 นาทีหลังรับการฉีดวัคซีน และ 30 วัน หลังจากฉีดแล้ว

กรณีของนอร์เวย์ พบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ 29 ราย เป็นผู้หญิง 21 ราย และผู้ชาย 8 ราย มีผู้เสียชีวิต 23 ราย หลังได้รับวัคซีน Pfizer-BioNTech mRNA vaccine เข็มแรก จากผู้ที่ได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 30,000 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของนอร์เวย์ ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนถือว่ามีความเสี่ยงน้อย ยกเว้นการฉีดในผู้สูงอายุที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว ซึ่งจะต้องมีการประเมินเป็นรายบุคคล

นพ.โสภณ กล่าวว่า จากการชันสูตรผู้เสียชีวิต พบว่าในจำนวน 13 ราย เป็นผู้สูงอายุมากกว่า 80 ปี และเป็นผู้ป่วยที่พักรักษาตัวอยู่ใน Nursing Home ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตอยู่ระหว่างการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ โดยแนะนำให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงก่อนการสั่งฉีดวัคซีน

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากต่างประเทศก็ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยที่จะช่วยวางแผนในการเตรียมรับวัคซีนอย่างปลอดภัย และขณะนี้ แพทย์นอร์เวย์ได้แนะนำว่าต้องประเมินความเสี่ยงก่อนการสั่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้มีอายุมากและมีโรคประจำตัวด้วย