'Startup Connect' โครงการที่จะทำให้ ‘สตาร์ทอัพไทย’ สายลึกมีที่ยืน
'90% ของ Startup มักจะล้มเหลว'
คำกล่าวนี้คลาสสิคเสมอ สำหรับคนที่มีฝัน อยากสร้างธุรกิจที่เรียกว่า Startup แน่นอนว่าในโลกนี้มี Startup เกิดขึ้นมากมาย หลายรายสามารถกวาดเงินระดมทุนได้ในระดับหนึ่งเพื่อมาต่อยอดธุรกิจ แต่ก็มี Startup จำนวนมากที่ไปไม่รอดในระยะยาว ซึ่งมักจะมาจากปัจจัยที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นโมเดลธุรกิจที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ความสามารถในการเลือกโมเดลธุรกิจที่มาตรงเวลา และการบริหารจัดการองค์กรที่มีสะดุดพลาด
แต่ทราบไหมว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มักจะทำให้ฝันสวยใสของ Startup หายไป คืออะไร?
'แหล่งเงินทุน' นั่นแหละ!!
ต้องยอมรับว่าธุรกิจ Startup ในปัจจุบัน โดยเฉพาะ Startup ที่พร้อมจะเข้ามาช่วยยกระดับอุตสาหกรรมแห่งโลกใหม่ในยุค 4.0 จำเป็นต้องมีสายป่านในการนำไปในพัฒนาโมเดลธุรกิจ คอขวดของปัญหานี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลเชื่อว่าต้อง 'เชื่อม' ให้ผู้ประกอบการ Startup เดินหน้าได้สะดวก
ปัจจุบัน 'กระทรวงอุตสาหกรรม' เป็นหนึ่งในเจ้าภาพสำคัญที่เข้ามาช่วยทำให้ Startup เก่ง ๆ ได้เจอกับทุนเจ๋ง ๆ เพื่อช่วยเร่งระบบนิเวศน์ของ Startup ไทยให้เกิด 'นวัตกรรมรุ่นใหม่' ไอเดียใหม่ นวัตกรรมใหม่ ๆ
เพราะเชื่อว่าการส่งเสริมคนรุ่นใหม่ ที่มีไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ มาเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ สร้างธุรกิจ ออกมาสู่ประเทศมากที่สุด สามารถผลักดันให้เศรษฐกิจไทย มี 'อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ' หรือ 'GDP' เติบโตก้าวกระโดด
ขณะเดียวกัน กระทรวงอุตสาหกรรม ก็ต้องการช่วยกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมที่หลากหลาย และหนึ่งในเป้าหมาย คือ นวัตกรรมแบบ 'Deep Technology' หรือนวัตกรรมเชิงลึก ที่สามารถยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้เดินหน้าไปสู่ยุค 4.0 ได้แบบเต็มขั้น
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 – 2563 รวมระยะเวลา 5 ปีนั้น ทางกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เร่งดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาระบบนิเวศน์ของ Startup อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
โดยไฮไลท์อยู่ที่การสร้าง 'กระบวนการบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการ' (Incubation) ภายใต้ 'โครงการแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่' หรือ 'Angel Fund'
แต่ปีนี้ (ค.ศ.2020) เป็นอีกปีที่พิเศษอย่างมาก เนื่องจากกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เพิ่มมิติของการพัฒนา Startup ให้ครอบคลุมยิ่งกว่าเก่า โดยนำร่องจัดทำ 'โครงการ Startup Connect' เพื่อต่อยอดผู้ประกอบการด้าน Deep Technology ที่อยู่ในระยะเติบโต ให้เชื่อมไปสู่แหล่งเงินทุนสนับสนุนจากนักลงทุน พร้อมทั้งใช้เครือข่ายของนักลงทุนในการขยายช่องทางการตลาดให้เพิ่มมากขึ้น
'Deep Tech (Deep Technology)' หรือ 'เทคโนโลยีขั้นสูง' คือ ผลลัพธ์ที่ได้จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่ไม่เหมือนใคร ลอกเลียนแบบได้ยาก และเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีสิทธิบัตรคุ้มครองเพราะผ่านการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมอย่างยาวนาน
ตัวอย่าง Deep Tech ที่โด่งดังไปทั่วโลก คือ 'AlphaGo' ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เรียนรู้ด้วยการเก็บข้อมูลจากการเล่นเกมโกะ (กระดานหมากล้อม) กับมนุษย์แล้วประมวลผลข้อมูลจนเข้าใจกติกา และพัฒนาแนวการเล่นขึ้นเรื่อย ๆ จนเอาชนะแชมป์โกะระดับโลกได้สำเร็จ
ความซับซ้อนของ AlphaGo นี้เองที่เป็นจุดแข็งที่คู่แข่งลอกเลียนแบบได้ยาก ผลลัพธ์อันน่าทึ่งนี้เกิดขึ้นด้วยแรงกระตุ้นจากประเด็นใหญ่ระดับมหภาคที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก เช่น ปัญหาโลกร้อน การขาดแคลนพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร เป็นต้น
แน่นอนว่า 'โครงการ Startup Connect' นี้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับ Startup โดยเฉพาะกลุ่มที่เรียกว่า 'DeepTech' ได้ก้าวออกออกมาแสดงตัวกันมากขึ้น
โดยมีผู้ประกอบการมาสมัครตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2563 จำนวน 35 ทีม แต่โครงการจำเป็นต้องดำเนินการคัดกรองทีมที่น่าสนใจที่สุดมาเข้าร่วมการนำเสนอโมเดลธุรกิจต่อแหล่งทุน จำนวน 6 ทีม
กิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและการตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ 'โครงการ Startup Connect' รอบนี้ เป็นโอกาสที่น่าสนใจที่เชื่อว่าจะไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่จะเกิดขึ้นอีกในครั้งต่อ ๆ ไป
นี่คืออีกที่ยืนใหม่ของ Startup ไทย โดยมีรัฐมาช่วย 'เข็น' มากกว่า 'ขัด'
Start Up ของจริง
ไม่ได้มีแต่ในซี่รี่ส์เกาหลี
>> รับชม Start Up Connect Live ถ่ายทอดสด Pitching เพื่อลงทุนจริง!!!
สดจาก ห้องประชุม ชั้น 22 เกษรทาวเวอร์
วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.00 น.
Facebook Live >> https://www.facebook.com/thestatestimes
Website >> https://thestatestimes.com