Monday, 20 May 2024
เซาท์ไทม์

ปัตตานี - เลขาธิการ ศอ.บต.พร้อมผู้บริหาร ลงพื้นที่เยี่ยมวัดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วย นายกฤษฎา เคลือบมณี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (สงป.) นายวิสันติ์ ประเสริฐศรี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.(รง.) นายอิสระ ละอองสกุล ผู้อำนวยการกองประสานและเร่งรัดการพัฒนาพื้นที่พิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เยี่ยมวัดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ประกอบด้วย วัดพรหมประสิทธิ์ (เจ้าคณะอำเภอ พระครูสิริพรหมสุนทร) ตำบลบ้านนอก อำเภอปะนาเระ วัดประจันตคาม (พระครูปัจจันเขตบริรักษ์ เจ้าอาวาส) ตำบลบ้านนอก อำเภอปะนาเระ วัดปิยาราม (เจ้าคณะอำเภอ พระครูอุมธรรมาทร) ตำบลปินามุมัง  อำเภอยะหริ่ง และวัดกุสาวดี (วัดตาแกะ) (พระพันธ์ ธมมวิโส เจ้าอาวาส) ตำบลตาแกะ อำเภอยะหริ่ง โดยมี เจ้าคณะอำเภอ เจ้าอาวาส หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ บัณฑิตอาสาฯ และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ

สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อเยี่ยมสร้างขวัญกำลังใจและมอบกระเช้าแก่เจ้าคณะอำเภอ เจ้าอาวาส พร้อมพบปะเจ้าหน้าที่ส่วนงานราชการในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนไทยพุทธในพื้นที่ ทั้งนี้เป็นการส่งเสริมทางศาสนาทุกศาสนาให้เป็นศูนย์กลางในการปลูกฝังจริยธรรม รวมทั้งเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา จชต. ที่เป็นนโยบายที่ ศอ.บต. กอ.รมน.ภาค 4 สน. และหน่วยงานในพื้นที่ร่วมส่งเสริมสนับสนุนตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาวัดร้าง วัดไม่มีพระสงฆ์ การซ่อมแซมบูรณะวัด การพัฒนาพื้นที่โดยรอบของวัดใน จชต. อีกด้วย

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการเยี่ยมพบปะสร้างขวัญและกำลังใจแก่พี่น้องประชาชนในยามที่วิกฤติสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่และจากสถานการณ์เหตุการณ์ในพื้นที่ จชต. ที่ผ่านมาทุกส่วนได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาซึ่งดีขึ้นตามลำดับ ด้วยการฟื้นฟูให้สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมท่ามกลางความหลากหลายทางศาสนาแต่สามารถดำรงชีวิตกันได้อย่างสันติสุข และขอให้ทุกส่วนราชการเติมเต็มการช่วยเหลือในด้านกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อสาธารณประโยนช์สร้างการมีส่วนร่วมที่ดี รวมทั้งขอให้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 อย่างเคร่งครัด มั่นใจได้ว่าเราจะข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

นราธิวาส - ผกก.สภ.สุ ไหงโก-ลก เยือนถิ่นเก่า มอบข้าวสาร อาหารแห้ง พร้อมผลอินทผลัม ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้ในเขตพื้นที่อำเภอแว้ง

พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สุ ไหงโก-ลก อ.สุไหลโก-ลก จ.นราธิวาส นำเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสุ ไหงโก-ลก เยือนถิ่นเก่า นำข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำดื่ม อินทผาลัม อาหารแห้ง  และ หน้ากากอนามัย พร้อมเจลแอลกอฮอล์ ไปมอบให้ผู้พิการและผู้ยากไร้ในเขตพื้นที่อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เนื่องในเดือน “รอมฎอน” เดือนอันประเสริฐ และเดือนแห่งการทำความดี  เป็นการสร้างความอบอุ่นใจ สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นและลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 ระลอกใหม่ พร้อมแนะให้ประชาชนป้องกันตนเอง โดยยึดหลัก D-M-H-T-T หากกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงให้รักษาระยะห่างจากสมาชิกในครอบครัวและคนในชุมชน และสังเกตอาการตนเอง

 


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

นราธิวาส - พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส ติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”

นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ  พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายอนันต์  แสงชาตรี พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนางสาวณัฐชยา  ศรีดำ  ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน  สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนราธิวาส  ติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” และโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล”  เพื่อสร้าง ปรับปรุง และพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชนในรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ณ  พื้นที่อำเภอรือเสาะ  จังหวัดนราธิวาส

ก่อนลงพื้นที่ได้มีการประชุมชี้แจงกับเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน จำนวน 7 คน, นักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ(นพต.) จำนวน 14 คน,นักพฒนารัฐบาลดิจิตอล(นพร.) จำนวน 5 คน ซึ่งอำเภอรือเสาะมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก รวม 56 แปลง มีขนาดทั้งขนาดพื้นที่ 1 ไร่ 3 ไร่ 5 ไร่และ 15 ไร่ ซึ่งทุกรายที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นประโยชน์ เป็นศูนย์เรียนรู้ของหมู่บ้าน และที่สำคัญคือ การได้ทำงานสนองพระราชดำริ โครงการทฤษฎีใหม่ ของในหลวง เป็นความภาคภูมิใจของตนเองและครอบครัว สามารถสร้างความสุขทั้งใจได้

นายอนันต์  แสงชาตรี  พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส  กล่าวว่า  จังหวัดนราธิวาสได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ในพื้นที่ 11 อำเภอของจังหวัด 39 ตำบล 74 ครัวเรือน และดำเนินงานโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง  กิจกรรมการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ในพื้นที่ 13 อำเภอของจังหวัด 66 ตำบล  213  หมู่บ้าน  ซึ่งในการติดตามผลการดำเนินงานในครั้งนี้เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน  ปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ในระดับพื้นที่ และลงพื้นที่เยี่ยมเยือนแปลงครัวเรือนเป้าหมายที่กำลังดำเนินการขุดปรับพื้นที่ตามโครงการฯ 

สำหรับการลงพื้นที่เยี่ยมเยือนครัวเรือนเป้าหมายในการดำเนินงานในวันนี้  ได้ลงพื้นที่แปลงของนายอาบ๊ะ  ดาระแม หมู่ที่1 บ้านสะแนะ และนายมูฮำหมัดรุสลัน บือราเฮง หมู่ที่ 7 บ้านตือโละ ตำบลเรียง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส


ภาพ/ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ตราด – คุมเข้มชายแดนหาดเล็ก สกัดโควิด-19 จากต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง

ข่าว ที่ชายแดนไทยกัมพูชาบ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 บ้านหาดเล็ก ด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองใหญ่ ด่านศุลกากรคลองใหญ่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกันตรวจเข้มการผ่านเข้าออกของรถขนส่งสินค้าที่อนุโลมให้ขนส่งสินค้าผ่านเข้าออกชายแดนได้ อีกทั้งยังจัดกำลังทหารออกทการลาดตระเวนตามแนวชายแดนเส้นทางธรรมชาติชายแดนไทยกัมพูชาด้านเขาบรรทัดต.หาดเล็ก ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราดด้วย

ทั้งนี้ด้วยผู้บัญชาการกองกําลังหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 สั่งคุมเข้มตลอดแนวชายแดน ในการสกัดแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าประเทศหวังป้องกันโควิด-19 ที่กลับมาระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันประเทศไทยมาเริ่มมียอดผู้ป่วยรายวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทางการไทยได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดบริเวณด่านชายแดนบ้านหาดเล็กเนื่องจากเกรงว่าจะมีแรงงานต่างด้าวลักลอบหนีเข้าประเทศไทย และทำให้เกิดการแพร่เชื้อโควิด-19 ในประเทศ ส่งผลให้เกิดการระบาดระลอกที่ 3 ที่กําลังมีความรุนแรงมากกว่าเดิม โดย น.ต.ปรัชญ แสงแก้ว ผบ.ฉก.นย.182 บ้านหาดเล็ก เปิดเผยว่า ได้สั่งการกําลังพลและให้ทุกหน่วยขึ้นตรงกองกำลังหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน 182 ให้เพิ่มมาตรการและการวางกำลัง จุดตรวจ/จุดสกัด ตลอดแนวชายแดนฝั่งเขากวดขันสกัดกั้น การลักลอบนำยาเสพติดและลักลอบขนแรงงานต่างด้าวตามช่องทางธรรมชาติ จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตลอดทุกวันในการเดินราดตะเวรตามเทือกเขา จากนั้นตามด่านชายแดนจุดเข้าออกก็ได้ร่วมกันตรวจเข้มงวดยิ่งกว่าเก่าเพื่อเป็นการควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตามชายแดนหาดเล็ก

โดยแฉล้ม อิ่มอุไร เจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลการตรวจโรคโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยของคนขับรถส่งสินค้าเข้าออก พร้อมด้วย พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ต.ม.จว.จ.ตราด ได้ตรวจคันหนังสือเดินทางเข้าออกระหว่างชายแดนร่วมกับด่านศุลกากร ทหาร ตํารวจ และหน่วยควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป/ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตราด

นราธิวาส – ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 เดินทางตรวจเยี่ยมกำลังพล ที่ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าป้องกันชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ชายแดนอำเภอสุไหงโก-ลก

พันเอกเอกพล เลขนอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48  เดินทางไปตรวจเยี่ยม พบปะ พูดคุย และให้กำลังใจ พร้อมสอบถามปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของกำลังพล ร้อย.ทพ.4802 ฉก.ทพ.48 ซึ่งสนับสนุน ฉก.นราธิวาส 30 ขึ้นควบคุมยุทธการกับ ร้อยป้องกันชายแดนที่ 3 ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจและควบคุมจุดท่าข้ามต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อแสดงกำลัง กดดัน และสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งแรงงานต่างด้าวและคนไทยที่เดินทางมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ตามช่องทางธรรมชาติ

พร้อมกับชี้แจงข้อมูลข่าวสาร และประชาสัมพันธ์ ให้คำแนะนำการป้องกันและควบคุมโรคไววัส โควิด-19  พร้อมแจ้งเตือน ข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ผู้ก่อการร้ายที่หลบหนีเข้ามาในห่วงที่ประเทศมาเลเชียผลักดันแรงงานต่างชาติออกนอกประเทศจากกรณีที่ทางการมาเลเซีย ขีดเส้นตายให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย ที่ขาดวีซ่าหรืออยู่แบบผิดกฎหมาย ต้องเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียให้หมด เนื่องจากเป็นมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ของประเทศมาเลเซีย ณ. บ.ตือระ ม.2 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส บริเวณพิกัด RG 30692 68168  ผลการปฏิบัติ เป็นด้วยความเรียบร้อย


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร  จ.นราธิวาส

พัทลุง - เหล่ากาชาดจังหวัดพัทลุง และ YEC พัทลุง มอบชุดอุปโภค บริโภค ให้แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 หลังมีผู้ป่วยเพิ่มอีก 14 ราย สะสม 83 ราย

วันนี้ 23 เมษายน 2564 เวลา 13.30 น. ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ เป็นประธานมอบชุดอุปโภค บริโภค โดยมีนางมะลิ วงศ์กระพันธุ์ นายกเหล่ากาชาดได้นำสมาชิกเหล่ากาชาด และ YEC พัทลุง มอบถุงยังชีพและชุดอุปโภค บริโภค ให้แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เพื่อนำไปมอบให้โรงพยาบาลศูนย์น้ำใจคนเมืองลุง(โรงพยาบาลสนาม) ที่จัดตั้งขึ้น ณ สำนักส่งเสริมการบริการวิชาการและภูมิปัญญาชุมชน ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อแจกให้แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ล่าสุดพื้นที่จังหวัดพัทลุงพบผู้ป่วยวันนี้เพิ่มจำนวนอีก 14 ราย และมีผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ประจำเดือน เมษายน 2564 จำนวน 83 ราย และผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม จำนวน 12 ราย

สตูล - เจ้าท่าสตูลเปิดศึกสู้โควิด- 19 กระจ่ายรถฉีดพ่นฆ่าเชื้อตามท่าเรือ เรือโดยสาร จุดรับส่งเรือข้ามฝาก หวั่นโควิดระบาดกระจ่ายวงกว้าง ยอดสถิติในสตูลเริ่มขึ้น

นายหิรัญวัตติ์  สืบกระพันธ์ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าสตูล เปิดยุทธ์ศาตร์ปฏิบัติการร่วมกับพ.ต.อ.จตุรวิทย์  คชน่วม ผกก.9 บก.รน. ,พ.ต.ท.ศิโรดม สนุ่นดี สว.ส.รน.3 กก.9 บก.รน. ,และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสตูล, กำลังจิตอาสาตำรวจน้ำสตูล และศรชล.จังหวัดสตูล,ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล นำกำลังคน พร้อมรถยนต์กระบะบรรทุกน้ำยาฆ่าเชื้อแบบหัวฉีด ลงฉีดพ่นสำนักงานราชาการ และบริเวณท่าเรือจุดที่ประชาชนใช้ในการรอเรือ จุดขึ้นลงท่าเรือ ทั้งบริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง ท่าเรือแพปลาจุดขึ้นลงเรือกลุ่มผู้โดยสารข้ามฟาก สกัดกั้นการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด- 19

โดยเน้นย้ำจุดท่าลงเรือไปยังหมู่บ้านตำมะลังเหนือ ตำมะลังใต้ อยู่ในพื้นที่ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นพื้นที่พบผู้ป่วยติดโควิด- 19 จากลูกชายติดแพร่เชื้อสู่แม่ ขณะนี้ส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลสนามแล้ว

นายหิรัญวัตติ์  สืบกระพันธ์  ผอ.สำนักงานเจ้าท่าสตูล กล่าวว่า การฉีดพ่นในครั้งนี้เป็นการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคจุดสำคัญ ท่าเรือต่าง ๆ ในความดูแล ตอนนี้ฉีดพ่นทุกวัน รวมแล้วเกือบ 10 แห่งในจังหวัดสตูล รวมทั้งบริเวณท่าเทียบเรือปากบาราสถานที่รองรับนักท่องเที่ยวลงตามเกาะแก่งต่าง ๆ และมีแผนที่จะลงฉีดท่เรือที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะเช่นกันสำหรับจังหวัดสตูลตอนนี้มียอดติดโควิด- 19 แล้ว 4 ราย


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

สงขลา - สืบ ตม.6 ร่วม ตม.สงขลา ทลายเครือข่ายลักลอบ ช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเข้าเมืองฯ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สส.บก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าวจับกุมคดีคนต่างชาติกระทำความผิดรายสำคัญ และคดีที่น่าสนใจ ดังนี้ สืบ ตม.6 ร่วม ตม.สงขลา ทลายเครือข่ายลักลอบ ช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง รายสำคัญ

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจได้ร่วมกันจับกุมนายณรงค์ อายุ 40 ปี โดยกล่าวหาว่า “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือให้การช่วยเหลือประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่” พร้อมรถตู้ที่ใช้กระทำความผิดทะเบียนกรุงเทพมหานคร นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาจากการสืบสวนขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่า นายณรงค์ได้รับการว่าจ้างจากนายโยฮัน หรือบังโย นำรถตู้ของกลางช่วยเหลือรับคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม จำนวน 3 คน ไปพักไว้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา จากนั้นนายประมวลได้มารับคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามจำนวน 2 คน จากรีสอร์ตดังกล่าวไปส่งยัง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยมีนายห่อง (HONG) อายุ 30 ปี และนายเหงียน (Mr.NGUYEN) อายุ 33 ปี ชาวเวียดนาม มารอรับที่สนามบินเพื่อช่วยเหลือให้เดินทางจากท่าอากาศยานหาดใหญ่ ไปยัง ท่าอากาศยานอุดรธานี 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันทำการจับกุมนายห่อม (Mr.HONG) อายุ 30 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามอีกจำนวน 15 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาชาวเวียดนามจำนวน 15 คน ว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนนายห่อม ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” ควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.คลองหอยโข่งเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งในชั้นจับกุมนายห่อม รับว่าเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2563 ได้ร่วมกับนายเหงียน (MR.NGUYEN) สัญชาติเวียดนาม เป็นผู้ช่วยเหลือนำพาคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามจำนวน 2 คน เดินทางจาก ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ไปยัง ท่าอากาศยานอุดรธานี 

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6, สภ.หาดใหญ่ ร่วมกันจับกุม นายนิพล อายุ 54  ปี สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า “ให้ที่พักพิง ให้การช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมพนักงานและความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ, พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” พร้อมของกลางรถตู้ทะเบียนบุรีรัมย์ โดยมีคนต่างด้าวชาวเวียดนาม 14 คน (หลบหนีเข้าเมือง) ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในชั้นจับกุมนายนิพนธ์ฯให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายโยฮัน คณะทำงานสืบสวนปราบปรามฯ จึงได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับ นายโยฮัน พร้อมพวกรวม 4 คน ในความผิดฐาน “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

กก.สส.บก.ตม.6 ได้สืบทราบว่าจะมีการรับจ้างส่งคนต่างด้าวจากพื้นที่ กทม.มายังภาคใต้โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว จึงได้วางแผนในการสกัดกั้นจับกุมโดยประสานการปฏิบัติกับ ตม.จว.สงขลา และ ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล. (ตำรวจทางหลวงรัตภูมิ) ได้มีรถยนต์ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับมาถึงบริเวณจุดกลับรถก่อนถึงหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงรัตภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดสกัดเพื่อตรวจสอบยานพาหนะ ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวได้กลับรถหลบหนีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จึงมีการไล่ติดตามจนจับกุมได้บริเวณริมถนนเพชรเกษมช่วง กม.1021-1022 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จว.สงขลา จากการตรวจสอบภายในรถพบนายประมวล เป็นผู้ขับขี่, น.ส.แสงจันทร์ นั่งโดยสารอยู่ตอนหลังของรถ (ฉายาในวงการ “พ่อใหญ่-แม่ใหญ่”), MR.XIAO ชาวจีนไม่มีหนังสือเดินทาง นั่งอยู่ที่นั่งตอนหน้าข้างคนขับ (ตรวจสอบจากระบบ BIOMETRICS ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างถูกต้อง) จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และ “คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และยังพบว่านายประมวลฯ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ 109/2564 ในความผิดฐาน ร่วมกันให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใด ๆ ซึ่งเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2563 ดังกล่าวข้างต้น และรถยนต์ คันก่อเหตุ เป็นรถคันเดียวกันกับที่ใช้รับชาวเวียดนาม 2 คน ไปส่งยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ในวันดังกล่าว และในส่วนของ น.ส.แสงจันทร์ หรือแม่ใหญ่ เป็นภรรยาของนายประมวล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีความเชื่อมโยงโดยเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว เครือข่าย “โซติแอล” นายหน้านำพาคนต่างด้าวชาวกัมพูชาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6, ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายห่อม อายุ 31 ปี สัญชาติเวียดนาม ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ 110/2564 ลง 5 เม.ย.2564 ควบคุมตัวส่ง สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา, กก.สส.บก.ตม.6 ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ปัตตานี ได้ร่วมกันรับมอบตัว นาย โยฮัน สัญชาติไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.108/2564 ลง 5 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนนายเหงียน (MR.NGUYEN) สัญชาติเวียดนาม อยู่ในระหว่างการหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป 

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

ระนอง - จับกุมขบวนการนำพาคนต่างด้าว หลบหนีเข้าเมือง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความ เสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติ ที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.สมชาย จิตสงบ ผกก.ตม.จว.ระนอง ร่วมกันแถลงข่าว ดังนี้

คดีจับกุมขบวนการนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ระนอง ได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านว่าบริเวณท่าเรือบ้านทับหลี ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง มีการลักลอบนำคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง โดยมีเรือรถยนต์จากประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา) นำคนต่างด้าวเข้ามาส่งตามช่องทางธรรมชาติในบริเวณดังกล่าว แล้วจะมีรถยนต์เข้ามารับคนต่างด้าวไปส่งยังจุดหมายปลายทางต่อไป

ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ระนอง สนธิกำลังกับชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ระนอง, สภ.ปากจั่น, ชปข.ร้อย ตชด.ที่ 415 และ จนท.ทหาร ชุด ร้อย ร.2521 (จุดตรวจศิลาสลัก จปร.) วางแผนออกสืบสวนหาข่าว ลาดตระเวน และเฝ้าซุ่มตรวจบริเวณช่องทางธรรมชาติตามที่แหล่งข่าวแจ้งว่ามีคนต่างด้าวใช้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง จนท.ชุดเฝ้าตรวจพบเห็นเรือยนต์หางยาวขับขี่มาจากฝั่งประเทศเมียนมา เข้ามาจอดเทียบท่าภายในซอยประปา ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง ต่อมามีรถยนต์กระบะ ทะเบียนระนอง ขับขี่เข้ามาจอดที่ลานจอดรถบริเวณท่าเทียบเรือ แล้วพบเห็นนายอู (Oo) สัญชาติเมียนมา เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2562 ได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 และได้ขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเรื่อยมา ครั้งหลังสุดได้รับอนุญาตให้อยู่ถึง 30 กันยายน 2564 (ทราบชื่อในภายหลัง) ซึ่งนั่งข้างผู้ขับขี่รถยนต์ได้ลงมาจากรถแล้วเรียกให้คนต่างด้าวที่อยู่ในเรือยนต์หางยาวมาขึ้นนั่งกระบะหลัง 4 คน และนั่งในห้องโดยสารด้านหลังคนขับ 3 คน (รวมทั้งสิ้น 7 คน) แล้วขับขี่รถยนต์มุ่งหน้ามาทางถนนเพชรเกษม จนท.ชุดเฝ้าตรวจจึงแจ้งให้ จนท.ชุดลาดตระเวนเก้าสกัดจับกุม และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณถนนเพชรเกษม ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง และจากการตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวชื่อนายเดชา เตาะ อายุ 45 ปี ที่อยู่ ต.หงาว อ.เมือง จว.ระนอง และพบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 7 คน อยู่ภายในรถตามที่ชุดเฝ้าตรวจแจ้งทราบชื่อดังนี้

  1. นางเมนู (Mrs.Moe) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.มอละแมง เมียนมา ปลายทางไปทำงานก่อสร้างกับแม่ จว.ภูเก็ต จ่ายค่านายหน้า 15,000 บาท

  2. นางเค (Mrs.Khiin) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทวาย เมียนมา ปลายทางไปทำงานโรงงานขนมจีนกับลุง ที่ จว.ภูเก็ต จ่ายเงินค่านายหน้าเมื่อไปถึง

  3. นางเน (Mrs.Hnin) อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทะวาย เมียนมา ปลายทางไปทำงานคาแคร์กับแฟน ที่ จว.ภูเก็ต จ่ายเงินค่านายหน้าเมื่อไปถึง

  4. นางสุ (Mrs.Su) อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ย่างกุ้ง เมียนมา ปลายทางไปทำงานกรีดยางพารากับพ่อ ที่ จว.สุราษฎร์ธานี จ่ายเงินค่านายหน้าเมื่อไปถึง

  5. นางซิน (Mrs.Zin) อายุ 27 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทะวาย เมียนมา ปลายทางทำงานร้านหมูกะทะกับแฟน จว.ภูเก็ต จ่ายค่านายหน้า 13,000 บาท

  6. นายซู (Mr.Soe) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ย่างกุ้ง เมียนมา ปลายทางไปทำงานกับภรรยา ที่ จว.สมุทรสาคร จ่ายค่านายหน้า 14,000 บาท 

7. นายอ่าว (Mr.Moe) อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมา เดินทางมาจาก จว.ทะวาย เมียนมา ปลายทางไปทำงานก่อสร้างกับพี่สาว ที่ จว.สุราษฎร์ธานี จ่ายเงินค่านายหน้า เมื่อไปถึง

 จากการตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวทั้ง 7 ราย ต้องการเดินทางเข้ามาทำงานที่ประเทศไทย จึงติดต่อประสานกับญาติซึ่งทำงานอยู่ในประเทศไทย และได้ชักชวนเดินทางมาทำงานด้วยกัน  โดยติดต่อกับนายตะแง  (Tharnge) นายหน้าชาวเมียนมา ที่อยู่ หมู่บ้านเอซันตา จว.เกาะสอง ประเทศเมียนมา (ตรงข้าม ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จว.ระนอง) ให้ช่วยเหลือนำพาหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย และนายตะแง จึงได้นำพาคนต่างด้าวทั้ง 7 ราย หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ บริเวณซอยประปา ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี พร้อมว่าจ้างให้นาย (Ou) และนายเดชา มารับตัวและนำพาไปส่งยังจุดหมายปลายทาง และระหว่างเดินทางก็ถูก จนท.ชุดจับกุม เข้าสกัดจับกุมตัวไว้ได้บริเวณ ถนนเพชรเกษม (ขาขึ้น) ม.4 ต.มะมุ อ.กระบุรี จว.ระนอง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหานายจอนายอู (Ou) และนายเดชา “ร่วมกันนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” และแจ้งข้อกล่าวหา นางเมนูพิว (Mrs.Moe Hnin) อายุ 37 ปี สัญชาติเมียนมา กับพวกรวม 7 คน “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวส่ง พงส.สภ.ปากจั่น อ.กระบุรี จว.ระนอง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ถูกจับไม่สามารถพูดอ่านภาษาไทยได้ จึงอ่านบันทึกให้ฟังผ่านล่ามแปลชื่อนายอู (Ou) อายุ 41 ปี สัญชาติเมียนมา สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

กระบี่ - รองผู้ว่ากระบี่ ลงเยี่ยมเตรียมพร้อม โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 2 รองรับผู้ป่วย 40 เตียง

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 เวลา 14.30 นาฬิกา นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ณ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 อำเภอคลองท่อม  

พร้อมด้วยพันเอก สมบัติ สืบท้วม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ ร้อยตำรวจเอกหญิง ศิริพร เนตรพุกกะนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ด้านสาธารณสุข และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ เข้าดูพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมในการวางแผน

มอบหมายหน้าที่ ในการจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามแห่งใหม่  นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเดินทางไปสำรวจแหล่งสมาคมกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ซึ่งใช้เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ของจังหวัดกระบี่ ขนาด 40 เตียง และกองบังคับการกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 ซึ่งใช้เป็นสถานที่เตรียมรับทหารใหม่ต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น จะใช้เป็นโรงพยาบาลสนามขนาดใหญ่รองรับผู้ป่วย 140 เตียง อยู่ระหว่างการขออนุมัติการใช้อาคารจากกองทัพบก

โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 เตรียมความพร้อมของอาคารแหล่งสมาคมดังกล่าวให้พร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 ห้อง กั้นรั้วรวดหนาวห่างจากตัวอาคาร 50 เมตร จัดกำลังพลดูแลความปลอดภัยรอบตัวอาคาร และยานพาหนะในการสนับสนุน ให้สำนักงานโยธาธิการจังหวัด ก่อสร้างห้องน้ำและห้องสุขาเพิ่มเติมอีก 4 ห้อง พร้อมติดตั้งระบบประปา สถานที่พักตากเสื้อผ้าของผู้ป่วย และระบบน้ำเสีย ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาคลองท่อม เช็คระบบไฟฟ้าแสงสว่างภายในและภายนอกตัวอาคาร และเสริมแสงสว่างตลอดแนวรั้วรวดหนาม

ให้บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติจำกัดสำนักงานกระบี่  ติดตั้งเดินสายสื่อสารพร้อมกล้องวงจรปิดภายในอาคารทั้ง 7 ห้อง และภายนอกอาคาร ให้สาธารณสุขอำเภอคลองท่อม จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการเก็บของเสียที่ผู้ป่วยใช้ไปกำจัดเพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือในการแพทย์ และให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ ติดตามเรื่องการขออนุญาตใช้กองบังคับการกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนเตียงสนามผู้ป่วยซึ่งเป็นเตียงกระดาษได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอสซีจีจำกัดมหาชน จำนวน 100 เตียง

ขณะนี้จังหวัดกระบี่ได้นำผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม ณ ตึกโกเมน บ้านคลองแห้ง หมู่ที่ 3 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ 14 คน

โดยโรงพยาบาลกระบี่ทั้งนี้จังหวัดกระบี่ตอบสนองนโยบายรัฐบาล คือต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดและของประเทศ ให้สอดคล้องกับแผนรับมือการแพร่ระบาดของโรคควบคู่ความปลอดภัยสูงสุด


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top