Monday, 20 May 2024
ภาคกลางไทม์

สุโขทัย - โลกออนไลน์แห่แชร์คลิป! เจ้าอาวาสวัดหนองทอง ลุยน้ำเชี่ยวนำข้าวสารอาหารแห้งช่วยโยม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพและคลิปวิดีโอความยาวประมาณ 30 วินาที เฟซบุ๊กชื่อ “พระอาจารย์หมู วัดพระสมุทรเจดีย์” โดยมีสป. นายธนะโรจน์ วงศ์คณาพัฒน์ วัดหนองทอง สุโขทัย และหลวงพ่อเนรมิตรพระสิวลีใหญ่ ซึ่งมีการเข้าไปแชร์และคอมเมนต์สาธุ

เนื่องจากภาพและคลิปวีดีโอดังกล่าว ได้ลงภาพพระสงฆ์และลูกศิษย์ช่วยกันนำข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม ใส่เรือก่อนที่จะช่วยกันดันเรือผ่ากระแสน้ำที่ไหลแรงและเฉียวออกจากทางประตูวัดกำแพงงาม ตำบลบ้านกล้วย เข้าไปในวัดกำแพงงามเพื่อที่จำนำข้าวสารอาหารแห้ง ไปให้โยมที่บ้านอยู่ด้านหลังวัดกำแพงงาม ที่ถูกน้ำท่วมไม่สามารถออกมาด้านนอกได้เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรง

กรุงเทพฯ - “สิงห์” มอบเงินพิเศษทัพพาราไทย 15.4 ล้าน ให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ขอบคุณทุกความพยายาม สร้างความสุขให้คนไทย

บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผู้สนับสนุนหลักของทุกสมาคมกีฬาคนพิการ มอบเงินรางวัลพิเศษ อีก 15.4 ล้าน ให้ทัพนักกีฬาพาราไทยทุกคน รวมถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหมด แทนคำขอบคุณหลังจากทำผลงานยอดเยี่ยมคว้า 5 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 8 เหรียญทองแดง จากการแข่งขัน "พาราลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020" ณ ศูนย์กีฬาบอคเซีย การกีฬาแห่งประเทศไทย (หัวหมาก) เมื่อ 23 ก.ย.6 4

นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า ความทุ่มเทมุ่งมั่นของนักกีฬา โค้ช และเจ้าหน้าที่ทุกคน สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนไทย วันนี้การแข่งขันพาราลิมปิกเป็นที่รู้จัก นักกีฬาคนพิการเป็นที่ยอมรับของคนไทยมากขึ้น ทำให้คนไทยทั้งประเทศภูมิใจ นักกีฬาฯทุกคนเป็นตัวอย่างที่ดีของความไม่ยอมแพ้ ผมภูมิใจในตัวนักกีฬาทุกคน

"การมอบเงินพิเศษครั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณนักกีฬาพาราไทยทุก ๆ ท่าน ตลอดจนโค้ชและเจ้าหน้าที่ ที่ร่วมกันสร้างความสำเร็จให้กับประเทศไทย สร้างความสุขให้กับคนไทย โดยบริษัทฯจะมอบเงินพิเศษ ให้นักกีฬา โค้ช เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมเดินทางไปแข่งขันพาราลิมปิกที่โตเกียว คนละ 40,000 บาท และเงินพิเศษสำหรับผู้ทำเหรียญทอง เหรียญละ 1 ล้านบาท เหรียญเงิน เหรียญละ 5 แสนบาท และเหรียญทองแดง เหรียญละ 3 แสนบาท รวมเป็นเงิน 15,420,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมา บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้ให้การสนับสนุนทุกสมาคมกีฬาคนพิการมา ตั้งแต่ปี 2548 และยังคงสนับสนุนต่อไป เพื่อสร้างนักกีฬาพาราไทยให้สามารถทำชื่อเสียงให้กับประเทศในการแข่งขันระดับโลกได้อย่างต่อเนื่อง"

นายจุตินันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกประเทศพัฒนาขีดความสามารถของนักกีฬาคนพิการขึ้นมาสูงมาก ทำผลงานได้ดีทำให้จำนวนเหรียญรางวัลกระจายไปสู่หลาย ๆ ประเทศ เช่น จีน ถึงแม้จะยังเป็นอันดับ 1 แต่จำนวนเหรียญทองลดลง ส่วนสหราชอาณาจักรแม้จะคงเป็นอันดับ 2 เหมือนเดิม แต่จำนวนเหรียญทองลดลงถึง 24 เหรียญ ไทย ทำได้ 18 เหรียญ เท่ากับที่ริโอ เกมส์ 2016 ซึ่งเหรียญทอง เหรียญเงิน ลดลงอย่างละ 1 เหรียญ แต่มองในแง่ของอันดับไทยอยู่ที่อันดับ 25 ใกล้เคียงกับครั้งที่ผ่านมา เป็นที่ 1 ของอาเซี่ยนอยู่ และยังเป็นแถวหน้าของเอเชีย ถือว่าทำได้ดี ซึ่งแน่นอนว่านักกีฬาพาราไทยจะไม่หยุดแค่นี้

“พาราลิมปิกครั้งหน้าที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส คงไม่สามารถวัดความสำเร็จจากจำนวนเหรียญรางวัลได้ ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ รายการแข่งขันของกีฬาคนพิการจะมีการปรับลด-เพิ่มตลอดเวลา ทำให้โอกาสในการทำเหรียญเปลี่ยนไปตามรายการแข่งขันที่ถูกตัดออกหรือเพิ่มเข้ามาตลอด อีกประการหนึ่งคือ คณะกรรมการพาราลิมปิกสากลเน้นที่การมีส่วนร่วม ไม่ใช่การสร้างหรือทำลายสถิติ จึงพยายามปรับเปลี่ยนทุกชนิดกีฬา เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้พิการมีส่วนร่วมในเกมส์มากขึ้น แต่ก็ยังเชื่อว่านักกีฬาไทยจะยังทำผลงานได้ดีอันดับคงอยู่ใกล้เคียงเดิม ไทยน่าจะยังคงเป็นที่หนึ่งของอาเซี่ยน และยังคงเป็นแถวหน้าของเอเซีย แต่การแข่งขันจะเข้มข้นขึ้นมาก ส่วนอันดับในพาราลิมปิกน่าจะยังคงรักษาระดับเดิมไว้ได้ ไม่น่าจะต่ำกว่าอันดับที่ 30 การเตรียมทีมเพื่อเดินหน้าสู่พาราลิมปิกเกมส์ครั้งหน้าที่ปารีส การสนับสนุนที่ต่อเนื่องเป็นเรื่องสำคัญ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จะยังคงให้การสนับสนุนทุกสมาคมกีฬาคนพิการ ตลอดจน คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทยต่อไป เพื่อยืนยันถึงการเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญของกีฬาคนพิการไทย”

ด้าน “กร” พงศกร แปยอ นักวีลแชร์เรซซิ่ง เจ้าของ 3 เหรียญทอง  พาราลิมปิกเกมส์ 2020 กล่าวว่า ในนามตัวแทนนักกีฬาพาราทีมชาติไทย ขอบคุณ สิงห์ และ คุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ที่ให้การสนับสนุนมานักกีฬาพาราไทย มาโดยตลอด พร้อมกับอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักกีฬาในครั้งนี้ ตลอดจนรวมไปถึงในการแข่งขันหลายทุกรายการที่ผ่านมา และพวกเราหวังว่า สิงห์ จะอยู่เบื้องหลังและคอยให้การสนับสนุนพวกเราแบบนี้ตลอดไป

“ส่วนในอีก 3 ปี ข้างหน้าในการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ ประเทศฝรั่งเศส และมีงานเลี้ยงและงานฉลองความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แบบนี้อีก ขอบคุณครับ”  พงศกร แปยอ กล่าว

 

 

อยุธยา - “บิ๊กป้อม” ลงพื้นที่กรุงเก่า ตรวจความพร้อมพื้นที่ลุ่มต่ำรับน้ำหลาก มั่นใจไม่เกิดมหาอุทกภัยซ้ำรอยปี 54 แน่นอน! พร้อมเร่ง 9 แผนหลักบรรเทาอุทกภัยลุ่มเจ้าพระยา

วันนี้ (22 กันยายน 2564) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ติดตามความพร้อมของการบริหารจัดการน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยมี นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวต้อนรับและรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นำเสนอภาพรวมการบริหารจัดการน้ำรับน้ำหลากตามมาตรการ กอนช. และแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบในลุ่มน้ำเจ้าพระยา นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน นำเสนอแนวทางการจัดการและเตรียมพื้นที่รับน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำ และนายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำเสนอแนวทางให้ความช่วยเหลือประชาชน พร้อมด้วย ผู้แทนหน่วยงานในพื้นที่ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางบาล อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอนช. เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ที่ในขณะนี้มีปริมาณน้ำท่าตามธรรมชาติที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น   ซึ่งกรมชลประทานได้เพิ่มอัตราการระบายของเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 1,481 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณท้ายเขื่อนบางแห่งที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย พื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณ  คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา และแม่น้ำน้อยที่ ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีราษฎรประมาณ 602 ครัวเรือน อย่างไรก็ตามเหตุการณ์น้ำท่วมเช่นนี้เป็นเรื่องปกติที่ชาวบ้านในพื้นที่รับรู้ว่าจะเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงฤดูน้ำหลาก ซึ่ง กอนช. ได้ให้กรมชลประทานเตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังยังจุดเสี่ยงล่วงหน้า พร้อมทั้งประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานท้องถิ่น เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบอย่างต่อเนื่องแล้ว

สำหรับความพร้อมของพื้นที่ลุ่มต่ำสำหรับรับน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ได้มอบหมายให้ทุกจังหวัดในพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นด่านหน้าก่อนมวลน้ำจะไหลเข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดำเนินการตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด พร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงรับน้ำหลากและเตรียมแผนเผชิญเหตุให้พร้อม และให้จังหวัดร่วมบูรณาการกับกรมชลประทานพิจารณาความเหมาะการรับน้ำหลากเข้าทุ่งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้ง 10 แห่ง    

โดยกำหนดให้ดำเนินการหลังวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ประกอบด้วย ทุ่งเชียงราก ทุ่งท่าวุ้ง  ทุ่งฝั่งซ้ายคลองชัยนาท–ป่าสัก ทุ่งบางกุ่ม ทุ่งบางกุ้ง ทุ่งบางบาล-บ้านแพน ทุ่งป่าโมก ทุ่งผักไห่ ทุ่งเจ้าเจ็ด และทุ่งโครงการฯ โพธิ์พระยา รวมทั้งให้ปรับลดการระบายน้ำจากแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก พร้อมทั้งวางแผนเก็บน้ำสํารองทุกแหล่งทั้งผิวดินและใต้ดิน ไว้รองรับในช่วงฤดูแล้งหน้า

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำกรมชลประทานเร่งดำเนินโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร ซึ่งเป็น 1 ใน 9 แผนหลักของการบรรเทาอุทกภัยในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายในปี 2566 ขณะเดียวกัน จะต้องทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้และรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้การยอมรับและเกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนแผนงานด้านน้ำระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาด้านน้ำในพื้นที่ได้อย่างตรงจุดและยั่งยืนด้วย

ด้าน นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ (ณ 20 ก.ย.64) มีปริมาณน้ำรวม 10,475 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 42 ของปริมาณความจุ หากเปรียบกับปริมาณน้ำในปี 2554 เกิดมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ยังมีปริมาณน้ำน้อยกว่ามาก  ในครั้งนั้นปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนหลักทั้ง 4 แห่ง รวมกันมากกว่า 22,000 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจากสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน ผนวกกับการบูรณาการวางแผนบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้ “กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ” ที่ได้กำหนด 10 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2564 พร้อมเตรียมแผนปฏิบัติการรับมืออย่างเข้มงวด ตลอดจนการวางแผนใช้พื้นที่ลุ่มต่ำในทุ่งเจ้าพระยารวมกับทุ่งบางระกำ เป็นพื้นที่รับน้ำหลาก ซึ่งในปีนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เหมือนในปี 2554 อย่างแน่นอน

 

ปทุมธานี - ศธ.จับมือ สพฐ. มรภ.วไลยอลงกรณ์ ประกาศเดินหน้าพลิกโฉมสร้างนวัตกรรมครูสู่นวัตกรรมนักเรียน จาก Passive Learning สู่ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 ณ หอประชุมคุรุสภา กรุงเทพมหานคร กระทรวงศึกษาได้จัดให้มีการประชุมทางวิชาการประกาศนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง “ประกาศเดินหน้าพลิกโฉมสร้างนวัตกรรมครูสู๋นวัตกรรมนักเรียน ก้าวข้ามสภาวะวิกฤต Covid -19 แบบ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps” ขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นผลสำเร็จของการดำเนินการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ โดยจัดให้มีการพัฒนาครูให้สามารถจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยกระบวนการพัฒนาการคิดขั้นสูงเชิงระบบที่นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมผ่านการ Coaching ของผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในโรงเรียนต้นแบบภาคเหนือจำนวน 10 จังหวัด รวม 30 โรงเรียน จำแนกเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก 10 โรงเรียน โรงเรียนขนาดกลาง 10 โรงเรียน และโรงเรียนขนาดใหญ่ 10 โรงเรียน ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เกิดผลงานจากการปฏิบัติเป็นนวัตกรรมครูสู๋นวัตกรรมของนักเรียนจำนวนมากกว่า 1,500 นวัตกรรม และหวังให้เกิดคลื่นการพัฒนาการจัดการศึกษาไทยในยุค New Normal อย่างกว้างขวางต่อไป

ในการนี้ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความชื่นชมยินดีถึงผลสำเร็จของความพยายามในการนำนโยบายสู่การปฏิบัติครั้งนี้ ที่มีความชัดเจนสะท้อนให้เห็นการพัฒนากระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning ตอบสนองเจตนารมณ์ของมรัฐธรรมนูญ มาตรา 54, มาตรา 258 จ.(4) และนโยบายของรัฐบาลตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ที่กำหนดให้ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความถนัดของผู้เรียนรายบุคคลตามหลักการพหุปัญญา และเห็นว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องขับเคลื่อนมากขึ้นกว่าเดิมโดยต้องเร่งดำเนินการให้เต็มกำลัง เพื่อให้เกิดผลจริงตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ ทรายแก้ว อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กล่าวว่า ในการที่เราจะปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนที่จะจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning นั้น ครูจะต้องปรับบทบาทของตนเอง ในยุคปัจจุบัน ครูจะต้องมีบทบาทหน้าที่หลายอย่าง ครูต้องทำหน้าที่ Coaching ได้ ครูต้องเป็นต้นแบบเป็นตัวอย่าง ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ให้มากขึ้นยิ่งในยุค New Normal เช่น ครูจะต้องทำสื่อต่าง ๆ ขึ้นเองได้ เช่น vdo clip สื่อการเรียนการสอนให้มากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้เรียนได้มากยิ่งขึ้น

สุโขทัย - ผู้ว่าฯสุโขทัย เร่งแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อน หลังฝนตกหนักทำน้ำท่วม ถนนสายสุโขทัย-กำแพงเพชร การสัญจรไม่สะดวก-เลี่ยงเดินทาง

ด้วยในพื้นที่สุโขทัยวันนี้ (21 ก.ย.) มีฝนตกฟ้าคะนองร้อยละ 80ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง เช่นที่อำเภอคีรีมาศ มีปริมาณน้ำตกในพื้นที่ถึง 107.2มม.ประกอบกับมีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและสิ่งสาธารณประโยชน์ ถนนหลายสาย โดยเฉพาะที่ถนนสาย 101 สุโขทัย-กำแพงเพชร ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างขยายถนน มีน้ำท่วมขังบริเวณ ม.3 ต.หนองจิก อ.คีรีมาศ ระยะทางประมาณ 500 ม. เจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้สัญจรได้ใช้ทางเลี่ยงเข้าไปในหมู่บ้านเป็นการชั่วคราวและใช้รถแบ๊กโฮเปิดทางน้ำให้เพื่อให้น้ำไหลผ่านถนนได้

โดยนายวิรุฬ  พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายชูศักดิ์  คีรีมาศทอง ส.ส.สุโขทัยเขต 2 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย

ซึ่งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุโขทัยได้รายงานจากอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือ ทำให้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดสุโขทัย ส่งผลให้เกิดมีน้ำฝนสะสมในพื้นที่มีปริมาณมาก ประกอบกับอ่างเก็บน้ำแม่รำพัน อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย และอ่างเก็บน้ำแม่มอก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง มีปริมาณน้ำเกินระบบเก็บกักไหลล้นผ่านอาคารระบายน้ำล้น ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมไหลเข้าสู่บ้านเรือนราษฎร

 

สุโขทัย - เทศบาลศรีสัชสุโขทัย สืบสานทำบุญในวันธรรมสวนะ วัดเชิงคีรี ตามโครงการส่งเสริมพระพุทธศาสนา

วันที่ 21 กันยายน 2564 เวลา 08.00 น. นายสมศักดิ์ พุ่มชื่น นายกเทศมนตรีเมืองศรีสัชนาลัย พร้อมด้วย นายชยุต บัวมั่น ปลัดเทศบาล กองคลัง กองการศึกษา และกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แก่วัดเชิงคีรี ตามโครงการส่งเสริมพระพุทธศาสนา ทำบุญในวันธรรมสวนะ ประจำปี 2564 ที่ดำเนินการต่อเนื่องทุกปี เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเชื่อมความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนสืบเนื่องคู่เมืองศรีสัชนาลัยต่อไป


สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

พิจิตร - 'สส.ภูดิทฯ' พรรคพลังประชารัฐ มอบถุงปันน้ำใจช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอดงเจริญ

ณ วัดห้วยพุก ตำบลห้วยพุก อำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร  สส.ภูดิท อินสุวรรณ์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดพิจิตร เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมทีมงาน ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบนำถุงปันน้ำใจมอบให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมเข้าบ้านเรือน ในชุมชนตำบลห้วยพุก อำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร กว่า 200 หลังคาเรือน โดยมีนายสิทธิพันธ์ บุตรศรี นายอำเภอดงเจริญ นายอัครชัย น้อยจันทร์ กำนันตำบลห้วยพุก พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและผู้นำในพื้นที่ร่วมกันมอบถุงปันน้ำใจให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้

กรุงเทพฯ - วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต แจกถุงยังชีพให้กับ วินมอเตอร์ไซด์พื้นที่ท่าแร้ง เขตบางเขน จำนวน 1,500 ชุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ถนนรามอินทรา ซอยวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ สืบสานต่อยอดบูรพาจารย์ ผู้ก่อตั้งวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต หลวงพ่อใหญ่ พระครูภาวนาภิธาน วิ. แจกถุงยังชีพให้กับ วินมอเตอร์ไซด์พื้นที่ท่าแร้ง เขตบางเขน จำนวน 1,500 ชุด ซึ่งมีพระครูใบฎีกาสันติ กิตฺติโสภโน ผู้สนองงานเจ้าอาวาสฝ่ายเผยแพร่พระพุทธศาสนา  พร้อมด้วยคณะลูกศิษย์ และชมรมทหารพราน ค่ายปักธงชัย กรุงเทพมหานคร ร่วมกันจัดโรงทานวัดห่วงใย วินมอเตอร์ไซด์ สายใยศรัทธา เพื่อปวงประชาเป็นสุข 

เนื่องในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ การดำเนินชีวิตประจำวัน และฐานะทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความยากลำบากในหมู่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย หรือตกอยู่ในภาวะที่ต้องปรับรูปแบบการดำรงชีวิตอย่างกะทันหัน และส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนจำนวนมาก ทั้งทางตรง และทางอ้อม เนื่องจากหลายธุรกิจจำเป็นต้องหยุด ต้องปิด ไม่สามารถเปิดได้ตามปกติ  ทางวัดและประชาชนที่มีจิตศรัทธา ร่วมกันแจกถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง หน้ากากอนามัย ยารักษาทั่วไป  และบทสวดมนต์ ให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาส และยังสามารถดำรงชีพต่อไปได้ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธา สามารถร่วมบุญได้ที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต


ภาพ/ข่าว วะจะนะชัย วาจาพารวย รายงาน

เพชรบุรี - ทำเก๋!! ชวนประชาชนไดร์ฟทรู ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บนรถ บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลพระจอมเกล้า

เมื่อวันที่ 20 กันยายน นายแพทย์เกรียงศักดิ์ คำอิ่ม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี พร้อมด้วยคณะแพทย์ พยาบาล หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเปิดจุดบริการประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้บนรถ (Drive Thru Vaccine COVID-19) ที่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลพระจอมเกล้า เพชรบุรี

นายแพทย์เกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่าอยากให้ชาวเพชรบุรีทั้งหมดได้รับวัคซีนให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ ทุกคน ซึ่งจากการติดตามผลการฉีดวัคซีน มีความห่วงใยคนที่มีความเคลื่อนไหวลำบาก เดินทางมาลำบาก ไม่สามารถที่จะเข้าถึงบริการได้ จึงร่วมแรงร่วมใจกันเปิดไดร์ฟทรู เพื่อกลุ่มคนที่พอเคลื่อนไหวได้แต่ญาติพี่น้องลำบากที่จะพามา การฉีดบนรถ หรือไดร์ฟทรู วันอาทิตย์ วันหยุด จะช่วยให้ฉีดได้สะดวกไม่ต้องลงจากรถและยังมีความสำคัญเนื่องจากว่าวันธรรมดา ญาติ ลูกหลาน ไม่สามารถพามาได้ ทั้งนี้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทั้งหมด มีความรู้สึกยินดีที่จะให้บริการ แม้เป็นวันหยุดก็ไม่ยอมหยุดมาช่วยกันทำงานตรงนี้ เพื่อรักษาชีวิตพี่น้องของชาวเพชรบุรีทุกคน

นายสันทัด รัตนะนิรุตติ ชาวเพชรบุรี เปิดเผยว่าได้ขับรถพามารดามารับวัคซีน ที่ผ่านมามารดาตนมีความกลัวมากเรื่องวัคซีน แม้ว่าลูก ๆ ทุกคนที่ฉีดวัคซีนแล้วพยายามบอกแม่ให้ไปแต่ก็ไม่ยอมฉีด จนได้ข่าวว่าโรงพยาบาลพระจอมเกล้ามีบริการแบบไดร์ฟทรู คิดว่าเป็นวิธีที่ดี ลองคุยกับแม่ดูจนยอมตกลง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยพบวิธีนี้มาก่อน พอมาเห็นเป็นการบริการได้ดีมากทำให้แม่ลดความกลัว และก็จะพาแม่มาฉีดเข็มที่ 2 อีกครั้ง

ปทุมธานี - ฉีดวัคซีนเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มพื้นที่สีแดงเข้ม สสจ.ขอบคุณทุกภาคส่วนช่วยผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2564 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ตำบลบางปรอก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี นายแพทย์สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ได้เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19ภายในจังหวัดปทุมธานี มีผู้ติดเชื้อลดลงเนื่องจากประชาชนตระหนักรู้ในการป้องกันตนเอง และทุกภาคส่วนร่วมมือช่วยเหลือกันฝ่าวิกฤติโควิด-19 มีประชาชนชาวปทุมธานีได้รับการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 910,000 คน คิดเป็น 78 เปอร์เซ็นต์ตามทะเบียนราษฎร์ เป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพ ซึ่งเป็นจังหวัดในกลุ่มพื้นที่สีแดงเข้มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

นายแพทย์สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19ภายในจังหวัดปทุมธานีนั้นตามสถิติจังหวัดปทุมธานีไม่ติด 1 ใน 10 ของประเทศหลายอาทิตย์แล้ว จากการประเมินการติดเชื้อภายในจังหวัดปทุมธานีอยู่ในระดับทรงตัว มีแนวโน้มที่จะลดลง วันนี้เราได้ร่วมมือกับท้องถิ่นและกับทุกภาคส่วนในการดำเนินการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงนี้ถือว่าเป็นจุดสูงสุดของสถานบริการการการแพทย์ภายในจังหวัดปทุมธานี ทั้งโรงพยาบาลภาครัฐ เอกชนสามารถดำเนินการได้อย่างครอบคลุมมาก ในภาคเอกชนได้เปิดโรงพยาบาลรวมแล้วหลาย 1,000 เตียง สามารถรองรับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี โรงพยาบาลสนามก็ร่วมมือร่วมใจกัน ทั้งภาครัฐ เอกชน และท้องถิ่น ช่วยเหลือกับทำโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วย ทำให้มีจำนวนเตียงสามารถดำเนินการรับผู้ป่วยได้ ศูนย์พักคอย หรือ Community Isolation ทางท้องถิ่นได้เปิดดำเนินการเกือบทุกที่ สามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดี

ส่วนการกักตัวเองและดูแลที่บ้าน Home Isolation ประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้นในการที่จะดูแลตัวเองที่บ้าน ร่วมกับทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือสนับสนุน สอดคล้องกับจำนวนผู้ป่วยที่มีจำนวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้จำนวนผู้ป่วยจะลดลงแล้ว แต่เรายังต้องมีการสุ่มตรวจ  Active surveillance เฝ้าระวังเชิกรุกในจุดสำคัญทั้งหมดว่ายังมีผู้ติดเชื้อในระดับอย่างไรบ้าง เช่น ตลาด แคมป์คนงานก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชนแออัด ผมได้มอบนโยบาลให้ทุกอำเภอลงพื้นที่สุ่มตรวจอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อประเมินสถานการณ์ในภาพรวมของจังหวัดปทุมธานี ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเนื่องจากประชาชนมีการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

นอกจากนี้จังหวัดปทุมธานียังมีการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมมาก เบื้องต้นมีประชาชนชาวปทุมธานีได้รับการฉีดเข็มแรกไปแล้ว 910,000 คน เมื่อฉีดเข็มแรกหนึ่งไปแล้วการนัดฉีดเข็มสองจะตามมาเอง หากคำนวณตามจำนวนประชากรตามทะเบียนราษฎร์ก็ได้รับการฉีดวัคซีนไปจำนวน 78  เปอร์เซ็นต์แล้ว หากรวมประชากรแฝงด้วยจังหวัดปทุมธานีได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 65 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะไม่ไกลเกินเอื้อมจะให้ได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ตามเป้าหมาย ส่วนกลุ่มที่สำคัญคือกลุ่มผู้สูงอายุได้ 72 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 7 กลุ่มโรคได้รับการฉีดเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว และกลุ่มคนท้องได้ 50-60 เปอร์เซ็นต์แล้ว ถือว่าปทุมธานีฉีดวัคซีนมากสุดเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพ ซึ่งเป็นจังหวัดในกลุ่มพื้นที่สีแดงเข้มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งปัจจัยที่ผู้ป่วยภาพร่มลดลงคือการฉีดวัคซีน เราจึงต้องรณรงค์ต้องไป และคงจุดฉีดวัคซีนทุกโรงพยาบาลในจังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วย โรงพยาบาลภาครัฐ 11 แห่ง โรงพยาบาลเอกชน 12 แห่ง ประชาชนสามารถเข้าถึงทุกอำเภอ และมีศูนย์ฉีดวัคซีนใหญ่อีก 2 แห่ง คือ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตเป็นการฉีดวัคซีนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และเซียร์รังสิต ของประกันสังคม เมื่อได้รับวัคซีนแล้วในอนาคตโอกาสติดเชื้อจะน้อยลง ถึงติดเชื้อก็ไม่รุนแรง ลดการเสียชีวิต ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือให้ปทุมธานีผ่านวิกฤตสถานการณ์โควิดนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ / รายงาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top