Monday, 5 June 2023
REGION

เลย - หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 จัดกิจกรรมโครงการ ทำดีเพื่อน้อง ทาสีเครื่องเล่นสนามโรงเรียนตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดน

โรงเรียนชุมชนบ้านปากห้วย อ.ท่าลี่ จ.เลย กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดย พันเอก อุทัย นิลเนตร ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 และคุณสิริกัญญา นิลเนตร ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กรมทหารพรานที่ 21 จับมือกับคณะหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพภาคที่ 2 รุ่นที่ 2 นำกำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 2102 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 พร้อมคณะแม่บ้านจิตอาสาของหน่วย จัดกิจกรรมโครงการ ทำดีเพื่อน้อง       

           

โดยกิจกรรมทาสีเครื่องเล่นสนามโรงเรียนชุมชนบ้านปากห้วย อ.ท่าลี่ จ.เลย ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาขนาดกลาง มีอาณาเขตติดกับแขวงไชยบุรี สปป.ลาว เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้น อนุบาล 2- มัธยมศึกษาปีที่ 3 มีจำนวนนักเรียนรวมทั้งสิ้น 282 คน เป็นกิจกรรมทาสีเครื่องเล่นสนาม เพื่อช่วยซ่อมแซมเครื่องเล่นสนามของเด็ก ๆ ให้สวยงาม สร้างบรรยากาศในการเล่นและการเรียนรู้ให้เครื่องเล่นสนามของเด็ก ๆ มีความสวยงามและน่าเล่น ทำให้เด็ก ๆ ได้มีความสุขในการเล่น เป็นการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยมี นางสาวศิริภรณ์  เยาวพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครูและนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ซึ่งในการดำเนินกิจกรรมครั้งต่อไป

เชียงใหม่ - อบจ.เชียงใหม่ จัดการประกวดนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2565 เชื่อมโยงอัตลักษณ์ความเป็นล้านนา...สู่สากล!!

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีเปิดการจัดประกวดนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี  พ.ศ. 2565 โดยมีนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิด งาน เพื่อขับเคลื่อนการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว ของจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งรองรับนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาลและนโยบายการเปิดเมืองของจังหวัดเชียงใหม่   (CHARMING Chiang Mai) ณ ลานกิจกรรมตรงข้ามสวน  เฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (ด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่)

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่เรามีประเพณี ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมล้านนารวมถึงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ อันเป็นอัตลักษณ์ทรงคุณค่า มีเสน่ห์ที่โดดเด่น เป็นปัจจัยที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งมาสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมร่วมกัน เกิดการประชาสัมพันธ์กันในวงกว้าง จนติดอันดับต้น ๆ ในการจัดอันดับเมืองที่น่าเที่ยวที่สุดในโลกเป็นประจำทุก ๆ ปี

เนื่องจากเกิดสถานะการโควิด19 เกิดวิกฤตครั้งใหญ่ ทำให้การท่องเที่ยวทั่วโลกหยุดชะงัก เศรษฐกิจซบเซา ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้มีมาตราการเพื่อรับมือกับโควิด19 มาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน ภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ในการร่วมมือป้องกันและตั้งรับโรคโควิด19 จึงทำให้ขณะนี้เชียงใหม่ได้เริ่มกลับมามีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเชียงใหม่อีกครั้ง ยอดจองห้องพักเพิ่มขึ้น การท่องเที่ยวทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

การจัดการประกวดนางสาวเชียงใหม่ในปี2565 นี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะช่วยประชาสัมพันธ์เชียงใหม่ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น ตลอดจนนักท่องเที่ยว ว่าเชียงใหม่ เที่ยวได้ โดยคำนึงถึงมีมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดตามมาตรฐานสาธารณสุข เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด   ขอความร่วมมือ พี่น้องประชาชน ยังคงต้องระมัดระวังตนเองในการปฏิบัติเว้นระยะห่างสวมหน้ากากอนามัย ตรวจเช็คอุณหภูมิ ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อยับยั้ง การแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด ให้สามารถควบคุมได้ โดยคำนึงถึงมีมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดตามมาตรฐานสาธารณสุข

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่าว่า เพื่อเปิดโอกาสให้สาวงามทั่วประเทศไทย ได้ลงชิงชัย และแสดงศักยภาพของผู้หญิงไทยในการเชื่อมโยงอัตลักษณ์ความเป็นล้านนาสู่สากล อีกทั้งเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์เมืองเชียงใหม่ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และเป็นแม่แบบตัวอย่าง  ด้านวัฒนธรรม การส่งเสริมขนมธรรมเนียมประเพณีจริยธรรมล้านนาให้อยู่คู่แผ่นดินล้านนา เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชน รวมถึงเป็นทูตสายสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นตัวแทนของจังหวัดเชียงใหม่ในการร่วมกิจกรรมงานเทศกาลด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งในระดับจังหวัด และในระดับประเทศ

โดยการประกวดนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2565 วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นการประกวดนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2565 รอบแรก 30 คน วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป การประกวดนางสาวเชียงใหม่  ประจำปี 2565 รอบที่ 2 คัดเลือกสาวงาม 20 คน เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ  วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป การประกวดนางสาวเชียงใหม่  ประจำปี 2565 รอบตัดสิน และประกาศผลผู้ได้รับตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2565 

สำหรับรางวัลการประกวดนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2565 มีดังนี้

1. ตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2565 จะได้รับมงกุฎเพชร สายสะพาย ผ้าคลุมและ

ถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 100,000 บาท

2. ตำแหน่งรองอันดับ 1 นางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2565 จะได้รับมงกุฎเพชร สายสะพาย และถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 50,000 บาท

3. ตำแหน่งรองอันดับ 2 นางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2565 จะได้รับมงกุฎเพชร สายสะพาย และถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 30,000 บาท

4. ตำแหน่งรองอันดับ 3 นางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2565 จะได้รับมงกุฎเพชร สายสะพาย และถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 25,000 บาท

5. ตำแหน่งรองอันดับ 4 นางสาวเชียงใหม่ ประจำปี 2565 จะได้รับมงกุฎเพชร สายสะพาย และถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 20,000 บาท

6. ตำแหน่งขวัญใจสื่อมวลชน จะได้รับสายสะพาย และถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 10,000 บาท

7. ตำแหน่งขวัญใจมหาชน จะได้รับสายสะพาย และถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 10,000 บาท

ระยอง - โฆษกกองทัพเรือแจง ทรภ. 1 ส่งอากาศยาน ขึ้นสำรวจน้ำมันรั่วรอบ 2 ที่ระยอง พบไม่รุนแรง!!

พลเรือโท ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงข่าวกรณีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 บริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด(มหาชน) หรือ SPRCได้ประกาศภาวะฉุกเฉินน้ำมันรั่วไหล Tier 1  (ภาวะน้ำมันรั่วไหลขนาดเล็ก ไม่เกิน 20 ตัน)  เนื่องจากพบฟิล์มน้ำมันดิบ (สีเงิน) บริเวณทิศเหนือ ห่างจากทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเลประมาณ 3 ไมล์ เนื่องจากมีการเข้าไปเก็บหลักฐานเพื่อประกอบทางคดี และมีการสอบสวนถึงน้ำมันในท่อและระบบซึ่งขณะทำการตรวจสอบ ได้เกิดการรั่วไหลของน้ำมันค้างท่อจำนวนประมาณ 5,000 ลิตร และ บริษัทฯ ได้ขอกำลังทางเรือและอากาศยานจากทัพเรือภาค 1 ขึ้นบินลาดตระเวนตรวจคราบน้ำมันและวางแผนการใช้สารขจัดคราบน้ำมันเพื่อระงับเหตุ ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว และอยู่ในวงจำกัด

ระยอง - พบน้ำมันรั่วไหลกลางทะเล ซ้ำอีกที่จุดเดิม 5,000 ลิตร สาเหตุเกิดจาก เจ้าหน้าที่ยกท่ออ่อนจุดที่รั่วเดิมขึ้นมาตรวจสอบ แต่มีน้ำมันค้างท่อ

เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 10 ก.พ.2565 ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดระยอง กรณีน้ำมันดิบรั่วกลางทะเล หมู่บ้านสบาย สบาย หาดแม่รำพึง อ.เมือง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รอง ผวจ.ระยอง ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงปริมาณการรั่วไหลของน้ำมัน บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด(มหาชน)หรือ SPRC และ นายพุทธิกรณ์ วิชัยดิษฐ อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เปิดแถลงข่าวด่วนหลังมีรายงานว่า มีน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเลซ้ำจุดเดิมอีก สาเหตุเกิดจากทางบริษัท SPRC ได้มีการยกท่ออ่อนขนถ่ายน้ำมันบริเวณทุ่นขนถ่ายน้ำมันกลางทะเลจุดที่พบการรั่วไหลครั้งที่ผ่านมา ขึ้นมาตรวจสอบแต่พบว่ามีน้ำมันค้างท่ออยู่ จึงเกิดการรั่วไหลลงทะเลซ้ำอีก

ว่าที่ ร.ต.พิรุณ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เวลาประมาณ 09.00 น.ได้รับแจ้งจาก บ. SPRC ว่าได้เกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลซ้ำอีกจุดเดิมที่มีการรั่วไหลกลางทะเลเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุเกิดจากเจ้าหน้าที่ของ บ.SPRC ได้มีการยกท่ออ่อนจุดที่รั่วไหลขึ้นมาตรวจสอบ แต่พบว่ามีน้ำมันดิบค้างท่ออยู่ จำนวน 5,000 ลิตร เกิดรั่วไหลลงทะเล แต่เป็นน้ำมันที่ไม่หนาแน่นเหมือนครั้งที่ผ่านมา โดยจุดที่พบคราบน้ำมันอยู่ห่างทุ่นขนถ่ายน้ำมันประมาณ 3 ไมล์ทะเล และอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 20 กม. เบื้องต้นทางบริษัทฯ ได้ระดมเรือ จำนวน 9 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ เข้าควบคุมสถานการณ์ โปรยสารเคมีสลายคราบน้ำมันดังกล่าวอย่างเร่งด่วนแล้ว อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และเอาอยู่ไม่พัดเข้าฝั่งแน่นอน

กาฬสินธุ์ - สร้างปราสาทรวงข้าว ในงาน "ประเพณีบุญคูณลานสู่ขวัญ" ประจำปี 2565 เพื่อสืบสานตำนานพระแม่โพสพ ระหว่างวันที่ ณ วัดเศวตวันวนาราม อำเภอเมืองกาฬสินธุ์

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยที่ปรึกษารมว.คมนาคม นำส่วนราชการ ประชาชน สืบสานประเพณีบุญคูณลาน เพื่อบูชาพระแม่โพสพ และสู่ขวัญข้าวเพื่อความเป็นสิริมงคล ไฮไลต์อยู่ที่การสร้างปราสาทรวงข้าว ซึ่งชาวบ้านได้ใช้ภูมิปัญญานำรวงข้าวจำนวนมาก มาร้อยเรียงสร้างขึ้นอย่างวิจิตรสวยงาม รายล้อมด้วยการจัดซุ้มปราสาทรวงข้าวบริวารอีกหลายหลัง อีกหนึ่งแลนด์มาร์กส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่หาดูได้ยาก และมีที่เดียวในจังหวัดกาฬสินธุ์

ที่บริเวณวัดเศวตวันวนาราม ต.เหนือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายชานุวัฒน์ วรามิตร นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นายชาญณ์ บุตรวงค์ ปลัดอาวุโส อ.เมืองกาฬสินธุ์ ส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ประชาชน และเยาวชน ร่วมกันจัดงานประเพณีบุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลานสืบตำนานพระแม่โพสพ ประจำปี 2565  โดยมีนางรำกว่า 300 คน รำบวงสรวงพระแม่โพสพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำหน้าที่ปกปักรักษาผืนนาและรวงข้าวให้อุดมสมบูรณ์ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า บุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลานสืบตำนานพระแม่โพสพ เป็นอีกหนึ่งประเพณีในฮีต 12 คอง 14 ของชาวอีสาน ที่สืบสานมาตั้งแต่บรรพบุรุษในช่วงเดือน 3 หลังเสร็จสิ้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปี โดยมีการถ่ายทอดมารุ่นต่อรุ่น เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีพื้นบ้านดั้งเดิม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่สนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่ง จ.กาฬสินธุ์ มีความโดดเด่นด้านวิถีชีวิตและประเพณีที่ยิ่งใหญ่ตลอดปี  อย่างบุญคูนลานของชาว ต.เหนือ ที่ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาให้เหมาะสมกับยุคสมัย โดยเฉพาะรูปแบบปราสาทรวงข้าวมีการพัฒนาเรื่อยมา จนกระทั่งมีรูปแบบเป็นปราสาทรวงข้าวตามที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีความสวยงามโดดเด่นและยังคงรูปแบบวัฒนธรรมอีสานไว้ จนกระทั่งถูกยกระดับให้เป็นประเพณีและแหล่งท่องเที่ยวของ จ.กาฬสินธุ์ และปฏิทินการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ด้านนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จ.กาฬสินธุ์ มีวัฒนธรรมประเพณีที่สำคัญตามฮีต 12 คอง 14 และแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งทุกภาคส่วนทั้งราชการ ภาคประชาชน ได้ร่วมกันอนุรักษ์สืบสาน ให้อนุชนรุ่นใหม่ได้เห็นคุณค่า และร่วมกันรักษาประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป เช่นเดียวกับการจัดงานประเพณีบุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลาน สืบตำนานพระแม่โพสพในครั้งนี้  เป็นการแสดงถึงศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชีวิตดั้งเดิม ผ่านรูปแบบการจัดกิจกรรมต่างๆ ในงาน เช่น การร่วมบริจาคข้าวเปลือก เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ยากไร้ บำรุงพระพุทธศาสนา พัฒนาชุมชน แสดงออกถึงพลังสามัคคี และความกตัญญูต่อพระแม่โพสพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำหน้าที่ปกปักรักษานาข้าว น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ และหล่อเลี้ยงต้นข้าวให้เจริญงอกงาม ออกผลผลิตข้าวให้บริบูรณ์ ได้รับประทานเพื่อยังชีพและจำหน่ายสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว

กรุงเทพฯ - ม.เกษตร ผนึกกำลัง! ซีพีเอฟ ซีพีพี ยกระดับงานวิจัย - การศึกษาของชาติ นำร่องการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์กัญชา และอาหารเพื่อนักกีฬา

ดร.จงรักษ์ วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding – MoU) และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Agreement – MoA) กับนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ นายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด หรือ ซีพีพี บริษัทในเครือซีพี

เพื่อยกระดับงานวิจัยด้านอาหารและการเกษตร ควบคู่กับพัฒนาการศึกษาของประเทศให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ภายใต้กรอบความร่วมมือ 3 ด้าน คือ ด้านการพัฒนาหลักสูตร ด้านพัฒนางานวิจัย และด้านการจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นเปิดโอกาสให้นิสิตได้แสดงศักยภาพของตนเอง ได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติและการลงมือทำจริง ช่วยสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพ มีทักษะความรู้ที่ตรงตามความต้องการของตลาด

โดยมีคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัย และบริษัท ร่วมด้วย ได้แก่ รศ.ธานี ศรีวงศ์ชัย คณบดีคณะเกษตร รศ.อภิสิฎฐ์ ศงสะเสน คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล และ ดร.สมหมาย เตชะศิรินุกูล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ

การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ประกอบด้วย MoU และ MoA ซึ่งนำไปสู่สัญญาให้ทุนอุดหนุนโครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์กัญชาไทยให้มีคุณภาพและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีส่วนร่วมสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมอาหารของไทย ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ และมีความเหมาะสมกับบริบทความต้องการของคนไทย เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ และเพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้บริโภคอาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านความร่วมมือในการดำเนินโครงการวิจัยต่าง ๆ อาทิ อาหารเพื่อนักกีฬา อาหารเพื่อผู้สูงวัย จุลินทรีย์โปรตีนทางเลือก อาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่น เป็นต้น เพื่อยกระดับงานวิจัยสู่การใช้งานจริงในเชิงอุตสาหกรรม

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านวิชาการ การศึกษาวิจัย รวมถึงการดำเนินกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันการศึกษาชั้นนำที่มีความเป็นเลิศในด้านการเกษตร และวิทยาศาสตร์อาหาร จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ รวมถึงองค์กรทั้ง 2 ฝ่าย ในการนำองค์ความรู้ต่อยอดด้านงานวิจัย ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของไทยบนเวทีโลก

"ซีพีเอฟมุ่งมั่นส่งมอบอาหารปลอดภัย สร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยทุ่มเทพัฒนานวัตกรรมที่มุ่งเน้นสุขโภชนาการ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ผู้บริโภคในอนาคต โดยมีเป้าหมายให้คนไทยมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี นอกจากนั้น ยังส่งเสริมการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาใช้ผลิตเชิงอุตสาหกรรม ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" นายประสิทธิ์กล่าว

ด้านนายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีพีกล่าวเสริมถึงความมุ่งมั่นขององค์กร “ในฐานะของบริษัทที่เป็นดั่งต้นน้ำของธุรกิจการเกษตรภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์  ซีพีพีทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรของไทย  ด้วยเหตุนี้เอง ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจคือ “เกษตรกร คือ คู่ชีวิต” เพราะเราต้องการดูแลให้มีความเป็นอยู่ที่ดี เรามุ่งพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรไทยให้มีประสิทธิภาพและมีความเป็นเลิศไม่แพ้ชาติอื่น  บริษัทต้องการเห็นเกษตรกรไทยมีรายได้ที่คงที่และยั่งยืน  จึงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจแบบ Business-to-Customer (B2C) ของเกษตรกรไทยมีรูปแบบที่ครบวงจร มีคุณภาพและมาตรฐานตั้งแต่การผลิตไปจนการนำผลิตภัณฑ์ออกมาสู่ตลาด รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร การดูแลทางด้านการตลาดให้แก่เกษตรกรผ่านนโยบารับซื้อคืน และให้การสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ สำหรับการเกษตร เช่น เมล็ดพันธุ์พืชคุณภาพ ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้มาตรฐาน บริการการเกษตร เทคโนโลยีเกษตรกรสมัยใหม่ เป็นต้น เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิต และลดต้นทุนให้แก่เกษตรกรไทย

"ซีพีพีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสจับมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การผนึกกำลังระหว่างซีพีพีและซีพีเอฟในครั้งนี้ จะแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะจะเป็นการนำองค์ความรู้ที่เรามีจากประสบการณ์ของพวกเราในฐานะผู้ประกอบการ มาผนวกรวมกับองค์ความรู้จากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรฯ ซึ่งเป็นสถาบันวิชาการชั้นนำ ที่มากไปด้วยนิสิตและคณาจารย์ที่รอบรู้ และเปี่ยมด้วยความสามารถ  มีความเชื่อมั่นว่า พวกเราจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่อุตสาหกรรมเกษตรของประเทศไทยได้แน่นอนจากการจับมือกัน” นายสุเมธกล่าว

ประจวบคีรีขันธ์ - มอบเข็ม- เกียรติบัตรดีเด่น!! ให้ อส.ครบรอบ 68 ปี

นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดประจวบฯเป็นประธานพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน ครบรอบ 68 ปี ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัด เพื่อระลึกถึงคุณความดี ความเสียสละของผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หรือสมาชิก อส.ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน มีรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เข้าร่วมในพิธี จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้อ่านสารของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ประธานได้มอบเข็มอาสารักษาดินแดนสดุดีผู้ประกอบคุณงามความดี จำนวน 5 นาย มอบประกาศเกียรติคุณให้แก่สมาชิก อส.ที่มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ จำนวน 10 นาย มอบทุนการศึกษามูลนิธิอาสารักษาดินแดนในพระบรมราชินูปถัมภ์ให้แก่บุตรสมาชิก อส.จำนวน 5 ราย 

โอกาสนี้ นายเสถียร ได้กล่าวให้โอวาทแก่สมาชิก อส.โดยน้อมนำพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันพิธีสวนสนามและพระราชทานธงประจำกองอาสารักษาดินแดน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2497 ความว่า "ขอให้เจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่โดยพยายามฝึกสอนอบรมประชาชนให้เข้าใจกิจการในหน้าที่ของตน ทั้งในส่วนตัวบุคคล ของครอบครัว ของหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ ตลอดจนบ้านเมืองในที่สุด เพื่อให้ได้มีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจกันที่จะช่วยป้องกันภัยอันตรายและรักษาความสงบในท้องถิ่นของตนด้วยความองอาจ กล้าหาญ และซื่อสัตย์สุจริตเพื่อชาติบ้านเมือง และความเป็นเอกราชของเรา จะได้วัฒนาถาวร" 

นราธิวาส - ศอ.บต.ร่วมกิจกรรมฯ ถวายเพลพระ - ส่งเสริมคุณธรรม - จริยธรรม ให้เกิดขึ้นในหมู่ข้าราชการ และพุทธศาสนิกชนในพื้นที่

นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายอำนวย ศรีระแก้ว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.(พช.) นางเยาวภา พูลพิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (ปภ.) และนายสมพร เนติรัฐกร ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.(สธ.) ร่วมกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมข้าราชการ ถวายเพลพระภิกษุสงฆ์ร่วมกับพุทธศาสนิกชน จำนวน 12 รูป ณ วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง ตำบลสะเตง อำเภอเมือง  จังหวัดยะลา โดยมีร้อยตำรวจเอก สมบูรณ์ ชุมศรี รองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เป็นประธานนำเพลถวายฯ พร้อมด้วย ข้าราชการ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ เข้าร่วม ภายใต้มาตรการการแพร่ระบาดของเขื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

สำหรับกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมข้าราชการ ถวายเพลพระภิกษุสงฆ์ร่วมกับพุทธศาสนิกชน เป็นการดำเนินการจัดขึ้นโดยสำนักงานพระพุทธศาสนา และมอบหมายให้ส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงสถานศึกษา ได้ออกเยี่ยมเยียนวัด พระภิกษุ สามเณร และประชาชนที่อาศัยอยู่รอบบริเวณวัดในพื้นที่ ในวันธรรมสวนะ หรือวันพระ เพื่อร่วมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ให้เกิดขึ้นในหมู่ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างและพุทธศาสนิกชน

ชุมพร - ครบรอบ ปีที่ 68 วันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน ปี 2565

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 08.30 น. ณ กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพรที่ 1 ตำบลขุนกระทิง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ในฐานะผู้บังคับการกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพร (ผบ.อส.จ.ชุมพร)ให้เกียรติมาเป็นประธาน ในพิธีจัดกิจกรรมวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดนประจำปี 2565 และอ่านสารของนายกองใหญ่ อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน พร้อมกล่าวให้โอวาท มอบเข็มอาสารักษาดินแดนสดุดี และประดับชั้นยศให้กับสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หลังจากนั้นนางปวีณ์ริศา เกิดสม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร มอบทุนการศึกษาจากมูลนิธิอาสารักษาดินแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์แก่บุตรของสมาชิกกองอาสารักษากินแดน เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน ประจำปี 2565 โดยมีผู้บังคับกองร้อย เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร สมาชิก อส. หัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร แม่บ้านมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี

สำหรับกองอาสารักษาดินแดน เป็นองค์กรขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ.2497 จัดตั้งขึ้นเพื่อกำลังสำรองไว้ช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติ ทั้งยามปกติและสงคราม โดยรับสมัครราษฎรที่สมัครใจอาสาเข้ามาเป็นสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (สมาชิก อส.) ซึ่งมีภารกิจหน้าที่ บรรเทาภัยที่เกิดจากธรรมชาติ และการกระทำของข้าศึก ทำหน้าที่ตำรวจรักษาความสงบภายในท้องที่ ร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจ รักษาสถานที่สำคัญและการคมนาคม ป้องกันการจารกรรมและรายงานข่าวช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่ฝ่ายทหารตามที่ต้องการ และเป็นกำลังสำรองสนับสนุนกำลังทหารเมื่อจำเป็น

นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า วันที่ 10 กุมภาพันธ์ของทุกปี กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดนกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดให้จัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดนเป็นประจำทุกปี ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมากองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพร ได้ใช้กำลังพลสมาชิก อส. เข้าสนับสนุนดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง และจังหวัดชุมพรในทุกด้าน ทั้งการปราบปรามยาเสพติด การแก้ไขปัญหาความยากจน การป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติ การจัดระเบียบสังคม และการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่

สตูล - ตำรวจตระเวนชายแดน 436 จ.สตูล นำสิ่งของมอบให้ชาวบ้านอำเภอละงู ถูกไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง!!

วันนี้ 9 ก.พ. 2565 พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ ศรีราชยา ผบ.ร้อย ตชด.436 มอบหมายให้ ร.ต.อ.พรเทพ หมื่นแกล้ว รอง ผบ.ร้อย ตชด.436  พร้อม ข้าราชการตำรวจจิตอาสาชุดช่างสนาม ร้อย ตชด.436 ได้เดินทางไปให้กำลังใจชาวบ้านที่โดนไฟไหม้บ้านเมื่อ วันที่ 8 ก.พ.2565 เวลา 17.30 น.สำหรับบ้านที่ถูกไฟไหม้ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านเลขที่ 651 ม.1 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงและมีผู้อยู่อาศัยคือนายรอบาอัน มาลัยสนั่น (เจ้าของบ้าน) พร้อมสมาชิกในบ้านรวม 4 คนได้รับความเสียหายเบื้องต้นทั้งหลังไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้

ทั้งนี้ ร.ต.อ.พรเทพ หมื่นแกล้ว รอง ผบ.ร้อย ตชด.436 พร้อม ข้าราชการตำรวจจิตอาสาชุดช่างสนาม ร้อย ตชด.436 ลงพื้นที่เพื่อออกสำรวจความเสียหาย และมอบสิ่งของช่วยเหลือเบื้องต้น ให้แก่ นายรอบาอัน มาลัยสนั่น เจ้าของบ้านประสบเหตุไฟไหม้(อัคคีภัย) พร้อมทั้งหาทางช่วยเหลือตามกำลังของหน่วยงานซึ่งลักษณะเป็นบ้านไม้ยกสูง เป็นไม้ทั้งหลัง ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ของ ตร.พฐ จ.สตูลตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง

 

กรุงเทพฯ - กระทรวงเกษตรฯ เตรียมจำหน่ายหมูเพื่อประชาชน ภายใต้โครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” ในราคาถูกกว่าท้องตลาด มั่นใจด้วยคุณภาพดี การันตีด้วยมาตรฐานปศุสัตว์ OK ณ ลานกิจกรรมตลาดริมน้ำ อ.ต.ก.

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” โดยมีดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายปณิธาน มีไชยโย รักษาการผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) นายฉันทานนท์ วรรณเขจร โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบการประชุมทางไกลออนไลน์ (ZOOM Meeting)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาหมูแพง ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกับประชาชนผู้บริโภค รวมไปถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่ต่างได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จึงได้จัดโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 - 19 กุมภาพันธ์ 2565 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ณ ลานกิจกรรมตลาดริมน้ำ อ.ต.ก. เลียบคลองบางซื่อ ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน ลดภาระค่าใช้จ่าย และบรรเทาความเดือดร้อนจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ด้วยการจัดจำหน่ายหมูเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นหมูเนื้อแดง คุณภาพดี การันตีด้วยมาตรฐานปศุสัตว์ OK ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพียงกิโลกรัมละ 140 บาท ซึ่งจะนำมาจำหน่ายที่ตลาด อ.ต.ก. จำนวน 150,000 กิโลกรัม โดยกำหนดซื้อได้คนละไม่เกิน 5 กิโลกรัม เพื่อให้ทั่วถึงกันทุกคน

ปทุมธานี - ‘นายกแจ๊ส’ บริหารงาน 1 ปี ปปช.ประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสได้ 94.76 จากเดิมที่ไม่ผ่านสักปี!!

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 09:00 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี , นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี , นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี , พล.ต.ท.อดุลย์ รัตนภิรมย์   ที่ปรึกษาพิเศษนายก อบจ.ปทุมธานี , นายธนศักดิ์ แป้นมุข ที่ปรึกษานายก อบจ.ปทุมธานี , นางจีระกิต อิศรวิชิตชัยกุล รองปลัด อบจ.ปทุมธานี , นางสาวกฤษฏาพร นาคถนอม หัวหน้าสำนักปลัด อบจ.ปทุมธานี ร่วมประชุมหารือนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อประชาชน หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยผลคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564

ซึ่งได้ดำเนินการประเมิน องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้คะแนน 94.76 ระดับการประเมิน A เปรียบเทียบปีที่ผ่านมา +33.47  ซึ่งที่ผ่านมาทาง อบจ.ปทุมธานีไม่เคยผ่านเกณฑ์การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส เช่น ปี พ.ศ. 2561 ได้ 79.37 ระดับ B ไม่ผ่านการประเมิน , ปี พ.ศ. 2562 ได้ 82.90 ระดับ B ไม่ผ่านการประเมิน , ปี พ.ศ. 2563 ได้ 61.29 ระดับ D ไม่ผ่านการประเมินในการดำเนินงานการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส มีการเก็บข้อมูลจาก 3 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 การเก็บข้อมูลจากบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ มี 5 ตัวชี้วัด ได้แก่ ตัวชี้วัดที่ 1 การปฏิบัติหน้าที่ , ตัวชี้วัดที่ 2 การใช้งบประมาณ , ตัวขชี้วัดที่ 3 การใช้อำนาจ , ตัวชี้วัดที่ 4 การใช้ทรัพย์สินของราชการ , ตัวชี้วัดที่ 5 การแก้ไขปัญหาการทุจริต ในส่วนที่ 2 การเก็บข้อมูลจากผู้รับบริการหรือผู้ติดต่อหน่วยงานภาครัฐ โดยสอบถามการรับรู้ และความคิดเห็นใน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ ตัวชี้วัดที่ 6 คุณภาพการดำเนินงาน , ตัวขชี้วัดที่ 7 ประสิทธิภาพการสื่อสาร , ตัวชี้วัดที่ 8 การปรับปรุงการทำงาน และส่วนที่ 3 การเปิดเผยข้อมูลทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน เป็นการตรวจสอบระดับการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐที่เผยแพร่ไว้ ทางหน้าเว็บไซต์หลักของหน่วยงาน มี 2 ตัวชี้วัด ได้แก่ ตัวชี้วัดที่ 9 การเปิดเผยข้อมูล , ตัวชี้วัดที่ 10 การป้องกันการทุจริต

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เราพึ่งจะเข้ามาทำงานได้ 1 ปี ซึ่งการประเมินความโปร่งใสของ ปปช.จะมีเกรด A B C ที่มา อบจ.ปทุมธานีอยู่ในระดับ C ถือว่าไม่ผ่านคะแนนความโปร่งใส เราจึงได้ดูย้อนไปในปีก่อน ๆ ก็ไม่ผ่านเลย เมื่อเรามาทำงานจึงมาดูว่าสาเหตุอะไรที่คะแนนถึงตกต่ำ ตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่งจึงได้หารือกับทีมงานผู้บริหารและหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้องทุกคน มีประเด็นอะไรบ้างที่ทำให้ อบจ.ปทุมธานี ไม่ผ่านการประเมินความโปร่งใส ซึ่งคะแนนตรงนี้ไม่ใช้เพียงแค่การประเมินการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเดียว มีหลายองค์ประกอบกัน ทั้งงานเก่าที่ตกค้าง การประสานงานกับภายนอกหลายภาคส่วน หลายกองงานที่เรียกประชุม มีการวางแผนแต่ละกอง ในการปิดจุดอ่อนตรงนี้ อะไรที่แก้ไขได้ต้องรีบแก้และให้เร็ว เมื่อมีความโปร่งใส พี่น้องประชาชนต้องสามารถตรวจสอบได้ ต้องขอบคุณพี่น้องใน อบจ. หัวหน้าทุกหน่วยงาน ที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จนคะแนนไต่ขึ้นมาที่ 94.76 อยู่ระดับ A หากได้คะแนน 95 เราจะได้ AA ถือว่าสูงสุด ผมจึงขอหารือกับน้อง ๆ ตลอดจนเพื่อนร่วมงาน จากที่ผ่านมาได้ร่วมกันทำงานเพียงปีเดียวเราขยับขึ้นมาถึงขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าพนักงานในองค์กร พร้อมแล้วที่จะร่วมเดินกันไปข้างหน้าร่วมพัฒนาเมืองปทุมธานีของเราให้เป็นเมืองที่น่าอยู่น่าอาศัย คิดว่าองค์กรของเราจะขยับไประดับ AA แน่นอน ดังนั้นความดีความสำเร็จครั้งนี้มาจากเพื่อนร่วมงานทั้งหมดที่ช่วยกัน

นางสาวกฤษฏาพร นาคถนอม หัวหน้าสำนักปลัด อบจ. ปทุมธานี กล่าวว่า การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ ในปี 2564 ทาง อบจ.ปทุมธานีได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ  A เนื่องมาจากว่าการปฏิบัติหน้าที่ในการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน และความโปร่งใส รวมถึงความเสมอภาคของประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วม เน้นไปที่ภายในและภายนอก โดยการตรวจสอบภายในคือข้าราชการเจ้าหน้าที่ด้วยกัน ส่วนภายนอกคือผู้ที่มาติดต่อประสานงานกับ อบจ. มีความเชื่อใจในการประเมินประสิทธิภาพของ อบจ.และผู้บริหารของเราจึงได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาในปีนี้

สำหรับในปี 2565 ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้วางนโยบายในการทำงานเพื่อให้คะแนนได้เพิ่มขึ้นมาโดยมุ่งเน้นประสิทธิภาพในการทำงานต้องเพิ่มมากขึ้น นางจีระกิต อิศรวิชิตชัยกุล รองปลัด อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า การทำงานของ อบจ.ปทุมธานี  ได้ทำตามนโยบายของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ทีมุ่งเน้นตามภาพรวมของประชาชนเป็นหลักที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากภาครัฐมากที่สุด เช่นเรื่องของถนนเส้นทางต่าง ๆ ด้านสาธารณภัย ที่สำคัญคือการใช้งบประมาณของท่านนายก อบจ.ปทุมธานีที่ใช้อย่างคุ้มค่า และสามารถตรวจสอบได้ ท่านให้ความสำคัญกับภาคประชาชนที่สามารถเข้ามาตรวจสอบการทำงานของเราได้ ทุกภาคส่วนจึงยอมรับว่าท่านมีความโปร่งใสในรูปของการปฏิบัติงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างทั่วถึงง

จันทบุรี - คณะกรรมการพิจารณาโครงการก่อสร้างสิ่งล่วงลำน้ำจังหวัดจันทบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ก่อนพิจารณาแก้ไขปรับปรุงและอนุญาตการก่อสร้าง

วันนี้ (9 ก.พ.65) ที่ พื้นที่การขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงลำน้ำ นายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นำคณะกรรมการพิจารณาการก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำจำนวน 4 แห่ง ก่อนสรุปเสนอแนะแก้ไขปรับปรุงและอนุญาตปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำต่อไป ซึ่งการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำต้องไม่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อแผนพัฒนาจังหวัด ผังเมือง แลการรักษาสภาพแวดล้อมของจังหวัดรวมทั้งกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยครั้งนี้ คณะได้ลงพื้นที่การขออนุญาตปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ 4 แห่ง ประกอบด้วย ท่าเทียบเรือขนาดไม่เกิน 20 ตันกรอส อ.ขลุงและท่าเทียบเรือแม่น้ำจันทบุรีบริเวณสะพานเกาะลอย ต.ตลาด อ.เมือง

การขออนุญาตปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำประเภทสะพานข้ามคลองเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้ทางตามโครงการก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงแผ่นดิน กิจกรรมก่อสร้างทางหลวงพัฒนาพื้นที่ระดับภาค เขตรอยต่อ ต.ท่าช้าง อ.เมืองและต.พลอยแหวน อ.ท่าใหม่

มุกดาหาร - นรข.เตือน!! นักท่องเที่ยวและประชาชน ไม่ออกไปตั้งวงดื่มกิน – เล่นน้ำ ตามเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขง อาจเกิดอุบัติเหตุทางน้ำและอาจผิดกฎหมาย ย้ำ!พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ที่ท่องเที่ยว

ณ สถานีเรือมุกดาหาร นาวาโท เฉลิมศักดิ์ ไชยกิจ หน.สน.เรือ นรข.มุกดาหารเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำเเม่น้ำโขง สถานีเรือมุกดาหาร (นรข.) ออกประกาศเตือนเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนและนักท่องเที่ยว เรื่องของสันดอนเกิดใหม่บริเวณกลางแม่น้ำโขงเนื่องจากปัจจุบันแม่น้ำโขงได้มีการลดระดับของน้ำลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีสันดอนเกิดใหม่เป็นจำนวนมากทำให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้าใจว่าสามารถลงไปทำกิจกรรมเชิงการท่องเที่ยวได้เพราะเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยยังไม่ชัดเจนเสี่ยงทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศล่าสุดเจ้าหน้าที่ นรข.มองเห็นนักท่องเที่ยวพากันออกสนุกสนานกันที่สันดอนทรายซึ่งเกิดจากบริเวณกลางแม่น้ำโขง โดยไม่มีพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งติดต่อกันกับริมฝั่งโขงของประเทศไทย

ทั้งนี้ ในส่วนพื้นที่บริเวณนี้ อยากจะบอกกับประชาชนและนักท่องเที่ยวว่ามันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวล่าสุดมีนักท่องเที่ยวบรรทุกเรือติดเครื่องยนต์ความเร็วมาที่ จ.มุกดาหารแล้วพากันขับเรือออกไปตั้งวงดื่มกินและเล่นน้ำอยู่สันดอนทรายกลางแม่น้ำโขงเนื่องจากระดับน้ำผันผวนหนักระดับน้ำจะหนุนขึ้นลดลงแต่ละวันไม่แน่นอน อาจเกิดอุบัติเหตุทางน้ำได้และสุ่มเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางน้ำและสุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

นาวาโท เฉลิมศักดิ์ ไชยกิจ หน.สน.เรือมุกดาหาร เปิดเผยว่า ในส่วนของสันดอนทรายมีสันดอนที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้นมันมีความแตกต่างกันกับหาดทราย ซึ่งหาดทรายจะต้องเป็นหาดทรายที่เกิดขึ้นจากฝั่งไทย เวลาน้ำลงก็จะเป็นหาดทรายยื่นออกมา โดยมันต่างจากสันดอนซึ่งเกิดจากบริเวณกลางแม่น้ำโขง โดยไม่มีพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งติดต่อกันกับริมฝั่งโขงของประเทศไทย ทั้งนี้ในส่วนพื้นที่บริเวณนี้ อยากจะบอกกับประชาชนว่ามันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งล่าสุดมีนักท่องเที่ยวบรรทุกเรือติดเครื่องยนต์ความเร็วมาที่ จ.มุกดาหาร แล้วพากันขับเรือออกไปตั้งวงดื่มกินและเล่นน้ำอยู่สันดอนทรายกลางแม่น้ำโขงซึ่งสุ่มเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางน้ำและสุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศย้ำพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ที่ท่องเที่ยว เพราะอาจผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

พิษณุโลก - ม.นเรศวร เปิดหอเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พร้อมเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ และอนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาช่างสิบหมู่

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. ศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก  ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดหอเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หอพระไตรปิฎก และห้องนิทรรศการช่างสิบหมู่

โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังษี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร  พร้อมด้วย นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และผู้บริหารจากมหาวิทยาลัย ให้การต้อนรับ

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดแสดงพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รวมทั้งเป็นการพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ และอนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาช่างสิบหมู่ให้คงอยู่สืบไป ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก

หลังจากนั้น เยี่ยมชมหอเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (King Naresuan the Great Hall of Honor) จัดแสดงพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตั้งแต่พระองค์พระราชสมภพ ศึกเมืองคังมีแผ่พระบรมเดชานุภาพ ประกาศอิสรภาพ และสงครามยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชา

หอพระไตรปิฎก มหาวิทยาลัยนเรศวร (Tripitaka Hall) จัดแสดงพระไตรปิฎก ที่เป็นหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และรวบรวมบันทึกหลากหลายภาษาของหลายชนชาติ เช่น ภาษาพม่า ภาษาฮินดี ภาษาจีน และอื่น ๆ  ทั้งในรูปแบบหนังสือ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ห้องนิทรรศการช่างสิบหมู่ (Ten Divisions Of Traditional Thai Crafts) จัดแสดงงานศิลปกรรมต่าง ๆ ในหัวข้อ “มหาวิทยาลัยนเรศวรกับงานช่างสิบหมู่” เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญางานช่างสิบหมู่ที่เกิดจากการวิจัย ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ มาจัดแสดงในรูปแบบของนิทรรศการ เพื่อแสดงความก้าวหน้าทางด้านศักยภาพ และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ตามพันธกิจของมหาวิทยาลัย และชมสาธิตการดุนโลหะดอกเสลาและดอกรวงผึ้งแบบประยุกต์ การปักไทย โดยศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยนเรศวร

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top