Friday, 4 July 2025
NEWS FEED

ผบ.ฉก.นราธิวาส เปิดกิจกรรม พหุวัฒนธรรม ”ลงแขกเกี่ยวข้าว” สืบสานประเพณีลาซัง รักษ์วิถีถิ่น ร่วมกินข้าวใหม่ บนพื้นฐาน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เสริมสร้างสัมพันธภาพพี่น้องชายแดนใต้

ที่ แปลงนาข้าว ตำบลมะรือโบตก อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส /ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เดินทางมาเป็นประธาน เปิดกิจกรรม พหุวัฒนธรรม ”ลงแขกเกี่ยวข้าว” สืบสานประเพณีลาซังรักษ์วิถีถิ่น ร่วมกินข้าวใหม่ บนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เสริมสร้างสัมพันธภาพพี่น้องชายแดนใต้ โดยมี พันเอก ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอระแงะ นายอำเภอระแงะ ประธานองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดนราธิวาส กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำศาสนา หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจน พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ และพี่น้องประชาชนไทยพุทธ ไทยมุสลิม เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก 

ทั้งนี้ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว  กล่าวว่า พื้นที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เป็นแหล่งปลูกข้าวของจังหวัด ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ มีการปลูกสืบทอดกันจนเป็นวิถีชีวิต แต่ด้วยสภาพความเปลี่ยนไป ของบริบททั้งด้านสังคมและพื้นที่ ทำให้พื้นที่ในการทำนาลดลง แต่ข้าวเป็นพืช ที่ มีความสำคัญ ในการสร้างความมั่นคงในครัวเรือนและชุมชน กระผมต้องขอชื่นชมท่านทั้งหลาย ที่รวมกลุ่มกันปลูกข้าว ร่วมกันพัฒนาการผลิต และการตลาดสิ่งที่ได้จากกิจกรรมการลงแขกเกี่ยวข้าวในวันนี้

นอกจากจะเป็นการลดต้นทุนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมความรัก ความสามัคคี ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความร่วมมือของคนในชุมชน ที่จะอยู่ร่วมกันในสังคม ซึ่งมีความหลากหลายสอดคล้องกับนโยบาย ของ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ที่ต้องการให้พี่น้อง
ประชาชนมีส่วนร่วม ในกระบวนการเสริมสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน และพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ก่อเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน บนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จนสามารถนำมาสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข บนสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างแท้จริง

‘รัฐบาล’ เผย โพลการจัดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! ไทยขยับขึ้นติดอันดับ 60 จาก 137 ประเทศทั่วโลก

(23 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้รับทราบ รายงานความสุขโลก ประจำปี 2566 โดยในปีนี้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ 60 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ซึ่งมีอันดับที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผลการจัดอันดับรายงานความสุขโลก (World Happiness Report) ประจำปี 2023 นี้ จัดทำโดย เครือข่ายวิชาการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Solutions Network) ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งได้เผยแพร่ ในวันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันความสุขสากล (International Day of Happiness) โดยรายงานนี้มีการรวบรวมข้อมูล จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น Gallup World Poll บริษัทสำรวจข้อมูลระดับโลก ที่ทำการสำรวจและประเมินชีวิตโดยเฉลี่ยของประชาชนทั่วโลก ในช่วง 2563-2565 และการสัมภาษณ์ผู้คนมากกว่า 1 แสนคนใน 137 ประเทศ โดยการจัดอันดับนี้ใช้ปัจจัยสำคัญ 6 ประการในการสำรวจและให้คะแนน ได้แก่ การสนับสนุนทางสังคม รายได้ สุขภาพ เสรีภาพ ความเอื้ออาทร และมุมมองต่อการทุจริต ควบคู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งในปีนี้ ประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 60 ของประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ขยับขึ้นมา 1 อันดับ จากการจัดอันดับในปีที่แล้ว และประเทศฟินแลนด์ยังคงครองอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 

‘รฟท.’ อัปเดตความคืบหน้า รถไฟทางคู่สายใต้ หัวหิน-ประจวบฯ งานโยธาเสร็จ 100% เตรียมเปิดปี 67 พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยว

(23 มี.ค. 66) การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ล่าสุดการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. มูลค่า 5,807 ล้านบาท ซึ่งเป็น 1 ใน 5 โครงการรถไฟทางคู่สายใต้ระยะที่ 1 ได้ดำเนินการก่อสร้างงานโยธาเสร็จสิ้นครบ 100% แล้ว และพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2567 นี้ 

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ มีระยะทางก่อสร้าง 84 กิโลเมตร เป็นการก่อสร้างทางวิ่งรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทาง ขนานไปกับทางรถไฟเดิม เป็นโครงสร้างทางรถไฟวิ่งระดับพื้นดินทั้งหมด ประกอบด้วย สะพาน 2 แห่ง สถานีรถไฟ 12 แห่ง ป้ายหยุดรถ 1 แห่ง ย่านเก็บกองและขนถ่ายตู้สินค้า (CY) จำนวน 2 แห่งที่สถานีสามร้อยยอด และสถานีทุ่งมะเม่า และงานก่อสร้างอื่นๆ เช่น งานระบบระบายน้ำ สะพานลอยคนเดินข้าม งานรั้ว งานก่อสร้างถนนยกระดับข้ามทางรถไฟ ถนนกลับรถยกระดับรูปตัวยู ถนนลอดใต้สะพานทางรถไฟ เพื่อแก้ปัญหาอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอระดับรถไฟกับรถยนต์ 

ที่สำคัญการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ การรถไฟฯ ยังได้คำนึงคงความเป็นเอกลักษณ์ ความสวยงาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยรอบในพื้นที่ มีไฮไลต์สำคัญ เช่น สถานีรถไฟหัวหิน ได้ออกแบบสถานีให้เป็นแบบผสมผสานนำเอกลักษณ์และความสวยงามของสถานีรถไฟหัวหินเดิมมาไว้ที่สถานีหัวหินใหม่ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยเมื่อสถานีแห่งใหม่เปิดให้บริการ สถานีหลังเดิมจะยังคงเปิดให้บริการควบคู่ไปด้วย

'อลงกรณ์' ขานรับข้อเสนอภาคเอกชนร่วมเดินหน้า 'ก้าวใหม่ประเทศไทย ก้าวใหม่ประชาธิปัตย์' ชูธง 12 แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจและการพัฒนาสร้างศักยภาพใหม่ตอบโจทย์อนาคตประเทศไทยภายใต้ยุทธศาสตร์ 'สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ'

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคฯ และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเห็น และข้อเสนอแนะของภาคเอกชน ที่มีต่อความคาดหวังในนโยบายของพรรคการเมืองวันนี้(23 มีนาคม 2566)ว่า

พรรคประชาธิปัตย์เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนรวมทั้งมุมมองวิสัยทัศน์ของภาคเอกชนล่าสุดเกี่ยวกับการพัฒนาประชาธิปไตย การพัฒนาประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์บนหลักการ 3 ประการคือ อุดมการณ์ประชาธิปไตย นโยบายเศรษฐกิจเสรีนิยมและแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน

“พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจในความคาดหวังของภาคเอกชนที่มีต่อนโยบายของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งในส่วนพรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางนโยบายอย่างน้อย 12 ประการ เสมือนคานงัดในการสร้างจุดเปลี่ยนประเทศไทย สู่ก้าวใหม่ ไทยแลนด์ โดยพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคเอกชน ได้แก่

1. การพัฒนาการเมืองโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย
2. การขจัดคอร์รัปชั่น โดยการสร้างระบบธรรมาภิบาล
3. การส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เสรี และเป็นธรรม ลดการผูกขาดทางเศรษฐกิจ และพลัง
งาน

4. การปฏิรูประบบราชการโดยลดอำนาจรัฐ ลดขนาดภาครัฐ 

▪มุ่งกระจายอำนาจและทรัพยากรสู่ท้องถิ่นและชุมชน (Community Empowerment) 
▪การเพิ่มบทบาทภาคเอกชนและชุมชนท้องถิ่นทางเศรษฐกิจ
▪การพัฒนาเมือง และชนบท

5. การปฏิรูปภาคเกษตร ด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม 

▪การส่งเสริมเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ 
▪การยกระดับเกษตรรายย่อยเป็นเกษตรแปลงใหญ่ 
▪การพัฒนาระบบสหกรณ์ 
▪การส่งเสริมสตาร์ทอัพเกษตรและ เอสเอ็มอี.เกษตร 
▪การส่งเสริมอาหารแห่งอนาคต
▪และการทำตลาดเชิงรุก ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

6. การพัฒนาโลจิสติกส์ เชื่อมไทย-เชื่อมโลก 

▪การเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศ

7. การสร้างฐานการผลิต การแปรรูปการตลาด และกระจายการลงทุนสู่ทุกภูมิภาค

▪ภายใต้ฐานใหม่ 18 กลุ่มจังหวัดโดยเฉพาะคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเกษตร (Agroindustry)

8. การสร้างคนและการ Reskill- Upskill ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน

▪โดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่ (12  S-Curves)
▪การส่งเสริมMSMEและStartup ด้วยกองทุนเอสเอ็มอี
▪และการทำงานแบบสร้างสรรค์

9. สร้างระบบธนาคาร และระบบการเงินของเศรษฐกิจฐานรากด้วย

▪ธนาคารหมู่บ้าน 
▪ธนาคารชุมชน 80,000 หมู่บ้าน และชุมชน 77 จังหวัด 
▪รวมทั้งส่งเสริมธนาคารเพื่อการลงทุนและเวนเจอร์แคปิตอล

10. ขับเคลื่อนภาคการผลิต (Real Sector) ภาคบริการภาคการท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยี นวัต
กรรมและซอล์ฟพาวเวอร์(Soft Power)

11. การปฏิรูปการบริการภาครัฐ

▪โดยปรับปรุง และยกเลิกกฎหมาย กฎระเบียบ ที่เป็นอุปสรรค และภาระทางการค้าธุรกิจและการบริการประชาชน

12. ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าการลงทุนเสรี (FTA) และกลยุทธ์มินิ เอฟ
ทีเอ.(Mini FTA)ที่มีอยู่เดิมและข้อตกลงใหม่

▪ปูทางสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการของไทยในเวทีแข่งขันระหว่างประเทศ
▪พร้อมกับการใช้กองทุน เอฟทีเอ.รองรับผลกระทบทุกด้าน

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า นโยบายเหล่านี้เป็นการสานงานต่อ ก่องานใหม่ อย่างต่อเนื่อง ของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น 

▪การจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม 77 จังหวัด และศูนย์ความเป็นเลิฟเฉพาะด้าน 23 ศูนย์

▪เป็นโครงสร้างทางเทคโนโลยี และองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (R&D) 
ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2563 

▪เกิดเทคโนโลยีใหม่ 800 นวัตกรรมถ่ายทอดสู่เกษตรกรและฟาร์มเกษตร

▪การส่งเสริมนิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารใน 18 กลุ่มจังหวัดบนความร่วมมือกับสภาอุตสาห
กรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) 

▪การยกระดับเกษตรรายย่อยเป็น เกษตรแปลงใหญ่ 1 หมื่นกลุ่ม 

▪การพัฒนาอาหารแห่งอนาคต เช่น โปรตีนจากพืช จากแมลงมีกว่า 1 แสนฟาร์ม 

▪การขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) 

▪ปฏิรูปกระทรวงเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน และการบริการประชาชนจากอนาล็อค เป็นดิจิตอล

▪การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลบิ๊กดาต้า เกษตรแห่งชาติ (National Big Data Center:NABC) ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 

▪การพัฒนาโลจิสติกส์ด้วยรถไฟจีน-ลาว เปิดบริการขนส่งสินค้าได้ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2565 

▪การปฏิรูประบบบริหารจัดการผลไม้ จนส่งออกทุเรียนผลสดสร้างรายได้ทะลุ 1 แสนล้านเป็นครั้งแรกในปี 2564 

การประกันรายได้เกษตรกรพืชเศรษฐกิจหลัก ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปาล์มน้ำมัน

พสบ.28 รับน้อง พสบ.29 เสริมสร้างความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้อง ให้เกิดความรักความสามัคคี เพื่อร่วมพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป

วันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 ณ ห้องเทวกรรมรังรักษ์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี-รังสิต พัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร (พสบ.) รุ่นที่ 28 โรงเรียนกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหารบก โดยนายสกนธ์ นันท์ปิติพงศ์ เป็นประธานจัดงานรับน้อง พสบ.รุ่นที่ 29 
  
โดยมีพลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกวุฒิสภา และ พล.ท.จิรัฎฐ์ สุตาสุข เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก ให้เกียรติเข้าร่วมงาน

การจัดงานดังกล่าว เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และมิตรไมตรีอันดีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง ให้มีความรักใคร่กลมเกลียว และเกิดความรักความสามัคคี อันจะนำไปสู่การ ขับเคลื่อนกิจกรรมร่วมกันในอนาคตต่อไป 

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จัดพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมี พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. เป็นประธาน

วันนี้ (23 มี.ค.66) เวลา 09.00 น. กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จัดพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมี พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. เป็นประธาน ณ สถานีตำรวจท่องเที่ยว 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 (พัทยา)

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดปฏิบัติการปล่อยแถวปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย การกระทำความผิดในคดี 10 กลุ่มต้องห้าม, Overstay และความผิดอื่นๆ ที่มีผลการกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ พร้อมกันทั่วประเทศ และมี พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ ผกก.คธม.บช.ทท., พ.ต.อ.สมชาย ธีรภัทรไพศาล ผกก.2 บก.ทท.1, พ.ต.ท.วรพรต ผลานิสงค์ รอง ผกก.2 บก.ทท.1 , พ.ต.ท.พิชญะ เขียวเปลื้อง สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1, พ.ต.ท.ปริญ ศรีภัทรกุลชัย สว.กก.2 บก.ทท.1 เข้าร่วม ณ ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 (พัทยา) โดยมีข้อสั่งการดังต่อไปนี้

ศูนย์ KIND By CAMT มช. จัดกิจกรรมอบรมสร้างบทบาทของผู้นำด้านการจัดการความรู้ในองค์กร

วิทยาลัยศิลปะสื่อฯ โดย ศูนย์ KIND By CAMT มช. จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่ตัวแทนบุคลากรส่วนงานการไฟฟ้าทั่วประเทศเพื่อสร้างบทบาทของผู้นำด้านการจัดการความรู้ในองค์กร

วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินงานกิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรส่วนงานการไฟฟ้าทั่วประเทศ นำทีมจัดกิจกรรมและดำเนินงานโครงการโดย “ศูนย์รวมการจัดการนวัตกรรมองค์ความรู้ (KIND BY CAMT)” ได้ดำเนินการเป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารระบบการจัดการความรู้ ตามกรอบมาตรฐาน ISO 30401: 2018 Knowledge Management Systems ภายใต้ “โครงการเตรียมความพร้อมสู่มาตรฐานการจัดการความรู้” โดยกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อจัดกิจกรรมอบรมและบรรยายให้ความรู้และแนวคิดในหัวข้อ “บทบาทของผู้นำกับการจัดการความรู้ในองค์กร” เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับความรู้ และแนวคิด เกิดความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญ ของระบบการจัดการความรู้ ตามกรอบมาตรฐาน ISO 30401: 2018 โดยได้จัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การวิเคราะห์องค์กร (Context of Organization)” โดยมีบุคลากรทั้งระดับผู้บริหาร หัวหน้าส่วนงาน และตัวแทนแต่ละส่วนงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. เข้ารับการอบรมและร่วมกิจกรรมจากทั่วประเทศ จำนวนกว่า 120 คน

'ผู้บัญชาการทหารเรือ' เป็นประธานพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพเรือ (พสบ.ทร.) รุ่นที่ 20 ประจำปีงบประมาณ 2566

วันที่ 23 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น. พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพเรือ รุ่นที่ 20 ประจำปีงบประมาณ 2566 ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ กรุงเทพฯ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ร่วมในพิธีครั้งนี้

กองทัพเรือ ได้อนุมัติให้กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพเรือ รุ่นที่ 20 ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกองทัพเรือ และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อีกทั้งเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมฯ ได้เพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับความสำคัญของทะเลและการมีส่วนร่วม ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งการเรียนรู้ในงานสาขาอาชีพอื่น ที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ และพัฒนาการทำงานของหน่วยงานตนเอง โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากส่วนราชการและสถาบันต่าง ๆ เป็นวิทยากร รวมทั้งจัดการสัมมนา อภิปรายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและจัดกิจกรรมศึกษาดูงาน ในพื้นที่ของกองทัพเรือ

‘จ.บุรีรัมย์’ เตรียมจัด ‘ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง’ สุดยิ่งใหญ่ สืบสานวัฒนธรรม เสริมการท่องเที่ยว กระตุ้น ศก.ท้องถิ่น

จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับหลายหน่วยงาน เตรียมจัด งานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง อย่างยิ่งใหญ่ 31 มี.ค. – 2 เม.ย.นี้ ชมริ้วขบวนเสด็จของพระนางภูปตินทรลักษมีเทวี การแสดงแสงแห่งศรัทธาปราสาทพนมรุ้ง ขบวนแห่สักการะ ‘น้อมจิตบังคม พนมรุ้งนาฏการ’ การรำถวายสักการะใต้ร่มพนมรุ้ง จากนางรำ ทั้ง 23 อำเภอ กว่า 1,000 คน แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองประจำถิ่นของแต่ละอำเภอ มาฟ้อนรำถวาย และเชิญชวนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน ลิ้มรสอาหารพื้นเมือง ใน ‘ตลาดอารยธรรมวนัมรุง’

(23 มี.ค. 66) นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า “ในวันที่ 31 มีนาคม – 2 เมษายน นี้ ทางจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับหลายหน่วยงาน เตรียมจัดงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง ประจำปี 2566 เพื่อเป็นสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด ซึ่งการจัดงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้งในปีนี้ จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา

โดยภายในงาน จะมีกิจกรรมการแสดงมากมาย ทั้งพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่องค์พระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย ชมริ้วขบวนเสด็จของพระนางภูปตินทรลักษมีเทวี และนางจริยา นำเครื่องบวงสรวง ประกอบด้วย เทพพาหนะผู้พิทักษ์ประจำทิศทั้ง 10 นางสนมกำนัล เหล่าทหาร ข้าทาสบริวาร ดำเนินผ่านเสานางเรียงประดับด้วยธงทิวยิ่งใหญ่อลังการ

รวมทั้งชมการแสดงแสงแห่งศรัทธาปราสาทพนมรุ้ง และชมขบวนแห่สักการะ ‘น้อมจิตบังคม พนมรุ้งนาฏการ’ ชมการรำถวายสักการะใต้ร่มพนมรุ้ง จากนางรำ ทั้ง 23 อำเภอ กว่า 1,000 คน แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองประจำถิ่นของแต่ละอำเภอ มาฟ้อนรำถวาย อย่างงดงามอลังการ ซึ่งคาดว่าจะสร้างความตื่นตาและประทับใจแก่ผู้ร่วมชมงานอย่างแน่นอน” นายไชยวัฒน์ กล่าว

นิพนธ์ฯ ย้ำ กระจายอำนาจ DNA ปชป. 'ชูกระจายอำนาจลดเหลื่อมล้ำ' พร้อมยกระดับอบต. ตั้งธนาคารท้องถิ่น เดินหน้าเมืองขนาดใหญ่สู่เมืองมหานคร ย้ำ!! ไม่ตัดเสื้อโหลบังคับท้องถิ่นให้ทำเหมือนกัน

'เครือเนชั่น' ร่วมกับ สมาคมสันนิบาตเทศบาล จัดเวทีสัมมนา 'ท้องถิ่นมั่งคั่ง ประเทศมั่นคง' พร้อมการแสดงวิสัยทัศน์จากตัวแทนพรรคการเมือง ในการเพิ่มศักยภาพท้องถิ่น เพื่อความมั่นคงของประเทศ ที่ ห้องบอลรูมชั้น 5 รร.ไฮแอทรีเจนซี กรุงเทพ สุขุมวิท 

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า การกระจายอำนาจ ถือเป็นดีเอ็นเอของประชาธิปัตย์ วันที่คิดตั้งพรรคประชาธิปัตย์เมื่อ6เม.ย.2489 วันนั้นประกาศอุดมการณ์ 10 ข้อโดยเฉพาะข้อ 5 คือพรรคจะกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะท้องถิ่นอยู่ใกล้ชิดประชาชนมากกว่าส่วนกลางโดยเฉพาะอุดมการข้อ 5 จึงไม่ต้องแปลกใจว่าไม่ว่ายุคใดที่ประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลเราเป็นคนเสนอกฎหมายกระจายอำนาจ โดยเฉพาะกฏหมายเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ตั้งแต่ปี 2528 รวมทั้งในยุคที่ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี2537 เราได้ยกร่างกฏหมายในการยกฐานะสภาตำบลให้เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลจนถึงทุกวันนี้

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2542 เราได้มีการจัดทำกฎหมายแผนขั้นตอนการกระจายอำนาจซึ่งจนถึงขนาดนี้เรากระจายอำนาจไปแล้วสองแผนแผนแรกคือการกระจายภารกิจให้ท้องถิ่น 245 ภารกิจแต่มีการถ่ายโอนไปแล้วกว่า 180 ภารกิจ ขณะที่แผนที่สองมีกว่า 100 ภารกิจกระจายไปแล้วกระจายไปแล้ว 77 ภารกิจขณะที่แผนที่สามกำลังจะตามมานี่คือนี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ทำเรื่องการกระจายอำนาจ

การกระจายอำนาจเป็นหนทางที่จะลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกับชนบทเมื่อปี 2523 ในยุคที่พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการจัดทำแผนพัฒนาชนบท เราเห็นความแตกต่างระหว่างเมืองกับชนบทแต่ทันทีที่เราใช้การกระจายอำนาจมาแก้ปัญหาวันนี้เราไม่มีชนบทในประเทศไทย ไม่มีตำบลไหนที่ไม่มีถนนราดยาง การกระจายอำนาจจึงมีความสำคัญต่อประเทศ และเป็นการยืนยันว่าวันนี้เรามีการกระจายอำนาจได้แล้ววันนี้เรามีแต่เมืองขนาดเล็กขนาดกลางและขนาดใหญ่

นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ จะขับเคลื่อนเดินหน้าเมืองขนาดใหญ่ไปสู่เมืองมหานคร โดยเฉพาะเทศบาลนคร วันนี้หากเทศบาลนครใดมีความพร้อม พรรคมีความพร้อมที่จะยกฐานะให้เป็นเทศบาลมหานคร หรือหากจังหวัดไหนมีความพร้อมพรรคประชาธิปัตย์เรายืนยันที่จะให้เดินหน้าไปสู่จังหวัดจัดการตนเองอย่างแน่นอน"นี่คือสิ่งที่เรากล้าบอกกับพี่น้องประชาชนนี่คือแนวทางการกระจายอำนาจและลดความเหลื่อมล้ำที่เป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด"

อดีต รมช.มหาดไทย กล่าวด้วยว่า มักจะมีคำครหาบอกว่ากระจายอำนาจไปมากเท่าไหร่การทุจริตมากขึ้นนั้น ขอยืนยันว่า ไม่จริง ตนในฐานะเคยเป็นนายกอบจ.มาก่อน "ผมสู้เรื่องนี้มายาวนานมากเวลาใครพูดเรื่องท้องถิ่นโกง ตนจะอ้างตัวเลขปี 2552-2559 ที่มีการประกาศว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นในประเทศไทย 400,000 กว่าล้าน เชื่อหรือไม่ 200,000 กว่าล้าน กลับอยู่ที่ส่วนกลาง 100,000 กว่าล้านอยู่ที่รัฐวิสาหกิจ ขณะที่ท้องถิ่น164 ล้านเท่านั้น ที่กล่าวหาท้องถิ่นทุจริตจึงเป็นไม่เป็นความจริง"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top