Wednesday, 9 July 2025
NEWS FEED

ตำรวจ ปส.(NSB) ทลายเครือข่ายยาเสพติดผ่านระบบขนส่งทางพัสดุรายใหญ่ ยึดไอซ์ได้กว่า 350 กก.

ตำรวจ ปส.(NSB) ทลายเครือข่ายยาเสพติดผ่านระบบขนส่งทางพัสดุรายใหญ่  ยึดไอซ์ได้กว่า 350 กก. มูลค่ามหาศาลและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดได้ 4 เครือข่ายเป็นยาบ้ากว่า 12 ล้านเม็ด ไอซ์ 300 กก. คีตามีน 30 กก. ก่อนแพร่กระจายภายในประเทศ และส่งผ่านต่อไปต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์  รังไสย์  ผบก.ปส.3 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบาย ตร. ประกอบกับการเดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. อย่างเข้มข้น ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) สามารถทลาย 4 เครือข่าย ผู้ต้องหา 11 คน พร้อมของกลางไอซ์ 650 กก., ยาบ้า 12 ล้านเม็ด และคีตามีน 30 กก.
 
คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 25 พ.ค.66 เวลาประมาณ 17.15 น. ตำรวจ ปส.3 จับกุม 3 ผู้ต้องหาคือ นายกฤษณ์, นายยิ่งยศ และนายบุญเลิศ หลังได้สืบสวนติดตามกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดซึ่งใช้วิธีการส่งพัสดุไปกับบริษัทขนส่งเอกชน กระทั่งทราบว่าจะมีการส่งยาเสพติดทางพัสดุจำนวนมากอีกครั้ง ตำรวจ ปส.3 จึงได้สืบสวนจับกุม โดยทราบว่า นายบุญเลิศ ได้นำยาเสพติดส่งพัสดุและระบุให้รถขนส่งนำยาเสพติดไปวางไว้หน้าบ้านเลขที่ 316 ซึ่งเป็นบ้านร้าง ภายในซอยอ่อนนุช 70/1 แยก 2  ต่อมาได้มีนายกฤษณ์ ได้ขับรถกระบะมาหยิบกล่องพัสดุทั้งหมดขึ้นใส่ท้ายรถ ส่วนนายยิ่งยศ เพื่อนร่วมแก๊งค์ ได้ขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนคอยคุ้มกัน ก่อนจะขับรถตามกันออกไป ตำรวจ ปส.3 จึงนำกำลังเข้าสกัดจับกุมนายกฤษณ์ และนายยิ่งยศ ได้ที่บริเวณถนนในซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8 ลานจอดรถข้างโรงแรมเดอะสปริง ต่อเนื่องบริเวณทางเข้าออกจากสันติภาพลานจอดรถซอยสุภาพงษ์ 3 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ ตรวจสอบพบ ไอซ์ซุกซ่อนในซองสีน้ำตาลห่อละประมาณ 20 กก. จำนวน 20 ห่อ น้ำหนักรวม 350 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังตรวจยึดรถตู้ทึบที่ใช้ลำเลียงไอซ์มาส่งพัสดุ 1 คัน, รถกระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน จากนั้น ได้ติดตามจับกุมนายบุญเลิศ ได้ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน ปส.3 ดำเนินคดีและขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
 
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 25 พ.ค.66 ตำรวจ ปส.3 ร่วมกับหน่วย AITF ประกอบด้วย ป.ป.ส., ศุลกากร และ ศรภ. จับกุมผู้ต้องหาชาวเวียดนาม คือ นายฟาน ทัน กวิ๊ และนายโฮ ตรุง เงียน โดยตำรวจ ปส.3 สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสอง เป็นผู้ว่าจ้างรถตู้รับจ้างให้ไปส่งที่โรงแรม ในซอยสุขุมวิท 24 จึงได้ติดตามและพบว่าทิ้งกล่องลังไม้บรรจุยาเสพติดไว้ที่โรงแรมดังกล่าว จึงเชื่อว่าอาจมีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ ต่อมาตรวจสอบพบคีตามีนซุกซ่อนในโมเดลตุ๊กตา น้ำหนัก 29 กก. ซึ่งผู้ต้องหารับว่า เป็นยาเสพติดที่เตรียมจัดส่งไปต่างประเทศ และพบคีตามีน 143 กรัมและ เอ็กซ์ตาซี่ 150 กรัม พร้อมตรวจยึดเงินสด 51,000 บาท และสินค้าแบรนด์เนมกว่า 700,000 บาท จึงจับกุมผู้ต้องพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน ปส.3 ดำเนินคดีและขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 13.40 น. ตำรวจ ปส. บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส. ร่วมจับกุมตัว นายชิตวร และนายพงษ์ศรี พร้อมยาเสพติดไอซ์ 300 กก.และยาบ้า 1,000,000 เม็ด ได้ที่บริเวณแยกเขาทราย ต.เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร หลังสืบทราบว่าเครือข่ายนี้จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ทางภาคเหนือ จะมาส่งมอบให้กับลูกค้าอีกทอดหนึ่งในพื้นที่ จ.สระบุรี  จึงวางแผนจับกุม โดยเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 13.40 น. ตำรวจ บก.สกส. ได้วางกำลังตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ได้พบรถกระบะโตโยต้า หมายเลขทะเบียน 2ฒช 24xx กทม. และรถกระบะอีซูซุ หมายเลขทะเบียน บม 10xx สุโขทัย ขับขี่ไปถึงแยกเขาทราย ต.เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร มีพฤติการณ์น่าสงสัยและลักษณะตรงกับข้อมูลที่ได้รับ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม จากการตรวจสอบรถกระบะอีซูซุ หมายเลขทะเบียน บม 10xx สุโขทัย ซึ่งมีนายชิตวร เป็นผู้ขับขี่ พบยาเสพติดไอซ์น้ำหนัก 300 กก. ซุกซ่อนอยู่ที่ท้ายกระบะ ซึ่งมีผ้าใบสีดําคลุมปดทับไว้และตรวจค้นพบยาบ้า จํานวน 1,000,000 เม็ด ซุกซ่อนบริเวณ   ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังคนขับของรถยนต์คันดังกล่าว

และจับกุมนายพงษ์ศรี ซึ่งขับขี่รถกระบะโตโยต้า หมายเลขทะเบียน  2ฒช 24xx กทม. ทำหน้าที่รถนําทางและสํารวจเส้นทาง จากนั้นได้ติดตามไปตรวจยึด รถกระบะมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน บล 40xx พระนครศรีอยุธยา ซึ่งนายแย้ง (หลบหนี) ผู้ร่วมขบวนการยาเสพติด ได้จอดรถทิ้งไว้ ที่บริเวณริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 225 ต.วังบ่อ อ.หนองบัว จว.นครสวรรค์ ตำรวจ บก.สกส. จึงจับกุมผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดําเนินคดี ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีและบุคคลในเครือข่ายนี้ต่อไป
 
คดีที่ 4 สืบเนื่องจากตำรวจ ปส.2 ได้จับกุมยาเสพติด ในพื้นที่ อ.เมือง จ.อ่างทอง จากนั้นได้สืบสวนขยายผล จนทราบว่าวันที่ 7 มิ.ย.66 เครือข่ายนี้จะนำยาเสพติดจำนวนมากไปส่งที่ จ.สระบุรี โดยมีนายบุญครอง และน.ส.ธิดา ซึ่งเป็นสามีภรรยา ได้ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุสีบรอนซ์ ทะเบียน บจ 49xx บึงกาฬ ซุกซ่อนยาเสพติดที่กระบะท้ายบรรทุกยาบ้า จำนวน 19 กระสอบ มีการอำพรางโดยติดคอกเหล็กที่กระบะหลัง ในลักษณะที่ให้เห็นว่าเป็นการบรรทุกสิ่งของทั่วไป แล้วคลุมด้วยผ้ากันฝนและปกคลุมผ้าสแลนสีดำอีกชั้นหนึ่ง โดยขนยาเสพติดจาก อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร เพื่อนำไปเก็บไว้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งใน อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อรอส่งให้ลูกค้า โดยมี น.ส.บุหลัน และนายมะณูน      ใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน บธ 31xx นครพนม ทำหน้าที่สำรวจเส้นทางจาก อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร  ตำรวจ ปส.2 ได้สืบสวนติดตามรถทั้ง 2 คัน โดยตลอด จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.45 น. ของวันที่ 7 มิ.ย.66 พบว่ารถคันหมายเลขทะเบียน บจ 49xx บึงกาฬ ซึ่งบรรทุกยาเสพติด มีนายบุญครอง เป็นผู้ขับขี่ และน.ส.ธิดา นั่งไปด้วย ได้เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันบางจาก ต.ขนงพระ อ.ปางช่อง จ.นครราชสีมา จึงได้แสดงตัวจับกุม  จากการตรวจค้นพบยาบ้า 19 กระสอบ จำนวน 10,000,000 ล้านเม็ด ในรถคันดังกล่าว

ขณะเดียวกันตำรวจ ปส.2 อีกชุด ซึ่งติดตามรถคันหมายเลขทะเบียน บธ 31xx นครพนม ได้จับกุมตัวนายมะณูน และ น.ส.บุหลัน ได้ที่บริเวณ ถ.มิตรภาพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 พร้อมยาเสพติดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.2 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป 

คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 17.00 น. ตำรวจ ปส.3 ได้ร่วมกันตรวจยึดยาเสพติด ยาบ้า 1,000,000 ล้านเม็ด ได้ที่บริเวณที่พักริมทาง กม.24 ต.ทุ่งขั่วพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยก่อนเกิดเหตุ ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนทราบว่า เครือข่ายยาเสพติดกลุ่มลีซอ จะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากไปส่งให้ลูกค้า จึงเฝ้าติดตามจับกุม จนกระทั่งพบรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเล็ต ทะเบียน ขห 79xx เชียงใหม่ ขับขี่ผ่านมาถึงที่เกิดเหตุ ท่าทางพิรุธน่าสงสัย  จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ปรากฏว่าผู้ขับขี่ได้จอดรถแล้ววิ่งหลบหนีลงข้างทาง ซึ่งเป็นพื้นที่เขาสูงชัน แล้วอาศัยความชำนาญพื้นที่ หลบหนีไปได้ ตำรวจ ปส.3 ได้ตรวจสอบพบยาบ้ารวม 500 มัด จำนวน 1,000,000 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ในห้องโดยสารรถยนต์ และภายในฝากระโปรงท้ายของรถคันดังกล่าว จึงได้ตรวจยึดยาเสพติดและรถของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดี ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องและติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีต่อไป

สำหรับเดือน พ.ค.66 ตำรวจ ปส. สามารถจับกุมยาเสพติดรายสำคัญได้ 18 คดี ได้ผู้ต้องหา 54 คน ของกลางยาบ้า 20 ล้านเม็ด, เฮโรอีน 220 กก., ไอซ์ 3,250 กก.โดยยาเสพติดของกลางที่ตรวจยึดมาได้นั้นพนักงานสอบสวนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ยังหน่วยที่กำหนดไว้ อาทิ สำนักงาน ป.ป.ส.,กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นยาเสพติดของกลางจะถูกเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการทำลายต่อไป

6 ค่ายรถ EV ยักษ์ใหญ่ของจีน เล็งตั้งฐานการผลิตในไทย หวังดันไทยสู่ Hub ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งภูมิภาคเอเชีย

หากพูดถึง ‘The Big 6’ แห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ของจีน ต้องเอ่ยชื่อ BYD (Build Your Dreams), Chongqing Changan, JAC Motors, Jiangling Motors, Great Wall Motor และ Geely

ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา ‘Geely’ ตามหลัง ‘Great Wall Motor’ เดินหน้ามาลงทุนธุรกิจ EV ในไทย

‘Geely’ หนึ่งในค่ายรถรายใหญ่ของจีน มีแผนเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ของไทย ประกอบด้วย การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตั้งฐานการผลิตในไทย

Geely กำลังพิจารณาแผนการเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยครั้งใหญ่ ทั้งรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเล็ก และรถกระบะไฟฟ้า ภายใต้ยี่ห้อ ‘Radar’ สอดคล้องกับ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) คุณนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ ที่เผยว่า ได้มีการหารือกับค่ายรถ EV จีนยักษ์ใหญ่ 6 บริษัท หรือ ‘The Big 6’

ได้แก่ ‘บีวายดี’ (BYD: Build Your Dreams), ‘ฉงชิ่ง ฉางอัน’ (Chongqing Changan), ‘เจเอซี มอเตอร์’ (JAC Motors), ‘เจียงหลิง มอเตอร์’ (Jiangling Motors), เกรต วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor) และ ‘จีลี’ (Geely)

เลขาฯ BOI เสริมว่า ‘The Big’ ให้ความสนใจในนโยบายของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘มาตรการส่งเสริมการลงทุนในการตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และวางระบบห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการในภูมิภาค’

ก่อนหน้านี้ BYD (Build Your Dreams) และ Great Wall Motor ได้เดินตามแผนตั้งฐานการผลิต EV โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำลังพิจารณาการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา รถยนต์ไฟฟ้า EV ในประเทศไทย

ตามมาด้วย Geely ซึ่งเป็นรายล่าสุด ต่อจาก Great Wall Motor ที่มีแผนลงทุน ‘ปักหมุด’ EV ในไทย มูลค่าระดับหลักพันล้านบาท สอดรับกับนโยบายการรักษาสถานะผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่อันดับ 10 ของโลกของไทย ซึ่งมุ่งหวังสานต่อความสำเร็จของ Hub รถยนต์เอเชียในอดีต และต่อยอดสู่การเป็นศูนย์ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV ของภูมิภาค

ตามเป้าหมายปรับสัดส่วนการผลิตรถยนต์ 30% จากยอดการผลิตรถยนต์ 2.5 ล้านคันต่อปี ให้เป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2030 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Great Wall Motor ประกาศแผนลงทุน 30 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่แห่งใหม่ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV รุ่นเล็กในไทย ในปีหน้า หรือ ปี ค.ศ. 2024

คุณณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการบริษัท Great Wall Motor Thailand ระบุว่า บริษัทเเม่จากจีน กำลังพิจารณาตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในประเทศไทย

“แผนการลงทุนที่ไทยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ รวมถึงเรื่องการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น มาตราการเงินอุดหนุนราคารถยนต์ไฟฟ้า หรือการลดภาษีรถ EV” MD Great Wall Motor Thailand กล่าว

ในปี ค.ศ. 2022 รถยนต์ EV ยี่ห้อ ORA Good Cat ที่เป็นรถรุ่นเล็ก หรือ Compact Car ของ Great Wall Motor เป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย โดยรุ่นที่ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 828,500 บาท ซึ่งราคานี้ได้รับการอุดหนุจากรัฐ 230,500 บาท

โดย Great Wall Motor ได้เข้ามาเริ่มต้นทำธุรกิจในประเทศไทยเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่ง Great Wall Motor วางแผนที่จะผลิตรถยนต์ EV ยี่ห้อ ORA Good Cat ในไทย ในปีหน้า หรือ ปี ค.ศ. 2024 ส่วนแผนการลงทุนสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่ของ Great Wall Motor น่าจะใช้งบประมาณราว 500 ล้านบาท ถึง 1,000 ล้านบาท

ซึ่งทั้งหมดนี้ จะประกาศรายละเอียดให้ทราบในอีก 6 เดือนจากนี้ หรือในครึ่งปีหลังของปี ค.ศ. 2023 หรือไตรมาสที่ 3 ของปี ค.ศ. 2023

อย่างไรก็ดี แม้ว่า The Big 6 ทุกค่ายไล่ตั้งแต่ บีวายดี (BYD: Build Your Dreams), ฉงชิ่ง ฉางอัน (Chongqing Changan), เจเอซี มอเตอร์ (JAC Motors), เจียงหลิง มอเตอร์ (Jiangling Motors), เกรต วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor) และ จีลี (Geely) จะลงทุนในไทยเป็นมูลค่าที่สูงมากเท่าไหร่ก็ตาม

ทว่า ค่ายรถเจ้าใหญ่ (เจ้าที่) ในไทย ยังคงเป็นบริษัทญี่ปุ่น เช่น TOYOTA, ISUZU, HONDA, NISSAN, MAZDA, MITSUBISHI

เรื่อง : ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน
 

โซเชียลแชร์ภาพเด็กนักเรียนตัวน้อยในชุดลูกเสือ พร้อมบอก “เห็นเด็กใส่แล้วนึกถึงพี่คิงเลย”

วันที่ (13 มิ.ย. 66) ได้มีการแชร์ภาพของเด็กชายวสุพล วงศ์จีนา โรงเรียนพุทธ​ศาสน์​โกศล วัดวังยาว อำเภอกุยบุรี​ จังหวัดประจวบคีรี​ขันธ์ ​ในชุดเครื่องแบบลูกเสือ พร้อมกล่าวว่า “เห็นเด็กใส่แล้วนึกถึงพี่คิงเลย” เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้เกิดกรณีการถกเถียงกันสนั่นโซเชียล หลัง ‘คิง ก่อนบ่าย’ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ณภัทร คิงก่อนบ่าย ชุ่มจิตตรี’ แสดงความไม่เห็นด้วยกับกระแสการยกเลิกชุดลูกเสือ เพราะลูกเสือตรีบุญยิ่ง มีพระคุณต่อบ้านเกิดของตน พร้อมฝากคนรุ่นใหม่ให้ลองคิดทบทวนดูให้ดี ก่อนจะเปลี่ยนแปลงอะไร โดยระบุว่า…

“ครอบครัวผมไม่สามารถสนับสนุนให้มีการยกเลิกชุดลูกเสือได้จริง ๆ เพราะลูกเสือตรีบุญยิ่ง มีพระคุณต่อบ้านเกิดของผม

ผมเชื่อว่าคนอำเภอเมืองประจวบยังจำลูกเสือตรีบุญยิ่งได้ว่าเขาคือใคร และสร้างคุณประโยชน์​ให้กับอำเภอเมืองประจวบไว้อย่างไรหากใครยังไม่รู้​ ก็ลองไปศึกษา​ดู แล้วเราจะรู้คำตอบเอง และหากเข้ามาในเมืองประจวบคุณก็จะได้คำตอบเองว่าชื่อถนนแต่ละเส้น มีที่มาที่ไปอย่างไร พิทักษ์​ชาติ สละชีพ สู้ศึก

อย่างน้อยคนรุ่นใหม่​ก็ควรศึกษาไว้บ้าง เราจะได้มีเรื่องเล่าให้เพื่อนๆ หรือคนรุ่นหลังได้ฟัง สิ่งเหล่านี้เรารู้เอาไว้ ก็ไม่ได้ทำให้เราเสียหายอะไร ดีกว่าเวลามีใครถามแล้วเราตอบอะไรไม่ได้เลย โพสต์​นี้เพื่อขอบคุณ​และเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของลูกเสือตรีบุญยิ่ง ศิริเสถียรครับ #ลูกเสือ #ประจวบวิทยาลัย #วีรกรรม”

จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ต ที่ต่างพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นในหลากหลายแง่มุม ถึงประเด็นการยกเลิกชุดลูกเสือ มุมหนึ่งก็มองว่าเป็นการลดภาระของพ่อแม่ผู้ปกครองในเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องแบบชุดลูกเสือ ส่วนอีกแง่มุมหนึ่งก็มองว่าจะเป็นการด้อยค่าความสำคัญของชุดลูกเสือ ที่มีมาอย่างยาวนานของประเทศไทย และยังมองว่า การแต่งกายตามระเบียบการเรียนการสอนนั้น มีความจำเป็นอย่างมากในการฝึกให้เด็กมีระเบียบวินัย เพื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
 

‘Snow AI Profile’ แอปฯ แต่งรูปสุดฮิตที่โด่งดังในชั่วข้ามคืน แปลงโฉมให้กลายเป็นสาวเกาหลี เหมือนยกสตูฯ มาถ่ายที่บ้าน!!

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 66 แอปฯ มาแรง ยอดฮิตสาวโซเชียล ‘Snow AI Profile’ แปลงรูปเราเป็นภาพถ่ายโปรไฟล์แบบสาวเกาหลี สวย เนียน เหมือนยกสตูดิโอมาถ่ายที่บ้าน

กำลังมาแรงแบบสุดๆ ชนิดที่ใครเป็นสาวกโซเชี่ยลต้องเคยเห็นผ่านตา สำหรับแอปพลิเคชันยอดฮิตอย่าง ‘Snow’ ที่เปิดฟีลเตอร์ใหม่แปลงภาพเป็นโปรไฟล์แบบสาวเกาหลี ใช้เทคโนโลยี AI พร้อม Generated ภาพโปรไฟล์ของเรา ให้ออกมาเหมือนถ่ายในสตูดิโอเกาหลี (เนียนและสวยมาก) ด้วยแพ็กเกจเสียเงิน 2 ตัวเลือก

วิธีการ คือ

1.) ดาวน์โหลดแอปฯ Snow ผ่าน App Store หรือ Play Store โดยเป็นแอปฯ ที่มีไอคอนตัว S สีฟ้า

2.) เปิดหน้าอินสตาแกรมของแอคเคาท์ @snow_kr_official แล้วคลิกไปที่ลิงก์บนไบโอ

3.) เลือกแพ็กเกจ 2 ตัวเลือก ดังนี้
Standard : อัปโหลดภาพโปรไฟล์ 30 ภาพ ราคา 79 บาท รอ AI ประมวลผล 24 ชั่วโมง
Express : อัปโหลดภาพโปรไฟล์ 30 ภาพ ราคา 199 รอ AI ประมวลผล 1 ชั่วโมง

4.) หลังเลือกแพ็กเกจก็เข้าหน้ารอรูปให้โหลดในระบบ และห้ามกดปิดแอปฯ เด็ดขาด เพราะจะขึ้นแจ้งเตือนว่ารูปโปรไฟล์เสร็จแล้วนั่นเอง

5.) เมื่อระบบโหลดรูปเสร็จตามเวลาที่ซื้อแพ็กเกจไว้ ก็สามารถเซฟรูปเข้าเครื่องได้

แต่เนื่องจากมีปัญหาผู้ใช้งานเยอะเกินไปในขณะนี้ ทำให้ขึ้น ‘Sold Out’ ต้องใช้เวลาค้างหน้านั้นสักพักจนกว่าจะขึ้นให้กดซื้ออีกครั้ง
 

‘ลุงป้อม’ แก้ปัญหาน้ำ สานต่อโครงการตามแนวพระราชดำริฯ ป้องกันราษฎรขาดแคลนน้ำ อุปโภค-บริโภค-เกษตรกรรม

วันนี้ (12 มิ.ย.66) เวลา14.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ลงพื้นที่ปฏิบัติราชการต่อเนื่อง จ.เพชรบูรณ์ หลังจากในช่วงเช้าได้เป็นประธานมอบหนังสืออนุญาต เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในป่าสงวนแห่งชาติ ตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) โดยในช่วงบ่าย พล.อ. ประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อตรวจ ติดตามความคืบหน้า โครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำ อ่างเก็บน้ำคลองลำกุง ต.วังท่าดี อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ 

พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้รับฟังการบรรยายสรุปและรับทราบผลการดำเนินงานจาก  นายสุชาติ กาญจนวิลัย ผอ.โครงการชลประทานเพชรบูรณ์ ซึ่งโครงการดังกล่าว เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2519 โดยความรับผิดชอบของกรมชลประทาน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรจากการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค และการเกษตรกรรม ในขณะนั้น ต่อมาในปี 2547 - 2548 รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริ ว่า " ควรพิจารณาวางโครงการเก็บกักน้ำตอนบน ของลำน้ำสาขาแม่น้ำป่าสัก ไว้ให้มากเพื่อใช้ในด้านการเกษตร และป้องกันอุทกภัย เนื่องจากน้ำเหนือเขื่อนป่าสักมีจำนวนมาก โดยให้พิจารณาจัดเก็บกักให้เหมาะสม " ทั้งนี้กรมชลประทานได้น้อมนำมาปฏิบัติ ซึ่งโครงการดังกล่าว มีระบบส่งน้ำแบ่งเป็นประเภท ระบบท่อส่งน้ำและระบบคลองส่งน้ำ มีความยาวรวม 99 ก.ม. และหากดำเนินการแล้วเสร็จ จะมีพื้นที่รับประโยชน์ที่เป็นพื้นที่เพาะปลูกในฤดูฝน จำนวน 50,000 ไร่ และในฤดูแล้ง จำนวน 22,000 ไร่ รองรับพื้นที่ 4 ตำบล ของ อ.หนองไผ่ จ. เพชรบูรณ์ ซึ่งการก่อสร้าง งป. ปี 62-70 ได้ดำเนินการไปแล้ว 78.93 % (1,250 ล้านบาท)

พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำชับ กรมชลประทาน ให้เร่งรัดการก่อสร้างระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองลำกง ให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามแผนงาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่ ป้องกันการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และเพื่อการเกษตรกรรม ตามแนวพระราชดำริฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งเสริมการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจท้องถิ่น จ.เพชรบูรณ์ และ จังหวัดใกล้เคียงด้วย จากนั้นได้พบปะพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับ อย่างเป็นกันเอง ก่อนเดินทางกลับ กทม.

“อลงกรณ์”ฟันธง”พิธา”รอดคดีหุ้นไอทีวี.เชื่อจบในชั้น กกต. ภายใน45วัน

วันนี้นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีและอดีตส.ส.หลายสมัยเขียนเฟสบุ๊ควิเคราะห์คดีหุ้นไอทีวี.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เรื่อง “กรณีหุ้นไอทีวี.จบในชั้นกกต.เรื่องง่ายๆไม่มีอะไรซับซ้อน” โดยสรุปว่านายพิธาไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นไอทีวี. จึงไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา151และชี้ว่าคดีนี้จะจบลงในชั้น กกต. ภายใน45วันโดยมีข้อความดังนี้

ผมติดตามเรื่องหุ้นไอทีวี.และมีความเห็นส่วนตัวในฐานะอดีต ส.ส. และอดีตรัฐมนตรี
จึงขออนุญาตแสดงความเห็นตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงในข้อเขียนสั้น ๆ เรื่อง
”กรณีหุ้นไอทีวี. จบในชั้น กกต. เรื่องง่าย ๆไม่มีอะไรซับซ้อน” ดังนี้ครับ

“กรณีหุ้นไอทีวี.จบในชั้น กกต. เรื่องง่ายๆไม่มีอะไรซับซ้อน”

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มีการระบุไว้ในมาตรา 98(3) ซึ่งว่าด้วยคุณสมบัติที่ห้ามลงสมัคร ส.ส. โดยระบุว่า “ห้ามเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ”
ดังนั้นกฎหมายลูกคือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติม 2566 จึงบัญญัติมาตรา 151 ความว่า “..ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร …(ลักษณะต้องห้ามเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อ)

กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ถือครองเป็นเจ้าของหุ้นไอทีวี.จะเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 151ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติม 2566 หรือไม่

เรื่องนี้มีหลายมุมมอง แต่สำหรับผมมีความเห็นดังนี้ครับ


1.ประเด็นหุ้นไอทีวี.ไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะมีคำถามเดียวที่ต้องพิสูจน์คือ หุ้นไอทีวี.เป็นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือเป็นของกองมรดกที่นายพิธาเป็นผู้จัดการมรดก เป็นปมสำคัญที่สุด

2.การพิจารณาข้อกฎหมายเรื่องหุ้นไอทีวี.ของนายพิธาคือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยเฉพาะ บรรพ 6 ว่าด้วยมรดก

3.จากการประมวลข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบโดยปราศจากอคติจากทุกฝ่ายได้ความว่า นายพิธาถือหุ้นในนามผู้จัดการมรดกไม่ใช่ถือในนามส่วนตัวและในฐานะทายาทได้สละมรดกแล้วซึ่งมีผลว่าไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นตั้งแต่ปี2550

4.เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงจึงสรุปได้ว่า นายพิธาไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 151

5.ดังนั้นประเด็นเรื่องหุ้นไอทีวี.จะปิดสำนวนในชั้นกกต.ภายใน30วันหรือ 45วัน การพิจารณาประเด็นหุ้นไอทีวี.ต้องยึดหลักความยุติธรรมโปร่งใสเป็นบรรทัดฐานในการวินิจฉัย อย่าทำให้เป็นคดีการเมือง
ผมสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งแข่งขันกับนายพิธาและพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่เป็นหน้าที่ที่เราต้องช่วยผดุงความยุติธรรมเมื่อเห็นว่ามีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นกับใครก็ตามแม้แต่คู่แข่งทางการเมือง

เพราะความยุติธรรมที่เที่ยงธรรมจะไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในบ้านเมือง
การบริหารประเทศด้วยหลักนิติรัฐและนิติธรรมสำคัญที่สุดสำหรับประเทศไทยในวันนี้และวันข้างหน้าครับ.
 

ร่วมกิจกรรม รักษ์ทะเลและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมเกาะเกล็ดแก้ว รร.ชุมพลทหารเรือ

วันที่ 12 มิ.ย.66 นาวาเอก จิระวัฒน์ อภิภัทรชัยวงศ์ ผู้บังคับการโรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ เป็นประธาน เปิดกิจกรรมวันทะเลโลก "รักษ์ทะเล รักษ์เกาะเกล็ดแก้ว" ว่ายน้ำเก็บขยะรอบเกาะและบนเกาะเกล็ดแก้ว ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดยมี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียนจ่าทหารเรือ รร.ชุมพลทหารเรือ หน่วยงานภาครัฐ นักว่ายน้ำ จิตอาสา กลุ่มอาสาสมัครเพื่อการอนุรักษ์ทะเล ข้าราชการและประชาชน เกือบ 200 คน เข้าร่วมกิจกรรม
ผู้บังคับการ โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กล่าวว่า สำหรับเกาะเกล็ดแก้วถือเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางทะเลและระบบนิเวศในทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดชลบุรี โดยเฉพาะหาดเกล็ดแก้วก็เช่นเดียวกัน เป็นชายหาดที่สวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยวและพักผ่อน ปัจจุบันประสบกับปัญหาขยะทะเล

โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่ส่งผลให้ทรัพยากรทางทะเลได้รับความเสียหาย โรงเรียนชุมพลทหารเรือ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ จึงได้จัดกิจกรรมวันทะเลโลก "รักษ์ทะเล รักษ์เกาะเกล็ดแก้ว" ขึ้น เพื่อปลุกจิตสำนึกในการรักษ์ทะเลรักษ์เกาะเกล็ดแก้ว ด้วยการจัดกิจกรรมร่วมเก็บขยะบริเวณชายหาดเกล็ดแก้ว และว่ายน้ำเก็บขยะรอบเกาะเกล็ดแก้ว ให้มีความสะอาดเป็นธรรมชาติทางทะเลที่มีความสวยงามและอุดมสมบูรณ์

โดยการจัดกิจกรรมโครงการ "รักษ์ทะเล รักษ์เกาะเกล็ดแก้ว" มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการตระหนักถึงความสำคัญของท้องทะเล ปลุกจิตสำนึกให้แก่เยาวชน โดยเฉพาะนักเรียนจ่าทหารเรือ รวมทั้งทุกคนให้มีความรักทะเลและรู้จักรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างความร่วมมือสร้างพลังรักษ์ทะเลขึ้น

ซึ่งการจัดกิจกรรมในวันนี้ ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง จากหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานภาคเอกชนหลายๆ หน่วยงาน อาทิ เทศบาลตำบลบางเสร่ เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว มูลนิธิรักษ์ปะการัง โดยความอุปถัมภ์ของ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน ฝั่งตะวันออก โรงเรียนพลูตาหลวงวิทยา  บริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน)
รวมทั้งกลุ่มอาสาสมัครเพื่อการอนุรักษ์ทะเล นำโดย พลเรือโท ชูศักดิ์ ชูไพฑูรย์ นำกลุ่มนักว่ายน้ำจิตอาสาเพื่อการอนุรักษ์ทะเล หรือ VOSEA (Volunteers for Sea )

โดยการสนับสนุนจาก บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมกิจกรรมว่ายน้ำไปเก็บขยะรอบเกาะเกล็ดแก้ว "รักษ์เต่า รักษ์ทะเล ลดขยะ" เพื่อเป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ลดผล กระทบของขยะทะเล ก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ ห่วงโซ่อาหารใต้ท้องทะเลมีสภาพดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเล ให้เกิดความยั่งยืนในอนาคตต่อไปอีกด้วย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 909535645
วิมล 0811013663 ผู้ประสานงาน
 

สืบนครบาลจับกุมบัญชีม้าแม่ลูกอ่อนหลอกลงทุนเทรดหุ้นคลิปโต อ้างสามีเป็นผู้ชักชวนจนทำร้ายตนเอง

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก

โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบนครบาลตรวจพบว่า นางสาวปรียานุช  มั่นมาก มีบัญชีธนาคาร จำนวน 6 บัญชี เป็นบัญชีม้าไว้สำหรับการหลอกลงทุนออนไลน์ประเภทหุ้นคลิบโตเพื่อสร้างรายได้ทางออนไลน์ รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 1 ล้านบาท

เมื่อถูกสืบนครบาลจับกุม ยอมรับว่าสามีเป็นคนชักชวนเปิดบัญชี เมื่อรู้ว่าถูกออกหมายจับ สามีชิงฆ่าตัวตาย ทิ้งให้ตนเลี้ยงลูกเพียงลำพัง 3 คน คนโตอายุ 13 ปี คนเล็ก อายุ 2 เดือน  ชุดปฏิบัติสืบนครบาลจึงประสานครอบครัวให้มาดูแลเด็กๆ และสนับสนุนค่าเลี้ยงดู

วันที่ 11 มิถุนายน 2566  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. /หัวหน้าชุด PCT 5 ,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ  พ.ต.ต.กฤตวัฒน์ ขุนอินทร์  สว.กก.สส.1ฯ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ชป.3) กก.สส.1 บก.สส.บช.น.ได้ร่วมกันจับกุมตัวนางสาวปรียานุช  มั่นมาก อายุ 31 ปีที่อยู่ 146/15 ม.2 ต.รังสิต อ.ธัญบุรี หมายจับ ศาลอาญา ที่ 550/2566 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566กระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน" หมายจับ ศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 71/2566 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2566กระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน"

โดยกล่าวว่า ฉ้อโกงประชาชน
สถานที่จับกุม ฟิวเจอปาครังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าเมื่อประมาณ เดือนเมษายน 2565 แฟนของผู้ต้องหา นายมาดแมน ศรีเพชร ได้ชักชวนให้ผู้ต้องหาได้เปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน6 บัญชี เพื่อที่จะใช้ลงทุนออนไลน์ หารายได้ ต่อมาปรากฏว่า เดือนพฤษภาคม2566 นายมาดแมนฯ ได้ฆ่าตัวตายเนื่องจาก ทราบว่าตนถูกหมายจับเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชน ต่อมาในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบนครบาลมาจับกุมตน ซึ่งตนรู้ตัวว่าตนนั้นจะต้องถูกดำเนินคดี ในชั้นจับกุมให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรายละเอียดคดี  สน.สายไหม

หลอกลงทุนเทรดหุ้นคลิปโต เมื่อลงทุนแล้วไม่สามารถถอนกำไรได้ จำนวน 537,229 บาท   ส่วนสน.แม่จัน จว.เชียงรายหลอกลงทุนเทรดหุ้นคลิปโต บริษัท อมตะ ซึ่งหลอกลวงว่าให้ผลตอบแทนสูง ความเสียหายทั้งสิ้น 269,512 บาท

ต่อมาชุดสืบสวนได้ประสานครอบครัวของผู้ต้องหามารับเด็กๆไปดูแล และมอบเงิน จำนวน 2,000 บาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสำหรับเด็กๆ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. /หัวหน้าชุด PCT 5 กล่าวว่าขอแจ้งเตือนไปยังผู้กระทำผิด ว่าท่านไม่สามารถหลบรอดกฎหมาย  และประชาชนหากมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งมายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.

‘ลุงป้อม’ ชื่นชม การแก้ไขปัญหานำร่องที่ดินคืบหน้า ย้ำ ต้องเร่งช่วยเหลือ ให้ทั่วถึงทุกภาค

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีพร้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ดินทำกิน และการบริหารจัดการน้ำให้ทั่วถึงตามนโยบายของรัฐบาล

โดย พล.อ. ประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปที่ว่าการ อ.หนองไผ่ มี ผวจ. เพชรบูรณ์ และ หน.ส่วนราชการต่างๆให้การต้อนรับ เพื่อรับทราบความคืบหน้าการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล จาก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งในภาพรวมพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ สามารถบริหารจัดการพื้นที่จาก ป่าห้วยทินและป่าคลองตีบ ป่าลุ่มน้าป่าสักฝั่งซ้าย ป่าห้วยน้าโจนและป่าวังสาร ป่าวังโป่ง ชนแดนและป่าวังกำแพง ให้ชุมชนได้แล้วถึง 12,224 ไร่ ประชาชนสามารถเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าร่วมกันได้เกือบ 1,215 ราย

ต่อจากนั้นได้กระทำพิธีมอบหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยภายในป่าสงวนแห่งชาติ ให้กับประชาชนที่ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน และมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ( ส.ป.ก. 4-01) กับประชาชน ป่าเขาโปลกหล่น ต.ทุ่งสมอ และ ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ รวมจำนวน 231 คน พื้นที่ 261 แปลง รวม 1,722 ไร่

พล.อ. ประวิตร’ กล่าวชื่นชมและพอใจ การทำงานร่วมกันของ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และส่วนราชการต่างๆที่ร่วมกับขับเคลื่อนแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน จากความเหลื่อมล้ำในการถือครองที่ดิน ตามนโยบายรัฐบาล

โดยย้ำขอให้ เร่งเข้าไปช่วยเหลือประชาชนอีกมาก ที่ยังไม่มีที่ดินทำกินให้ทั่วถึงทุกภาค โดยให้บริหารความสมดุลของการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ และให้ตามไปส่งเสริมพัฒนาอาชีพและสาธารณูปโภค เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน

ต่อจากนั้น บ่ายวันเดียวกัน ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้า การก่อสร้างระบบส่งน้ำ อ่างเก็บน้ำคลองลำกง ต.วังดี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 5,000 ไร่

รถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ระยะ 1 พร้อมรองรับ 50,000 คนต่อชั่วโมง/ทิศทาง

เพจเฟซบุ๊ก ทันข่าว Today ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วง กทม.-นครราชสีมา โดยมีใจความว่า ...      

โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วง กทม.-นครราชสีมา ประกอบด้วย 6 สถานี คือ สถานีกลางบางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา สระบุรี ปากช่อง และนครราชสีมา ระยะทางรวม 250.77 กม. 

กำหนดสร้างแล้วเสร็จในปี 2569 มี 15 สัญญา แบ่งเป็นงานโยธา 14 สัญญา งานระบบ 1 สัญญา ขณะนี้ ก่อสร้างเสร็จแล้ว 1 สัญญา อยู่ระหว่างก่อสร้าง 10 สัญญา และรอการลงนาม 3 สัญญา

คาดว่า จะใช้ขบวนรถรุ่น ฟู่ซิงห้าว (Fuxing Hao) CR300AF มาให้บริการ แบ่งประเภทที่นั่งได้ 3 ระดับ คือ ชั้น 1 แบบเก้าอี้เดี่ยว ชั้น 2 ประเภทธุรกิจ และชั้น 3 ความจุ 600 คน/ขบวน ต่อพ่วงได้ 3-10 คัน/ขบวน รองรับผู้โดยสารได้ 5 หมื่นคน/ชั่วโมง/ทิศทาง

จีนพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยี ทักษะและองค์ความรู้เกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูง 11 ด้านให้ไทย เช่น วัสดุที่ใช้ในการสร้างรางรถไฟ, แนวปฏิบัติในการวางรางในภูมิประเทศลักษณะต่าง ๆ, การออกแบบสถานีให้ผู้โดยสารสัญจรไปมาได้ดีขึ้น, การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำหรือแหล่งอื่น ๆ ด้วยความเร็วที่มากขึ้นและต้นทุนที่ต่ำลง, การออกแบบและสร้างอุโมงค์ที่ปลอดภัย รวมถึงอบรมการบริหารรถไฟความเร็วสูง การซ่อมบำรุง และการขับรถไฟ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top