Wednesday, 2 July 2025
NEWS FEED

หาบเร่แผงลอยซึ้ง 'ลุงตู่ รมว.เฮ้ง' ช่วยปันน้ำใจทำข้าวกล่องร้านค้าสู่แรงงาน มีรายได้ สู้โควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้ นางสาวญาดา พรเพชรรัมภา ประธานชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร และสมาชิก เข้าพบเพื่อมอบกระเช้าให้กำลังใจและขอบคุณ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่าน รมว.แรงงาน ที่ได้ให้ความช่วยเหลือสมาชิกชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานครในการทำข้าวกล่องส่งแคมป์คนงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามโครงการปันน้ำใจร้านค้าสู่แรงงาน ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายจำลอง ช่วยรอด คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า โครงการปันน้ำใจร้านค้าสู่แรงงาน กรมการจัดหางานจะให้ความช่วยเหลือด้านอาหารวันละ 1 มื้อ ตั้งแต่วันที่ 12 – 27 กรกฎาคม 2564 เป้าหมายแคมป์คนงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 520 แห่ง 750,000 กล่อง และปริมณฑล จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร นครปฐม สมุทรปราการ รวมจำนวน 797 แห่ง 500,000 กล่อง โดยมีผู้ร่วมโครงการ ได้แก่ ชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร สมาคมผู้ขับขี่รถรับจ้างแห่งประเทศไทย สมาคมภัตตาคารไทย และร้านค้าบริเวณแคมป์ก่อสร้าง รวม 132 แห่ง

นางสาวญาดา พรเพชรรัมภา ประธานชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในวันนี้ดิฉันและสมาชิกชมรมหาบเร่แผงลอยได้เดินทางมามอบกระเช้าเพื่อขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ผ่านท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ท่านเมตตาและเห็นความสำคัญแม่ค้าหาบเร่แผงลอยที่ได้ช่วยเหลือชมรมให้ได้เข้าร่วมโครงการปันน้ำใจร้านค้าสู่แรงงาน โดยการจัดทำข้าวกล่องส่งแคมป์คนงาน ซึ่งสมาชิกที่ได้เข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 12-27 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 16 วัน ทุกคนต่างพ้นวิกฤตจากความทุกข์ร้อนไปได้ และในวันนี้ดิฉันในฐานะประธานชมรมหาบเร่แผงลอยได้พูดคุยกับสมาชิกในชมรมและให้แรงบันดาลใจว่า เมื่อเราได้มีโอกาสได้รับการช่วยเหลือแล้ววันหนึ่งเราควรจะคืนโอกาสให้สังคม โดยหลังเสร็จสิ้นโครงการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมแล้ว ชมรมได้จัดทำข้าวกล่องเพื่อแจกจ่ายให้กับคนเร่ร่อน จำนวน 5,500 กล่อง 


 นางสาวศศิมล หุ้ย หรือ ป้าไก่ ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในวันนี้พวกเรามาขอบคุณรัฐบาล ท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และท่านรัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น ที่ให้โอกาสพวกเรา ได้มีงานทำและมีรายได้ เพื่อเงินยังชีพ เลี้ยงครอบครัวได้

“มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการเสริมที่กระทรวงแรงงานขอความร่วมมือนายจ้าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด -19 นอกจากจะดูแลคนงานในแคมป์แล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก หาบเร่แผงลอยที่ได้รับผลกระทบจากโควิดให้มีรายได้จุนเจือครอบครัว ก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังตามนโยบายของรัฐบาล” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

กระทรวงแรงงาน รับมอบไข่ไก่ 56,440 ฟอง จากภาครัฐ เอกชน และเครือข่ายความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน รับมอบไข่ไก่จากบริษัท เบทาโกร บริษัท ซันฟู๊ด ร่วมกับเครือข่ายความปลอดภัยในการทำงาน และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และสมุทรสาคร จำนวน 56,440 ฟอง เพื่อให้กระทรวงแรงงานนำไปช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมี นายวรรณรัตน์ ศรีสุกใส รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ บริเวณโถงชั้นล่าง อาคารกระทรวงแรงงาน

ทั้งนี้ อาหาร และสิ่งของที่จำเป็นที่กระทรวงแรงงานได้รับมอบจากภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน กระทรวงแรงงานจะได้นำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อาทิ แคมป์คนงานต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล คนขับรถแท็กซี่ รวมทั้งสมาคม องค์กรสาธารณกุศล และผู้นำชุมชนต่าง ๆ เพื่อจะได้นำไปแจกจ่ายให้แก่พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อีกทางหนึ่งด้วย

นายสุทธิ กล่าวว่า ในวันนี้กระทรวงแรงงาน โดยท่านสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้มอบหมายให้ผมรับมอบไข่ไก่จากภาคเอกชนอย่างบริษัท เบทาโกร บริษัท ซันฟู๊ด ร่วมกับเครือข่ายความปลอดภัยในการทำงาน และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร นำไข่ไก่มามอบให้กระทรวงแรงงาน จำนวน 56,440 ฟอง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งนี้ ท่าน รมว.แรงงาน ยังได้ฝากขอบคุณภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และเครือข่ายความปลอดภัยในการทำงานที่ได้เห็นความตั้งใจในการช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานในยามยากลำบาก ซึ่งสอดคล้องตามเจตนารมณ์ของท่านนายกรัฐมนตรีและนโยบายของรัฐบาล โดยจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอีกด้วย

“ประวิตร” เร่งฟื้น "แสนแสบ" ให้ใสสะอาด กำชับแผนงานป้องน้ำท่วมให้ทันกรอบเวลา 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟูคลองแสนแสบ ครั้งที่ 4/2564  ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์

โดยที่ประชุมเห็นชอบให้เร่งขับเคลื่อนแผนงานที่สำคัญ อาทิ จัดหาเครื่องมือจัดการตะกอนท้องคลอง สร้างเขื่อนแนวคลอง การควบคุมคุณภาพน้ำทิ้ง โครงการบำบัดน้ำเสีย แก้ไขปัญหาการรุกล้ำริมคลอง จัดการจราจรทางน้ำให้ปลอดภัย ไร้มลพิษทางเสียงและกลิ่น ติดตั้งกล้องซีซีทีวีทุกท่าเรือ ใช้เรือไฟฟ้าแทนเรือน้ำมันดีเซล กำจัดสิ่งกีดขวางและระบายน้ำ รวมถึงส่งเสริมกิจกรรมกลุ่มเยาวชนรักษ์น้ำ คืนความใสให้ลำคลองให้ต่อเนื่อง ตามที่รัฐบาลให้ความสำคัญเพื่อฟื้นฟูคลองแสน แสบ ซึ่งขุดขึ้นมาตั้งแต่สมัย รัชกาลที่3 เพื่อใช้สัญจรและขนส่ง เชื่อมเส้นทางแม่น้ำบางปะกงและแม่น้ำเจ้าพระยา และปัจจุบันเป็นเส้นทางโดยสาร ให้กลับมาสวยงาม น้ำใสสะอาด มีความปลอดภัย และเป็นคลองระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กทม.และปริมณฑล 

นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าแผนปฏิบัติการพัฒนา ฟื้นฟูสภาวะแวดล้อมคลองแสนแสบ จำนวน 84 โครงการ เพื่อเสนอครม.พิจารณาเห็นชอบต่อไป 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่ กทม. กรมชลประทาน กรมเจ้าท่ากรมโยธาธิการและผังเมืองกรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และกรมโรงงานอุตสาหกรรม เร่งพัฒนาฟื้นฟูคลองแสนแสบ และบริหารจัดการน้ำให้เสร็จทันตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยปรับแผนให้รองรับตามมาตรการป้องกันโควิด-19

‘หมอยง’ ชี้ ไทยต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 85% ย้ำ ต้องพัฒนาวัคซีนมาสู้ให้ทันเชื้อที่ระบาดหนัก

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอธิบายถึงโควิด-19 ภูมิคุ้มกันหมู่ หรือ herd immunity ที่ต้องการเพื่อหยุดยั้งการระบาดว่า...

ถ้าประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันป้องกันโรคเป็นจำนวนมาก ปัญหาการระบาดก็จะทุเลาลง และจะสามารถควบคุมได้ หรืออัตราการตายต้องน้อยลง ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ต้องการ เราคำนวณมาจากความสามารถในการกระจายโรค แต่เดิมสายพันธุ์อู่ฮั่นการกระจายโรคจาก 1 คนติดไปสู่ผู้อื่นประมาณ 2-3 คน การคิดภูมิคุ้มกันหมู่ เรามีสูตร 1-1/อํานาจการกระจายโรค ถ้าอํานาจการกระจายโรคเป็น 3 ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ต้องการยุติโรค 1-1/3 หรือเท่ากับ 66% เราจึงคิดจะให้วัคซีนกับประชากรไทยให้ครอบคลุมให้ได้ 70% หรือประมาณ 50 ล้านคน ต้องใช้วัคซีน 100 ล้าน dose

แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไปไวรัสตัวจากสายพันธุ์อู่ฮั่น ให้การกระจายโรคเท่ากับไข้หวัดใหญ่อยู่ที่ 2 ต่อมา เป็นสายพันธุ์ G ติดง่ายขึ้น สมมุติเป็น 1.5 เท่า และต่อมาเป็นสายพันธุ์ Alpha (อังกฤษ) ก็ติดต่อได้ง่ายขึ้นอีก สมมุติเป็น 1.5 เท่าอีก และเมื่อมาเป็นสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ก็ติดได้ง่ายขึ้นอีกสมมุติเป็น 1.5 เท่าอีก เมื่อเป็นเช่นนี้การกระจายโรคตั้งแต่อยู่ที่จีนถ้ามีค่าเท่ากับ 2 เมื่อมาถึงสายพันธุ์เดลตาหรืออินเดีย ก็จะเท่ากับ 2X1.5X1.5X1.5 คือ 6.75 หรือกล่าวว่าผู้ป่วย 1 คนสามารถกระจายโรคไปให้ผู้อื่นได้ 7 คน จึงทำให้เห็นโรคนี้ติดต่อกันง่ายมากขึ้น หาต้นต่อการติดต่อไม่ได้เลย

ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ต้องการ ก็จะเปลี่ยนไปเป็น 1-1/7 หรือเท่ากับ 85% แสดงว่าเราต้องการให้วัคซีน ในประชากรเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อย 85 เปอร์เซ็นต์ และถ้าทั่วโลกต้องการเพิ่มกันหมดทุกประเทศ ในการควบคุมการระบาดของโรค ปริมาณวัคซีนที่ขณะนี้ก็มีไม่เพียงพออยู่แล้วก็จะยิ่งไม่เพียงพอใหญ่ และบางประเทศจะเริ่มให้เข็ม 3 อีก ก็จะทำให้ยิ่งขาดแคลนมากขึ้น

ประเทศสหรัฐอเมริกา เจอสายพันธุ์ที่ติดง่ายขึ้น เดลตา แบบที่เราเจอ ก็มีผู้ป่วยร่วมแสนต่อวัน ฝรั่งเศส อังกฤษ ประชากรใกล้เคียงกับไทยมีการติดเชื้อต่อวัน ไม่น้อยกว่าประเทศไทย ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนมากกว่าประเทศไทยมาก อัตราตายที่เกิดจากการฉีดวัคซีนแล้วจะน้อยกว่า

ประชากรเด็กจะเป็นประชากรอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะต้องกระตุ้นให้มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเด็กจะไม่มีอาการมาก แต่ก็จะแพร่กระจายเชื้อได้เป็นอย่างดี ถ้าต้องการให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ตามเป้าหมาย และวัคซีนในยุคต่อไปจะต้องพัฒนาให้ตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาดใหญ่อยู่ตลอดเวลา


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=6093988397310393&id=100000978797641


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

บรูไนฟังเสียงประชาชน เบรกเรือรบอินเดียขึ้นฝั่ง เหตุเป็นห่วงเสี่ยงเชื้อระบาด

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nina Nutthinee ซึ่งเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศบรูไน ได้โพสต์ข้อความถึงความเด็ดขาดในการรับมือกับเชื้อโควิดของบรูไนว่า...

ทราบข่าวว่าเรือรบจากอินเดีย 2 ลำ จะมาถึงบรูไน

บอกว่ามาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือ 2 ประเทศ

แต่คนเข้าไปคอมเมนต์ต่อว่ากันใหญ่

จนกระทรวงกลาโหมบรูไน ต้องออกมาบอกว่า

จะไม่มีการร่วมฝึกใด ๆ

และจะไม่อนุญาตให้ลงมาจากเรือด้วยค่ะ

เรื่องนี้ถือเป็นอีกตัวอย่างของมาตรการป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลตา

ดีนะฟังเสียงประชาชน และ Take Action, Very Fast.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

หมอสันต์ ใจยอดศิลป์ ย้ำอย่าตื่น ถอนงานวิจัยฟ้าทะลายโจร ระบุเป็นการถอนต้นฉบับ เพื่อแก้ไขตัวเลขที่คำนวณผิดพลาดเท่านั้น ไม่ได้มีข้อสรุปเลยว่าใช้รักษาโควิดไม่ได้ผล ชี้ขนาดยาฟาวิพิราเวียร์ที่ใช้รักษาโควิดก็ยังมีข้อมูลวิจัยน้อยมาก

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 64 โดยระบุ "เมื่อวานนี้ผมเล่าเรื่องคณะผู้วิจัยชาวไทย ที่ทำวิจัยฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดได้ขอถอนต้นฉบับของตัวเองกลับออกมาจากเว็บไซต์งานวิจัยรอตีพิมพ์ (medRxiv) เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดในการคำนวณเชิงสถิติในประเด็นการคิดค่านัยสำคัญทางสถิติ (p-value) คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ตัดเอาบทความของผมครึ่งบรรทัดไปโพนทะนาผ่านทางหนังสือพิมพ์และสื่อต่าง ๆ ว่าฟ้าทะลายโจรใช้รักษาโควิดไม่ได้ผลเสียแล้วควรต้องเลิกใช้...ไปโน่นเลย ผู้คนก็พากันกระต๊าก กระต๊ากต่อ ๆ กันไป ซึ่งเป็นการตัดบทความของผมเอาไปแค่บรรทัดเดียวแล้วเอาไปกระเดียดที่ได้ผลแบบอะเมซซิ่งทิงนองนอยมากส์

ตัวผมเองไม่ถือสานะครับ เพราะเรื่องก็ดี ชื่อก็ดี ภาพของผมก็ดี มักมีคนชอบเอาไปทำยำใหญ่ใส่สาระพัดเป็นประจำอยู่แล้ว เอาไปขายยาสีฟันก็ยังเคยมีเลย หิ หิ ครั้งนี้ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่กลับมองเห็นเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ผู้คนได้หันมาสนใจและพยายามทำความเข้าใจงานวิจัยทางการแพทย์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะได้ไม่ถูกคนกระเดียดข้อมูลให้ตื่นตกใจได้ง่าย ๆ

ขอย้อนไปเริ่มต้นที่สนามหลวงก่อนนะ

เมื่อมีโรคโควิด-19 มา ได้มีการทำวิจัยในห้องทดลองที่ไต้หวันและในเมืองไทย แล้วสรุปผลได้ตรงกันว่าฟ้าทะลายโจรระงับยับยั้งเชื้อไวรัสซาร์สโค วี2 ซึ่งเป็นเชื้อต้นเหตุของโรคโควิด-19 ทั้งนอกเซลและในเซลได้ [1,2]

ต่อมาก็ได้มีการทดลองใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด-19 ในคนกลุ่มเล็ก (case series) จำนวน 6 คน ซึ่งสรุปผลได้ว่าฟ้าทะลายโจรในขนาดที่ใช้ (180 มก. ของแอนโดรกราฟโฟไลด์ต่อวัน นาน 5 วัน) สัมพันธ์กับการที่ไวรัสลดจำนวนลงและหมดไปจากตัว (viral shedding) ได้ โดยที่ไม่มีผลข้างเคียงที่มีนัยสำคัญ งานวิจัยนี้ไม่ได้ตีพิมพ์ แต่นำเสนอในที่ประชุมวิชาการโดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

ต่อมาพัฒนาการทางวิชาการในเรื่องนี้ก็แยกกันทำไปสองทาง ทางหนึ่งคือได้มีการทำวิจัยแบบย้อนหลังตามดู (retrospective cohort study) กลุ่มคนไข้โควิด-19 ที่ได้รับการรักษาต่างกันสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งใช้ฟ้าทลายโจร 309 คน อีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้ใช้ฟ้าทลายโจร 526 คน แล้วพบว่ากลุ่มที่ได้ฟ้าทลายโจรเป็นปอดบวม 3 คน (0.9%) กลุ่มที่ไม่ได้ฟ้าทลายโจรเป็นปอดบวม 77 คน (14.64%) ซึ่งเป็นความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.001) งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในรูปของรายงานสรุป (short communication) ในวารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

อีกด้านหนึ่งก็มีการทำวิจัยการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด-19 ในรูปของการวิจัยแบบสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ (RCT) ซึ่งถือว่าเป็นระดับหลักฐานชั้นสูงสุดของการวิจัยทางการแพทย์ รายละเอียดของงานวิจัยมีอยู่ว่าผู้วิจัยได้ใช้ผู้ป่วย 57 คน สุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่ง 29 คน ให้กินฟ้าทะลายโจรซึ่งมีเนื้อยาแอนโดรกราฟโฟไลด์ 180 มก.ต่อวัน กินนาน 5 วัน อีกกลุ่มหนึ่ง 28 คน ให้กินยาหลอก โดยใช้การเกิดปอดอักเสบ (pneumonia) เป็นตัวชี้วัด

พบว่ากลุ่มที่กินยาหลอกเกิดปอดอักเสบ 3 คน (10.7%) ขณะที่กลุ่มที่กินฟ้าทะลายโจรไม่เกิดปอดอักเสบเลย (0 คน) เป็นความแตกต่างที่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.039) ซึ่งคณะผู้วิจัยได้ส่งผลไปตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ โดยเผยแพร่นิพนธ์ต้นฉบับล่วงหน้าในเว็บไซท์งานวิจัยรอการตีพิมพ์ (medRxiv) [5] แต่ต่อมาคณะผู้วิจัยพบความผิดพลาดในการคำนวณค่า p-value ว่าที่คำนวณได้ p = 0.039 นั้นผิดไป ที่ถูกต้องเป็น p = 0.1 จึงได้ขอถอนนิพนธ์ต้นฉบับกลับมาแก้ไขความผิดพลาดดังกล่าว

ผมได้เล่าเรื่องการขอถอนต้นฉบับกลับมาแก้ไขให้แฟนบล็อกฟัง และแจ้งเปลี่ยนข้อสรุปของผมเองที่เคยพูดว่าหลักฐานวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนให้ใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด-19 มีมากพอแล้วนั้น ผมต้องขอแก้ไขคำพูดใหม่ เป็นหลักฐานวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนให้ใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด-19 ในคนยังมีไม่มากพอ (เพราะยังขาดงานวิจัยระดับ RCT) จึงต้องทำวิจัยซ้ำโดยการขยายกลุ่มตัวอย่างให้ใหญ่ขึ้น

เพราะการที่กลุ่มตัวอย่างเล็กได้ค่า p มากกว่า 0.05 ก็บอกได้แค่ว่ายังบอกไม่ได้ว่าความแตกต่างในผลการรักษา (คือการเกิดปอดบวม) ในทั้งสองกลุ่มมันต่างกันจริงหรือไม่ การจะรู้ได้ก็ต้องมีกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่กว่านี้

ทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรสักแอะเดียวที่จะบ่งชี้ว่าการใช้ฟ้าทลายโจรรักษาโรคโควิด-19 ไม่ได้ผล ฟังให้ดีนะ “ยังไม่มั่นใจว่ามันได้ผลจริงหรือเปล่า” ไม่เหมือนกับ “ใช้แล้วไม่ได้ผล”

ซึ่งยาคู่แข่งกันที่ใช้ในเมืองไทยอีกตัวคือ Favipiravir ก็มีข้อมูลน้อยประมาณเดียวกัน คือทุกอย่างติดอยู่ที่ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือนับถึงวันนี้การใช้ Favipiravir แล้วจะทำให้ไวรัสโควิด-19 หายไปจากตัวเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ..รึก็เปล่า จะทำให้ใช้ออกซิเจนน้อยลง..รึก็เปล่า จะทำให้ต้องเข้าไอซียู.น้อยลง..รึก็เปล่า และที่สำคัญจะทำให้คนป่วยตายน้อยลง..รึก็เปล่า

แต่ฟ้าทะลายโจรมันมีความพิเศษกว่า Favipiravir ตรงที่แค่ทำวิจัยซ้ำขยายกลุ่มตัวอย่างให้ใหญ่ขึ้นอีกนิดเดียว ก็จะเห็นดำเห็นแดงแล้วว่าได้ผลหรือไม่ได้ผลต่างจากยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ เท่าที่ผู้รู้ทางสถิติคำนวณให้คร่าว ๆ หากพิจารณาจากอัตราการเป็นปอดบวมของผู้ใช้และผู้ไม่ใช้ฟ้าทะลายโจรในงานวิจัย retrospective cohort ที่ได้รายงานไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แค่ขยายกลุ่มตัวอย่างในงานวิจัย RCT ไปให้ได้กลุ่มละ 40 คน คือขยายอีกกลุ่มละ 10 คน ก็จะเห็นดำเห็นแดงกันแล้ว

อีกทั้งฟ้าทะลายโจรเป็นพืชสามัญในท้องถิ่น หาง่ายกว่า ราคาถูกกว่า มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของชาติมากกว่าไปซื้อยาเขามาทั้ง ๆ ที่ผลการรักษาก็แปะเอี้ย ในแง่การค้าขายระดับนานาชาติ หากจะขายฟ้าทะลายโจร ก็ต้องมีงานวิจัยระดับ RCT สนับสนุน ตัวหมอสันต์จึงลุ้นตัวโก่งให้ทำงานวิจัยนี้ต่อให้เบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำโดยยินดีช่วยทุกอย่างเท่าที่หมอแก่คนหนึ่งจะช่วยได้"


ที่มา : https://drsant.com/2021/08/อย่าเพิ่งกระต๊ากตามเขา.html?


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เฉลิมชัย” ปลื้มโครงการ”เกษตรกรแฮปปี้” ขายมังคุดวันที่ 8 เดือน 8 เกินคาด เตรียม!! คิกออฟซูเปอร์เซลล์ลำไย - ลองกอง

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในวาระเป็นประธานเปิดโครงการเกษตรกรแฮปปี้ 8.8 (วันที่ 8 เดือน 8) ในวันที่ (8 สิงหาคม 2564) ว่า ภายใต้แนวคิด ”คนกินยิ้มได้ เกษตรกรไทยแฮปปี้” ที่ฟรุ้ทบอร์ด โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ริเริ่มขึ้น เป็นแคมเปญมังคุดดี 4 โล 100 ส่งตรงถึงบ้านจากเมืองใต้ นับเป็นโปรโมชั่นพิเศษสำหรับมังคุด ราชินีแห่งผลไม้ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน

“ภายใต้วิกฤตที่เกิดขึ้นสิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือร่วมใจที่คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน และช่วยกันบริโภคผลไม้ไทย เราต้องดูแลชาวสวนทุกจังหวัดพาฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกัน แม้วันนี้จะมีสัญญาณที่ดีว่าราคามังคุดทั้งหน้าแผงและหน้าล้งปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนของเสถียรภาพราคา จึงต้องมีมาตรการเสริมเพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคในประเทศในภาวะที่การส่งออกยังมีอุปสรรคจากสถานการณ์โควิด-19 จากการเปิดสั่งซื้อล่วงหน้าจนถึงวันนี้มีปริมาณเกินคาด

“ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ช่วยกันสนับสนุนเกษตรกรไทย และขอเชิญชวนทุกท่านให้ช่วยกันสั่งซื้อมังคุดดี สดจากต้น อร่อย ส่งตรงจากสวนเมืองใต้ ที่ตั้งใจปลูกโดยชาวสวนแท้ ๆ รับประกันคุณภาพโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่านจะมีส่วนสำคัญในการสร้างรอยยิ้ม และส่งกำลังใจให้ชาวสวนมังคุดด้วย นอกจากนี้ยังมอบหมายทีมงานให้เตรียมการคิกออฟรายการโปรโมชั่นจำหน่ายลำไยและลองกองในเร็ว ๆ นี้” นายเฉลิมชัย กล่าว

ในขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าทีมพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เฉพาะกิจ กล่าวรายงานว่า โครงการ ”เกษตรกรแฮปปี้”เป็น 1 ในหลายโครงการตามมาตรการเร่งด่วนเป็นการปรับกลยุทธ์ใหม่ของFruit Board จากผลกระทบโควิดเป็นโครงการเสริมจากแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคใต้และภาคเหนือฤดูการผลิตปี 2564

โดยเร่งจำหน่ายขายในประเทศเพิ่มขึ้น ในระหว่างที่ระบบขนส่งไปต่างประเทศติดขัดจากผลกระทบโควิด-19 ตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ Fruit board และรองนายกรัฐมนตรี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีพาณิชย์ โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐภาคเอกชนภาคเกษตรกรเช่น กระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดีอี กระทรวงมหาดไทยบริษัทไปรษณีย์ไทย / บริษัทเซนทรัลพัฒนาในเครือเซนทรัลกรุ๊ป / บริษัทแกร็บประเทศไทย / ร้านธงฟ้า / Top / คณะอนุกรรมการอีคอมเมิร์ซ และคณะอนุกรรมการธุรกิจเกษตร กระทรวงเกษตรฯเป็นต้นโดยร่วมแรงร่วมใจช่วยเกษตรกรไทยฝ่าวิกฤติโควิดไปด้วยกัน

วัตถุประสงค์หลักของโครงการเกษตรกรแฮปปี้ มีดังนี้

1. เพื่อช่วยชาวสวนผลไม้ในช่วโดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตออกมามาก มีผลทำให้ราคาลดต่ำลง ผนวกกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อราคาโดยตรง

2. สร้างกลไกการระบายออกจากแหล่งผลิตด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์

3. ยกระดับราคามังคุด และผลไม้อื่นเช่น ลำไย เงาะ ลองกอง และ

4. รักษาระดับราคาเพื่อให้เกิดเสถียรภาพ เพื่อให้ชาวสวนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

"พรรคกล้า" เดินหน้าเปิด "ศูนย์กล้าดูแล" พร้อม "กรณ์"  แนะให้ทีมแพทย์ชนบท ผู้ป่วยกักตัวที่บ้าน เสี่ยงระบาดในครอบครัว เปิดศูนย์พักคอยชุมชน "อรรถวิชช์" เร่งเยียวยากลุ่มประกันสังคมตกหล่น เสนอสมาชิกประกันสังคมพื้นที่สีแดงเข้ม ทุกคนต้องได้รับการเยียวยา

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรรกล้า พร้อมทีมกล้าอาสา ร่วมมือกับชุมชนจรัญสนิทวงศ์ 25 เปิดศูนย์กล้าดูแล แห่งที่ 6 ที่สวนสิรินธราพฤกษาพรรณ เป็นศูนย์พักคอยแยกตัวผู้ติดเชื้อออกจากครอบครัวและชุมชน ซึ่งเป็นโครงการที่พรรคกล้าสนับสนุนให้เกิดในชุมชนต่าง ๆ ต่อเนื่อง และมีแผนร่วมมือกับชุมชนเปิดศูนย์ในต่างจังหวัดด้วย 

นายกรณ์ กล่าวว่า ระหว่างการลงพื้นที่มีโอกาสได้คุยกับทีมแพทย์ชนบท ที่อาสามาตรวจเชิงรุกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งตรวจไปได้แล้วกว่า 3 หมื่นคน โดยเป็นการตรวจทั้ง Rapid Antigen Test และ RT-PCR โดยคนที่ติดเชื้อก็จะได้รับยา ส่วนคนที่ยังไม่ได้ติดเชื้อก็จะได้รับวัคซีน แต่ปัญหาขณะนี้คือเมื่อตรวจเสร็จแล้ว ผู้ป่วยก็ต้องกลับไปเข้าระบบ Home isolation กักตัวที่บ้าน แต่ส่วนใหญ่บ้านไม่ได้เหมาะสำหรับการกักตัว มีโอกาสแพร่เชื้อให้กับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงควรมีพื้นที่รองรับเป็นศูนย์พักคอยชุมชน อย่างที่พรรคกล้าร่วมมือกับชุมชนเปิดศูนย์กล้าดูแล เพื่อตัดวงจรการแพร่เชื้อในชุมชน จึงอยากรณรงค์ให้ทุกชุมชนจัดตั้งศูนย์พักคอยลักษณะเดียวกันนี้ โดยพรรคกล้าพร้อมสนับสนุน 

ขณะที่นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงการเยียวยากลุ่มคนทำงานในกองทุนประกันสังคมที่ตกหล่นว่า ความเร็วเป็นหัวใจสำคัญในการเยียวยา แต่ขั้นตอนของส่วนราชการยุ่งยาก ประมวลข้อมูลได้ไม่ดี การจ่ายเงินจึงไม่ทันกับความเดือนร้อน จึงเสนอให้รัฐบาลใช้หลักการง่าย ๆ ว่า สมาชิกประกันสังคม “ทุกคน!” ใน "เขตพื้นที่สีแดงเข้ม" ใครเป็นลูกจ้างประจำและยังไม่ออกจากงาน รับ 2,500 บาท กรณีอื่นรวมถึงอาชีพอิสระรับ 5,000 บาทเต็ม เร็ว ง่าย ไม่มั่ว ทั่วถึง ตรงเป้า 

วันนี้พรรคกล้า ยังเปิดศูนย์กล้าดูแลที่ต่างจังหวัดด้วย โดยผศ.ดร.เอราวัณ ทัพพลี ผู้อำนวยการพรรคกล้า ลงพื้นที่เปิดศูนย์กล้าดูแล ที่จังหวัดหนองคาย อีก 4 แห่ง เช่นเดียวกัน รวมขณะนี้พรรคกล้าร่วมมือสนับสนุนชุมชนเปิดศูนย์กล้าดูแลไปแล้ว 10 แห่ง และเตรียมร่วมมือกับชุมชนต่าง ๆ เปิดศูนย์ต่อเนื่อง

นฤมล มอบข้าวกล่องชุมชนดินแดง-ห้วยขวาง บรรเทาความเดือดร้อน สู้ภัยโควิด-19

รมช.แรงงาน เดินหน้าแจกข้าวกล่องในพื้นที่เขตดินแดง-ห้วยขวาง ร่วมบรรเทาความเดือดร้อน และกำลังใจให้พี่น้องแรงงาน ฝ่าวิกฤติโควิด-19

ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มอบหมายให้ทีมงานเดินสายมอบข้าวกล่องเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ได้แจกข้าวกล่องไปแล้วเกือบ 20,000 กล่อง โดยมุ่งช่วยเหลือพี่น้องแรงงานในแคมป์คนงานก่อสร้าง บุคลากรทางการแพทย์ทั้งที่ประจำอยู่โรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนามสนาม หน่วยงานจิตอาสาที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 รวมถึงประชาชนที่อยู่ชุมชนต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะครอบครัวที่ตกงาน ไม่มีรายได้ การได้รับข้าวกล่อง 1 มื้อสำหรับ 1 ครอบครัว ก็เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการทำอาหารได้ 1 มื้อ ทำให้เห็นว่าข้าวกล่องที่ไปถึงมือผู้รับสามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างแท้จริง ซึ่งเมื่อวานนี้ (7 สิงหาคม 2564) ได้นำข้าวกล่องมอบให้แก่ผู้ประสานงานชุมชนในเขตดินแดงและเขตห้วยขวาง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในชุมชน กระจายไปยังชุมชนดรุณ (ประชาสงเคราะห์16) ชุมชนนาทอง ชุมชนบึงพระรามเก้า และชุมชนประชาอุทิศ 18 และในวันนี้จะได้กระจายเพิ่มเติมไปยังชุมชนทินกร ชุมชนโค้งผาสุก ชุมชนอินทามระ 51 ชุมชนโรงปูน(ต้นสน) ชุมชนเพชรพระราม และชุมชนลาดพร้าว 80

รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่ในต่างจังหวัด ขณะนี้หน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในภูมิภาค ได้รับการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วย เช่น สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ เข้าร่วมการตรวจบูรณาการร่วมกันในการตรวจแนะนำเพื่อสร้างการรับรู้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสถานประกอบกิจการ โดยเฉพาะกลุ่มสถานประกอบกิจการขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของลูกจ้าง สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดกระบี่ ได้รับมอบพัดลมจากเครือข่ายสมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ สมาคมเชฟ ชมรมบริหารจัดการอาหารและเครื่องดื่ม ทีมวิทยากรและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน เพื่อส่งมอบให้กับโรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 3 ของจังหวัดกระบี่ จำนวน 72 ตัว และในบางจังหวัดยังได้จัดส่งทีมช่างไฟฟ้าช่วยเดินสายไฟฟ้าให้แก่โรงพยาบาลสนาม เป็นต้น

“ขอบคุณในน้ำใจของทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดยตลอด ในส่วนของกระทรวงแรงงานจะยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องแรงงานตลอดจนประชาชนทุกคน ให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปพร้อมกัน” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

8 เดือน 8 “จุรินทร์” นำ ปชป. ร่วมส่ง “ถุงน้ำใจ ปชป. ส่งผู้รอเตียง” ทั่วทุกเขตใน กทม. 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และ ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ได้ร่วมกันส่งคาราวาน “ถุงน้ำใจ ปชป. ส่งผู้รอเตียง” กว่า 20 คัน ที่ห้างแม็คโคร บางกระบือ 

โดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า กิจกรรมในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในการคลี่คลายปัญหาในส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ และมูลนิธิฯ จะสามารถทำได้ ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการไปแล้วอย่างน้อย 4 โครงการ ประกอบด้วย 
1. โครงการหน้ากากอนามัย 10 ล้านชิ้น ซึ่งได้ดำเนินการผลิตและแจกจ่ายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ 
2. โครงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน พรรคประชาธิปัตย์ (ศปฉ. ปชป.) เพื่อทำหน้าที่ช่วยประสานหาเตียงให้ผู้ติดเชื้อโควิด โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. และปริมณฑ, ซึ่งตลอด 133 วันที่ผ่านมา สามารถประสานรับผู้ป่วยแล้ว 3,500 ราย และสามารถหาเตียงให้ได้แล้วกว่า 2,000 เตียง ทั้งในโรงพยาบาลรัฐ เอกชน โรงพยาบาลสนาม ฮอสปิเทล รวมไปถึง Community Isolation ด้วย 
3. โครงการข้าวกล่อง ปชป. ดิลิเวอรี่ 50,000 กล่อง ส่งตรงถึงบ้าน ขณะนี้ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว สามารถส่งอาหารให้ผู้ป่วยที่ถูกกักตัวได้ครบถ้วน 
4. โครงการถุงน้ำใจ ปชป. ที่พรรค ได้จัดทำขึ้น โดยมอบหมายให้ ส.ส.ของพรรค อดีต ส.ส. ส.ก. ส.ข. สาขาพรรค ตัวแทนพรรคทั่วประเทศ และยุวประชาธิปัตย์ ร่วมกันดำเนินการแจกจ่ายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และได้จัดทำไปแล้วประมาณ 1 แสนชุด สำหรับในพื้นที่ กทม. ก็ได้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 2 หมื่นชุด

สำหรับกิจกรรมวันนี้เป็นการจัดรถที่บรรทุก “ถุงน้ำใจ ปชป.” กว่า 2,000 ชุด จำนวน 20 คัน เพื่อให้ ส.ส.ของพรรค อดีต ส.ส. ส.ก. ส.ข. สาขาพรรค ตัวแทนพรรคทั่วประเทศ และยุวประชาธิปัตย์ ร่วมกันดำเนินการจัดส่งถุงยังชีพไปให้พี่น้องประชาชนที่รอเตียง และผู้ที่ถูกกักตัวในแต่ละเขตทั่วกรุงเทพฯ ถือว่าเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งของโครงการ “ถุงน้ำใจ ปชป.” ที่ได้จัดไปแล้ว 30 คันก่อนหน้านี้ รวมเป็น 50 คัน 

“พรรคประชาธิปัตย์ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงพี่น้องคนไทยทั่วทั้งประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน รวมทั้งเป็นกำลังใจให้บุคลากรด่านหน้าที่ทำงานหนักอยู่ขณะนี้ในการร่วมมือกันแก้ปัญหากับรัฐบาล ขอให้ทุกท่านได้ร่วมมือร่วมใจกันกับรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ และกับทุกฝ่าย เพื่อจับมือกันฟันฝ่าให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปด้วยกันด้วยดีต่อไปโดยเร็ว” นายจุรินทร์ กล่าว และหลังจากนั้นนายจุรินทร์ก็ได้เข้าไปตรวจสถานการณ์สินค้าอุปโภค บริโภคที่ห้างแม็คโคร สาขาบางกระบือ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top