Tuesday, 30 May 2023
ELECTION TIME

จับตายุทธการล้ม 'ชลน่าน' รวมไทยสร้างชาติจ่อคอหอย ฟากบ้านใหญ่ชลบุรี แอบหวั่น!! มาดามเบียร์ถูกคว่ำ

'เล็ก เลียบด่วน' พบกับท่านสัปดาห์ละ3ครั้ง...เลียบการเมือง วิเคราะห์การเมืองเบื้องลึก...แต่จากนี้ไปจำเพาะวันศุกร์สุดสัปดาห์ ท่านบก.กระซิบบอกให้ช่วยเลาะขอบสนามเลือกตั้งแบบว่า หยิบกอสซิป หรือไฮไลต์เลือกตั้งที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังบ้าง...ก็จะขอดำเนินการตั้งแต่บัดนาว...

ประเดิมเริ่มแรกขอโฟกัสไปที่ภาพรวมเลือกตั้ง..นาทีนี้พรรคเพื่อไทยเร่งทำผลสำรวจด้วยตัวเอง พร้อมๆ กับแสวงหาผลสำรวจสำนักต่างๆ กันจ้าละหวั่นเพราะอยากรู้ว่า หลังยิงปืนใหญ่นโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทออกมา...บวกลบคูณหารแล้วขาดทุนหรือกำไร...คะแนนพุ่งหรือพัง...คิดใหญ่ทำเป็นยังขลังหรือไม่...เพราะดูเหมือนแรงต้านจะมีมากเหลือเกิน..

พรรคเพื่อไทยอีกซักข่าว...ข่าวนี้ถ้าเป็นไปได้จริงก็ถือว่าเป็นการล้มช้างกันเลยทีเดียว...นั่นคือมีการปิดกันให้แซ่ดว่า พรรครวมไทยสร้างชาติหมายมั่นปั้นมือที่จะปลุกปั้นให้ 'พิชิต โมกศรี' ผู้สมัครส.ส.น่านเขต 2 ของพรรคเข้าวิน...เบียดส.ส.5 สมัยอย่างนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ให้ตกเหวการเมืองสอบตกเป็นสมัยแรกให้ได้...ซึ่งหากดูโปรไฟล์ของอดีตปลัดเทศบาลเมืองแพร่อย่างพิชิต โมกศรี ก็ไม่ธรรมดา เคยลงสมัคร นายกอบจ.น่าน เมื่อปี 2563 มาแล้ว ได้ลำดับสอง แพ้ไปเพียง 2 หมื่นกว่าคะแนน...

เลือกตั้งหนนี้ ทั้ง 'แม่เลี้ยงติ๊ก' ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู, เสธ.หิ-ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ...ขุนพลภาคเหนือของพรรคลุงตู่ แว่บไปเมืองน่านถี่ยิบ...ลุ้นระทึกยิ่งกว่าลงสมัครเองเลยทีเดียว...

ครับ...ถ้าล้มหมอชลน่านได้จริงก็เป็นเรื่องใหญ่ เพราะหมอชลน่านเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นส.ส.เขตแบบชนะขาดมาแทบทุกครั้ง รอบนี้เป็นหัวหน้าพรรคคนเดียวที่ลง ส.ส.เขต ไม่ยอมลงปาร์ตี้ลิสต์ โดยให้เหตุผลว่าหากให้คนอื่นลงมีโอกาสแพ้...และจะทำให้พรรคเสียที่นั่ง ตัวเองจะรู้สึกผิด...อะไรประมาณนั้น...อย่างไรก็ตามหลายคนก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าความที่เป็นหัวหน้าพรรค ต้องเดินทางไปปราศรัยช่วยลูกพรรคทั่วประเทศ อาจทำให้หมอชลน่านเกิดอาการ 'ห่วงหน้าพะวงหลัง'...ดีไม่ดีอาจพลาดท่าเสียเก้าอี้ได้เหมือนกัน...

แว่บไปดูแนวรบด้านตะวันออกกันหน่อย...วันก่อนโน้นดีเบตที่ชลบุรีเดือดพล่าน...เมื่อ 'เสี่ยเฮ้ง' สุชาติ ชมกลิ่น  แม่ทัพพรรค รทสช.ลุกขึ้นชี้หน้า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  แห่งค่ายก้าวไกล...ซึ่งอันที่จริงคู่ชิงเก้าอี้เมืองชล 10 ที่นั่งนั้นไม่ใช่พรรคก้าวไกลที่อาจจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ซัก 1 ที่นั่ง คือ จรัส คุ้มไข่น้ำ...แต่สนามนี้ปีนี้มวยคู่หลักคือ 'บ้านใหญ่' นำโดย แป๊ะ-สนธยา คุณปลื้ม กับ 'บ้านใหม่' นำโดย 'เสี่ยเฮ้ง' สุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้สูสีดู๋ดี๋ระดับที่อาจจะต้องแบ่งครึ่งกัน....

‘บิ๊กป้อม’ ขอบคุณจนท.-พนง. ผู้เสียสละความสุขส่วนตัว ช่วยดูแลความปลอดภัยประชาชน ช่วงสงกรานต์

‘บิ๊กป้อม’ ขอบคุณจนท.-พนง.ให้บริการ ดูแลความปลอดภัยปชช.ช่วงสงกรานต์ ยก ผู้อยู่เบื้องหลังความสุขของคนไทย

(14 เม.ย.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่และพนักงานให้บริการประชาชน ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พนักงานรักษาความปลอดภัย แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย พนักงานขับรถสาธารณะ และพนักงานให้บริการอื่น ที่ยังคงต้องทำงานรับผิดชอบต่อภารกิจ คอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนทั่วไปในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 โดยไม่ได้เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน ร่วมสังสรรค์กับครอบครัว พ่อแม่ ญาติสนิท มิตรสหาย

‘ช่อ พรรณิการ์’ ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ กับชาวหนองคาย ปชช. แห่ถ่ายรูป-ให้กำลังใจ พร้อมรับฟังปัญหาคนในพื้นที่

‘ช่อ พรรณิการ์’ เล่นสงกรานต์ริมโขง ประชาชนรุมกรี๊ด-ถ่ายรูปแน่น 

(14 เม.ย. 66) พรรณิการ์ วานิช กรรมการมูลนิธิคณะก้าวหน้า ร่วมฉลองสงกรานต์กับพี่น้องประชาชนริมฝั่งโขง จังหวัดหนองคาย โดยได้ร่วมรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ พร้อมร่วมรำวงกับผู้สูงอายุฉลองสงกรานต์ ที่อำเภอท่าบ่อ ต่อด้วยการร่วมฉลองสงกรานต์ที่อำเภอท่าบ่อ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเฉลิมฉลองเล่นน้ำคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในหนองคาย

‘สมชัย’ จี้ถาม!! ‘กกต.’ ได้เอกสารแล้ว จะตอบตอนไหน หลังขู่ทุกพรรคแจงนโยบายหาเสียงไม่ทำ ปรับเงิน-ตัดสิทธิ์เลือกตั้ง

กกต. สั่งทุกพรรคแจงนโยบายหาเสียง งบที่ใช้ ไม่ทำปรับ 5 แสน พร้อมตัดสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ด้านสมชัยถามกลับ ถ้าได้เอกสารแล้ว กกต.จะตอบตอนไหน

เมื่อวันที่ (13 เม.ย.66) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมหนังสือที่ กกต. ส่งจดหมายถึงทุกพรรคการเมือง โดยระบุข้อความดังนี้

กกต. ให้ชี้แจงถึงรายละเอียดของนโยบายที่หาเสียง ในเรื่องจำนวนเงินงบประมาณที่ใช้ ที่มาของงบประมาณ ความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ได้รับ ผลกระทบและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมให้ระบุว่าได้ผ่านการรับฟังความเห็นจากสมาชิกพรรคในภูมิภาคแล้ว

‘บิ๊กป้อม’ รับพรสงกรานต์ เด็กรุ่นใหม่เชียร์เป็นนายกฯ ตอบรับ ‘คุณก็เลือกสิ’ ฝากชาวไทยช่วยก้าวข้ามความขัดแย้ง

เมื่อวันที่ (13 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก FC ลุงป้อมโพสต์คลิปภารกิจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดโอกาสให้เยาวชน ประชาชนและเพื่อน ๆ ของ พล.อ.ประวิตรเข้าพบเพื่ออวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์และวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ที่สนามกอล์ฟกองทัพบก รามอินทรา โดยมีตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และเริ่มดำเนินธุรกิจหลากแขนง เช่น นายนพนธ์ สิงหพันธุ์ นายเวหา ตั้งสมบูรณ์ นายชนะชัย ประมวลทรัพย์ น.ส.ชนากานต์ บูรณพรชัย นายยศกร สังข์ธีรธิติ น.ส.วายุน ลีปายะคุณ นายรวิน ชอบใช้ และนักศึกษาจีน 3 คน ที่มาศึกษาต่อในประเทศไทย ร่วมรดน้ำอวยพร

โดย พล.อ.ประวิตรวันนี้มีสีหน้าสดใส สวมเสื้อฮาวายสีฟ้า แจ๊คเก็ตสีดำ กางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ อารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับประชาชนอย่างเป็นกันเอง

ขณะที่ น.ส.ชนากานต์กล่าวอวยพร พล.อ.ประวิตรว่า ขอบคุณที่ทำหน้าที่ในรัฐบาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในการดูแลประเทศและประชาชน โดยเฉพาะช่วงที่รักษาการนายกรัฐมนตรี เพราะตอนที่ พล.อ.ประวิตรสั่งการการทำงานของภาคส่วนต่างๆ ให้แก้ปัญหาของประเทศได้รวดเร็ว ส่งผลให้ธุรกิจของพวกตนฟื้นและเดินหน้าได้ตั้งแต่ตอนนั้นถึงปัจจุบัน

'ดร.ธนชาติ' ซัด!! ทีมงานนโยบายแจกเงินดิจิทัลเพื่อไทย อึ้ง!! เคยเห็นโพสต์ "อยากเห็นเศรษฐกิจไทยพังพินาศ"

13 เม.ย.2566 - ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ประธานกรรมการกำกับความเสี่ยง ธนาคารธนชาติ และอดีตนายกสมาคม สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย ซึ่งปรากฏเอกสารภายในพรรคเพื่อไทย มีชื่อ นายภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น หรือ บอล เป็นหนึ่งในคณะทำงานสถาบันต้นไม้แห่งประชาธิปไตย นำเสนอนโยบายเหรียญดิจิทัลเพื่อไทย

ดร.ธนชาติ ระบุว่า "เห็นเอกสารที่คนส่งมาเรื่อง นโยบายดิจิทัลวอลเลตพรรคเพื่อไทย และเห็นชื่อคณะทำงานแล้ว ไปค้นชื่อคนทำแผนมาจากหลายสาขาวิชา แต่พอเห็นชื่อบางคน เช่นรายนี้มีประวัติเคยโพสต์อยากเห็นเศรษฐกิจไทยพินาศ ก็เลยงงว่าให้มาร่วมทำงานได้ไง"

รู้จัก 'เท่ห์-พิทักษ์เดช' เบอร์ 1 เขต 3 เมืองคอน ขอเชื่อมทุกความร่วมมือ พาความเจริญสู่พื้นที่

หลายคนสอบถามมาว่า “เท่ห์-พิทักษ์เดช เดชเดโช' เป็นใครมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 3 (หัวไทร-ปากพนัง) สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ 

ก็บอกตามตรงว่า “ส่วนตัวไม่รู้จักกัน” แต่ผมรักพ่อเขา “วิฑูรย์ เดชเดโช” อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (ผู้ล่วงลับ) กับ “กนกพร เดชเดโช” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช คนปัจจุบัน

เท่ห์ เป็นทายาทคนที่ 3 จาก 4 คนพี่น้อง “เดชเดโช” จบมัธยมปลาย จากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนชายอันดับหนึ่งของนครศรีธรรมราช ถ้าเป็นโรงเรียนหญิงก็จะเป็นโรงเรียนกัลยาณี 

ระบบการศึกษาแบบ “แพ้คัดออก” เมื่อเท่ห์ของเข้ามหาวิทยาลัยระบบปิดไม่ได้ จึงมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยเปิด “ตลาดวิชา” อย่างมหาวิทยาลัยรามคำแหง เข้าเป็น “ลูกพ่อขุน” ตามพี่ชาย “แทน-ชัยชนะ เดชเดโช” เข้าเลือกเรียนนิติศาสตร์ และจบเป็นนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง และต่อด้วยปริญญาโทนิติศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง 

ขณะกำลังศึกษา ได้เข้าร่วมกับกลุ่มเพื่อนนักศึกษา ทำกิจกรรมทางการเมือง ออกให้ความรู้ทางด้านกฎหมายกับพี่น้องประชาชนที่ขาดความรู้ในทางด้านกฎหมาย ถือว่าเป็นนักศึกษากิจกรรมคนหนึ่ง

เท่ห์ เกิดในครอบครัวนักการเมือง เลือดในกายจึงผสมด้วยกลิ่นอายทางการเมือง เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาการดำเนินงานในการบริหารจัดการทรัพย์สินและการบริหารจัดการหนี้ ปัญหาหนี้สินจากการบังคับคดี และปัญหาหนี้นอกระบบ

“พูดจริงๆ เท่ห์ เขาไม่อยากเข้ามาทำงานการเมืองมากนัก เขาอยากอยู่เบื้องหลัง ดูแลพี่ๆ น้องๆ ดูแลธุรกิจมากกว่า แต่ทางครอบครัวขอร้องว่าถึงเวลาแล้ว และเขาก็ตัดสินใจด้วยตัวเองเอง” แทน กล่าวถึงน้องชาย

ช่วงเปิดตัวใหม่ๆ เท่ห์ประสงค์จะลงเขต 1 (เมือง) แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้ “ราชิต สุดพุ่ม” อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี มาลงสมัคร เท่ห์จึงเปิดทางให้ และขยับไปเขต 2 ซึ่งเดิมจะติดอำเภอปากพนังไปด้วย แต่เมื่อ ส.ส.เพิ่มเป็น 10 กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ปากพนังทั้งอำเภอถูกจัดให้เป็นเขต 3 ร่วมกับอำเภอหัวไทร เท่ห์จึงขอลงเลข 3 

เมื่อได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่เลือกตั้ง เขาก็ทำหน้าที่ได้ดี และตั้งใจ ขยันลงพื้นที่ พวกเราก็ไม่ผิดหวัง และเชื่อว่า ถ้าเขาได้รับเลือกตั้งก็จะทำหน้าที่ได้ดีเช่นกัน

อยากให้พี่น้องประชาชนได้ผู้นำที่เข้าใจ เข้าถึง รู้ถึงปัญหาของพื้นที่อย่างแท้จริง และ ต้องการให้การบริหารและการพัฒนาเท่าเทียมกันอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ โดยที่จะต้องได้คำว่า “ผู้นำแห่งความร่วมมือ” นี้เป็นเจตนารมย์ของเท่ห์ในการตัดสินใจกระโดดเข้าสู่เวทีการเมือง

กล่าวสำหรับเขตเลือกตั้งที่ 3 แล้ว เดิมทีก่อนหน้านี้ น้อย-วิทยา แก้วภารดัย จากพรรคประชาธิปัตย์ เป็น ส.ส.อยู่ แต่ในการเลือกตั้งปี 2562 น้อยแพ้ให้กับสัญหพจน์ สุขศรีเมือง จากพรรคพลังประชารัฐ แบบ “หักปากกาเซียน” พูดได้ว่าเป็นเขตล้มช้าง ล้มอดีตรัฐมนตรีว่าการกนะทรวงสาธารณะสุข ดีกรี ส.ส.เขตนี้ 8 สมัย แต่เลือกตั้งครั้งครานี้ “น้อย-วิทยา” แยกตัวไปจากประชาธิปัตย์ ไปร่วมกับพรรค “ลุงตู่-รวมไทยสร้างชาติ” ส่ง “นนทิวรรธน์ นนทภักดิ์” คนสนิทมาลงสมัครรับเลือกตั้งแทน

'ลุงป้อม' มาหา 'สรยุทธ' วันนี้พี่ยุทธบอก "ผมเกร็งกว่าท่านอีก"

'ลุงป้อม' มาหา 'สรยุทธ' วันนี้พี่ยุทธบอก "ผมเกร็งกว่าท่านอีก"
 

‘สุวัจน์-กรณ์’ นำทัพ ‘ชพก.’ ขอพรวัดบวรฯ เสริมสิริมงคล พร้อมเล่นน้ำกับปชช. อย่างใกล้ชิด เผย!! เหมือน 14 อีกครั้ง

ไพรีพินาศ! ‘สุวัจน์-กรณ์’ พาผู้สมัคร ส.ส.กทม.ขอพรวัดบวรฯ เจ้าอาวาสมอบพระไพรีพินาศ อวยพรให้ชนะทุกสิ่ง พร้อมเล่นน้ำสงกรานต์ถนนข้าวสาร ‘กรณ์’ กล่าว รู้สึกเหมือน 14 อีกครั้ง! 

 (13 เมษายน) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และนายนันทพันธ์ ศุภณ์ภัทรพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต1 กทม. และคณะผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค เดินทางไปยังวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เพื่อเข้าสักการะพระไพรีพินาศ และสรงน้ำพระธรรมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร จากนั้นได้เดินเล่นน้ำที่ถนนข้าวสารซึ่งจัดกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์  ก่อนที่จะร่วมขบวนตุ๊กตุ๊กทักทายพี่น้องประชาชน ตามถนนย่านเมืองเก่า  

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้ได้เข้ากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิที่วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสวันปีใหม่ไทยหรือวันสงกรานต์ ท่านเจ้าอาวาสได้มอบพระไพรีพินาศให้กับคณะด้วย ซึ่งวันนี้มาพร้อมกับผู้สมัคร กทม.หลายท่าน ก็ขอให้ทุกคนชนะทุกสิ่ง ชนะทุกเรื่อง   

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ประเพณีสงกรานต์ ถือว่าเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของไทย ที่โลกรู้จัก ว่าเป็นวันปีใหม่ของไทย ที่มีมีความรื่นเริงสนุกสนาน ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าเองมีนโยบายที่ส่งเสริมซอฟท์พาวเวอร์อยู่แล้ว ก็อยากให้โลกได้รู้จักเรามากขึ้นผ่านประเพณีสำคัญ ๆ 

นิพนธ์ นำทีมอ้อนขอคะแนน ปชป. วันสงกรานต์ ทั้งคน ทั้งพรรค ยันนโยบายประชาธิปัตย์มุ่งสร้างคน สร้างครอบครัวให้อบอุ่น

วันนี้ 13 เม.ย.66 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นรถแห่ ออกเยี่ยมเยือนพี่น้องประชาชนเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ในเขตเลือกตั้งที่ 1 เขตเลือกตั้งที่ 2 และเขตเลือกตั้งที่3  พร้อมเป็นตัวแทนพรรคปชป. ขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนทั้ง 3 เขตเลือกพรรคประชาธิปัตย์เบอร์ 26  จะได้นายชวน หลีกภัย  นายบัญญัติ บรรทัดฐาน  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  นายนิพนธ์ บุญญามณี และเลือกผู้แทนของพรรคประชาธิปัตย์ทุกเขต ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566  ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีบัตรสองใบคือ เลือกผู้แทนเขต กาเบอร์ 4 และเลือกพรรคประชาธิปัตย์กาเบอร์ 26  

ฟิล์ม' แจง 'บัตรลุงป้อม700' ช่วยตรงเป้าไม่หว่านมั่ว ชี้!! มีที่มาของเงินชัดเจน แตะงบไม่ถึง 2 แสนล้านต่อปี

(13 เม.ย.66) จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวพาดพิงถึงนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท หรือบัตรลุงป้อม ของพรรคพลังประชารัฐ ที่นายเศรษฐา กล่าวว่าใช้เงินงบประมาณมากถึง 8 แสนล้านบาทนั้น นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์มผู้สมัคร ส.ส. เบอร์ 1 เขต 22 สวนหลวง ประเวศ ของพรรคพลังประชารัฐก็ได้ออกมาตอบโต้โดยระบุว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนระดับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้นจะออกมาให้ข้อมูลที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้อย่างสิ้นเชิง 

โดยประการแรกบัตรประชารัฐนั้น จะเป็นสวัสดิการที่ดูแลคนไทยผู้เข้าหลักเกณฑ์ประมาณจำนวน 14 ล้านคน ไม่ใช่ 20 ล้านคน โดยตัวเลข 20 ล้านคนนั้นคือตัวเลขของผู้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด แต่หลังจากที่หน่วยงานราชการได้ทำการคัดกรองแล้วพบว่ามีผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นเพียงประมาณ 14 ล้านคนเท่านั้น จากการวางหลักเกณฑ์ที่รัดกุม ยกตัวอย่างเช่นจะไม่ได้ดูเฉพาะตัวผู้ที่มาลงทะเบียนเท่านั้น แต่จะต้องดูรายได้รวมของคนในครอบครัวด้วย และผู้ที่จะมีสิทธิ์ได้รับการช่วยเหลือนั้นก็จะต้อง เป็นผู้ที่อยู่ใต้เส้นความยากจน หรือก็คือจะต้องมีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี แตกต่างกับทางพรรคเพื่อไทยที่แจกทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ไม่วาจะมีรายได้น้อยหรือคนรวยก็ได้หมด 

ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐก็ได้คำนวณมาแล้ว การดูแลในส่วนนี้ จะใช้งบประมาณอยู่ที่ 9,800 ล้านบาทต่อเดือน หรือไม่ถึง 2 แสนล้านบาทต่อปี และเป็นการใช้เงินแบบทยอยใช้ มิใช่จ่ายหมดในครั้งเดียวจึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการตั้งงบประมาณ โดยงบประมาที่ใช้นั้นก็จะนำมาจาก กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม

'โภคิน' ฉะ!! แจกเงินดิจิทัลไม่ช่วยให้เศรษฐกิจยั่งยืน วอน!! อย่าหลงเชื่อบางพรรค อาจพาประเทศเสียหาย

‘โภคิน’ มองแจกเงินดิจิทัล 10,000 ไม่สร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ “ไทยสร้างไทย” ขอดูแลคนไทยทุกช่วงวัยอย่างเป็นระบบ โดยสร้างประชาชน ให้มีความรู้ ทักษะ มีสุขภาพดี อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ

(13 เม.ย.66) - นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) แถลงข่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านวอลเล็ต โดยตั้งคำถามว่า นโยบายการแจกเงิน ถูกต้องหรือไม่ ควรทำในระดับที่จำกัด เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในและความฝืดเคืองช่วงต้นๆ เพราะไม่ก่อให้เกิดผลผลิตใดๆ และเงินดิจิทัล คืออะไร ควรแจกทุกคนหรือไม่ ถ้าเท่าเทียมตามรัฐธรรมนูญ ทำไมต้องแจกตั้งแต่อายุ 16 ขณะเดียวกันเห็นว่า Decentralization Finance หรือการเงินแบบไม่รวมศูนย์มีการสร้างเงินตราขึ้นใหม่ จนทำให้เงินล้นโลก แต่อยู่ในมือคนเพียง 10% 

นายโภคิน กล่าวอีกว่า เงิน QE หรือ นโยบายทางการเงินที่ฉีกกฎนโยบายแบบดั้งเดิม ไม่ทราบว่าเพิ่มเท่าใด ส่วนเงินดิจิทัล คิดเป็นมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ จึงเกิดภาวะเงินเฟ้อที่ Fed (The Federal Reserve) ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตลอดตั้งแต่ปี 2565 จนวิตกกันว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย และเกิดการต่อต้านการครอบงำของ USD แจกให้คนจนทั่วโลกโดยเฉพาะช่วง Covid 19 ใน รูปแบบต่างๆ แต่ก็กลับไปที่คนรวยอีก

พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่า รัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกำหนดสิทธิของประชาชนในการมีชีวิตที่ดีไว้อย่างไร ในครรภ์ มาตรา 48 สิทธิของมารดาช่วงก่อนและหลังตลอด มาตรา 54 รัฐต้องให้เด็กทุกคนได้เรียนฟรี 12 ปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพ ก่อนวัยเรียนและ วัยเรียน โดยในวรรค 2 เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา วรรค 3 ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการ วรรค 5 ตามวรรคและ 2 และ วรรค3 ช่วยผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งจะมีกองทุนให้

ส่วนในมาตรา 77 วัยทำมาหากิน ยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็น เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน มาตรา 48 วรรค 2 วัยเกษียณ บุคคลซึ่งมีอายุเกิน 60 ปีและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ และบุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ

นายโภคิน กล่าวว่า ดังนั้นโยบายพรรคไทยสร้างไทย จึงสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตของประชาชน ให้มีชีวิตที่มีศักดิ์ศรี มีความมั่นคงทุกช่วงวัย ต้องสร้างประชาชน ให้มีความรู้ ทักษะ มีสุขภาพดี ต้อง Liberate และ Empower ประชาชน ต้องสถาปนาความยุติธรรม ต้องขจัดคอรัปชันและธุรกิจสีเทา ซึ่งผลของสงครามการเมือง 2 ขั้ว ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ยากจน ความใหญ่โตและสิ้นเปลืองหรือการกดทับของรัฐราชการ การทุจริตคอรัปชัน

ธุรกิจสีเทาสีดำ การผูกขาด ทุนนิยมพรรคพวก จนทำให้ประชาชนพ่ายแพ้เจ็บปวดมาตลอด 17 ปีและเสพติดการแจก การช่วยเหลือแบบครั้งคราวเฉพาะหน้า ไม่ยั่งยืน

เทียบนโยบายยกเลิก ‘Blacklist’ (Credit bureau) แล้วมาปล่อยกู้ด้วย Credit score ของพรรคชาติพัฒนากล้า

                  

                 

Credit bureau กับ Credit score แตกต่างกันอย่างไร? คนไทยส่วนใหญ่แล้วรู้จักแต่ Credit bureau ซึ่งรวบรวมจัดเก็บโดย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นสถาบันที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลบัญชีสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภทของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งส่งมาจากสถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิก Credit bureau โดยข้อมูลที่จัดเก็บหรือรายงานใน Credit bureau แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

1.ข้อมูลบ่งชี้ คือข้อเท็จจริงที่บ่งชี้ถึงตัวลูกค้า ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด ซึ่งไม่มีการจัดเก็บหมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งกับสถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิก Credit bureau

2.ข้อมูลสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติและประวัติการชำระหนี้ จำแนกเป็นรายบัญชีที่มีอยู่ในแต่ละสถาบันการเงินและบริษัทสมาชิก โดยมีข้อมูลที่สำคัญดังนี้ 

-สรุปข้อมูลบัญชีสินเชื่อ ซึ่งจะบอกว่าลูกค้ามีสินเชื่ออยู่ทั้งหมดกี่บัญชี มีจำนวนบัญชีที่ใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลหรือโต้แย้งกี่บัญชี

-ประเภทและเลขที่บัญชีของสินเชื่อ

-ชื่อผู้ให้สินเชื่อ

-วงเงินที่ได้รับอนุมัติ และวงเงินที่ใช้ไป

-สถานะของบัญชี เช่น ปกติ  ปิดบัญชี พักชำระหนี้ ค้างชำระหนี้ 

-รายละเอียดการชำระหนี้ ซึ่งจะแสดงประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา ทั้งที่ชำระตรง ชำระล่าช้า หรือผิดนัดชำระ

-ข้อมูลอื่น ๆ เช่น วันที่เปิดบัญชี วันที่ชำระหนี้ล่าสุด วันที่ปิดบัญชี วันที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 

                                            

Credit bureau เป็นระบบที่เป็นการรายงานเครดิต (Credit report) เป็นการบันทึกประวัติเครดิตและกิจกรรมของบุคคล เพื่อเป็นฐานข้อมูลที่ให้โดยเจ้าหนี้ เช่น ผู้ให้กู้และบริษัทบัตรเครดิต รายงานอาจมีข้อมูลหลากหลาย ตั้งแต่รายละเอียดส่วนบุคคล เช่น ชื่อและหมายเลขประจำตัวประชาชน ไปจนถึงข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับการยึดสังหาริมทรัพย์และการล้มละลาย 

              

Credit score นั้นก็ต้องใช้ข้อมูลจากรายงานเครดิต (Credit report) เพื่อคำนวณคะแนนเครดิต เป็นตัวเลข 3 หลักซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 300 ถึง 850 โดยจะแสดงภาพรวมของสถานการณ์เครดิตของแต่ละบุคคล Credit score ขึ้นอยู่กับประวัติเครดิตของบุคคล ท่ามกลางปัจจัยอื่น ๆ บริษัทที่ให้คะแนนเครดิตจะใช้ข้อมูลจากรายงานเครดิตเพื่อสร้าง Credit score พวกเขาคำนวณคะแนนโดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่าแบบจำลองการให้ Credit score ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงประวัติการชำระเงินของบุคคล หนี้ และจำนวนการสมัครขอสินเชื่อล่าสุด

‘ณัฐชา’ ตอบชัด!! ปมวินถาม “แก้ ม.112 แล้วได้อะไร” ย้ำ!! ทุกพื้นที่ต้องสามารถพูดถึง ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’

(12 เม.ย.66) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางบอน (เฉพาะแขวงบางบอนใต้และแขวงคลองบางบอน) และเขตบางขุนเทียน (ยกเว้นแขวงท่าข้าม) เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่มีพี่วินบุกถามถึงทำไมต้องแก้ ม.112 โดยระบุว่า 

“4 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้ทำแค่เรื่องการแก้ ม.112 พร้อมยังเปิดเอกสารให้ดูเลยด้วยซ้ำ ว่าในสภาฯ ได้ทำเรื่องอะไรไปบ้าง แต่พี่วินคนดังกล่าวนั้นไม่เปิดใจรับฟัง กลับบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวเป็นเพียงเรื่องยิบย่อย”

นายณัฐชา ตอบถึงกรณีที่วินถามว่า ทำไมถึงอยากจะแก้แต่ ม.112 ว่า “ เพราะ ม.112 ถูกหยิบยกมาในประเด็นทางการเมือง เพราะฉะนั้นเราอยากจะยกมาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นถ้าเห็นว่าเรื่องใดก็ตามที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อประเทศ ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างสำนักพระราชวังเป็นตัวแทนในการฟ้องร้อง”

นายณัฐชา ได้กล่าวว่า “ทุกวันนี้เป็นบุคคลที่ใช้เรื่องราวเหล่านี้กลั่นแกล้งกันทางการเมือง และยิ่งรุกคืบไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่เกี่ยวกับประมุขของประเทศ หรือพระมหากษัตริย์เลย แต่ก็ยังไปร้องเรียนเรื่อง ม.112” พร้อมเสริมว่า “ซึ่งงบางคนยังไม่ได้ถูกตัดสินคดี แต่ถูกจำคุกไปแล้ว 365 วัน แต่ยังไม่ถูกตัดสินเลยว่าทำผิดหรือเปล่า”

นายณัฐชา ได้ย้ำชัด “เราได้พยายามจะสื่อสานเรื่องเหล่านี้ แต่พี่วินนั้นไม่รับฟัง” ทั้งยังได้ตอบคำถามที่พี่วินถามไว้ว่าประเทศไทยมีกษัตริย์มากว่า 800-900 ปี ยังอยู่ได้ไม่เป็นไร ว่า “ที่ผ่านมาในอดีตนั้นเรามีกษัตริย์มาหลายราชวงศ์ และที่ผ่านก็เคยเกิดเหตุการณ์ก็เคยล้มมาแล้วผ่านกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทหารยึดอำนาจ เปลี่ยนแปลงรางวงศ์ต่างๆ ซึ่งประวัติศาสตร์ที่พี่วินบอกมานั้นผ่านการล้มโดยทหารทั้งนั้น ไม่มีการล้มโดยประชาชนแม้แต่ครั้งเดียว”

ม.112 ไม่แก้ ไม่แตะ ถ้าใครนโยบายไม่ตรงกันในเรื่องนี้ ก็ไม่ควรมาร่วมกัน

เมื่อวานนี้ (12. เม.ย.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกฯ ได้เปิดใจคุย ‘กรรมกรข่าวเปิดอกคุย’ ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง

โดยนายสรยุทธ ได้ถามพล.อ.ประวิตร ถึงแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า “พรรคพลังประชารัฐ จะไม่ร่วมกันพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ซึ่งพรรคก้าวไกลนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าพรรคพลังประชารัฐนั้นไม่อยากร่วม ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการโดยบอกว่าถามพรรคแล้วให้แถลงอย่างนี้”

ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ตอบกลับถึงประเด็นที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ประกาศว่าขอไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ว่า “ไม่ได้ถามหัวหน้าพรรคแต่พูดกับผู้ใหญ่ในพรรค” โดยนายสรยุทธได้ย้ำ “เขาขอแล้ว”

พล.อ.ประวิตร ได้เสริมว่า “เขาได้ถามตนแล้วว่าถ้านโยบายไม่ตรงกันก็ไม่ร่วมกัน ซึ่งตนก็ได้เห็นด้วย ถ้านโยบายไม่ตรงกัน หรือมีการตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มันก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง” พร้อมยังย้ำ “ถ้านโยบายไม่ตรงขอไม่ร่วม”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top