Thursday, 8 June 2023
CRIMES

ปอศ. ทลายเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ดอกเบี้ยโหด พบเงินหมุนเวียนนับพันล้านบาท

(28 มี.ค.66) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา, พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ มอญรัต, พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ ,พ.ต.ต.ฉัตรดนัย ทองคลอด สว.กก.5 บก.ปอศ. นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.5 บก.ปอศ. กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุด ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, พิจิตร, สมุทรปราการ,จันทบุรี เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการเงินกู้ออนไลน์เถื่อน 2 เครือข่าย ประกอบด้วย 'Burin-credit (บุรินทร์ เครดิต)' และ Memoney-Credit สินเชื่อเพื่อธุรกิจ 

จากปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นายทศพล อายุ 29 ปี นายศักดิ์รินทร์ อายุ 29 ปี นายยุทธนา อายุ 27 ปี และ นายเกียรติศักดิ์ อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 893-896/2566 ลงวันที่ 24 มี.ค. 2566 ข้อหา 'ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกําหนด และร่วมกันข่มขู่หรือใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้' พร้อมกับจับกุมกลุ่มพนักงานรับจ้างทวงหนี้ของเครือข่ายดังกล่าวในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต”อีก 7 ราย รวมถึงตรวจยึดของกลาง อาทิ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 13 เครื่อง โทรศัพท์ 38 เครื่อง ซิมการ์ดประมาณ 50 อัน เช็คค้ำประกันของลูกหนี้ 22 ใบ มูลค่ารวม 7,990,000 บาท รถยนต์หรูยี่ห้อ Mercedes Benz, BMW, TOYOTA, Hyundai ของลูกหนี้ 4 คัน

พ.ต.อ.เมฆพิศาล กล่าวว่า สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2565 ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ได้รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์นอกระบบ 'Burin-credit' มีพฤติการณ์เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ซึ่งผู้กู้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวันในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อวัน หรือ ร้อยละ 547.5 ต่อปี จนกว่าจะมีเงินต้นมาชดใช้คืน หลังรับเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง

‘ตร.ไซเบอร์’ ทลาย 2 เว็บพนันออนไลน์ ตรวจค้น 4 จุด  จับกุมผู้ต้องหา 11 คน มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท

(25 มี.ค. 66) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 
(บช.สอท.) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกรณ์ ประภายนต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 แถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ จับกุมผู้กระทำผิดและตรวจยึดทรัพย์สิน มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจไซเบอร์ได้สืบสวนทราบว่ามีกลุ่มบุคคลเป็นเครือข่ายทำเว็บไซต์พนันออนไลน์ โดยสืบสวนตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีการจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์เกี่ยวกับ ทายผลฟุตบอล, พนันสล็อต, เกมยิงปลา เกมสล็อต บิงโก หรือ เกมอื่นๆ มีการเสนอการฝาก ถอน เงินสดสำหรับเป็นเครดิตในการเล่นพนันผ่านธนาคารพานิชย์ (ในประเทศไทย) และเว็บไซด์มีระบบ ฝาก-ถอน อัตโนมัติ โดยเบื้องต้นได้ทำการอำพรางและทดลองเล่นการพนันดังกล่าวแล้วสามารถเล่นพนันได้จริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นจากศาล เพื่อเข้าตรวจค้น จำนวน 4 จุด ดังนี้

จุดตรวจค้นแรกเครือข่ายเว็บพนัน Xoslotz1688.com ซึ่งมีสมาชิกที่เป็นผู้เล่นประมาณ 35,000 คน มียอดเงินหมุนเวียนเดือนละ 20 ล้านบาท ยอดเงินหมุนเวียนทั้งปีประมาณ 240 ล้านบาท โดยเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 6/1 หมู่ที่ 6 ต.พลับพลา อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี ซึ่งเปิดเป็นล้งรับซื้อมังคุด โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 คน คือ นายศรายุทธ เจริญวัย อายุ 39 ปี,น.ส.วาธินี พลคิด อายุ 38 ปี,น.ส.รัญญาดา วรชินา อายุ 19 ปี และนายศุภวิชญ์ สืบฤกษ์ อายุ 25 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยรถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นมัสแตง จำนวน 1 คัน ราคาประมาณ 3,800,000 บาท, รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น อัลพาร์ด จำนวน 1 คัน ราคาประมาณ 3,000,000 บาท, รถยนต์บรรทุก ยี่ห้อ HINO จำนวน 1 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น ครอส  1 คัน, รถยนต์กระบะ 4 คัน, รถจักรยานยนต์ 3 คัน และของกลางทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

จุดตรวจค้นที่ 2 เครือข่ายเว็บพนัน slotking77.com ซึ่งมีสมาชิกที่เป็นผู้เล่นประมาณ 15,000 คน มียอดเงินหมุนเวียนเดือนละ 15 ล้านบาท ยอดเงินหมุนเวียนทั้งปีประมาณ 180 ล้านบาท โดยเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 1128/55 หมู่บ้านคาซ่าวิลล์ ถนนเลียบคลองรังสิต ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน คือ นายพชิระวัสส์ ภิญโญชีพ อายุ 40 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยรถยนต์ ยี่ห้อปอร์เช่ จำนวน 2 คัน ราคาประมาณ 20,000,000 บาท, รถยนต์ 1 คัน, นาฬิกายี่ห้อริชาร์ดมิล 1 เรือน ราคาประมาณ 6,000,000 บาท, เงินสด 1,000,000 บาท, กระเป๋าแบรนด์เนม, ทองคำรูปพรรณ ๕ บาท, อาวุธปืน 2 กระบอกและของกลางทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

จุดตรวจค้นที่ 3 เครือข่ายเว็บพนัน slotking77.com ซึ่งมีสมาชิกที่เป็นผู้เล่นประมาณ 15,000 คน มียอดเงินหมุนเวียนเดือนละ 15 ล้านบาท ยอดเงินหมุนเวียนทั้งปีประมาณ 180 ล้านบาท โดยเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 44/81 หมู่ 1 ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 1 คน นายเอกรัฐ ตากัน อายุ 42 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยรถยนต์ ยี่ห้อBMW รุ่น 530E จำนวน 1 คัน ราคาประมาณ 3,500,000 บาท, นาฬิกา ยี่ห้อโรเล็กซ์ รุ่น daytona ราคาประมาณ 800,000 บาท, พระเครื่องพร้อมทองคำรูปพรรณ, กระเป๋าแบรนด์เนม และของกลาง ทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

‘ตร.’ บุกจับ หนุ่มอ้างเป็นพันเอก หลอกตุ๋นเงินเหยื่อ โว ซี้ รมต.-มีโควตาลอตเตอรี่กองสลาก เสียหายกว่า 20 ล้าน!!

(25 มี.ค. 66) เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2566 พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม.สั่งการให้ พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา รอง ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สว.กก.3 บก.ปคม. นำกำลังจับกุม นายพันธ์เทพสักดิน (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 649/2565 ลงวันที่ 12 กันยายน 2565 ตาม พรบ.ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค และหมายจับคดีอื่น ทั้งคดีฉ้อโกง-คดีเช็ค รวม 9 หมายจับ ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 6 ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อกลางปี 2564 นายพันธ์เทพสักดิน ก่อเหตุหลอกลวงหนุ่มผู้เสียหาย อ้างตัวว่าเป็นนายทหาร ยศพันเอกพิเศษ จบจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น19 ซึ่งรู้จักกับผู้ใหญ่ระดับรัฐมนตรีหลายท่าน พร้อมกับโชว์โปรไฟล์รูปภาพของตนขณะใส่เครื่องแบบนายทหาร และยังพาผู้เสียหายไปที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนหลอกขอยืมเงินหลายครั้ง รวมแล้วประมาณ 15 ล้าน โดยเขียนเช็คค้ำไว้ โดยอ้างว่า จะเอาไปให้ผู้ใหญ่เปิดทางการลงทุนรถไฟรางคู่

‘ปคบ.-อย.’ บุกทลายโกดังอาหารเสริม-เครื่องสำอางปลอม พบนำเข้าจากจีน ตรวจยึดของกลางมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท!!

(24 มี.ค. 66) ที่ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติกรณีทลายโกดังเก็บผลิตภัณฑ์อาหารเสริม, ยาปลอม และเครื่องสำอางปลอม ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตรวจยึดของกลาง 19 รายการ รวม 6,320 กล่อง มูลค่าสินค้าปลอมกว่า 10,000,000 บาท

‘ตร.ไซเบอร์’ แจ้งความคืบหน้าคดีหลอกลงทุน ‘Turtle Farm’ ยอดความเสียหายรวม 2 พันล้าน เตือน ปปช.อย่าหลงเชื่อ

(24 มี.ค. 66) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอเรียนชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ บริษัท ไมน์นิ่งมายน์ เอ็กซ์ จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัดสถานีหลักสี่ โดยนางสาวฐานวัฒน์ กับพวก รวม 9 ราย ที่ได้ร่วมกันหลอกลวงชักชวนผู้เสียหายหลายรายให้ร่วมลงทุนเพาะเห็ด ปลูกพืชกระท่อม เลี้ยงผึ้ง หรือการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อประชาชนจากภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุน โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงในเวลาอันรวดเร็ว โดยได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนและปราบปรามการกระทำความผิด บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

เพื่อเป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในด้านงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับไปยัง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดทำการสืบสวนสอบสวน ขยายผลหาความเชื่อมโยงในคดี ปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

เมื่อประมาณเดือน พ.ย. 64 - ก.ค. 65 ผู้ต้องหากับพวกได้สร้างโรงเพาะเห็ดขึ้นมาหลายโรง ในพื้นที่ จ.สกลนคร ประกาศโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมลงทุนเพาะเห็ด ปลูกต้นกระท่อม และเลี้ยงผึ้ง โดยอ้างว่าผู้ที่เข้าร่วมลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง โดยมีเงื่อนระยะเวลาในการลงทุน เช่น โครงการฝากเลี้ยงเห็ดเยื่อไผ่ ใช้เงินลงทุน 264,360 บาท ในเดือนที่ 3 จะได้รับเงินปันผล 108,640 บาท/เดือน หรือโครงการฝากเลี้ยงกระท่อม ใช้เงินลงทุน 275,000 บาท ในเดือนที่ 8 จะได้รับกำไร 150,000 บาท/เดือน โดยมีการสร้างความน่าเชื่อถือ โดยการทำสัญญาระหว่างผู้ร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา มีการใช้บุคคลสำคัญ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมโฆษณาชักชวน มีการสร้างภาพว่าฟาร์มดังกล่าวได้รับรางวัล ทำให้ผู้เสียหายรายหลายหลงเชื่อ และนำเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก

ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้มีการดำเนินการตามที่ชักชวนแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อถึงกำหนดผู้ต้องหากับพวกอ้างเหตุขัดข้องต่าง ๆ ไม่สามารถจ่ายเงินผลตอบแทนได้ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหายและมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย

คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 ได้ดำเนินการสอบสวนสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด ได้ขออนุมัติศาลขอออกหมายจับผู้ต้องหากับพวก รวม 9 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกง และนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ปัจจุบันสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี 2 ราย และที่ผ่านมาสามารถทำการตรวจยึดทรัพย์สิน และอายัดเงินในบัญชีที่เกี่ยวข้องได้เป็นจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อ 3 ต.ค. 65 พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 1 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ โดยมีผู้เสียหาย 119 ราย ความเสียหาย 60 ล้านบาท และเมื่อ 22 ธ.ค.65 ได้สรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 2 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ มีผู้เสียหาย 1,001 ราย ความเสียหายกว่า 703 ล้านบาท ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสรุปสำนวนการสอบสวน ครั้งที่ 3 ปัจจุบันมีผู้เสียหายอีกกว่า 1,000 ราย ความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จสามารถส่งสำนวนการสอบสวนได้ภายในเดือน เม.ย. 66 เพื่อให้พนักงานอัยการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

‘วัยรุ่นกัมพูชา’ 2 แก๊ง ขับ จยย. ไล่ยิงกันกลางตลาด พ่อค้าขายผักโดนลูกหลง ‘เสียชีวิต 1 ราย’

(23 มี.ค. 66) รตท.ชัชวาล ประกอบกิจ พนักงานสอบสวน สภ.คูคต รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันภายในตลาดแห่งหนึ่งย่านคูคต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย ศพฐ.1 ปทุมธานี แพทย์เวรจากโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในตลาด ใกล้เคียงโซนอาคารรถผักหลังคาแดง พบผู้เสียชีวิต 1 รายสวมเสื้อยืดคอกลมสีเทากางเกงขาสั้นสีดำ สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่บริเวณช่องจอดรถผู้ซื้อ ทราบชื่อต่อมานายโกวิทย์ เนตรศรีไพบูลย์ อายุ 59 ปี ชาววิหารแดง จังหวัดสระบุรี ใกล้เคียงกันพบรถจยย.ยี่ห้อฟีโน่สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จากการตรวจสอบพบว่าเป็นของผู้เสียชีวิต

ป.ป.ส. เผยยึดทรัพย์เครือข่าย ‘ทุน มิน หลัด’ กว่าพันล้าน พบ เส้นทางการเงิน ‘บ.อัลลัวร์กรุ๊ป' เชื่อมโยงนักการเมือง

ป.ป.ส.แถลงความคืบหน้ายึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดกลุ่ม ‘ทุน มิน หลัด’ ยอมรับมีเงินบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป บางส่วนเชื่อมโยงนักการเมือง แต่ต้องตรวจพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องยาเสพติดหรือไม่

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยนายนายมานพ แสงโสทร นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน สำนักงาน ปปส.กทม. ได้แถลงผลการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนาย ทุน มิน หลัด (Tun Min Latt) และผู้เกี่ยวข้อง

นายวิชัย กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จับกุมกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 6 คดี ต่อมาได้มีขยายผลและสืบทราบว่า นายทุน มิน หลัด กับพวก เป็นผู้ร่วมกระทำความผิด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับของศาลอาญา เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 ให้จับกุมนายทุน มิน หลัด พร้อมพวกรวม 6 คน พร้อมนิติบุคคล ในฐานะผู้ต้องหาอีก จำนวน 3 บริษัทในเครืออัลลัวร์กรุ๊ป ในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกันจับกุมนายทุน มิน หลัด พร้อมพวกรวม 4 ราย ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ จำนวน 2 ราย คือนายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์  หรือ เอ็ดดี้ และ นางสาวกัลยวีร์ ธีระประภาวงศ์ ภรรยา ซึ่งภายหลังการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สิน และยึดหรืออายัดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหา และกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องไว้เพื่อตรวจสอบรวมมูลค่าประมาณ 1,398.5 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่มีคำสั่งยึดหรืออายัดไว้ มีทั้งทรัพย์สินประเภทที่ดิน , สิ่งปลูกสร้าง ,  เครื่องประดับ , เงินสด , เงินฝากในบัญชีธนาคาร , ยานพาหนะ , หลักทรัพย์ , เงินประกันและทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการ

นอกจากนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้อง บัญชีที่ระบุว่าเป็นบัญชีม้า รวม 111 บัญชี มูลค่าเงินที่อายัดประมาณ 163.58 ล้านบาท ซึ่งจะเรียกผู้มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่อายัดไว้ทั้งหมดมาชี้แจงต่อไป ส่วนบัญชีอื่นที่เป็นบัญชีม้าอยู่ระหว่างดำเนินการอายัด

ส่วนกรณีที่โรงแรมอัลลัวร์ในคดีนี้และทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สาย สำนักงาน ป.ป.ส.ได้ดำเนินการแจ้งคำสั่งการตรวจสอบ และยึดหรืออายัดทรัพย์สิน รวมถึงการแจ้งให้ระงับการรับเงินค่าใช้ไฟฟ้าจากบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป (พีแอนด์อี) และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการชำระเงินในนามของบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ปฯ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายได้รับทราบและดำเนินการตามที่ สำนักงาน ป.ป.ส. แจ้งแล้ว แต่เนื่องจากการซื้อ-ขายไฟฟ้า ระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายกับผู้ใช้ไฟฟ้าในฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมานั้น จะต้องทําสัญญากับบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลเมียนมา จึงจะสามารถทำการซื้อ-ขายไฟฟ้าดังกล่าวได้ ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายได้ประสานงานไปยังประเทศเมียนมาเพื่อเร่งดำเนินการให้สัมปทานแก่บริษัทอื่น เพื่อมาทําสัญญา ซื้อ-ขายไฟฟ้าแทนบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ประหว่างรอการดำเนินการ

‘ตร.’ บุก มาบุญครอง ทลายเครือข่ายมาเฟีย ‘บาบู’ ปลอมสินค้าแบรนด์ดัง หลอกขายนักท่องเที่ยว

(22 มี.ค. 66) สืบเนื่องจากศูนย์ปรายปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปลป.ตร.) ได้รับรายงานว่า มีเครือข่ายขบวนการมาเฟียเชื้อสายอินเดียชื่อว่า ‘บาบู’ ลักลอบนำสินค้าแบรนด์เนม รองเท้า, กระเป๋า, เสื้อผ้า, นาฬิกา เลียนแบบสินค้าแบรนด์ดัง มาหลอกขายให้คนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในมาบุญครอง และย่านปทุมวัน โดยหลอกลวงว่าเป็นสินค้าหิ้ว หรือ สินค้า Outlet โดยเครือข่ายนี้ส่งของกว่า 30 ร้านค้าในบริเวณใกล้เคียง

กระทั่งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) พร้อมชุดทำงานชุด ศปลป.ตร. ขออนุมัติหมายค้นจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ประสานสนธิกำลัง 191 ปอศ. และพื้นที่เข้าตรวจค้นห้องเช่าอเนกประสงค์ ขั้น 3 ของศูนย์การค้า เอ็มบีเค เซ็นเตอร์

‘สธ.’ เร่งเข้าช่วยเหลือเด็กชายวัย 14 ปี ติดกัญชางอมแงม ยายหวั่นถูกหลานทำร้าย เผย เคยโดนเอาน้ำสาดหน้า

(22 มี.ค. 66) จากเหตุการณ์ชาวบ้าน ชุมชนห้องแถว ย่านซอยเขาตาโล หมู่ 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พบเห็นครอบครัว ซึ่งเป็น 2 ยายหลาน อาศัยอยู่ในห้องแถวดังกล่าว ในทุก ๆ วันจะเห็นหลานชายมีพฤติกรรม ขอเงินไปซื้อกัญชาเสพ อีกทั้งยังแสดงอาการโมโหร้าย จนผู้เป็นยายต้องเดินหนีออกมา ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในละแวกดังกล่าว

นางดา ผู้เป็นยาย จับได้ว่าหลานชายติดกัญชาหนักมาก ต้องดูดกัญชาทุกวัน โดยจะต้องขอเงินวันละ 1-2 ร้อยบาท ไปซื้อกัญชามาเสพ หากวันไหน ไม่ได้เสพจะมีอาการหงุดหงิด จุกท้อง พูดไม่ชัด พูดจาโวยวาย ทำร้ายข้าวของ หนักสุด คือ ‘เอาน้ำในแก้วสาดใส่หน้ายาย’ ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทุก ๆ ครั้งที่หลาน มีอาการอยากเสพกัญชาหรือหงุดหงิด ยายจะเดินหนีไปอยู่กับเพื่อนบ้านทันที เพราะกลัวหลานจะทำร้าย

'มิจฉาชีพ' เปลี่ยนรูปแบบ 'หลอกหลอน' ชาวบ้านไม่พักเลย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วยคณะทำงาน ได้ร่วมกันนำเสนอสถิติการรับแจ้งความออนไลน์รอบสัปดาห์และภัยที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้มีภูมิป้องกันภัยออนไลน์ ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (12-18 มี.ค.2566) รวมทั้งสัปดาห์มีผู้แจ้งความ 4,291 เคส/351,191,412.31 บาท สถิติการรับแจ้งลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1,496 เคส/26,093,473.69 บาท โดยสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า 1,500 เคส/14,003,677.05 บาท  2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อหารายได้จากการทำกิจกรรม 578 เคส/71,469,279.03 บาท  3) คดีหลอกลวงทางโทรศัพท์ที่เป็นขบวนการ(call center) 529 เคส/65,547,808.73 บาท 4) คดีหลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน 429 เคส/17,113,573.64 บาท  และ 5) คดีหลอกเป็นบุคคลอื่นเพื่อยืมเงิน 236 เคส/10,637,571.37 บาท 

ภัยออนไลน์ที่น่าสนใจและเกิดขึ้นมากในรอบสัปดาห์ เรื่องที่ 1 คือ  คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า นม Thai-Denmark โดยมิจฉาชีพสร้างเพจ Facebook 'Thai-Denmark นมไทยแท้ ส่งทั่วไทย' คล้ายของจริง  เมื่อมีผู้หลงเชื่อมาสอบถามเพื่อขอซื้อนม เพจจะให้ผู้หลงเชื่อโอนเงินให้ก่อน แล้วปิดเพจหนีไป จุดสังเกตุ ของปลอม พบการกดปุ่มโกรธ (angry) จำนวนมาก สถานะของเพจเป็นอสังหาริมทรัพย์ เพิ่งเปิดเพจ และผู้จัดการเพจอยู่ต่างประเทศ  ส่วน ของแท้ เป็นธุรกิจท้องถิ่น และ เปิดมานานและผู้จัดการเพจอยู่ประเทศไทย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนควรสงสัยไว้ก่อนว่าของดีและถูกเกินกว่าราคาตลาดมากๆ และบัญชีรับโอนเงินบุคคลธรรมดา น่าจะหลอกลวง 

เรื่องที่ 2 คดีแก๊งคอลเซนเตอร์ติดต่อร้านอาหารผ่านแอปพลิเคชันไลน์หลอกสั่งข้าวกล่อง และโอนมัดจำให้ร้านค้าก่อน  วันต่อมา คนร้ายได้โทรศัพท์บอกให้ร้านอาหารสั่งชุดอาหารพิเศษเพิ่ม 7 ชุด และส่ง QR Code มาให้ร้านแอด และบอกว่าจ่ายเงินเพิ่มให้ภายหลัง และอ้างด้วยว่าเป็น QR Code แอดไลน์เท่านั้น แต่เมื่อแสกน QR Code พบว่า หน้าจอค้าง เจ้าของโทรศัพท์จึงรีบเข้าแอปฯ ธนาคาร เพื่อโอนเงินออกไปบัญชีอื่นก่อน และปิดเครื่อง  จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของ  QR Code ให้ดีก่อนที่จะ Scan หรือโอนเงิน

เรื่องที่ 3 คดีกลรักออนไลน์(Romance Scam) ถูกหลอกซ้ำซ้อน คือหลอกให้โอนเงิน 2 ครั้ง และหลอกให้ผู้เสียหายเปิดบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัว  เรื่องนี้คนร้ายได้ติดต่อพูดคุยกับผู้เสียหายทาง Facebook จากนั้นอ้างว่าอยากจะมาอยู่เมืองไทย มาใช้ชีวิตคู่กับผู้เสียหาย และส่งสินค้ามีค่ามาให้ โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินชำระภาษี ถือเป็นการหลอกให้โอนเงินรอบแรก จากนั้นจะหลอกว่าต้องการทำธุรกิจร่วมกับผู้เสียหาย แล้วให้ผู้เสียหายเปิดบัญชีไว้สำหรับการลงทุน จากนั้นคนร้ายได้หลอกผู้เสียหายคนที่ 2 และให้โอนเงินเข้าบัญชีผู้เสียหายคนแรก และให้ผู้เสียหายคนแรก ซื้อเหรียญคลิปโตให้คนร้าย ทำให้ผู้เสียหายคนแรก กลายเป็นผู้ต้องหาในคดี  จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ รู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนร้าย 

ด้วยความปรารถนาดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT)

คดีหลอกลวงซื้อขายผลิตภัณฑ์สินค้า 'Thai-Denmark นมไทยแท้ ส่งทั่วไทย'
กลโกง จุดสังเกต วิธีป้องกัน
1. สร้างเพจ Facebook ขึ้นมาโดยใช้ชื่อ รูปโปรไฟล์ รูปปก ที่อยู่ ข้อความแนะนำ ใกล้เคียงกับเพจ 'Thai-Denmark' ที่เป็นของจริง  
2. สร้างเป็นเพจ Facebook หรือซื้อโฆษณาเพจเพื่อให้คนเห็นได้จากระบบอินเตอร์เน็ต
3. เมื่อมีผู้หลงเชื่อมาสอบถามเพื่อขอซื้อ เพจจะให้ผู้หลงเชื่อโอนเงินให้ก่อน 
4. เมื่อถึงวันรับสินค้า เหยื่อจะส่งข้อมูลไปสอบถาม คนร้ายจะถ่วงเวลา 
5. เปลี่ยนเป็นเพจใหม่ เพื่อหลอกขายเช่นเดิมไปเรื่อยๆ ของปลอม 
1.พบการกดปุ่มโกรธ (angry) จำนวนมาก
2.สถานะของเพจเป็นอสังหาริมทรัพย์ 
3. เพิ่งเปิดเพจ และผู้จัดการเพจอยู่ต่างประเทศ
ของแท้ 

1.สถานะของเพจเป็นธุรกิจท้องถิ่น
2. เปิดมานานและผู้จัดการเพจอยู่ประเทศไทย
1. ตรวจสอบเพจ Facebook ให้แน่ใจก่อนซื้อ โดยกด เกี่ยวกับ 'ความโปร่งใส' ก็จะเห็นว่าเปิดมานานเท่าใด  ผู้จัดการเพจอยู่ประเทศไทยหรือไม่(อยู่ต่างประเทศ ควรหลีกเลี่ยง)  
2. ดูช่องกดไลค์(มีเครื่องหมาย 'โกรธ' ดูโพสต์เป็นหลัก อย่าดูด้านใต้ชื่อเพียงอย่างเดียว เพราะสามารถซื้อ 'ไลค์' ได้  
3. ลองนำชื่อเพจนั้น ไปใส่ช่องค้นหาใน Facebook ว่ามีเพจอื่นอีกหรือไม่ แล้วนำมาเปรียบเทียบกันดูว่า เพจไหนจริง/ปลอม
4. 'ของดีและถูกเกินกว่าราคาตลาดมากๆ' ให้สงสัยไว้ก่อนว่าหลอกลวง
5. บัญชีรับโอนเงินควรเป็นบัญชีชื่อร้าน หากเป็นบัญชีบุคคลธรรมดา ให้สงสัยไว้ก่อนว่าหลอกลวง

‘ปคบ.-สบส.’ รวบ ‘2 หมอเถื่อน’ ลอบเปิดคลินิกรักษาโรค ย่าน กทม.-ปทุม ไม่มีใบอนุญาต อ้าง!! ทำด้วยใจรัก

(20 มี.ค. 66) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจ.ปทุมธานี เพื่อจับกุมคลินิกลักลอบเปิดบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และรักษาโดยแพทย์ซึ่งไม่มีใบประกอบวิชาชีพ จุดแรก เป็นคลินิกเวชกรรม ตั้งอยู่บริเวณถนนราษฎร์พัฒนา เคหะร่มเกล้า 31 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. เมื่อเจ้าหน้าที่ เข้าไปถึงพบคลินิกดังกล่าวกำลังเปิดให้บริการประชาชน โดยมีนายรัฐภูมิ อายุ 51 ปี แสดงตัวเป็นแพทย์ตรวจรักษา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบสถานพยาบาลดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล เช่นเดียวกับตัวนายรัฐภูมิ ที่แสดงตัวเป็นแพทย์ ก็ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม

‘สาวใหญ่’ หลงคารมหนุ่มสายบุญ ให้ยืมเงิน-ซื้อรถป้ายแดง สุดท้ายโดนชิ่ง เจอหมายศาลยึดทรัพย์ ส่งถึงหน้าบ้าน

กำลังถูกยึดทรัพย์ หลงคารมหนุ่มสายบุญ เจอหมายศาลถึงบ้าน โทรไปถามแถไม่หยุด

(19 มี.ค.66) นางเอ (นามสมมติ) อายุ 57 ปี พนักงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ได้นำเอกสารหลักฐาน และหมายศาลที่ถูกฟ้องยึดทรัพย์ มาร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าว หลังถูก นายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 42 ปี พ่อค้าขายเครื่องราง หลอกยืมเงิน 2 แสนบาท และยังหลอกให้เช่าซื้อรถป้ายแดงให้ สุดท้ายกำลังจะถูกยึดทรัพย์

นางเอ เล่าว่า ตนรู้จักกับ นายเอ็ม เพราะชอบเข้าวัดทำบุญเหมือนกัน ก่อนนับถือเป็นพี่น้อง จากนั้นเมื่อปี 64 นายเอ็ม มาขอยืมเงินตน 200,000 บาท และต้นปี 2565 ก็หลอกให้ใช้ชื่อเช่าซื้อรถยนต์ป้ายแดงให้ โดยอ้างว่าชื่อตัวเองติดแบล็กลิส เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพิษโควิดทำให้ขายของไม่ได้ จนถูกยึดรถยนต์ที่มีอยู่ ทั้งประสบปัญหาขาดทุนขายของไม่ได้ครอบครัวเดือดร้อนไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกน้อยกิน

ด้วยความสงสารจึงยอมให้ยืมเงินและใช้ชื่อเช่าซื้อรถให้ ทั้งเห็นว่าเป็นคนชอบทำบุญจึงเชื่อใจ ประกอบกับ นายเอ็ม รับปากว่าจะรีบหาเงินมาคืนและผ่อนจ่ายค่างวดโดยไม่ให้มีปัญหาแน่นอน แต่เมื่อเดือน พ.ย.65 ก็ได้รับหมายศาลจังหวัดนางรอง เนื่องจากถูกธนาคาร และบริษัทที่ตนใช้ชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ยื่นฟ้องเรียกรถยนต์คืน หากไม่มีรถคืนก็ให้จ่ายเป็นเงินแทน เนื่องจาก นายเอ็ม ที่หลอกให้ตนใช้ชื่อเช่าซื้อรถยนต์ราคาเกือบล้านบาท ไม่ยอมชำระค่างวด หากตนไม่มีรถไปคืนบริษัทหรือหาเงินไปชำระตามหมายศาล ก็จะถูกยึดทรัพย์

‘ตร.’ รวบ 3 ผู้ต้องสงสัย บุกอุ้มสาว ป.โท เรียกค่าไถ่ 3 ล้าน เผย 1 ใน 3 คือ เพื่อนของผู้เสียหาย ทำหน้าที่เป็นนกต่อ!!

(19 มี.ค. 66) จากกรณี หญิงสาว อายุ 23 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวและนักศึกษา ระดับชั้นปริญญาโท เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ทองหล่อ ว่า ถูกกลุ่มคนร้ายเป็นชายอุ้มขึ้นรถตู้อัลพาร์ด สีดำ ขณะเดินออกจากร้านอาหารย่านเอกมัย เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 19 มี.ค. 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ดูแลงานสืบสวน, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น และ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 สั่งการให้ชุดสืบสวนนครบาล พร้อมด้วยชุดสืบสวนนครบาล 5 และ สน.ทองหล่อ เร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว

ตร. ล่าโจ๋พัทยา!! ก่อเหตุปาระเบิดขวดเผา ‘คู่รัก’ ก่อนขี่ จยย. หลบหนี ผู้เคราะห์ร้ายยันไม่เคยรู้จักคนร้าย

ล่าแก๊งโจ๋พัทยาดุ ปาระเบิดขวดเผาคู่หนุ่มสาว ไฟคลอกเกือบทั้งร่างเจ็บสาหัส

(18 มี.ค.66) เมื่อเวลา 02.30 น. พ.ต.ต.พัฒนนันท์ สมนวล สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกปาระเบิดขวดใส่ ถูกไฟเผาร่างกายเกือบทั้งร่างได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดหน้าร้านสะดวกซื้อ ปากซอยโพธิสาร ด้านฝั่งถนนสุขุมวิท ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้ว พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมืองพัทยา รีบรุดไปทำการตรวจสอบ ไปถึงที่เกิดเหตุพบ พบ ร่างคู่หนุ่มสาว อยู่ในสภาพเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ถูกไฟไหม้เกรียมเกือบทั้งตัว อีกทั้งเนื้อตัวมีแต่กลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิง ที่บริเวณช่วงต้นขาไปถึงกลางหน้าอก พบบาดแผลถูกไฟคลอกผิวหนังเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด

ทีมกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมืองพัทยา ต้องรีบปฐมพยาบาล แล้วนำตัวส่ง รพ.เมืองพัทยา ทราบชื่อต่อมาคือ นายธนกรณ์ อายุ 22 ปี และ นางสาว วรกานต์ อายุ 22 ปี

นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุ พบว่า มีกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เบื้องต้น พบว่ามี รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ เวสป้า สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ซึ่งเป็นของคนเจ็บ ที่บริเวณตัวรถด้านขวา มีร่องรอยถูกไฟไหม้ และ คราบรอยน้ำมันเชื้อเพลิง ได้รับความเสียหาย ใกล้ๆ กัน บนพื้นถนน พบ เศษขวดแก้ว สภาพแตกละเอียด จำนวนหนึ่ง และ เทปกาวพันสายไฟ ที่ใช้พันปากขวดแก้วตกอยู่ ตำรวจจึงทำการเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ผู้เห็นเหตุการณ์ อายุ 21 ปี เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังขี่รถจักรยายนต์กลับที่พัก พอมาถึงที่เกิดเหตุ เห็นกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 6 – 7 คน ขี่จักรยานยนต์มากันประมาณ 4 คัน กำลังเลี้ยวเข้าซอยโพธิสาร จากนั้น รถจักรยานยนต์ของผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีผู้ชายเป็นคนขี่และผู้หญิงซ้อนท้าย ได้ขับขี่สวนทางกันกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว

ในจังหวะที่กำลังขี่สวนทางกัน จากนั้น จู่ ๆ หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่น จำได้ว่าสวมใส่หมวกกันน็อคสีขาว ได้ก่อเหตุปาระเบิดขวดใส่คู่หนุ่มสาวดังกล่าว โดยปาใส่เข้าที่ตัวของคนเจ็บอย่างจัง แล้วก็มีไฟลุกพรึบตามทันที

รวบ ‘หนุ่มใหญ่’ หลอกเปิดคอร์ส 'ตุ๋นเงิน' ผู้ปกครอง อ้างใช้เงินหมดแล้ว เบื้องต้นตำรวจ ตั้งข้อหา-ฝากขัง

(18 มี.ค. 66) เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา มีความคืบหน้ากรณี นายสมบูรณ์ อินทร์ชูวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านหนองสระแบง ได้นำพ่อแม่ ผู้ปกครองนักเรียนหลายหมู่บ้าน ใน ต.ห้วยบง กว่า 21 คน เด็กนักเรียนกว่า 30 คน ที่ได้เสียเงินเป็นค่าเรียนพิเศษ คนละ 2,500 บาท รวมแล้วกว่า 75,000 บาท ให้กับ นายเอนก สักลอ อายุ 46 ปี ที่ได้มาชักชวนพ่อแม่ ผู้ปกครอง เด็กนักเรียน ในพื้นที่ ต.ห้วยบง อ.เมืองชัยภูมิ ว่ารับสอนพิเศษเด็กเรียน ตั้งแต่ชั้น ป.1 จนถึง ม.3 ในเฉพาะช่วงวันเสาร์ และวันอาทิตย์ โดยมีการแอบอ้างว่าเป็นครูมาจากมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ซึ่งมีการตรวจสอบก็ไม่พบว่าเป็นครูของ มรภ.ชัยภูมิ แต่อย่างใด

โดยมีพฤติกรรมมาแอบอ้างว่าเป็นครู จะมารับเปิดสอนพิเศษให้กับเด็กนักเรียนในหลายหมู่บ้าน ในวิชาภาษาไทย , คณิตศาสตร์ , ภาษาอังกฤษ และคอมพิวเตอร์ ในระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้กับผู้ปกครองและเด็กๆที่ต้องการในหมู่บ้าน โดยการเรียนการสอนพิเศษให้ ทั้งหมดรวม 32 ชั่วโมง เรียนเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ วันละ 2 ชั่วโมง เก็บค่าสอนพิเศษคนละ 2,500 บาท ต่อคนต่อคอร์ส

และจัดการสอนพิเศษแยกชั้นเรียน ตามความเหมาะสมของเด็กนักเรียนที่เรียนหนังสือในโรงเรียนอยู่ ซึ่งครั้งนี้มีผู้ปกครองหลงเชื่อส่งลูกหลานของตนเองมาเรียนพิเศษ ในวันเสาร์ อาทิตย์ เฉพาะในตำบลห้วยบง รวมกว่า 21 คน เพื่อหวังให้ลูกหลานตนเอง ได้มีความรู้เพิ่มเติมในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มากยิ่งขึ้น ห่างไกลจากการไปเล่นแต่เกมในโทรศัพท์มือถือ โดยให้เด็กนักเรียนมาเรียนพิเศษที่ศาลาอเนกประสงค์ Sml ประจำหมู่บ้านหนองสระแบง หมู่ 8 ต.ห้วยบง อ.เมืองชัยภูมิ มาตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

แต่หลังจากเด็กนักเรียนมาเรียนพิเศษ นายเอนก ได้ให้เด็กนักเรียนทั้งหมดที่มาเรียนพิเศษ นั่งเรียนพิเศษรวมกัน ไม่แบ่งชั้นเรียนตามความเหมาะสมของนักเรียน มีเพียงแจกสมุดใบงานเหมือนกันทุกคน แล้วให้เด็กเขียนหนังสือตามใบงานที่แจกให้ เหมือนเด็ก ป.1 แต่เมื่อเก็บเงินค่าเรียนพิเศษกับผู้ปกครองเด็กนักเรียนคนละ 2,500 บาทหมดแล้ว และจัดการสอนพิเศษวันละ 2 ชั่วโมง วันเสาร์และอาทิตย์ ได้เพียง 3 สัปดาห์ รวมแล้วจัดการสอนพิเศษเพียง 12 ชั่วโมง ไม่ถึง 32 ชั่วโมง ตามสัญญาที่ตกลงกับชาวบ้านไว้ จนถึงกลางเดือน ก.พ.66 ที่ผ่านมา นายเอนกได้แจ้งกับผู้ปกครองบางส่วนว่า ได้ปิดคอร์ส การเรียนการสอนแล้ว พร้อมกับได้หายตัวไป หมายเลขโทรศัพท์ที่ให้ไว้ ติดต่อไปเหมือนปิดเครื่องหนีติดต่อไม่ได้อีกเลย

ซึ่งบรรดาผู้ใหญ่บ้าน ผู้ปกครองเด็กนักเรียน ได้พยายามโทรติดต่อไปเพื่อให้มาตกลงกัน ว่าจะสอนพิเศษต่อตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ หรือจะจ่ายเงินคืนให้ผู้ปกครองเด็กนักเรียนทั้งหมด แต่ติดต่อกับนายเอนกไม่ได้เลย ทางผู้ปกครองเด็กนักเรียนจึงมั่นใจว่า ถูกหลอกเสียเงินคนละ 2,500 บาท สูญเปล่า ซึ่งมีเด็กกว่า 30 คนที่ถูกหลอก รวมเป็นเงินกว่า 75,000 บาท จึงได้รวมตัวกันเดินทางไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.เรืองศิลป์ ประวิสุทธิ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ลาดใหญ่ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับนายเอนก ครั้งนี้ที่ได้หลอกลวงบรรดาผู้ปกครองเด็กนักเรียน ให้เสียเงินเป็นค่าเรียนพิเศษของลูกหลานตนเองคนละ 2,500 บาท แต่แล้วการจัดสอนพิเศษไม่เป็นตามข้อตกลง ที่ได้ตกลงกันไว้ เด็กนักเรียนที่เรียนพิเศษแต่ละคน ไม่ได้ความรู้เพิ่มแต่อย่างใดอีกด้วย

และยังทราบอีกว่า นายเอนก ผู้ต้องหารายนี้ ยังได้มีพฤติกรรมไปหลอกลวงจัดการสอนพิเศษให้เด็กนักเรียนตามหมู่บ้าน ในพื้นที่ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ มีผู้ปกครองเด็กนักเรียนใน ต.ห้วยไร่ ถูกหลอกอีกกว่า 20 คน ในพื้นที่บ้านห้วยหมากแดง ต.ท่าหินโหม อีก 20 คน ก่อนหลบหนีไป ผู้ปกครองนักเรียนได้ไปแจ้งความไว้แล้วทั้งที่ สภ.ลาดใหญ่, สภ.คอนสวรรค์ และ สภ.เมืองชัยภูมิ รวมแล้วมีเด็กถูกหลอกสมัครเรียนพิเศษแล้วไม่ได้เรียนตามข้อตกตกลงกันไว้ที่หมดอีกจำนวนมากกว่า 70 คน คิดเป็นเงินที่นายเอนก ครูสอนพิเศษลวงโลกได้ไปกว่า 175,000 บาท ก่อนที่จะหลบหนีไปครั้งนี้

จนล่าสุดวันนี้ (18 มีนาคม ) หลังจากที่ พ.ต.อ.อรชุน รักสกุลพิวัฒน์ ผกก.สภ.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ได้รับแจ้งความกับผู้ปกครองนักเรียน ที่ได้รับความเสียหาย ให้ดำเนินคดีกับนายเอนก ได้มีการรวบรวมหลักฐานการกระทำความผิดของ นายเอนกแล้ว ทั้งที่อ้างตัวเองว่าจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ และเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ จากการตรวจสอบไม่ได้เรียนจบ และเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิแต่อย่างใดอีกด้วย ทาง สภ.ลาดใหญ่ ได้ออกหมายเรียก นายเอนกไปแล้ว แต่ไม่ยอมมารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ จึงได้ออกหมายจับกับ นายเอนก สักลอ อายุ 46 ปี และทางตำรวจชุดสืบสวน สภ.ลาดใหญ่ ได้ติดตามไปจับกุมนายเอนก ผู้ก่อเหตุรายนี้ ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ได้เมื่อคืนที่ผ่านมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top