Monday, 5 June 2023
CRIMES

‘หนุ่มใหญ่’ ปล่อยโฮ ถูกมือดีฉกเงินสด 8 หมื่นบาท หลังเผลอหลับ หวังจ่ายค่าผ่าตัดสมองให้พี่ชาย ชาวบ้านยันเห็นคนร้าย

ใจสั่นและขาอ่อนจนระทวย หนุ่มใหญ่วัย 52 ปี อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภูหอบเงินเฉียดแสนมาที่อุดรฯหวังจ่ายค่ารักษาพยาบาลพี่ชายผ่าตัดสมอง เผลอนอนหลับที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ มีมือดีมาฉกเงินหนีหน้าตาเฉย ชาวบ้านยันเห็นคนร้าย ยืนยันไม่ได้กุเรื่อง วอนตร.ล่าตัวคนร้ายแสบโดยเร็วไม่งั้นไม่มีเงินรักษาพยาบาลพี่ชายแน่

(4 เม.ย.66) เมื่อวันที่ 3 เม.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอดิศร อ่อนมาสาย อายุ 53 ปี ชาวบ้าน ต.นากอก อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู เข้าแจ้งความกับตร.สภ.เมืองอุดรธานีว่า เงินสดตนเองหายไปจากกระเป๋าขณะเผลอหลับไปที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ ข้างรพ.ศูนย์อุดรธานี ที่น่าตกใจกว่านั้นคือเงินสดจำนวน 82,000 บาทได้หายไป คาดว่าจะมีคนมาขโมยตอนหลับ อยากให้ตร.ติดตามมาคืนด้วยเพราะเงินก้อนนี้เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ตนเองนำมาจ่ายค่ารักษาผ่าตัดสมองที่รพ.ศูนย์อุดรธานี

ต่อมานายอดิศรพาตร.ชุดสืบสวนเดินทางไปดูจุดที่เกิดเหตุที่นอนหลับในสวนสาธารณะหนองประจักษ์ โดยนายอดิศรใจสั่นและขาอ่อนจนระทวยที่เงินเฉียดแสนหายไปแบบนี้ พาตร.ชี้จุดที่เกิดเหตุ พร้อมบอกว่า เงินผมหายแล้วหัวหน้า ช่วยตามให้ผมที เงินนี้ผมจะเอามาจ่ายค่าผ่าตัดสมองพี่ชาย ขโมยมาเงินผมไป แบบนี้ผมไม่ได้จ่ายให้พี่ชายแน่

หนุ่มใหญ่เคราะห์ร้ายถูกขโมยเงิน บอกว่า พี่ชายป่วยเป็นเนื้องอกในสมองและมาผ่าตัดที่รพ.อุดรธานีตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.แล้วและมีคิวผ่าตัดวันที่ 5 เม.ย.นี้ หมอแจ้งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 80,000 บาทเศษ เงินที่ตนเองเก็บหอมรอมรับมานาน เอาใช้เป็นค่าใช้จ่ายพี่ชายทั้งหมด หวังจะให้พี่ชายรอด  ก่อนเกิดเหตุได้ขึ้นไปเยี่ยมพี่ชายและบอกว่าไม่ต้องห่วงมีเงินจ่ายค่าผ่าตัดแล้ว จากนั้นตนเองก็เดินลงมานอนพักผ่อนที่หนองประจักษ์ โดยเอากระเป๋าวางไว้ข้างๆ ที่ตัวเองนอน เผลอหลับไปสักงีบ พอตื่นขึ้นมาปรากฏว่ากระเป๋าเงินหายแล้ว ตกใจมากเงินหายแบบนี้ไม่ได้จ่ายค่าผ่าตัดพี่ชายแน่จึงรีบไปแจ้ง ตร.ให้มาตรวจสอบทันที หมดเนื้อหมดตัวแล้ว และสงสารพี่ชาย พอพี่ชายป่วยก็ถูกภรรยาไล่ออกจากบ้าน ตนเองสงสารพี่ชายจึงอยากจะจ่ายค่าผ่าตัดสมองให้ อยากจะวิงวอนให้ตร.ตามจับคนร้ายให้ได้

‘เจ้าของสวน’ แทบทรุด อีก 2 วันก็ตัดขายได้แล้ว  กลับถูกโจรแสบย่องตัด ‘ทุเรียน’ กว่าร้อยลูก มูลค่ากว่า 90,000 บาท

(4 เม.ย.66) วันที่ 3 เม.ย.66 ร.ต.อ. ชัชวาล เพ็ชรนอก รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านค่าย ระยอง ได้รับแจ้งจาก นางจินตนา บุญประเสริฐ ผู้ใหญ่บ้านหมู่8 ต.ชากบก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่พานายพยุง ธรรมชาติ อายุ 55 ปี เจ้าของสวนทุเรียน ในพื้นที่หมู8 ต.ชากบก ว่าถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวน บุกเข้าไปขโมยตัดทุเรียนพันธุ์หมอนทอง หายไปกว่า 100 ลูก จึงประสานตำรวจชุดสืบสวนเข้าตรวจสอบในจุดเกิดเหตุเพื่อหาเบาะแสคนร้าย

เมื่อไปถึงสวนทุเรียนที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นสวนทุเรียนพันธุ์หมอนทอง บนเนืัอที่ 7 ไร่ มีต้นทุเรียนอายุกว่า 7 ปี ทั้งหมด 60 ต้น กำลังออกผลเต็มต้น ตรวจสอบพบร่องรอยกิ่งหัก และ เหลือเพียงขั้วทุเรียนที่ถูกตัดลูกหายไป โดยหนึ่งต้นถูกขโมยลูกทุเรียนหายไป 10-20ลูก ตัดเอาผลไปทุกต้น รวมกว่า100ลูก ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าของโจร ที่พบอยู่หลายรอยคาดว่าคงมาไม่ต่ำกว่า 3 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบทั่วทุ้งสวนเพื่อหาเบาะแสของคนร้ายกลุ่มนี้

นายพยุง เจ้าของสวนทุเรียน ได้ให้การว่า ทุเรียนภายในสวนของตนเองเป็นพันธุ์หมอนทองทั้งหมด ต้นทุเรียนอายุ 7 ปี ใหะผลผลิตมาแล้ว 2 ปี โดยปีนี้ให้ผลผลิตมากกว่าปีที่ผ่านมา จึงเฝ้าดูแลทะนุถนอม รดน้ำใส่ปุ๋ย จนทำให้ผลทุเรียนได้น้ำหนัก โดยเหลือเวลาอีกแค่สองวันก็จะตัดทุเรียนบางส่วนส่งขายได้แล้ว โดยตนเองไม่ได้พักในสวน จึงสร้างรั้วกั้นอย่างแน่นหนา โดยเข้ามารดน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา จนกระทั่งวันนี้ได้เข้ามารดน้ำ เมื่อเห็นต้นทุเรียนก็แทบทรุด เพราะพบว่าถูกขโมยลูกทุเรียนไป ตรวจสอบพบว่าถูกขโมยไปทุกต้น โดยคนร้ายคัดเอาแต่ลูกที่สวยไป คงจะมีความรู้เรื่องทุเรียนพอสมควร

‘ชาวบ้าน’ ขึ้นป้ายขอโจรเมตตา หลังถูกงัดห้องขโมยของนับไม่ถ้วน พ้อ!! “บ้านนี้โดนงัดบ้าน ไปหลายรอบแล้ว ไปบ้านอื่นก่อน ช่วงนี้หมดแล้ว”

(3 เม.ย.66) ความเดือดร้อนของชาวบ้านย่านบางเสาธง ถูกโจรงัดห้องขโมยของนับครั้งไม่ถ้วน จนต้องติดป้ายขอโจรเมตตาไปบ้านอื่นก่อน ชาวบ้านบอกเฉพาะตัวเองห้องเดียวโดนไป 3 ครั้ง ท้าโจรมางัดห้องดูได้หมดตัวแล้ว

ความเดือดร้อนของผู้พักอาศัยในหอพักแห่งหนึ่งในซอยคลองปั้นหยา ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ต้องอยู่กับความหวาดระแวงหัวขโมยในพื้นที่ ถูกขโมยรถจักรยานยนต์ ถูกงัดห้อง ขโมยยางอะไหล่รถยนต์ ขโมยจักรยาน มานับครั้งไม่ถ้วน จนต้องตัดสินใจทำป้ายไวนิลสีเหลืองขนาดใหญ่มาติดไว้ที่หน้าตึกมีข้อความว่า "เรียนคุณขโมยที่เคารพ บ้านนี้โดนงัดบ้าน ขโมยรถ ไปหลายรอบแล้ว ขอเวลาทำงานสักพัก เพราะมีหน้าที่ต้องดูแลครอบครัว จึงขอความเมตตาจากคุณขโมย ให้ไปบ้านอื่นก่อน ช่วงนี้หมดแล้ว ด้วยความเคารพอย่างสูง ที่นี่ อำเภอบางเสาธง สมุทรปราการ"

นายภานุพงศ์ พรมมา อายุ 52 ปี บอกว่าอยู่ในหอพักแห่งนี้มา 10 ปี หอพักถูกงัดห้องบ่อยครั้ง วันเดียวโดนงัดไป 3 ห้องรวดก็มี เฉพาะห้องตนก็เคยโดนงัดห้องมาแล้วถึง 3 ครั้ง ถูกขโมยไปทั้ง ทอง พระ เงินสด โทรศัพท์ มูลค่าที่สูญไปก็เป็นหลักหมื่นบาท ที่ไม่ได้ไปแจ้งความเพราะคิดว่าไปแจ้งความไว้ก็เท่านั้น แค่เรื่องของหายตำรวจคงไม่ตามให้ ก็อยากจะฝากโจรให้มางัดห้องตนใหม่ เพราะไม่มีอะไรจะให้มันแล้ว ส่วนทางตำรวจตนก็อยากให้ตำรวจผ่านมาทางนี้บ่อย ๆ ผ่านมาก็มองมาบ้าง

นายธีรวุฒิ ชังอินทร์ ผู้ดูแลหอพัก บอกว่า มาดูแลหอพักแห่งนี้ได้ 5 ปี ถูกโจรขโมยของไป 5 ครั้งแล้ว ได้ไปทั้งมอเตอร์ไซด์ จักรยาน ซึ่งครั้งล่าสุดก็โดนงัดห้องไป เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา จนทนไม่ไหวนำป้ายไวนิลมาติดไว้ที่หน้าหอพัก เพื่อแสดงความไม่ได้นิ่งนอนใจ อยากให้ตำรวจส่งสายตรวจมาบ้าง เพราะไปแจ้งความก็ทำได้แค่ลงบันทึกประจำวัน การติดป้ายครั้งนี้ก็จึงอยากให้ตำรวจรับรู้ถึงความเดือดร้อนของประชาชนด้วย


ที่มา : https://news.ch7.com/detail/634698

แถลงข่าว โชว์ผลการปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ พร้อมของกลาง ยาไอซ์ ๕๐ กก. พร้อมยาบ้า ๒,๐๐๐ เม็ด ขานรับนโยบายรัฐบาลให้มีการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังในพื้นที่ภาคใต้

(1 เม.ย.66) เวลา 15.00 น. ที่ สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส น.อ.ธัชธรรม์ ณ สงขลา รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนราธิวาส และ พ.ต.ท.อรรถพล สลับเพชร สว.สภ.ปะลุกาสาเมาะ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ จำนวน ๑ เครือข่าย ผู้ต้องหา จำนวน ๕ คน, ของกลาง ยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ ๕๐ กก., ยาบ้า จำนวน ๒,๐๐๐ เม็ด ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับ การกระทำผิดมูลค่าประมาณ 1,200,000 บาท (อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม) 

ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลให้มีการปราบปรามยาเสพติด อย่างจริงจังโดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ เป็นแหล่งแพร่ระบาด เป็นจุดพักยา และเป็นเส้นทางลำเลียงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ระดมสรรพกำลังเพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการ แก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่องตลอดมา ต่อมาได้มีการกำหนดแผนปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม ทำลายโครงสร้างเครือข่าย กระบวนการผู้ค้ายาเสพติดและในห้วงตั้งแต่วันที่ ๒๐ - ๓๑ มี.ค. ๖๖ ที่ผ่านมา

โดยพล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้แถลงข่าวพอสรุปใจความว่าเมื่อวันที่ ๓๐ มี.ค.๖๖ ที่ผ่านมา ได้ร่วมกันทำการจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย ได้แก่ 1.นายอาเฟนดี นิมะ บ้านเลขที่ ๑๒๙/๕ ม.๕ ต.ฆอเลาะ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ๒. นายอิบรอเฮม การียา บ้านเลขที่๑๑๔/๒ ม.๑๐ ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ๓. นายอะหะหมัด ดอเลาะ บ้านเลขที่ ๒๐/๔ ม.๓ ต.ปะกาฮะรัง อ.เมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ๔. นายอาซฮา อูเซ็ง บ้านเลขที่๑๐๓ ม.๑ ต.โละจูด อ. แว้ง จ.นราธิวาส ๕. นางสาวซีลาวาตี กือจิ บ้านเลขที่๑๗๔ ม.๑ ต. โละจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้ 1.ยาเสพติด(เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) น้ำหนัก ประมาณ ๕๐ กิโลกรัม บรรจุอยู่ในลังกระดาษ และ กระเป๋ากระสอบลายสีรุ้ง  ๒. ยาเสพติด(เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน ๑ มัด จำนวน  (๒,๐๐๐ เม็ด) บรรจุอยู่ในห่อกระดาษ สีขาว ๓. รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีขาว หมายเลขทะเบียน ๘กผ ๘๕๔๓ กรุงเทพมหานคร ๔. รถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีขาว หมายเลข ทะเบียน ขร ๓๕๗๒ สงขลา ๕. รถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นฟอร์ดเรนเจอร์ สีขาวหมายเลขทะเบียน กจ ๙๘๘๓ นราธิวาส และ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง เหตุเกิดริมถนนทางหลวงหน้าด่านกองร้อยทหาร พรานนาวิกโยธินที่ ๑๑ ม.๑ กาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส

‘บิ๊กโจ๊ก’ รับเรื่อง เจ้าของแฟรนไชส์ดังหลอกลงทุน หลังเหยื่อร่วมตัวเข้าร้องทุกข์ เสียหายรวม 4 ล้านบาท

เมื่อไม่นานนี้ ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กลุ่มผู้เสียหายร้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความ เปิดเผยว่า ได้พากลุ่มผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษนายมณฑล ทองคำ เจ้าของแบรนด์ ‘ย่างให้’ ซึ่งมีพฤติการณ์คือ เดินสายออกสื่อหลายรายการ ทั้งทางโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ต่าง ๆ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าธุรกิจประสบความสำเร็จ เปิดสาขามากกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงมีการนำภาพศิลปิน ดารา นักแสดงชื่อดังหลายคนมาโพสต์ในเพจเฟซบุ๊กว่า มีคนดังชื่อชอบในแบรนด์ของตัวเองและมาร่วมลงทุนในธุรกิจจำนวนมาก ธุรกิจได้ทำจริง ประสบความสำเร็จจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้คนหลงเชื่อ และเข้ามาลงทุนในแบรนด์ด้วย

กลุ่มผู้เสียหายเชื่อใจและนำเงินมาร่วมลงทุน แต่กลับไม่ได้เงินปันผล ไม่มีการแบ่งผลกำไร และไม่พบการดำเนินกิจการต่าง ๆ ตามที่ได้คุยกันไว้ และเมื่อผู้เสียหายมีการสอบถาม กลับถูกลบออกจากกรุ๊ปไลน์

หลังจากที่ผู้เสียหายได้ลงทุนไป ก็ได้มีการตรวจสอบจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าธุรกิจมีการจดทะเบียนจริง แต่เจ้าของแบรนด์ไม่ได้มีการจดชื่อผู้เสียหายบางรายเข้าไปในรายชื่อผู้ถือหุ้นตามที่ได้ตกลงกันไว้ อีกทั้งปัจจุบันเจ้าของแบรนด์ได้ปิดเฟซบุ๊กส่วนตัวและปิดเพจธุรกิจไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถติดต่อได้

เบื้องต้นจากการรวบรวมกลุ่มผู้เสียหาย ขณะนี้ประมาณ 13 คน ที่หลงเชื่อคำโฆษณานี้และเข้าร่วมลงทุน ยอดความเสียหายเบื้องต้นกว่า 4 ล้านบาท เฉลี่ยรายละตั้งแต่ 200,000-1,000,000 บาท คาดว่าอาจจะมีผู้เสียหายเพิ่มอีก

ด้านนายต๋อง หนึ่งในผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่เสียเงินมากที่สุด 1,000,000 บาท เล่าว่า เจ้าของแบรนด์หลอกว่ามีหุ้นอยู่ 20 ตัว ตัวละ 200,000 บาท ตนเองจึงได้ร่วมลงทุนไป 5 ตัว เป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท โดยเจ้าของแบรนด์ได้กล่าวอ้างว่าลงทุนแค่ 7,000 บาท ก็สามารถปลดหนี้ 10 ล้านบาทได้ภายใน 6 เดือน และคืนทุนได้ภายใน 1 เดือน แต่เมื่อเวลาผ่านไป 6 เดือน ก็ยังไม่ได้รับเงินใด ๆ

เจ้าของธุรกิจอ้างว่าติดช่วงโควิด-19 จึงไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ จึงรอไปเรื่อย ๆ และยังเชิญชวนให้ลงทุนเพิ่มเติมในบริษัทลูกอีก โดยอ้างว่ามีบริษัทน้ำดื่มยักษ์ใหญ่รายหนึ่งเข้ามาร่วมลงทุนด้วย จึงจะได้เงินปันผล แต่หลังจากตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและสืบทราบว่า พบว่าเจ้าของแบรนด์ได้มีการเปิดบริษัทที่ 2 และนำไปขายให้กับบริษัทดังต่อ เพื่อให้เป็นการรับช่วงทำแบรนด์ต่อจากนายมณฑล ไม่ใช่การทำแบรนด์บริษัทลูกอย่างที่บอกกับผู้เสียหาย และหลังจากผ่านไป 2 ปีก็ยังไม่ได้รับเงินปันผลแม้แต่บาทเดียว อีกทั้งยังมีปัญหากับภรรยาจนถึงขั้นเลิกรากันไป


ที่มา : https://www.thaipbs.or.th/news/content/326084

ศาลค้านประกันตัว ‘เมฆ รามา-พวก’ ชี้ อัตราโทษสูง หวั่นหลบหนีความผิด

(31 มี.ค.66) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.ได้ควบคุมตัว นายรามา รัศมีรามา หรือเมฆ รามา อายุ 36 ปี สามีของหยาดทิพย์ ราชปาล นักแสดงสาวชื่อดังกับพวกอีก 8 คน ประกอบด้วย นายนวปรินธ์ ทองน้อย อายุ 31 ปี, นายนฤพงศ์ ลือนาม อายุ 29 ปี, นายรัฐศาสตร์ วงศ์ชีวสุทธิ์ อายุ 32 ปี, นายชูเกียรติ อวงรัมย์ อายุ 28, นายชาคร ศุภมณีวิทย์ศิริ อายุ 33 ปี, นายฐาปกรณ์ เรืองภักดี อายุ 36 ปี, นายสนาเรศ มโนมัยงามเลิศ อายุ 31 ปี และนายกิตติทัต อุปพงศ์ อายุ 30 ปี 

ผู้ต้องหาในความผิดร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศการโฆษณา หรือ ชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันฯ และร่วมกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.การพนันฯ และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 

ชั้นสอบสวนนายนฤพงศ์ ลือนาม ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การรับสารภาพคนเดียว ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 และ นายรามา ผู้ต้องหาที่ 7, และผู้ต้องหาที่ 3-9 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา 

โดยพนักงานสอบสวนขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.-11 เม.ย.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบสวนพยานอีก 8 ปาก และรอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง กับรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ-ประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา

‘ตร.’ รวบ ‘นศ.สาว’ หลอกรับพรีออเดอร์การ์ดศิลปินเกาหลี พบผู้เสียหายนับ 100 ราย รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

(31 มี.ค. 66) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ต.อาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ สว.กก.3 บก.ป. จับกุม น.ส.มุทิตา (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ จ.120 /2566 ลงวันที่ 24 มี.ค.2566 ข้อหา “ฉ้อโกง, ฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ” ได้ที่บ้านพัก ในตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

ทั้งนี้ เมื่อปี 2564 - 2566 น.ส.มุทิตา ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้ประกาศรับพรีออเดอร์การ์ดศิลปินและดาราเกาหลีผ่านทางทวิตเตอร์ ในราคาหลักร้อยถึงหลักพันบาทต่อการ์ด 1 ใบ แต่เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้แล้ว น.ส.มุทิตา กลับไม่ส่งสินค้าให้ ซ้ำยังคงประกาศรับพรีออเดอร์การ์ดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้เสียหายจึงทยอยเข้าแจ้งความจนศาลออกหมายจับไว้ เบื้องต้นมีผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท

ตำรวจไซเบอร์ นำตัว ‘เมฆ รามา’ พร้อมพวก 8 ราย ถูกนำตัวฝากขังศาลอาญา

(31 มี.ค. 66) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พนักงานสอบสวน บก.สอท.2 บช.สอท. เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.จรยุทธ บุญทอง รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากเกร็ด เพื่อลงบันทึกประจำวันในการขอเบิกตัว ‘เมฆ รามา’ หรือ นายรามา รัศมีรามา อายุ 37 ปี กับพวกอีก 8 คน

ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 915/2566 ลงวันที่ 28 มี.ค. ในฐานความผิด "ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หรือ ทำอุบายล่อ ช่วยประกาศการโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับจากเจ้าพนักงานและร่วมกันฟอกเงิน" ออกจากห้องควบคุมตัว หลังจากทางพนักงานสอบสวนสอบปากคำ เมฆ รามา อย่างละเอียดที่ บช.สอท. ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงค่ำของวันเดียวกันนานกว่า 6 ชั่วโมง โดยยังให้การปฏิเสธ ก่อนนำตัวมาฝากควบคุมไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อรอไปฝากขังที่ศาลอาญา ผลัดแรกในช่วงเช้าวันนี้

‘สรยุทธ’ ยังโดน! แฮกเกอร์ ส่ง SMS ข้อมูลหลุดจริง ซ้ำ! แฮกเกอร์ประกาศขาย 55 ล้านรายชื่อ อ้างได้มาจากรัฐ

(31 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน ในโลกออนไลน์ เมื่อคนดังในหลายแวดวง ได้ออก มาระบุว่า ได้รับ SMS ที่ระบุว่ามาจากลุ่ม แฮกเกอร์ ที่ได้ส่งข้อมูลส่วนตัวของเรา ทั้งเลขบัตรประชาชน และเบอร์โทรศัพท์ ส่งมาให้ พร้อมกับแนบลิงค์ หน้าเว็บไชต์

และล่าสุด คือ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง ได้โพสต์ผ่าน สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว เป็นภาพหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เชื่อได้ว่าเป็นข้อความสั้น (SMS/เอสเอ็มเอส) ที่ส่งมาจากกลุ่มแฮกเกอร์ 9Near (ไนน์เนียร์) โดยระบุว่า “เฮ่ย! ข้อมูลหลุดจริงๆ มีครบ ทั้ง เลขบัตรประชาชน 13 หลัก, วันเดือนปีเกิด, ที่อยู่, เบอร์มือถือ”

สำหรับข้อมูลดังกล่าวนั้น แฟนเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า ExploitWareLabs ได้ออกมาโพสต์ภาพจากหน้ากระทู้ ที่มีคนลงขายข้อมูลหลุดชุดใหญ่ ซึ่งเป็นแฮกเกอร์รายหนึ่ง ที่ใช้นามแฝงว่า “9Near” โดยแฮกเกอร์รายนี้ ได้โพสต์ประกาศขายข้อมูลในเว็บ BreachForum ซึ่งเป็นเว็บบอร์ดที่ใช้สำหรับซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลที่หลุดออกมาจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในหลายประเทศ

‘ตำรวจ สอท.’ จับกุม ‘เมฆ รามา’ เอี่ยวเว็บพนัน-ฟอกเงิน เตรียมเรียก ‘หยาดทิพย์’ สอบปากคำเพิ่มเติม

ตร.เผยสืบสวนทางลับ จนพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนันไปยัง “เมฆ รามา” สามี “หยาดทิพย์” แต่คนละเครือข่าวกับมาเก๊า 888 เตรียมเรียกหยาด สอบปากคำ รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ชม “ดิว อริสรา” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์

(30 มี.ค.66) เวลา 12.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจ สอท.ได้เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นปฏิบัติการรวม 17 จุด สามารถจับผู้ต้องหาตามหมายจับความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน 8 ราย ในจำนวนนี้มี นายเมฆ รามา รัศมีรามา สามี ‘หยาดทิพย์ ราชปาล’ นางเอกชื่อดัง ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าว สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจาก ‘นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์’ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมและ ‘ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์’

ดารานักแสดงชื่อดัง ที่ให้ข้อมูลซึ่งตำรวจได้มีการสืบสวนสอบสวนทางลับ จนพบความผิดชัดเจนโดยเฉพาะเส้นทางการเงินจากเว็บพนันไปยัง เมฆ รามา สามีของนางเอกดัง ซึ่งตำรวจจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยตนเองยังไม่ได้มีการพูดคุยกับผู้ต้องหาแต่ทางพนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการสอบปากคำก่อนแจ้งข้อหา พร้อมกับยืนยันว่าจากการสอบสวนเครือข่ายเว็บพนันของเมฆ รามา เป็นคนละเครือข่ายกับเครือข่ายมาเก๊า 888 ส่วนนางเอกดัง ภรรยาของเมฆ รามา เบื้องต้น ยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องแต่ตามหลักของกฎหมายในฐานะสามีภรรยา พนักงานสอบสวนจะต้องเชิญภรรยาซึ่งเป็นนางเอกดังมาให้ปากคำว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ เนื่องจากความผิดดังกล่าวเข้ามูลฐานการฟอกเงิน ดังนั้นต้องตรวจสอบรายละเอียดทรัพย์สินและบุคคลใกล้ชิดทั้งหมด เพื่อดำเนินการให้สิ้นกระแสความเพราะมิฉะนั้นการรวบรวมหลักฐานที่จะยื่นในชั้นอัยการและศาลจะสมบูรณ์ส่งผลคดี ทำให้ประชาชนมองว่าเป็นมวยล้มต้มคนดู เพราะตนเองได้สั่งกำชับในการทำงานของพนักงานสอบสวนไซเบอร์ไปแล้ว ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่ามีบุคคลพยายามเข้ามาแทรกแซงแลกกับไม่ดำเนินคดีเมฆ รามา และเครือข่าย ส่วนตัวยืนยันไม่มี และยืนยันว่าใครที่ไปอ้างว่ารับเคลียร์จะเสียเงินเปล่าเพราะตนเองไม่รับเคลียร์อย่างแน่นอน

รองผบ.ตร.กล่าาวชื่นชม ดิว อริสรา ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของตำรวจจนสามารถขยายผลจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ทั้งมาเก๊า 888 และเครือข่าย เมฆ รามา ซึ่งทราบว่ามีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย ซึ่งได้ให้ความมั่นใจว่าตำรวจจะดูแลอย่างเต็มที่


ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9660000029647

'บิ๊กตู่' ยินดี สถิติแจ้งความคดีอาชญากรรมออนไลน์ลดลง พร้อมสั่งกำชับทุกหน่วยงานบังคับใช้ กม. อย่างเข้มงวด

(30 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญและห่วงใยประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ โดยได้กำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างจริงจังและบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด จึงผลักดันการพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์อาชญากรรมทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน คุ้มครองประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ป้องกันการสูญเสียทรัพย์สิน ที่สำคัญคือชีวิตของประชาชน 

‘ตร.’ รวบ ‘โจรแสบ’ ขณะกำลังปีนบันไดลักลอบตัดสายเคเบิล หลักฐานเต็มท้ายรถ พบเคยก่อเหตุมาแล้วหลายพื้นที่

เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2566  พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน นำกำลังจับกุม นายชวลิต จิตพินิจ อายุ 37 ปี และนายโยธิน ต่างศรี อายุ 24 ปี พร้อมของกลางสายเคเบิลขนาด 200 คู่ 0.4 AP จำนวน 2 เส้น ยาว 7 เมตร และ 18 เมตร, สายเคเบิลขนาด 300 คู่ 0.4 AP จำนวน 4 เส้น ยาว 12 เมตร, 14 เมตร, 22 เมตร และ 24 เมตร, สายเคเบิลขนาด 400 คู่ 0.4 AP จำนวน 1 เส้น ยาว 17 เมตร พร้อมรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บพ 991 สระแก้ว, คีมตัดสายไฟ และบันไดไม้ไผ่ 2 อัน

สืบเนื่องจากบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้รับแจ้งว่า สัญญาณอินเทอร์เน็ต บริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ ไม่มีสัญญาณความเสถียร ใช้งานไม่ได้บ่อยครั้ง คาดว่าสาเหตุมาจากคนร้ายลักลอบตัดสายเคเบิลออกไป กระทั่งได้เบาะแสว่า มีบุคคลต้องสงสัย 2 คน แอบลักลอบตัดสายเคเบิล ภายในรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บริเวณตรงข้ามธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน

จากนั้นนายไพบูลย์ แสนสอาด ผู้จัดการศูนย์ติดตั้งและตรวจแก้ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ พร้อมตำรวจสายตรวจ สน.บางเขน เดินทางไปตรวจสอบ พบนายโยธินกำลังปีนบันไดและตัดสายเคเบิลอยู่ ใกล้กันพบนายชวลิตนั่งอยู่ในรถกระบะ ตรวจสอบท้ายรถกระบะพบสายเคเบิลขนาดใหญ่หลายเส้นม้วนวางอยู่

‘สมอ.’ ร่วม ‘DSI’ บุกทลายโกดังเก็บสินค้าย่านบางขุนเทียน พบ ‘หม้ออบลมร้อน-ไดร์เป่าผม’ เพียบ รวมมูลค่า 7 ล้านบาท!!

(29 มี.ค. 66) นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา สมอ.ได้ประสานความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าย่านบางขุนเทียน กทม. และกระทุ่มแบน สมุทรสาคร พบสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 30 รายการ กว่า 23,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาท จึงยึดอายัดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ DSI ได้นำทีมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าจำนวน 2 แห่ง แห่งแรกในพื้นที่ย่านบางขุนเทียน พบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมของ สมอ. ตาม พ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 เช่น หม้อหุงข้าว ไดร์เป่าผม ที่ม้วนผม หลอดไฟ และเพาเวอร์แบงก์ ฯลฯ ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. เเละไม่แสดงชื่อผู้รับใบอนุญาต จำนวนกว่า 2,900 ชิ้น มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

แห่งที่ 2 เป็นโกดังเก็บสินค้าในอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เตาอบไฟฟ้า หม้ออบลมร้อน ไดร์เป่าผม ที่หนีบผม และโคมไฟ ฯลฯ กว่า 32 รายการ ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. และไม่แสดงชื่อผู้รับใบอนุญาต จำนวนกว่า 20,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท จึงยึดอายัดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายทันที ทั้งนี้ สินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่ สมอ.ควบคุม หากไม่ได้มาตรฐานอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของประชาชนได้

จากการตรวจสอบเบื้องต้นผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย รายแรกเป็นผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าจาก สมอ. และรายที่ 2 เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตนำเข้าจาก สมอ. ซึ่งทั้ง 2 รายนี้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 ต้องระวางโทษกรณีมีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนำเข้าสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตำรวจรวบทันควัน 'ศิลปินอิสระ' กลุ่มศิลปะปลดแอก  หลังพ่นสีข้อความ 112 บนกำแพงวัดพระแก้ว

ตำรวจรวบทันควัน หนุ่มขอนแก่นเป็นศิลปินอิสระกลุ่มศิลปะปลดแอก พ่นสีข้อความ 112 บนกำแพงวัดพระแก้ว ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี เผยมักทำผิดกฎหมายหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยถูกจับ

( 28 มี.ค.)เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 28 มี.ค. พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.สน.พระราชวัง นำกำลังสายตรวจเข้าจับกุมตัว นายศุทธวีร์ สร้อยคำ หรือบังเอิญ อายุ 24 ปี ชาว จ.ขอนแก่น โดยจับกุมตัวได้ขณะที่ผู้ต้องหา กำลังพ่นสีสเปรย์สีดำใส่รั้ว วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.

ตำรวจ ปส.(NSB) รวบเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือ ยึดยาบ้ากว่า 6.7 ล้านเม็ด คีตามีน 400 กก. ก่อนกระจายช่วงเทศกาลสงกรานต์

(28 มี.ค. 66) เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ภายใต้การสั่งการอย่างเข้มข้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ (NSB) เดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ และรายย่อย ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร ซึ่งจะพบว่าสถานการณ์ยาเสพติดขณะนี้เครือข่ายมีความพยายามอย่างหนักในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) สามารถจับกุมได้ 3 เครือข่าย พร้อมของกลาง ยาบ้า 6.7 ล้านเม็ด และคีตามีน 400 กก.

โดยเครือข่ายแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิเคราะห์ข่าว ปส.2 สืบสวนทราบว่า นายสนธยา(สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติด จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ ด้าน จ.เชียงราย มาส่งให้กับลูกค้าในภาคกลางและพื้นที่ใกล้เคียง ด้วยการส่งทางพัสดุผ่านทางบริษัทขนส่ง ในวันที่ 25 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บริษัทขนส่งดังกล่าว พบว่ามีพัสดุถูกสำแดงว่าเป็นน้ำผลไม้ 15 กล่อง ระบุชื่อผู้รับคือ 'เปี๊ยก' ถูกส่งมาจาก จ.เชียงราย จากการสแกนตรวจสอบกล่องพัสดุดังกล่าว พบวัตถุรูปทรงสี่เหลี่ยมวางเรียงกันภายในกล่อง ซึ่งเชื่อว่าเป็นยาเสพติด หลังจากนั้นจึงได้นำส่งพัสดุดังกล่าวไปตามที่อยู่ปลายทาง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามไปตลอดเส้นทาง เมื่อส่งพัสดุถึงปลายทาง พบนายสุริยา แจ้งว่าตนพักอาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า นายเปี๊ยก ที่มีชื่อระบุบนกล่องพัสดุ เป็นญาติของตนที่เสียชีวิตเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงนำภาพถ่ายของนายสนธยา ให้ตรวจสอบ นายสุริยา ยืนยันว่าบุคคลในภาพถ่ายคือ นายสนธยา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับตน เจ้าหน้าที่ตำรวจและบริษัทขนส่ง จึงร่วมกันเปิดกล่องพัสดุทั้งหมด 15 กล่อง เพื่อตรวจสอบ พบว่าเป็นคีตามีน บรรจุในลังไม้สีน้ำตาล น้ำหนักรวม 300 กก.      

ต่อมา เมื่อวันที่ 27 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 ได้ขยายผลจากการจับกุมคีตามีน 300 กก. จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยาบ้า จำนวน 4 ล้านเม็ด โดยมีการนำยาบ้าดังกล่าว บรรจุในกล่องใส่น้ำผลไม้ เพี่อตบตาบริษัทขนส่งไปรษณีย์ว่าส่งน้ำผลไม้ไม่ใช่ยาเสพติด นำส่งพัสดุไปรษณีย์ ปลายทาง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตำรวจ ปส.2 พร้อมด้วยตัวแทนบริษัทขนส่ง ได้ติดตามไปยังปลายทางพัสดุ และจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า 4 ล้านเม็ด ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม เพื่อติดตามจับกุมผู้สั่งการรายใหญ่ต่อไป

เครือข่ายที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 ตรวจสอบพบว่านายวัฒนา(สงวนนามสกุล) มีพฤติการณ์นำยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เลย ไปส่งให้กับผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง ต่อมาวันที่ 23 มี.ค.66 ตำรวจ ปส.2 ได้ติดตามรถกระบะยี่ห้อนิสสัน สีขาว ซึ่งสืบสวนทราบว่าเป็นรถที่ใช้ขนยาเสพติด ไปถึง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ก่อนพบเข้าไปจอดอยู่บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาหนองหาน ตำรวจ ปส.2 จึงได้แสดงตัวตรวจค้นรถยนต์พบยาเสพติด คีตามีน วางอยู่บริเวณตอนท้ายกระบะบรรจุอยู่ในถุงชาจีนสีเขียวซุกซ่อนอยู่ในกระสอบพลาสติกสีรุ้ง 4 กระสอบ รวม 100 กก. และตำรวจ ปส.2 อีกชุดได้ติดตามรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้ารีโว่ สีขาว และรถยนตยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้สีเทา ซึ่งเป็นรถสำรวจเส้นทาง และจับกุม นายวัฒนา (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี, นายสุภชีพ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี,นายวีรธรรม(สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี และนายทิวทอง(สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ได้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. หรือบริษัท หนองทานออยส์ จึงแจ้งข้อหา “จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top