Thursday, 25 April 2024
NEWSFEED

'หลุยส์ วิตตอง' เผยโฉม 8 กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงสุดคูล ตอบโจทย์สาวยุคใหม่ 'หรู-เท่-ใช้งานง่าย' ใบเดียวจบ ไม่ต้องพกเยอะ

เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับกระเป๋าสตางค์ใบเล็กที่ต้องเก็บไว้ในกระเป๋าใหญ่อีกที แต่ทราบหรือไม่ว่า...ทุกวันนี้หลายคนก็เริ่มหันมาสนใจการใช้กระเป๋าสตางค์แบบสะพายข้างกันมากขึ้น เพราะไม่ต้องการพกข้าวของเยอะ และไม่อยากใช้กระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ 

ยิ่งในยุคดิจิทัลที่มีการใช้จ่ายและพกบัตรออนไลน์กันมากขึ้น กระเป๋าสตางค์แบบแยกจึงยิ่งไม่ค่อยจำเป็น 

จากแนวโน้มดังกล่าว จึงกลายเป็นไอเดียสำคัญให้แบรนด์ 'หลุยส์ วิตตอง' ได้รวบรวมกระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิง สำหรับคนที่กำลังมองหากระเป๋าสตางค์พกง่าย ใบเดียวจบ ไม่ต้องพกเยอะ แถมยังหยิบสตางค์ใช้ง่าย ไม่ต้องงมหาให้วุ่นวาย

และนี่คือ 8 คอลเลกชัน ที่ 'หลุยส์ วิตตอง' จัดมาให้...

1.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Mini Bumbag

เริ่มกันที่ใบแรกที่มีชื่อรุ่นว่า Mini Bumbag ตัดเย็บจาก Monogram แคนวาส ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหลุยส์ วิตตอง มาพร้อมรูปทรงที่มีความน่าสนใจ กับสี่เหลี่ยมคางหมู เป็นกระเป๋าสตางค์ใบไม่เล็กมาก สามารถจุของได้มากกว่าการใส่สตางค์ รองรับการบรรจุโทรศัพท์มือถือ หูฟัง กุญแจรถ บัตรต่าง ๆ มาพร้อมสายสะพายที่มีให้ใช้งานถึง 2 สายด้วยกัน โดยสายหนึ่งเป็นสายหนังสีน้ำตาล ส่วนอีกสายเป็นสายโซ่สีทอง สะพายข้างก็ได้ หรือสะพายเฉียงก็ไม่ขัดสำหรับกระเป๋าใบนี้ 

2.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Nano Noé

ใบถัดมามีชื่อรุ่นว่า Nano Noé เป็นอีกหนึ่งดีไซน์ที่น่าสนใจ ใช้เป็นกระเป๋าสตางค์แบบสะพายข้างได้ เพราะใบไม่ใหญ่เกินไป ตัดเย็บจากผ้าแจ็คการ์ดลาย Monogram ดีไซน์รูปทรงเป็นแบบบักเก็ต มีเชือกรูดสำหรับเปิด-ปิดกระเป๋า บรรจุของได้พอสมควร ทั้งสตางค์ โทรศัพท์มือถือ หูฟัง บัตรต่าง ๆ สามารถสะพายข้างได้ด้วยสายหนังสีน้ำตาล มีสายโซ่สีทองหรูหราประดับที่ด้านหน้ากระเป๋า ใบนี้ออกแนวน่ารักเอาใจวัยรุ่น แมทซ์กับเสื้อผ้าง่าย ๆ ได้อย่างลงตัว 

3.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Ivy

กระเป๋าสตางค์ใบนี้มีชื่อรุ่นว่า Ivy ที่มาพร้อมสี่เหลี่ยมผืนผ้าใบยาว สามารถใส่ธนบัตรแบบไม่ต้องพับได้ อีกทั้งยังสามารถบรรจุโทรศัพท์มือถือได้ด้วย ใบเล็กกะทัดรัดเหมาะสำหรับพกพาในชีวิตประจำวัน รุ่นนี้ผลิตจากผ้าแจ็คการ์ดลาย Monogram มาพร้อมสี Multicolor ยืนพื้นด้วยสีขาว รูปแบบเรียบง่ายไม่วุ่นวายด้วยดีไซน์ฝาปิด มีสายหนังให้สะพายข้างได้ และสายโซ่สีทองประดับเป็นลูกเล่นเพิ่มความหรูหรา

4.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Pochette Accessoires

กระเป๋าสตางค์อีกหนึ่งใบฝากไว้กับรุ่นที่มีชื่อว่า Pochette Accessoires ตัดเย็บจากวัสดุ Damier แคนวาส เป็นอีกหนึ่งใบที่มาพร้อมรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าใบยาว ที่รองรับกับการใส่ธนบัตรแบบไม่ต้องพับได้ และสามารถใส่โทรศัพท์มือถือได้ด้วย ดีไซน์กระเป๋าไม่หนาเกินไป พกพาง่าย สามารถสะพายข้างได้ด้วยสายสะพายที่ทำจากหนัง มีสายโซ่สีทองประดับที่ด้านหน้ากระเป๋า มาพร้อมช่องแบ่งกระเป๋าขนาดใหญ่ ช่องกระเป๋าแคนวาสมีซิปด้านใน ช่องกระเป๋าแบนเรียบด้านใน 2 ช่อง และช่องใส่บัตรอีก 2  ช่อง เป็นแบบซิปรูดเปิด-ปิดกระเป๋าที่ด้านบน ใช้งานสะดวก

5.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Félicie Pochette

ในส่วนของกระเป๋ารุ่นนี้ มีสายโซ่สีทองรองรับการถือ แต่สามารถสะพายข้างได้บางโอกาส เป็นการสะพายแบบสายสั้นพอกิ๊บเก๋ กับรุ่นที่มีชื่อว่า Félicie Pochette มาพร้อมวัสดุหนังสีน้ำเงิน Navy Blue เป็นหนังคาวไฮด์ลายเกรนเนื้อนุ่มประทับลาย Monogram Empreinte ภายในมีช่องต่างๆ รองรับการใส่สตางค์และบัตร ประกอบไปด้วยช่องใส่บัตร 8 ช่อง และยังมีกระเป๋าด้านใน 2 ใบ ที่สามารถแยกใช้งานได้ด้วย หากไม่ต้องการสะพายหรือไม่อยากใช้สายโซ่ก็ถอดออกได้ เพื่อใช้งานเป็นกระเป๋าเพาช์

6.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ รุ่น Métis

กระเป๋าสตางค์ที่ชื่อรุ่นว่า Métis มาพร้อมรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ตัดเย็บจาก    หนังคาวไฮด์ลายเกรนเนื้อนุ่มประทับลาย Monogram Empreinte ประดับด้วยตัวล็อคสีทองที่ด้านหน้ากระเป๋าแบบ S lock ที่มาพร้อมดีไซน์ฝาปิดทันสมัย ในส่วนของสายสะพายใบนี้เป็นสายโซ่สีทอง สามารถสะพายข้างได้อย่างเหมาะเจาะ ให้ความหรูหรากำลังดี ใช้ออกงานสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว

7.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ Pico Side Trunk

ใบถัดมาเป็นกระเป๋ารุ่นที่ชื่อว่า Pico Side Trunk ตัดเย็บจาก Monogram แคนวาสในตำนาน มาพร้อมรูปทรงคล้ายหีบขนาดเล็ก ดีไซน์ค่อนข้างโดดเด่นและแตกต่างจากกระเป๋าใบอื่น ๆ สามารถใช้งานแบบกระเป๋าสตางค์สะพายข้างได้ด้วยสายสะพายหนัง มาพร้อมขนาดกระเป๋าที่เล็กกะทัดรัด มีตัวล็อกสีทองแบบ S lock ที่ด้านหน้ากระเป๋า ตกแต่งมุมกระเป๋าโลหะแบบเดียวกันกับหีบในตำนานเมซง นอกจากสะพายข้างแล้ว ใบนี้ยังมีหูจับที่รองรับการเป็นกระเป๋าถืออีกด้วย  

8.กระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ Coussin

ใบสุดท้ายกับกระเป๋าที่มีชื่อรุ่นว่า Coussin เป็นอีกหนึ่งใบที่มาพร้อมขนาดกระทัดรัด ใช้เป็นกระเป๋าสตางค์ได้ รูปทรงใบนี้เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ทำจากหนังแกะเนื้อนิ่มประทับลาย Monogram มีสีดำเป็นสีพื้นของกระเป๋า ความพิเศษคือสายโซ่ที่ประดับด้านหน้ากระเป๋า เป็นโซ่ขนาดใหญ่ แต่งลูกเล่นเหลือบสีที่จะเปลี่ยนเป็นเฉดสีน้ำเงินและสีชมพูงดงามตามแสงตกกระทบ พร้อมกันนั้นก็ยังมีสายโซ่ขนาดเล็กที่มีสีเหลือบเช่นเดียวกัน โดยเส้นนี้รองรับการสะพายข้างได้ด้วยความสูงแนวตั้ง 50 เซนติเมตร

ทั้งหมดนี้ก็เป็นกระเป๋าสตางค์สะพายข้างหญิงแบรนด์ หลุยส์ ที่มาพร้อมขนาดกะทัดรัด ใช้เป็นกระเป๋าสตางค์ที่สามารถใส่ของอย่างอื่นเล็กน้อยได้ และยังสะพายข้างได้ เพื่อการพกพาที่สะดวก ไม่จำเป็นต้องพกกระเป๋าสะพายแยกอีกให้รุงรัง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบพกกระเป๋าใบใหญ่เป็นอย่างดี

‘หนุ่ม คงกะพัน’ สุดยอดเพื่อนแท้ ‘เมฆ วินัย ไกรบุตร’ ‘ช่วยเหลือ-เคียงข้าง’ จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต

เมื่อไม่นานมานี้ วงการบันเทิงไทยได้สูญเสีย ‘เมฆ วินัย ไกรบุตร’ นักแสดงมากฝีมือไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ สร้างความโศกเศร้า เสียใจแก้ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และเหล่าแฟนคลับเป็นอย่างมาก

เมื่อวานนี้ (24 มี.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘เก้ากระบี่เดียวดาย’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับมิตรภาพดี ๆ ระหว่าง 2 เพื่อนซี้ ‘เมฆ วินัย ไกรบุตร’ และ ‘หนุ่ม คงกะพัน แสงสุริยะ’ โดยระบุว่า…

“เพื่อนมีไว้ทำไม?

เพื่อนมีไว้ทำไม? เป็นชื่อคอนเสิร์ต วันอังคารที่ ๒๖ มีนาคมนี้ เวลา ๑๘.๐๐  ๐๑.๐๐ น. (หกโมงเย็นถึงตีหนึ่ง) ณ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง สาขาเลียบทางด่วนรามอินทรา ความจริงแล้วคอนเสิร์ตนี้มีกำหนดการวางไว้แต่แรก เพื่อเป็นการระดมทุนในการรักษาคุณวินัย ไกรบุตร และหาทุนทรัพย์มาช่วยดูแลครอบครัว เพราะว่าเดิมนั้นคุณวินัย เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการดูแลครอบครัว จนกระทั่งคุณวินัยป่วยเป็นโรคตุ่มน้ำพองเมื่อห้าปีก่อน 

เมฆ วินัย ไกรบุตร เกิดวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๓ ที่ตำบลเกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ทำให้ชีวิตวัยเด็กของเขาต้องทำอาชีพหลายอย่างหลังจากเรียนจบจากเทคนิคเขาก็กลายเป็นชาวประมง และทำงานโรงแรม

จนกระทั่งอายุย่างเข้า ๒๒ ปี มีเพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯ ไปเยี่ยมเขาและชวนเขาเข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ ทำให้เมฆ วินัย ติดตามเพื่อนเข้ามาเพื่อลองหางานทำ ในตอนนั้นเขาต้องแชร์ห้องพักกับเพื่อน ๆ แถวมหาวิทยาลัยรามคำแหงสอง โดยการนอนสลับกันรอบเช้ากับรอบค่ำเพราะว่าหอพักไม่ให้นอนเกินสี่คน 

วันหนึ่งเมฆ วินัย ไปลองหางานแถวสยาม มาบุญครองก็พบกับโมเดลลิ่ง ขอถ่ายภาพเขาเพื่อส่งแคสติ้งโฆษณา ซึ่งความจริงแล้วก่อนหน้านั้นเขาเคยถูกทาบทามหลายครั้งแต่เนื่องจากเขากลัวจะโดนหลอก เขาจึงไม่กล้า แต่ในวันนั้นโมเดลลิ่งที่มาชักชวนเป็นผู้หญิงอายุไล่ ๆ กัน ทำให้เขาคลายกังวล และสุดท้าย เขาก็ได้งานโฆษณาตัวแรกจากทาง สยามสตูดิโอ 

โฆษณาธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ปี ๒๕๓๕ นับว่าเป็นผลงานแรกในวงการบันเทิงของ วินัย ไกรบุตร หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นนายแบบสุดฮอตของยุคนั้น ด้วยความสูง ๑๘๐ เซนติเมตร ใบหน้าคมคายแบบชายไทย ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้าม นับว่ามีรูปลักษณ์ค่อนข้างเฉพาะตัว นอกจากผลงานโฆษณาแล้ว เขายังได้แสดงมิวสิควิดีโอหลายตัวของแกรมมี่ อาทิ โสภาสถาพร บิลลี่ โอแกน ต่างคนต่างไป - อรพรรณ พานทอง เสียมั้ย หนุ่ย อำพล (๒๕๓๕) และ ลักไก่ อัสนี-วสันต์ (๒๕๓๖)

แต่มาโด่งดังสุด ๆ กับ มิวสิควิดีโอเพลง ยอม ของวงหินเหล็กไฟ จากค่ายอาร์เอส ในปี ๒๕๓๖ ทำให้หลังจากนั้น ปีถัดมาเขาก็เข้าสู่วงการภาพยนตร์ในปี ๒๕๓๗ จากผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกหอบรักมาห่มป่า ก่อนที่จะกลายเป็นพระเอกเต็มตัวกับ ภาพยนตร์เรื่อง ผู้ชายหัวใจไม่พายเรือ (๒๕๓๘) ประกบกับ ธัญญาเรศ รามณรงค์ 

ในช่วงที่เมฆ วินัย ยังเป็นนายแบบอยู่นั้น เขาอาศัยเช่าห้องพักอยู่กับเพื่อนหลายคน หนึ่งในนั้นคือเพื่อนที่เขาสนิทที่สุด ก็คือ ‘หนุ่ม คงกะพัน แสงสุริยะ’ ที่หลังจากที่เมฆ วินัยเริ่มเล่นหนัง ไม่นาน หนุ่ม คงกระพันเพื่อนสนิทของเขาก็มีผลงานเพลงชุดแรกกับทาง บริษัทสโตน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ในชื่อชุด หนุ่ม คงกระพัน และมีเพลงโปรโมต คือเพลง บาทเดียว อย่างเลวร้าย และ จากนี้และตลอดไป ในปี ๒๕๓๘ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มแสดงละครในปี ๒๕๓๙ 

แม้ว่าจะเข้าวงการกันแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังแนบแน่น และพักอยู่คอนโดเดียวกันอีกสิบกว่าปี จนในตอนนั้นมีข่าวว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบชายรักชาย 

ในช่วงยุค ๙๐ ทั้งเมฆ วินัย และ หนุ่ม คงกะพัน ต่างแสดงละครเป็นหลักจนกระทั่ง เมฆ วินัยมีโอกาสได้แสดงภาพยนตร์เรื่องนางนาก (๒๕๔๒) ที่กำกับโดย นนทรีย์ นิมิบุตร ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้อย่างมาก จนทำให้เมฆ วินัย ต้องเดินสายโชว์ตัวตามงานเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศ โดยมีหนุ่ม คงกะพันขอติดตามเพื่อนสนิทไปด้วย 

เมื่อเพื่อนประสบความสำเร็จ เพื่อนอีกคนก็ยิ่งจะมีความสุข หนุ่ม คงกะพันรู้สึกดีใจแทนเพื่อนรักของเขา จากเด็กบ้านนอกที่เข้ามากรุงเทพและต้องแชร์ห้องพักกันนอน สู่การเป็นดาราชื่อดังระดับนานาชาติ 

เมื่อ วินัยประสบความสำเร็จทางด้านภาพยนตร์ หนุ่ม คงกะพันกลับพบเส้นทางที่ชัดเจนของตัวเอง คือการเป็นพิธีกร รายการสารคดีแนวสืบสวนสอบสวนหาความจริง อย่าง บางอ้อ และเรื่องจริงผ่านจอ 

เส้นทางของเพื่อนอาจจะไม่ได้เดินเคียงคู่กันไปได้ตลอด เมื่อต่างคนต่างเติบโตและมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ทั้งสองก็มีช่วงเวลาห่างกันไปบ้าง จนกระทั่งเมฆ วินัยป่วยด้วยโรคตุ่มน้ำพอง 

และอย่างที่ทราบกันดีว่าตลอดอาการป่วยของเมฆ วินัยนั้นจะมีหนุ่ม คงกะพัน ที่คอยอยู่ดูแลเสมอ ไม่เคยทอดทิ้งกัน แม้กระทั่งการขอขมาเจ้ากรรมนายเวร จนเป็นกระแสทางโซเซียลที่คนทั้งประเทศติดตามอย่างเอาใจช่วย 

จะเห็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของคนทั้งคู่ จนการขอขมากรรมเสร็จสิ้น จากการป่วยยาวนานถึงห้าปีของเมฆ วินัย การที่ต้องดูแลลูก ๆ สามคน ทำให้ทางหนุ่ม อยากจะจัดคอนเสิร์ตเพื่อช่วยเหลือเพื่อนอีกครั้ง ในชื่อ คอนเสิร์ตว่า เพื่อนมีไว้ทำไม?

ซึ่งในตอนแรกก็จะให้คุณวินัยมาร่วมในคอนเสิร์ตนี้ด้วย แต่วันที่ ๒๐ มีนาคม เมฆ วินัยก็ได้เสียชีวิต จากภาวะความดันตก ติดเชื้อในกระแสเลือด กระทั่งหัวใจหยุดเต้น เสียก่อน 

หลายคนเคยพูดคำว่า “เป็นเพื่อนกันไปจนวันตาย” แต่สำหรับบางคนแม้เพื่อนจะตายไปแล้วแต่ความเป็นเพื่อนนั้นก็ไม่ได้จบลงไปด้วย 

หลายคนบอกว่าตายไปแล้วจะเอาอะไรติดตัวไปด้วยก็ไม่ได้ แต่สำหรับข้าพเจ้ามองว่า แน่นอนขอรับเราอาจจะเอาวัตถุใดติดตัวไปกับเราไม่ได้เลย แต่ความรักเป็นสิ่งที่ไม่เคยจางหรือลดลงเลย แม้ว่าเราจะไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว หากเรามีเพื่อนที่ดีอย่าง คุณหนุ่ม คงกะพัน 

คอนเสิร์ต เพื่อนมีไว้ทำไม นั้นมีเพื่อนศิลปินมากมายมาแสดง ทั้งทางโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงก็ไม่คิดค่าสถานที่ ศิลปินที่มากว่าสามสิบชีวิตไม่คิดค่าตัว เป็นคอนเสิร์ตที่อบอวลไปด้วยมิตรภาพที่ส่งให้กับ คุณเมฆ วินัย ไกรบุตร 

หลายคนมักจะพูดถึง วินัย ไกรบุตร ในฐานะพระเอกร้อยล้านคนแรกของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย แต่สำหรับข้าพเจ้านั้น ความสำเร็จที่แท้จริงของคุณวินัย ไกรบุตร คือการมีเพื่อนที่ดี ภรรยาที่ดี ที่พร้อมจะเคียงข้างเขาทั้งวันที่สุข วันที่ทุกข์ และแม้แต่วันที่เขาไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตาม 

มีบางอย่างที่แม้แต่ความตายก็ไม่สามารถพรากไปจากผู้คนได้ ‘มิตรภาพ’ คือสิ่งหนึ่งที่ว่านั้นขอรับ 

The thought that you could die tomorrow frees you to appreciate your life now.
ความตายก็มีด้านดี ความคิดที่ว่าคุณอาจจะตายในวันพรุ่งนี้ จะทำให้คุณตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตในปัจจุบัน 

สำหรับคนที่ยังอยู่โปรดถนอมมิตรภาพที่มีไว้ด้วยหัวใจของท่าน เพราะไม่มีความสำเร็จใดมีความหมายเทียบเท่ากับ มิตรภาพอีกแล้ว 

ขอบคุณ คุณหนุ่มคงกะพัน และเพื่อน ขออำลาคุณเมฆ วินัย อีกครั้งขอรับ 

ปล. คอนเสิร์ต เพื่อนมีไว้ทำไม? ทุกท่านสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือได้โดยการซื้อบัตร แบบเหมาโต๊ะ มี 2 ราคาคือ 1. เหมาโต๊ะละ 20,000 จำนวน 10 โต๊ะ 2. เหมาโต๊ะละ 15,000 บาท จำนวน 23 โต๊ะ (1 โต๊ะ 8 ที่นั่ง พร้อมอาหาร 10 อย่าง เบียร์ 1 ทาวเวอร์ มิกเซอร์ฟรีตลอดทั้งงาน ) 

ท่านที่สนใจสามารถติดต่อ จองโต๊ะได้ที่ นวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล (เบญ) เบอร์โทร 089-055-3654 

นอกจากนี้ท่านที่สนใจแบบไม่เหมาโต๊ะ สามารถซื้อบัตรเข้างาน ได้ที่ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง สาขาเลียบทางด่วนรามอินทรา ได้ในราคา 300 บาท ต่อ 1 ท่าน สามารถติดต่อสำรองบัตรได้ที่ โทร.(02) 944-5131- 2 หรือ Line @ tawandang2 และที่ FB : โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง รามอินทรา พบกันวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567 เวลา 18.00-01.00 น.

‘เมฆ วินัย’ เสียชีวิตอย่างสงบ ในวัย 54 ปี หลังเกิดภาวะความดันตก-ติดเชื้อในกระแสเลือด

(21 มี.ค.67) เป็นข่าวเศร้าของวงการบันเทิงอีกครั้ง เมื่อ ‘เอ๋ อรชัญญาช์’ ภรรยาของอดีตพระเอกร้อยล้าน ‘เมฆ วินัย ไกรบุตร’ ได้ออกมาแจ้งข่าวว่า ‘เมฆ วินัย’ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบเมื่อเวลา 23.49 น. เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.) ด้วยภาวะความดันตก ติดเชื้อในกระแสเลือด และสิ้นใจในเวลาต่อมา

ซึ่ง ‘เมฆ วินัย’ ทุกข์ทรมานจากการป่วยเป็นโรคตุ่มน้ำพองมากว่า 5 ปี อาการขึ้นๆ ลงๆ มาโดยตลอด แต่ก็ได้ ‘เอ๋ อรชัญญาช์’ ภรรยาคู่ชีวิตและครอบครัวที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมกับขายผลิตภัณฑ์ calcy collagen เพื่อนำรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว จากนั้นเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนทุกคนจะเริ่มมีความหวังมากขึ้น เมื่อ ‘หนุ่ม คงกระพัน’ ในฐานะเพื่อนสนิท ได้เริ่มพา ‘เมฆ วินัย’ ไปพบ ‘อ.ไพศาล แสนไชย’ ที่นิมิตรเห็นถึงกรรมเก่าและได้แนะนำให้ ‘เมฆ วินัย’ ไปทำการขออโหสิกรรมจากคนที่เชื้อว่าเคยก่อกรรมมาเมื่ออดีตชาติ เมื่อได้ไปขออโหสิกรรมจนครบทุกคน อาการก็ดูเหมือนจะดีขึ้นมาตามลำดับ แผลเริ่มแห้งขึ้นมาก

แต่แล้วเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ‘เมฆ วินัย’ ต้องเข้าแอดมิทที่โรงพยาบาลด่วน ด้วยอาการเป็นลมในห้องน้ำ 3 วันติด ทางครอบครัวจึงตัดสินใจพาส่งโรงพยาบาลทันที ผลคือร่างกายขาดธาตุเหล็ก ขาดวิตามินแร่ธาตุ และสารอาหารหลายตัว ทำให้ร่างกายรับไม่ไหว บวกกับโรคตุ่มน้ำพองที่มีอยู่เดิมด้วย จนในที่สุดเมื่อเวลา 23.49 น. ของวันที่ 20 มีนาคม ‘เมฆ วินัย’ ก็เสียชีวิตลงอย่างสงบ ด้วยภาวะความดันตก และติดเชื้อในกระแสเลือด สิริอายุ 54 ปี

‘ศาลอาญา’ ยกฟ้อง ‘ใบเตย-ดีเจแมน’ คดี Forex-3D ฟาก ‘ใบเตย’ ขอบคุณที่ความยุติธรรมปรากฏในวันนี้

(20 มี.ค. 67) กรณีศาลอาญานัดพิจารณาคดีที่ผู้เสียหายจากคดี Forex - 3D ฟ้องตรงต่อ ‘ใบเตย อาร์สยาม’ สุธีวัน กุญชร และ ‘ดีเจแมน’ พัฒพล มินทะขิน เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (20 มี.ค.) เบื้องต้นศาลพิจารณาและตัดสินยกฟ้องสองสามีภรรยาในคดีอาญา แต่ส่วนคดีแพ่ง ต้องจ่ายค่าเสียหายล้านกว่าบาท โดยคดีดังกล่าวเป็นคนละคดีกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ยื่นฟ้องดีเจแมนและใบเตย มีมูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานของศาล

โดยภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการ ใบเตย พร้อมทนาย และ แม่ป๋อง พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา แม่ของดีเจแมน ได้เปิดใจต่อสื่อมวลชน ขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม หลังจากนี้จะทำมาหากินเพื่อลูก ขณะที่แม่ป๋องเผยว่าที่ผ่านมาบอบช้ำกับการที่ชื่อเสียงนามสกุลต้องเสื่อมเสีย แต่หลังจากนี้จะอโหสิกรรมให้ทุกคน

“ขอบคุณศาลที่ตัดสินและให้ความเป็นธรรมกับใบเตย วันนี้ก็เป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว ขอบคุณศาลที่ยังมีตาชั่งแห่งความยุติธรรม ดีใจมากค่ะ เรื่องนี้เป็นบทพิสูจน์ชีวิตจริง ๆ ขอบคุณทนายที่สู้ด้วยกันมา เราสู้กันด้วยความสุจริต ทั้งพยาน หลักฐานจริง ๆ เรามั่นใจในเอกสารหลักฐานของเรา

“อยากขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ให้กำลังใจ ครอบครัว แฟนคลับ ผู้ใหญ่ทุกคน ขอบคุณโอกาสในการทำงานทุกอย่างที่มอบให้ใบเตย ขอบคุณที่ให้โอกาสใบเตยกลับไปดูแลครอบครัว ดูแลลูก ได้กลับไปร้องเพลงรับใช้แฟนเพลง แฟนละคร ดีใจที่สุด ใบเตยอดทนกับทุก ๆ อย่างมาเกือบปี

“ที่ผ่านมาพยายามรักษาเนื้อรักษาตัว รักษาชีวิตเพื่อวันนี้ มันคุ้มค่ากับการอดทน สิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอคะ ที่เคยสูญเสียอิสรภาพไป ก็ถือว่าสิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ ณ วันนี้ใบเตยพอใจกับตรงนี้ค่ะ

“จากนี้เดินหน้าทำมาหากินเต็มที่เพื่อเลี้ยงลูก จะทำทุกอย่างเพื่อเวทมนต์ และเล่นละคร ร้องเพลงรับใช้แฟน ๆ ต่อไป”

ด้านคดีของ ดีเจแมน ใช้หลักฐานเดียวกันในการต่อสู้คดี ทางด้านแม่ป๋อง พิมพ์แข แม่ของดีเจแมนเผยว่า

“แม่ต้องมีหวัง เราสู้มาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา เราบอบช้ำมาหลายปีจากการโดนใส่ความ ชื่อเสียงนามสกุล (กุญชร ณ อยุธยา) แม่ มันเรียกร้องกลับมาไม่ได้ ก็อโหสิกรรมกับคนที่ทำให้เราบอบช้ำ เสียชื่อเสียง

“ที่ผ่านมาไม่เคยออกมาแก้ตัวเลย เราเลือกนิ่งจะดีกว่าเรื่องจะได้ไม่บานปลาย แต่กลายเป็นว่าเราเสียหายหนัก แม่สู้เพื่อลูกมาตลอดตั้งแต่วันแรก แม่ไปเยี่ยมแมนทุกวันถ้าไม่มีถ่ายละคร

“ดีเจแมนเข้มแข็งและอดทน สักวันความจริงจะปรากฏ เขาคิดถึงลูกและครอบครัวมาก โดยเฉพาะกับลูกสาว น้องเวทมนต์ ไม่ได้เจอกัน 10 เดือนแล้ว สงสารลูกแม่มาก เวทมนต์ถามทุกวันว่าพ่อไปไหน ทำอะไรอยู่ ก็ต้องโกหกไป เรารู้ว่าเขาทรมาน ก็ได้แต่รอความยุติธรรมและความจริงปรากฏ”

'นัท นิสามณี' แต่งตัวไม่เหมาะสมในซาอุฯ ไม่ให้เกียรติสถานที่และช่วงเดือนรอมฎอน

(19 มี.ค. 67) ควงแฟนหนุ่มไปเที่ยวที่ประเทศซาอุดีอาระเบียกันแบบหวานฉ่ำเลยทีเดียว สำหรับ นัท-นิสามณี เลิศวรพงศ์ ยูทูบเบอร์และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ซึ่งทริปนี้ นัท-นิสามณี จัดเต็มสุดๆ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม โดยมีตากล้องสุดหล่อคือ คุณแฟน ตามถ่ายรูปแบบจึ้งๆ ให้เกือบทุกมุมเลยทีเดียว

โดยทริปนี้เจ้าตัวได้หยิบบิกินีไปใส่แบบฉ่ำๆ พร้อมทั้งใส่บิกินีตัวจิ๋วถ่ายคอนเทนต์ให้หวานใจทาครีมกันแดดให้ พร้อมโพสต์ภาพลงโซเชียล แต่งานนี้กลับมีดรามา เมื่อชาวเน็ตและชาวมุสลิมหลายคนไม่อินด้วยกับคอนเทนต์นี้ ได้เข้ามาคอมเมนต์กันจำนวนมาก

ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าไม่เหมาะที่ใส่บิกินีในช่วงนี้ เพราะเป็นเดือนรอมฎอน และประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมที่เคร่งครัดเรื่องศาสนาเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ นัท-นิสามณี เคยมีกรณีดรามาที่ไม่เหมาะสมคล้ายๆ กัน โดยก่อนหน้านี้เคยปล่อยคลิปทำคอนเทนต์บ้ง สอนชาวต่างชาติพูดคำหยาบแบบผิดๆ และพูดล้อเล่นเชิงเหยียดผู้หญิงไทย ซึ่งเธอได้ไปกินสตรีทฟู้ดของประเทศสิงคโปร์ โดยมีเพื่อนชาวสิงคโปร์เป็นไกด์นำเที่ยว และระหว่างคลิป นัท-นิสามณี ก็ได้ถามเพื่อนชาวสิงค์โปร์ว่ารู้จักภาษาไทยคำไหนบ้าง

ชาวสิงคโปร์คนนั้นก็ได้ตอบว่า รู้จัก สวย, หล่อ, หิวมาก สักพัก นัท-นิสามณี ก็ถามว่า “รู้จักคำว่าเงี่*น ไหม” ซึ่งชาวสิงคโปร์ตอบมาว่าไม่รู้ นัท-นิสามณี จึงได้บอกว่า “ถ้าเจอใครดีที่ดูดี ก็สามารถพูดได้เลยว่า I’m เงี่*น” 

นอกจากเรื่องสอนพูดคำหยาบแบบผิดๆแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องการพูดถึงหญิงไทยอีกด้วย โดย นัท-นิสามณี ได้บอกกับเพื่อนชาวสิงคโปร์ว่า “ถ้าเลือกผู้หญิงไทยเป็นแฟนจะได้เงินน้อย แต่ถ้าเลือกกะเทย เขาจะให้เงินคุณ” และนั่นก็ทำให้ช่วงนั้นชาวเน็ตจำนวนมาก ต่างไม่พอใจในสิ่งที่เธอทำ

‘แน็ก ชาลี’ ควง ‘กามิน’ ออกงานคู่กัน เป็นครั้งแรก  แฮปปี้ ทั้งเรื่องงาน-เรื่องหัวใจ จีบไปด้วย โกยเงินไปด้วย 

เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.67) ออกงานคู่กันอีเวนต์แรก ก็แตกกระจาย เลยทีเดียว ‘แน็ก ชาลี ไตรรัตน์’ ควงแขน ‘กามิน’ มาร่วมงานเปิดตัว Eucerrin Pro Acne Sulution SOS Serum กลางสยาม วัน โดยทั้งคู่ได้หยอดกันต่อหน้าสื่อ ทำเอากรี๊ดกันไปหลายตลบ เพราะน่ารักไม่แผ่ว ซึ่งสาวกามินก็เผยว่าดีใจมากที่ได้มางานในวันนี้ ก่อนมางานก็ดูดวงมาแล้ว ว่าต้องมาทำงานที่เมืองไทย

กามิน : “ดีใจมากๆ ที่ได้มาร่วมงานอีเวนต์ใหญ่ขนาดนี้ รู้สึกขอบคุณชาลีมากๆ ที่ช่วยให้ได้มาร่วมงานครั้งนี้และขอบคุณแฟนทุกๆ คนค่ะ (โชว์พูดภาษาไทยว่า หิวมากๆ ฉันอยากกินไก่ สนุกๆ ตลกๆ หิวจะตายอยู่แล้ว) ชาลีและแฟนคลับเป็นคนสอน”

แน็ก : “เขาเรียนรู้เองด้วย เขาอยากขอบคุณคนไทยหลายๆ คน เขาเลยอยากเรียนรู้ภาษาไทยมากขึ้น จริงๆ ทุกวันเขาพยายามให้คนใกล้ตัวเขาสอนภาษาไทยเยอะๆเพราะตอนนี้เขามาทำงานที่ไทยแล้วก็อยากทำงานให้เต็มที่ เพื่อขอบคุณทุกคนจริงๆด้วย”

กามิน : “ขอบคุณแฟนๆ ที่สนับสนุนมาตั้งแต่ต้นจนจบเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้เคยดูดวง เขาบอกว่าจะได้มาทำงานในไทย ดีใจมากๆ ที่เป็นจริงขึ้นมา ขอบคุณทุกคนมากๆ”

แน็ก : “ผมขอบคุณที่ทุกคนน่ารักกับผมมากันตลอด และผมก็ดีใจมากๆ ที่ได้พาเขามายืนด้วยกันตรงนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้มันแทบจะเป็นความจริงไม่ได้ แต่เรามาทำกันมาจนถึงจุดนี้ ขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้เราตั้งแต่วันแรก ผมดีใจมากเขาเองก็ดีใจมากๆ

ดีใจที่ทุกคนมา อีกอย่างมันเป็นความน่ารักของเขาด้วย ที่ทำให้ทุกคนยังอยู่กับเขาได้นาน ขอให้เขาน่ารักแบบนี้นานๆตลอดไป ผมว่าวันนี้เขาตื่นเต้น เห็นเขานิ่งเขาตื่นเต้นบวกกับอากาศวันนี้ที่ร้อน แต่ก็ต้องขอบคุณงานนี้จริงๆ ที่ให้โอกาสเราสองคน อยากให้ทุกคนรักเขาให้ได้มากที่สุด วันนี้ผมดูเก๊กไปหน่อยใช่ไหมครับ อยู่กับสาวก็อย่างนี้แหละต้องนิ่งไว้ก่อน”
อยากทำเพลงให้กามิน

แน็ก : “ผมอยากทำเพลงให้เขาหลายเพลง เป็นเพลงที่เราทำให้เขาจริงๆ และยกให้เขาไปเลย ตอนนี้ก็ดูอยู่ว่าเขาอยากทำเพลงแนวน่ารักๆ เพราะเขาชอบร้องเพลงและเล่นดนตรีได้หลายอย่างด้วยการแสดงก็เก่งมากๆ ด้วย เวลามาทำงานก็ทำให้ งานง่ายมากขึ้นด้วย (ขอแต่งหรือขอเป็นแฟน?) ขอแต่งให้กันดีๆ ก่อน (หัวเราะ) เรื่องมาร่วมงานกันที่เมืองไทย ผมก็คิด ผมก็จะพูดตลอด ผมจะเป็นคนที่คิดไว้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ตัวผมก็อาจจะรู้ก่อน เราตั้งใจในการทำบางสิ่งมากเราใช้ความจริงใจเข้าไป เต็มๆ ร้อยด้วย กับอะไรหลายๆ อย่าง แต่ก็จุดจบมันก็คือมีความสุขมาก ได้มายืนอยู่ตรงนี้ด้วยกัน”

กามินรับแน็ก สเปก

กามิน : “ใช่ (นักข่าวถามวาดูดวงว่าจะได้ทำงานที่ไทยแล้วดูดวงไหมจะมีแฟนเป็นคนไทย?) อาจจะ (ชาลี?) (หัวเราะ)”

แน็ก : “เรื่องดวงสมพงศ์กัน ก็สาธุ ปล่อยให้มันเป็นไปตามสิ่งที่มันจะเกิดขึ้น ผมไม่ต้องเช็กดวง ก็รอดู เราก็พยายามทำตัวให้มันดีขึ้นๆ หลายๆ อย่าง ก็อยู่ด้วยกันให้ทำงานมีความสุขพยายามทำให้ดีที่สุด เขาเป็นคนที่ง่ายๆ สบายๆ ที่แบบดีใจมาก”

ทำคะแนนอยู่ทุกวัน

แน็ก : “ใช่ครับ ทำอยู่ ตลอดเวลา ถามว่าเขาให้ผ่านไหม ก็คือจริงๆ หลายคนจะต้องทำความเข้าใจ ความเป็นจริงเรื่องหนึ่งนะ เขาก็พยายามเอ็นเตอร์เทน ให้ทุกคนมีความสุข”

ยิ่งทำงานด้วยกัน ยิ่งมีความสุข และใกล้ชิดกันมากๆ หาวิธีเนียนๆ ใกล้ชิดกัน
แน็ก : ”ส่วนตัวผมก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แค่ว่าผมอยากแสดงมุมไหนให้เพื่อนๆ ได้เห็น แต่ก็ดีใจที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ อีกมากมาย ต้องขอบคุณมากๆ ผมเป็นคนที่เวลาโชคดีก็จะโชคดีมากๆ เวลาโชคร้ายก็โชคร้าย แต่โชคดีมากกว่า เวลามีความรัก มีความรู้สึกดีเรื่องความรัก ทุกคนน่ารักมาก เปิดใจให้ผม และรอดูไปด้วยกัน เราก็มีถามบ้าง แต่เราคุยกันแบบผู้ใหญ่ เราสองคนโตกันมาก คุยกันในหลักความจริง ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาในการพัฒนา แต่เท่าที่ผมดูในความรู้สึกของผม เราทำงานด้วยกันไม่กี่วันมันก็มีความสุขขึ้นมากๆ ใกล้ชิดกันมากขึ้น พยายามหาวิธีเนียนๆ ใกล้ชิดกับเขาเยอะๆ”

ขอเป็นแฟนไหม อยู่บนความจริง

แน็ก : “เดี๋ยวต้องมีการคุยอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่บนความจริง”

กามิน : “ถามว่าเขาขอเป็นแฟนจะโอเคไหม (หัวเราะ) ถ้าซักผ้าเก่งก็โอเคนะ”

แน็ก : “ผมซักผ้าโคตรเก่งเลยครับ”

กามิน : “เขา very handsome ถูกใจ ตาโต ชอบไทยๆ สเปกค่ะ”
ลักกี้อินเกม แอนด์ เลิฟ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 100 เปอร์เซ็นต์ ทุ่มเทและพยายามเพื่อให้เกิดขึ้น

แน็ก : “ก็ขอบคุณทุกคนจริงๆ ผมดีใจมากๆ ที่ได้มาเจอสิ่งดีๆ มากขึ้น นอกจากเจอเขาแล้วยังได้เจอเพื่อนๆ มากมายที่เปิดใจให้เรา ให้กำลังใจเราทั้งคู่ มันเป็นอะไรที่ดีมากๆ เรื่องแบบนี้มันไม่ได้เกิดกันได้ง่ายๆ และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 100% ผมเองต้องทุ่มเทพยายามหลายอย่างเพื่อจะให้มันเกิดขึ้นในวันนี้“

ภาษาไม่ใช่อุปสรรค นินทาไม่ได้แล้ว กามินรู้ภาษาไทยมากขึ้น

แน็ก : ”ถ้าเป็นอุปสรรคไม่ได้มายืนตรงนี้หรอก ผมจะพยายามให้เขาเรียนเพิ่มเติม เป็นตัวเขาที่จะต้องเรียนอีกมากมาย ผมเชื่อและอยากให้เขาได้ทำงานที่นี่ ใครจะว่าใครจะอะไรก็ไม่เป็นไร ตอนนี้เขาก็พูดไทยได้มากขึ้น เข้าใจมากขึ้น ผมนินทาอะไรเริ่มไม่ค่อยได้แล้ว เห็นนิ่งๆ แบบนี้เขาเข้าใจนะ ส่วนภาษาเกาหลีแรกๆ ก็เรียนนะครับ แต่เขามาทำงานที่นี่เลยให้เขาฝึกเยอะๆ ดีกว่า”

กามิน : “ซารังเฮ”

แน็ก : “นี่ไงบอกรักกันแล้ว”

เดินหน้าจีบ พร้อมเป็นป๋าดัน

แน็ก : “เดินหน้าจีบก่อนเป็นป๋าดันอีกครับ สุดท้ายสิ่งที่จะอยู่กับเขาได้นานที่สุดคือความเป็นตัวของเขาเอง อยู่ที่ว่าเขาจะคงความน่ารักแบบนี้ได้ตลอดไปหรือเปล่า ต้องบอกก่อนว่าเรื่องราวของเรามันเป็นการให้ใจของทุกคนที่ให้ใจพวกเรามา เราให้ใจทุกคนมากๆ เลย วันไหนเราดี น่ารักทุกคนก็สนับสนุน วันไหนผมหรือเขาไม่ดี ไม่มีความน่ารักก็หยุดสนับสนุนทั้งคู่ได้ ผมเชื่อว่าเราจะยังน่ารักกันไปอีกนาน จะทำให้ดีที่สุด”
จีบไปด้วยรับเงินไปด้วย

แน็ก : “ใช่ ผมชอบมาก ความรักที่มันเปิดเผย ผมมีความสุขมากจนบางทีตัวเขาก็กังวลอยู่เหมือนกันนะว่ามันคือเรื่องจริงหรือว่าแต่งเรื่องหรือเปล่า ก็จะพยายามบอกเขาตลอดว่ามันจริง ที่เราทำทุกอย่างมันจริง เราใส่ใจไปเต็มร้อยด้วย”

กามิน : “ดีใจมากๆ จนไม่คิดว่านี้คือเรื่องจริงเลย เหมือนเป็นความฝันที่ได้มาร่วมงานกับชาลี และทุกคน ทุกคนดูแลดีจนรู้สึกเกรงใจ”
ค่าตัวสูงแต่ไม่ถึง 8 หลัก

แน็ก : ”สาธุครับ หลายคนอาจจะเข้าใจว่ามันงานเดียว ไม่ใช่ครับ บางทีระยะเวลางานนั้นเป็นปี ต้องทำงานหลายครั้งหลายวัน ที่บอก 8 หลักไม่จริงเลย

เท่าที่ได้มาก็ดีมากๆ แล้ว สาธุขอให้ 8 หลักเร็วๆ คือจ้างงานพวกเราได้ครับ ผมจะถามเขาตลอดว่าเต็มใจทำงานไหม มีความสุขที่ทำงานไหม เขาจะบอกว่าแฮปปี้ทุกวันเป็นสิ่งที่ดีมากๆก็ต้องขอบคุณลูกค้าทุกคนและทุกกำลังใจมันเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ณ ตอนนี้”

จริงใจที่สุด อยากให้ทุกอย่างดีที่สุดสำหรับกามิน

แน็ก : “ตัวผมดูเรื่องความเหมาะสมและสิ่งที่เขาควรจะเป็น คุมเรื่องต่างๆ ตัวผมเองกล้าพูดว่าจริงใจที่สุด ในการที่อยู่กับเขาหรือดูแล อยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดีที่สุดสำหรับเขา ไม่ใช่ว่ามาปุ๊บ แล้วโดนคนโน้นคนนี้พาไปเละเทะ มันจะหลุดออกนอกกรอบ เพราะยังไงเขาก็ยังไม่ใช่คนไทยยังไม่ได้เข้าใจอะไรเต็มร้อยทุกอย่าง ตัวผมต้องขออนุญาต ควบคุมในบางสิ่งบางอย่างอยู่

ส่วนเป็นผู้จัดการหัวใจหรือเปล่า สาธุ ครับ (สถานะตอนนี้เป็นอะไร นักปั้น นักจีบหรือนักรัก) พร้อมกันไปหมดละครับ ถ้าใครสังเกตสองเดือนที่ผ่านมาผมมีโอกาสที่จะไลฟ์ขายของเยอะมาก ผมมีคนติดตามมากขึ้น มีคนให้กำลังใจแต่ผมไม่ทำเลยนะ เรื่องของการขายของ ผมทำแต่สินค้าที่ติดกับผมอยู่ แล้วผมรู้สึกว่าผมไม่อยากทำงานคนเดียว อยากจะทำงานทุกอย่างที่ให้เขามาร่วมทำงานกับเราด้วย มันก็เหมือนเป็นกำลังใจอย่างหนึ่ง ทำให้ผมอยากทำงานด้วย ตอนนี้ผมก็เลยทำงานให้เต็มที่ที่สุด”

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2567

📌รางวัลที่ 1 : 997626
📌รางวัลเลขท้าย 2 ตัว : 78
📌รางวัลเลขหน้า 3 ตัว : 571 509
📌รางวัลเลขท้าย 3 ตัว : 794 329
📌รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1: 997625,997627
 
📌รางวัลที่ 2 : 485642,631001,897694,158908,485546
 
📌รางวัลที่ 3 :935199, 322578,669775,620048,826842
421546,105303,951264,238160,696050

📌รางวัลที่ 4: 758395,000341,531222,431579,382805
411596,246073,447454,535126,791580
657195,720975,434148,281788,118769
018003,363379,611287,236153,542218
667327,258455,716354,766185,323851
766682,990089,343639,835813,051048
186506,621447,836291,194519,429726
024292,511125,229005,465714,656833
830148,369148,381682,701512,082645
069735,636604,788574,582288,941507

📌รางวัลที่ 5: 897221,359981,281316,483750,790445
703954,941330,777286,834119,089496
256562,241656,726226,827733,733185
769325,793922,494870,123872,505629
952154,421006,208031,072364,229601
263497,074037,061993,366058,321698
528251,942827,074356,067668,615908
155537,414317,405975,763641,111550
638069,530904,349703,937154,075430
779987,843878,392798,257097,912304
894675,706515,427954,538263,979750
711328,981529,898338,803122,305480
754334,929805,613167,926111,384858
668676,779577,253377,712705,382576
197338,291923,580053,152229,250163
022080,372465,077241,351806,270058
341652,765794,346588,640404,950507
124680,554182,212559,570696,574568
001197,478627,007809,132215,512054
269609,943540,372430,259872,086935

‘แอนนี่ บรู๊ค’ ชนะคดีฟ้องเพจดัง สร้างคอนเทนต์ขยะ ทำลูกชายเสียหาย วอน!! เลิกเอาอดีตมาบูลลี่-อย่ายุ่งกับชีวิตเด็ก ย้ำ เรื่องผู้ใหญ่มันผ่านมาแล้ว

(15 มี.ค.67) หลังจากที่เคยขึ้นศาลไต่สวนมูลฟ้องคดีหมิ่นประมาท เจ้าของเพจชื่อดัง ที่โพสต์รูปลูกชาย น้องฑีฆายุ วัย 13 ปี มีเกรียนคีย์บอร์ดพาดพิงถึงลูกในแง่ไม่ดี ทั้งที่ลูกยังเป็นเยาวชน ทำให้เกิดความเสียหายทั้งชื่อเสียงและจิตใจ ตั้งแต่เดือน ม.ค. ปีที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ แอนนี่ บรู๊ค ได้เผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าตนชนะคดีเรียบร้อยแล้ว คู่กรณีโดนโทษอาญา 2 ปี พร้อมค่าปรับ อัดเลิกเถอะ เอาอดีตคนอื่นมาบูลลี่ ส่วนเพจอื่นที่พาดพิงถึงลูกอย่าคิดว่าจะรอด

“ชนะแล้วนะคะ คดีที่แอนฟ้องเพจที่สร้างคอนเทนต์ขยะเกี่ยวกับแอนและลูก โดนโทษอาญาไป 2 ปีและค่าปรับ เลิกเถอะนะคะเอาอดีตคนอื่นมาบูลลี่โดยไม่สนปัจจุบันว่าเขาทำดีแค่ไหนมาไกลอย่างไรแล้ว

🙏ขอบคุณพี่เจมส์ ทนายเจมส์ LK ที่ทำให้เห็นว่าวิชาชีพทนายไม่ใช่มาจากคำบอกเล่า แต่มาจากความสามารถโดยแท้

📌ส่วนคนคอมเมนต์รอหน่อย ทยอยอยู่ ส่วนเพจอื่นตอนนี้ที่ทักไปแล้วบอกให้ลบแล้วยังไม่ยอมลบ ก็อย่าคิดว่าจะรอด ดิฉันว่างค่ะ ถ้าคุณยังไม่หยุดยุ่งกับลูกดิฉัน”

บอกแล้วว่าไม่ไกล่เกลี่ยคือไม่ไกล่เกลี่ยไม่รับเงินใต้โต๊ะใด ๆ ทั้งสิ้น คำไหนคำนั้นเลิกยุ่งกับชีวิตชาวบ้านเขาได้แล้วพวกที่ชอบความสนุกในการพิมพ์ เพราะบางคนเขาไม่ได้ให้อภัยคุณ

คนเราต้องหัดมองปัจจุบันของคนอื่นเขาบ้างว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองยังไง ไม่ใช่เอาแต่เรื่องอดีตมาพูดอยู่ตลอดเวลา แม่เลี้ยงเดี่ยวบางคน ตอนนี้มีสามีไปแล้วเป็นร้อย ดิฉันยังไม่เคยทำอะไรผิดพลาดอีกเลย ก็ต้องรู้จักดูกันบ้าง ไม่ใช่เอาความสะใจมาบูลลี่เรื่องอดีตคนอื่นกับเด็กก็ไม่เว้นมันก็ควรโดน

สำคัญคือลูกดิฉันไม่ได้ผิดอะไร เด็กไม่ได้ทำผิดอะไรเลย อย่ายุ่งกับชีวิตของเด็ก เรื่องผู้ใหญ่มันผ่านมาแล้ว”

‘ม้า อรนภา’ ปลื้ม!! ‘ลิซ่า’ โผล่ทักทายหลังบังเอิญเจอในเกาหลี ชื่นชม!! เป็นเด็กน่ารัก ไม่แปลกใจที่โด่งดังระดับโลกขนาดนี้

(13 มี.ค. 67) ‘ม้า อรนภา กฤษฎี’ นักแสดงอาวุโส เผยแพร่รูปถ่ายคู่กับ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ผ่านทางเฟซบุ๊ก ‘Ornapa Krisadee’ ระบุว่า…

มาเกาหลีครั้งนี้ ดีใจมาก เดินดูเสื้ออยู่ในร้านแบรนด์หนึ่ง ใน section ที่เงียบสงบ ได้ยินเสียงผู้หญิง 2 คนคุยกันเป็นภาษาอังกฤษที่โซฟา แต่เราไม่ได้สนใจ นอกจากดูเสื้อไปเรื่อย ๆ พอเดินใกล้ 2 คนที่นั่งอยู่นั้น ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนี่งเรียก “พี่ม้า” เราหันไปมองเสียงที่อยู่ใกล้มาก ๆ เห็นหญิงสาวใส่หน้ากากยืนอยู่ ดิฉันทำหน้างง ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “ลิซ่าค่ะ” ฉันก็ยังงงอยู่ลิซ่าไหน จึงบอกว่า ถอดหน้ากากสิ พอถอดมาคือ ลิซ่า จริง ๆ ด้วย”

นักแสดงอาวุโส ระบุเพิ่มเติมว่า “ดิฉันตกใจมาก และดีใจมาก ๆ ที่ได้เจอเธอ ดิฉันจึงพูดว่า ขอบคุณมากนะที่ทักพี่ (คนดังระดับโลกทักดิฉัน) ดิฉันขอกอดนาง และตามด้วยขอถ่ายรูปได้ไหม ต้องถามเพราะนางมากับผู้จัดการ นางบอกว่าได้ แต่ขอทาปากหน่อย เพราะพึ่งลงเครื่องมาจากปารีส ยังไม่ได้ล้างหน้าเลย แต่มาช้อปปิ้งได้อิอิ เพราะคืนนี้นางต้องไปงานของ Bvlgari จึงได้รูปนี้มา โดยการขออนุญาตเป็นที่เรียบร้อย เราคุยกันอยู่นานพอสมควร ด้วยความภาคภูมิใจที่เธอก้าวมาอยู่ถึงจุดนี้ได้ ปลื้มใจนางจริง ๆ นางบอกว่าจะไปเล่าให้แม่ฟังว่าเจอใคร และบอกว่าไม่คิดจะได้เจอพี่ม้า นางตื่นเต้นพอกับเรา ใช้เวลาเม้าส์นาน เราเลยบอกด้วยว่าบอกผู้จัดการเธอด้วยนะว่าพี่เป็นใคร จะได้ไม่หงุดหงิด แต่ผู้จัดการนางก็เป็นคนถ่ายรูปให้เรา ดีใจเป็นที่สุดที่ลิซ่าทักดิฉัน เด็กคนนี้น่ารักจริง ๆ ถึงไปได้ไกลขนาดนี้ ถึงยิ่งใหญ่ระดับโลกขนาดนี้”

‘ฟลุค-นาตาลี’ ฉลองวิวาห์อย่างยิ่งใหญ่ หลังเลื่อนมานานเพราะโควิด ทำให้ ‘น้องนาตาชา’ ลูกสาวสุดที่รัก ได้มาร่วมงานแต่งงานของพ่อแม่ด้วย

(9 มี.ค.67) หลังจากที่คู่รักคู่หวาน ‘ฟลุค’ เกริกพล มัสยวาณิช และ ‘นาตาลี เจียรวนนท์’ เข้าพิธีหมั้นและมงคลสมรสแบบประเพณีไทยเมื่อต้นปี 2563 แต่ต้องเลื่อนงานพิธีฉลองมงคลสมรสออกไปนานถึง 4 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด

ล่าสุดมีข่าวดีรับปีมังกร เมื่อ ‘ฟลุค’ และ ‘นาตาลี’ ถือฤกษ์ดีจูงมือกันเข้าสู่พิธีฉลองมงคลสมรสในวันนี้ที่ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ท่ามกลางบรรยากาศของความรักแสนอบอุ่นสไตล์สวนอังกฤษ ซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้โทนสีชมพูสีโปรดของเจ้าสาว

ทั้งนี้ก่อนที่งานฉลองในช่วงเย็นจะเริ่มขึ้น เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงความรู้สึกหลังรอคอยมานานถึง 4 ปี โดย ‘ฟลุค’ กล่าวก่อนว่า “นานมากจริงๆ กว่าจะถึงวันนี้ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะว่าได้มีน้องนาตาชามาด้วย”

ด้าน ‘นาตาลี’ เสริมว่า “จริงๆ งานนี้ต้องเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โลกที่มีโรคระบาดโควิดทำให้เราต้องเลื่อนมา ในที่สุดก็มาเป็นวันนี้

แต่ว่าเราจัดงานแต่งตอนเช้าไปแล้วเหลือแค่งานฉลองที่จะมีขึ้นในวันนี้ แล้วก็ต้องขอบคุณพี่ฟลุคด้วยที่ให้สิทธิ์เรา 100% เราก็จัดการเต็มที่อยากให้งานออกมาดีที่สุด”

ในส่วนของชุดเจ้าสาว เจ้าบ่าวสุดหล่อเผยว่า “ที่โหดสุดคือชุดเจ้าสาว หลายคนจะคิดว่าจัดงานแพง แพงครับ แต่ชุดเจ้าสาวไม่ได้แพ้งาน ตอนแรกมันมีการตัดสินใจว่าจะจัดหรือไม่จัดดี

แต่ได้คำนวณแล้วว่าสิ่งที่เราจ่ายไปแล้วมันเยอะกว่า ฉะนั้นก็จัดเถอะ ไม่อย่างนั้นชุดเจ้าสาวที่ซื้อไว้ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วจะใส่ไปไหนได้ ซึ่งงานวันนี้ในส่วนของน้องลีจะมีทั้งหมด 3 ชุด ชุดแถลงข่าว ชุดพิธี และชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เรื่องราคาขอไม่บอกแล้วกัน แต่เอาเป็นว่าไม่ได้ถึง 8 หลักขนาดนั้น”

สำหรับงานฉลองมงคลสมรสที่มาลงตัวในวันนี้ ‘นาตาลี’ บอกว่า “เพิ่งตัดสินใจกันได้ว่าจะจัดงานเป็นวันนี้เมื่อปลายเดือนมกราคม เท่ากับว่าเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว ตอนนั้นก็คิดว่าทัน

แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างมันกระชั้นไปหมด ยังขาดอะไรอีกเยอะมาก รวมถึงมีหลายอย่างที่ต้องเปลี่ยนใหม่ อย่างชุดของนาตาชากับชุดพี่ฟลุคก็เพิ่งเสร็จเมื่อคืน ว่ากันตามตรงงานเราเพิ่งจะเสร็จเมื่อเช้ามั้ง(หัวเราะ)”

“แต่สิ่งที่พิเศษที่สุดของงานในวันนี้ก็คือมีน้องนาตาชามาร่วมงานด้วย อันนี้เรารู้สึกว่าเป็นความโชคดี ถึงแม้เราจะต้องเลื่อนงานฉลองจากตอนนั้นก็ตาม แต่ก็ต้องรอดูในช่วงเย็นของวันนี้ว่าเขาจะทำตามที่คิดหรือเปล่า

เพราะเขาเป็นคนที่แล้วแต่อารมณ์มาก จริงๆ การแต่งงานที่มีลูกสาวมาร่วมงานด้วย พูดแล้วมันก็ปลื้มนิดหนึ่ง การได้มองไปแล้วเห็นว่าเขามาอยู่ตรงนี้ด้วย

กลายเป็นความรู้สึกว่าในความโชคร้ายของตอนนั้นที่ถูกเลื่อนงาน ซึ่งเราก็ร้องไห้เยอะมากแล้ว มันช่างเป็นเรื่องโชคดีจังเลยที่เขาได้มาร่วมโมเมนต์และมีภาพที่น่ารักเป็นความทรงจำทั้งชีวิต

ซึ่งหลายคนก็จะถามว่าผ่านมา 4 ปีแล้ว ยังจัดงานแต่งอีกเหรอไม่เหนื่อยเหรอ ถ้าในส่วนตัวเราไม่เคยคิดจะล้มเลิก สถานการณ์วิกฤตต่างๆ เราควบคุมไม่ได้ แต่เราจะไม่ปล่อยให้วิกฤตมาทำลายความตั้งใจของเราได้ ยังไงก็จะจัดแต่ว่ารอเวลาที่เหมาะสม” เจ้าสาวกล่าวทั้งน้ำตาแห่งความตื้นตัน

เมื่อถามถึงแพลนมีลูกคนที่สอง นาตาลี กล่าวว่า “เรื่องนี้กำลังถกกันอยู่เลยว่าเอายังไงดี ตอนแรกเราอยากมี 2 คน ผู้หญิงหนึ่งคน ผู้ชายหนึ่งคน แต่พอมีนาตาชามาปุ๊บซึ่งเป็นผู้หญิงแล้วเขาน่ารักมากจริงๆ

เราฟินมากจนรู้สึกว่าหรือไม่ต้องมีอีกคนแล้ว เพราะเขาเติมเต็มจนเราอยากทุ่มเวลาให้อย่างเต็มที่ แต่สักพักพอผ่านเวลามาก็รู้สึกว่าหรือจะมีน้องให้เขาดี แล้วถ้ามีจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ซึ่งก็ยังเคาะไม่ได้”

ในส่วนของคำมั่นสัญญา ‘นาตาลี’ เผยว่า “ตั้งแต่คบกันมาเราไม่มานั่งมีคำมั่นสัญญาอะไร ส่วนใหญ่จะใช้เป็นการกระทำมากกว่า แต่ถ้าถามว่า 4 ปีที่แล้วกับตอนนี้เปลี่ยนไปมั้ย บอกเลยเปลี่ยนไปมากเพราะมันเป็นคำว่าครอบครัวแล้ว เมื่อก่อนเราเป็นคู่รัก ช่วงหลังพอมีลูกมันก็กลายเป็นครอบครัวเต็มๆ”

ต่อข้อถามว่า 14 ปีที่ครองรักกันมา ถือเป็นการพิสูจน์ทุกคำสบประมาทไหม ‘ฟลุค’ บอกว่า “มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ผมรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ตั้งแต่ต้นแล้ว

เราเป็นคนที่คล้ายกันในหลายๆ เรื่อง จนถึงวันนี้ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามเราและให้กำลังใจมาตลอด ซึ่งเดี๋ยวนี้มีแฟนๆ ของน้องนาตาชาและอชิเยอะมาก เราก็ดีใจที่ทุกคนเอ็นดูลูกของเรา”

“สำหรับพี่ฟลุคก็ขอบคุณที่ตามใจตลอด ไม่ว่าเราจะทำอะไรที่ผ่านมาทั้งหมดพี่ฟลุคก็จะไม่ใช่คนที่พูดจาหวานๆ ไม่ใช่คนโรแมนติก แต่เขาค่อนข้างมีการกระทำที่ให้เรารู้ว่าเขารักเรานะ ที่สำคัญคือเขาเคารพความคิดเรา ที่ผ่านมาตลอดทั้ง 14 ปีส่วนใหญ่เขาก็จะเป็นแบบนี้” ‘นาตาลี’ กล่าวทิ้งท้ายขอบคุณสามีทั้งน้ำตา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top