Thursday, 18 April 2024
NEWSFEED

'หมอลักษณ์' เดือด!! ปม ‘แพรรี่’ วิจารณ์ปีชงมีไว้หลอกคนโง่ ซัด!! สร้างคอนเทนต์หิวแสง ไม่มีความรู้ และเพ้อเจ้อเอามัน

(10 ม.ค.67) กลายเป็นอีกประเด็นให้ถกเถียงกันผ่านโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับเรื่องปีชง ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก ‘โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ’ ของหมอลักษณ์ ราชสีห์ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า... 

"ประกาศให้คนไทยเชื้อสายจีนและคณะศิษย์สาธุชน ที่มีความเชื่อถือศรัทธาในวิถีศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรมในโหราศาสตร์จีน พุทธศาสนาแบบพุทธมหายาน จีนนิกาย ได้ทราบตอนนี้ มี โมฆบุรุษ ลักเพศ หิวเเสง ออกมาบริภาษสร้างเรื่องสร้างคอนเทนต์แบบไม่มีสติ ใช้ปัญญาอันต่ำทราม พูดถึง กล่าวถึง ส่อเสียด แบบเพ้อเจ้อ เหยียบย่ำ ให้ร้าย (ว่าปีชงมีไว้หลอกคนโง่) ในสิ่งที่ตนไม่มีความรู้ ประสบการณ์ ด้วยลักษณะอาการมันปาก สนุกปาก ในประเด็น ‘ปีชง’ อันเป็นศาสตร์ วิชา โหราศาสตร์จีน โปยหยี่สี่เถียว ฯลฯ อันมีปราชญ์ ผู้รู้ บรมครู สืบวิชามายาวนาน ทั้งพระในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน จีนนิกายมากมาย ท่านเอาศาสตร์นี้ไว้เป็นแนวทางเตือนสติให้ขวัญกำลังใจ ให้มีวิถีบูชาพระ เข้าวัดปฏิบัติบูชาพระไภษัชยคุรุ ตามแนวทางให้ปฏิบัติบูชาระลึก เทพเทวา และบรรพบุรุษ ด้วยหลักกตัญญูกตเวทิตา เป็นความเชื่อถือศรัทธาของผู้มีศรัทธามากมาย

การมาพูดให้ร้าย ด่าทอ หยาบคาย โดยตนไม่มีความรู้ในศาสตร์ วิชา ทั้งยังพูดส่อเสียด โดยขาดธรรม /สติปัญญา เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง อาจารย์จึงแชร์เพจของปราชญ์ผู้รู้ที่เป็น กัลยาณมิตรมาช้านาน ที่เคารพนับถือซึ่งและกันมาให้คณะศิษย์สมาชิกได้ติดตามในองค์ความรู้ วิชา ที่เป็นประโยชน์ในทางโลกสำหรับทุกๆ คนครับ

ขอให้ติดตามเพจที่ให้ความรู้ ‘พุทธสถาน จีเต็กลิ้ม จ.นครนายก’ วัดเล่งเน่ยยี วัดเล่งฮกยี่ วัดจีนประชาสโมสร สมาคม ชมรม ศาลเจ้าจีน โรงเจทั่วประเทศ ที่มีกิจกรรม พิธีกรรม ไหว้พระ ฝากดวง ปัดตัวแก้ปีชง ปัดดวงฝากดวงองค์ไท้ส่วยเอี๊ย แก้ปีชงกันทั้งแผ่นดิน ได้เห็นรับรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีบุคคลให้ร้ายกล่าวโทษพูดพร่ำในสิ่งที่ตนไม่มีความรู้ ระราน วิถีความเชื่อถือศรัทธาที่สืบมายาวนาน ที่คนไทยเชื้อสายจีนและผู้เชื่อถือศรัทธาปฏิบัติมาช้านาน ลักษณ์ ราชสีห์ สายตระกูล แช่อึ๊ง"

โดยหมอลักษณ์ ยังได้คอมเมนต์เพิ่มเติมอีกว่า งานนี้ก่อศัตรูกับวัดจีน ศาลเจ้า โรงเจ มูลนิธิ สมาคมจีนทั้งแผ่นดินที่มีความเชื่อถือ ยึดถือปฏิบัติมาช้านานเป็นพันปี ทั้งยังนักโหราศาสตร์จีน ซินแส ทุกๆ คน ว่าไงครับ โดนย่ำยี ว่า “ปีชงเอาไว้หลอกคนโง่”

'แอมมี่' ขอโทษ 'เมรี' หลังก่อนหน้านี้ ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ยอมรับ!! ไม่ใช่ 'คนรัก-พ่อที่ดี' แต่ขอโอกาสทำหน้าที่พ่อ

(10 ม.ค. 67)หลังปล่อยให้เหตุการณ์ดรามาบานปลาย จนชาวเน็ตต้องตามเผือกกันจนขอบตาดำคล้ำ ล่าสุดวันนี้ถึงบทสรุปเรื่องทำสาวท้องแล้วไม่ยอมรับของ ‘แอมมี่ The bottom blues’ หรือ ‘แอมมี่ ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์’ หลังจากที่เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความในอินสตาแกรม ขอโทษ ‘เมรี คำภีร์’ ลูกสาว ‘ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์’ แล้ว พร้อมลั่นอารมณ์และโทสะครอบงำจนไม่สามารถเคียงข้างได้ในวันที่อีกฝ่ายต้องการ อยากขอโอกาสแก้ไขความผิดพลาด อยากทำหน้าที่พ่อของลูก โดยแอมมี่ได้โพสต์ข้อความไว้ว่า…

“หลังจากออกจากเรือนจำ นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดช่วงนึงของชีวิต การเป็นนักดนตรีของผม การดิ้นรนกลับมาทำเพลง เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ณ เวลานั้นได้มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาในชีวิต เธอหยิบกีต้าร์ใส่มือผมอีกครั้ง เธอคือคนเล่นกีต้าร์กับผมคนแรก เธอคือผู้ฟังคนแรก คนที่ได้ยินทั้งเนื้อร้อง ทำนองของเพลงที่กำลังจะถูกแต่งออกมาอีกครั้งจากปากของผมบ้างก็ดี หรือบางทีเธอก็หยิบมันมาฟังคนเดียว ผ่านโทรศัพท์เครื่องเก่า ๆ ที่เราใช้ในการทำเดโม่

นับว่านานพอดูเลยแหละ จนกระทั่งโชคก็เข้าข้าง เราได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง สถานการณ์ทุกอย่างค่อย ๆ กลับมาดี ในเส้นทางสายดนตรี เราเริ่มกลับมาทำวงดนตรีเริ่มมีงาน เราทำเอ็มวีด้วยกัน ทีมเราเริ่มใหญ่ขึ้น มีเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของเราสองคนเริ่มไปในทิศทางที่แย่ลง จนถึงขั้นเลิกรากันไปในที่สุด ซึ่งในส่วนนี้ผมผิดเองที่ไม่รักษาความรักของเราไว้ได้

ในวันที่เมบอกผมว่าท้อง ผมขอโทษที่ช่วงนั้นผมไม่สามารถทำหน้าที่อย่างที่พ่อควรจะทำ ผมขอโทษนะ เมรี ตอนนั้นอารมณ์และโทสะครอบงำ จนไม่สามารถเคียงข้างในวันที่เมต้องการ การนัดหมายต้องพังลงในทุกครั้ง ผมขอโทษที่ตอบโต้คุณผ่านสื่อ นั่นเป็นการกระทำที่ผมถือว่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ผมอยากขอโทษคุณอีกครั้งเพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้ขอโทษเลย

ต่อจากนี้หากมันยังพอมีทาง ผมอยากขอโอกาสที่จะได้แก้ไขมันสำหรับความผิดพลาดของผม ผมไม่ใช่คนรักที่ดีและพ่อที่ดี แต่ผมพร้อมเป็นพ่อของลูก พร้อมดูแลลูกของเรา ผมเชื่อว่ามันคงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก ๆ กับคุณที่ต้องเผชิญมันเพียงลำพัง ขอโทษที่ไปต่อด้วยกันไม่ได้ แต่สัญญาว่าจะพยายามทำหน้าที่พ่อให้ดีที่สุดเพื่อลูกของเรา”

ตามด้วยแคปชันว่า “ผมขอโทษนะเมรี”

‘แพรรี่’ ลั่น!! ‘ปีชง’ ไม่มีจริง วอนหยุดหากินกับความเชื่อ พร้อมย้ำ!! 365 วัน ชีวิตคนเราต้องเจอปัญหาอยู่แล้ว

(9 ม.ค.67) กลายเป็นคลิปวิดีโอไวรัลในข้ามคืน เมื่ออินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอย่าง ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ หรือ ‘ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ ได้ออกมาอัดคลิปวิดีโอฟาดแรงถึงความเชื่อว่า ปีชงมีไว้หลอกคนโง่

โดยในคลิปวิดีโอดังกล่าว ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ พูดว่า “ใช้ชีวิตมา ต่อให้เป็นปีที่ไม่ชง ไม่เกิดปัญหาเลยเหรอ ใช้ชีวิตมา 300 กว่าวัน คือชีวิตดีมากว่างั้น ปีนี้ไม่ชงก็เลยสบาย ทำอะไรชิล ๆ ทำอะไรดีหมดทั้งปี มีเหรอ ไม่มีค่ะ ต่อให้ไม่ชง ชงหรือไม่ชง ชีวิตต้องมีปัญหา”

“มีใครกล้าบอกไหม สมมติปีที่แล้วไม่ชง ชีวิต 365 วัน ที่ผ่านมาดีหมด ไม่มีปัญหา ไม่มีติดขัด มีเหรอ มันไม่มี ปีชงมันมีไว้สำหรับหลอกคนโง่ค่ะ”

เพราะมันขายของได้ไง ถ้ามันบอกว่ามันชง ปีชงตามมาด้วยการทำพิธีกรรม ทุกอย่างแก้ได้ด้วยการเสียเงิน หรือจะเถียง ที่มันบอกว่ามีเคราะห์ ที่มันบอกว่าชง เดี๋ยวมันให้วิธีแก้ชง แต่วิธีแก้ชง ก็คือเสียเงินแน่นอน เดี๋ยวมันแนะนำให้ไปทำพิธีวัดนู้นวัดนี้ แต่เสียเงิน”

เจ้าตัวยังพูดอีกว่า จะไปชงกับใครก็ไป แต่ไม่ได้ชงกับแล้วคนนึง ไม่ได้กินเงินตนค่ะ ไม่ต้องมาชงกับตน ตนชงเองได้ เอ้าลองคิดดูให้ดี ใช้สติปัญญาให้ดีว่าไอ้ที่เขาบอกว่าคุณชง ปีโน้นคุณชง มันตามมาด้วยอะไร หนึ่ง ถ้าเขาบอกว่าปีนี้คุณชง คุณไม่สบายใจละ ถ้าเขาบอกราศีนี้ชง ร้อยทั้งร้อย คนที่เชื่อเรื่องดวง เชื่อเรื่องราศี ฟังแล้วไม่สบายใจ

เมื่อไม่สบายใจ ตามมาด้วย การต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เพื่อแก้ชง เพราะคิดว่าการทำพิธีสิ่งที่ไม่ดี หรือสิ่งที่ชง จะไม่เกิด เสียเงิน เสียเงินแน่นอน มากน้อยต้องเสีย แล้วจะไปเชื่อทำไม ความเชื่อที่ทำให้เราต้องเสียเงินเสียทอง ความเชื่อที่ทำให้เราไม่สบายใจ เราจะไปเชื่อทำไม

ทั้งนี้ แพรรี่ ไพรวัลย์ พร้อมฝากถึงคนที่หากินกับความเชื่อว่า “ถ้าคุณหากินกับความเชื่อแบบนี้ ต้องเจอตน หลอกคนได้หลอกไป แต่เจอตนแน่นอน อีพวกหากินกับความเชื่อคน อาชีพมีเยอะแยะ มีมือมีเท้าก็ไปทำสิ มาหลอกกินกับความเชื่อกับคน

เดี๋ยวจัดพิธีไหว้ของดำ ราหู ถามหน่อย พระพุทธเจ้าบอกไว้ในพระไตรปิฎกเล่มไหน ไหว้ของดำ ไหว้ราหูเนี่ย พระไตรปิฎกเล่มไหนสอน

พวกหมอดูทำไป ก็ยังทำเนานะ มันเป็นอาชีพ แต่เดี๋ยวนี้ลามไปยังวัด พาคนไปสวดสะเดาะเคราะห์ มีในไหนเนี่ยพระไตรปิฎก ชีวิตง่ายขนาดนั้นไม่ต้องมีศาสนาพุทธค่ะ ไปนั่งเอาสายสิญจน์พันหัว มึงไม่เอาพันคอไปเลยหล่ะ จะได้หมดทุกข์ไปเลย

พร้อมทิ้งท้าย ว่า “จะเชื่อก็เชื่อไป ตนไม่ได้ว่าไร คุณจะทำ ก็ทำไป ตนไม่ได้ว่าอะไร แต่มีคนมาถาม ตนก็จะพูดแบบนี้ เพราะตนไม่เชื่อ ตนมีหน้าที่ให้สติคน ไม่ได้ไปล้ำเส้นความเชื่อพวกคุณหนิ ถ้าตนไปพังพิธีคุณ ว่าไปอย่าง”

งานนี้เจ้าตัวยังมีการอัปคลิปวิดีโอวิพากษ์วิจารณ์ความเชื่อในเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย ทั้งเบญจเพส, สีเสื้อมงคล, ความเชื่อทางศาสนาอื่น ๆ ท่ามกลางคอมเมนต์จากชาวเน็ต

‘เมรี’ ลูกสาว ‘ปู พงษ์สิทธิ์’ รับท้อง 3 เดือนแล้ว รู้หลังเลิก ‘แอมมี่’ ลั่น!! ชีวิตต้องไปต่อ ไม่อยากให้ลูกโตในครอบครัวที่มีพ่อทำร้ายแม่

หลังจากหลายเพจดัง โพสต์เปิดประเด็นในทำนองเดียวกันว่ามี ‘นักร้อง ช.’ ท่านหนึ่งทำแฟนสาวท้อง แต่ไม่รับผิดชอบ หนีหาย มีประวัตินอกใจ เจ้าชู้ ปัดความรับผิดชอบ แถมยังบอกว่า “ลูกในท้องใช่ของฉันเหรอ?” งานนี้ชาวเน็ตแห่เดารัวๆ ซึ่งมีชื่อกันในใจเป็นไปในทางเดียวกัน

ซึ่งหากใครที่เป็นแฟนคลับที่ติดตามเฟซบุ๊ก ‘เม เมรี คัมภีร์’ ลูกสาว ‘ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์’ นักร้องเพื่อชีวิตชื่อดัง จะเห็นว่าก่อนหน้านี้เมรีได้แชร์เพลงใหม่ ‘แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์’ หรือ ‘ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์’ ช่วยโปรโมต ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าทั้งคู่อาจจะกลับมารีเทิร์นกันอีกครั้ง แต่แล้วเหมือนโพสต์ดังกล่าวจะถูกลบออกไปหมดแล้ว

ขณะที่ เม ได้โพสต์ข้อความปริศนาแทน อาทิ “อีก 7 เดือน”, “ฉันทำได้ ฉันต้องทำได้” พร้อมเผยว่ามีเรื่องจะเล่า แต่ให้รอก่อน หนักกว่าข่าวล่อแฟนเพื่อน เรื่องดังกล่าวจะเบาไปเลย ข้อความล่าสุด เมรี เผยว่า “ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้ ขึ้นอยู่กับความพร้อม มีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกทุกคน ให้รอฟังกันนะ” พร้อมตอบเมนต์หนึ่งว่า “ก่อนจาก เรียกว่าโดนมันต่อยมากกว่า!!”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 67 เมรี คัมภีร์ ลูกสาวสุดที่รักของนักร้องชื่อดัง ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ได้โพสต์คลิปในไอจีสตอรี่ เป็นคลิปลูบท้องที่ยื่นออกมาขณะเดินทางไปสอบ จากนั้น เม ก็ได้โพสต์คลิปที่อัดไว้ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. 2567 พร้อมภาพอัลตราซาวด์ ยอมรับว่าตอนนี้ตนท้องได้ 3 เดือนแล้ว

“จริงๆ แล้วก่อนหน้าที่จะเลิกกัน 1-2 เดือน เราคุยกันมาตลอดว่าเมประจำเดือนไม่มา แต่เราไม่ได้คิดที่จะตรวจ เพราะเราไม่คิดว่าเราจะต้องเลิกกัน เราก็อายุ 30 กว่าปีกันแล้ว ถ้าจะมีก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ อยู่ด้วยกัน เลี้ยงด้วยกัน สู้ไปด้วยกัน แต่พอมาถึงวันที่มันเลิกกันจริงๆ เมก็มานึกได้ว่าลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง เมก็เลยไปตรวจ ผลก็ออกมาตามนั้น แต่เมยังไม่ได้ไปอัลตราซาวด์ ก็เลยไม่แน่ใจว่าจะท้องหรือไม่ท้อง ก็บอกเขาก่อน

แต่เขาในตอนนั้น เมเข้าใจนะ ว่ามันไม่แปลกที่เขาจะไม่เชื่อ เขาคงมองว่าเมจะใช้มุกนี้เหรอ เอาจริงดิ เมเลยได้ ถ้างั้นไปตรวจด้วยกันไหม เขาก็ไม่ไป สุดท้ายเมไปคนเดียว พอได้ผลออกมา เขาก็บล็อกเมหนีหายไปแล้ว”

“เมกำลังจะมีลูก เมท้องค่ะ เมตรวจครรภ์ครั้งล่าสุดวันที่ 2 ม.ค. 67 อายุครรภ์ตอนนี้ 13 สัปดาห์กับอีก 2 วัน กำหนดคลอดวันที่ 7 เดือน 7 เพศยังไม่รู้ ตอนนี้สุขภาพยังแข็งแรง สมบูรณ์ดี เมไม่มองเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่ดี เป็นความซวยอะไรแบบนั้น เมกลับมองว่ามันคือเรื่องราวดีๆ เป็นพรที่ลูกเมได้มาเกิดกับเม

เมเองได้มีการคิดไตร่ตรอง คิดอยู่กับตัวเองมาสักพักแล้วจนเมได้คำตอบว่า มันก็คงเป็นเรื่องราวที่ดีด้วยเช่นกันที่ครอบครัวของเรา เมกับลูกจะดำเนินต่อไปโดยที่ไม่ต้องมีเขา ไม่ต้องมีคนเป็นพ่อ เพราะนั่นอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก็ได้ เมอาจจะยังรักเขา โหยหาเขา อาจจะยังเจ็บที่เห็นเขามีคนใหม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เมไม่กลับไป การที่เมไม่ไปอ้อนวอนขอร้องให้เขากลับมา ทั้งหมดมันเพื่อลูก เมไม่อยากให้ลูกเมโตมาในครอบครัวที่พ่อ คิดจะทำร้ายแม่เมื่อไหร่ก็ได้”

“เมจะพยายามเลี้ยงดูลูกเมให้โตมาอย่างมีความสุข มีคุณภาพ ลำบากได้ เป็นคนมีความพอดี ไม่ได้เป็นคนรวย เว่อร์ ไม่ได้ตั้งใจเป็นคนขนาดนั้น เมตั้งใจให้ลูกเมเป็นคนมีเหตุผล เป็นคนที่รู้ถูกรู้ผิด รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ลูกอาจจะดื่ม อาจจะสูบบุหรี่ แล้วแต่ลูกตราบใดที่ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้ทำร้ายตัวลูกเอง ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร

เมจะดูแลตัวเองให้ดี ลูกเมจะได้โตมาแข็งแรง ถ้าวันข้างหน้ามันมีวันไหนที่เมไม่สามารถทำได้อย่างที่เมพูด เมทำให้ลูกเมเริ่มรู้สึกว่าลูกเมขาด ทำให้ลูกเมรู้สึกแตกต่าง อยู่ในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ เมก็จะขอโทษลูกที่เมทำมันได้ไม่ดี แต่ ณ วันนี้ แต่ละวันเมจะตั้งใจทำให้ดีที่สุดไม่ร้อง…ฝากเป็นกำลังใจให้เมกันด้วยนะ”

“ในตอนที่เมยังไม่สามารถบอกใครได้ สิ่งที่เมต้องการคือเพื่อนคู่คิด เพื่อนช่วยคิด พาร์ตเนอร์ที่จะช่วยกันตัดสินใจ มันเป็นเรื่องที่ใหม่ ที่ใหญ่มากสำหรับเม เมทำคนเดียวไม่ไหว แต่เมไม่มีใคร ไม่มีเขา เมแค่ขอให้เขาทำหน้าที่พ่อ มาในฐานะพ่อมาตรวจเลือดให้ลูกหน่อย เขา…”

ซึ่ง เมรี คัมภีร์ ยังได้ปล่อยคลิปเต็มประเด็นให้พ่อของลูกมาตรวจเลือดแบบฉบับเต็ม ในติ๊กต๊อกของตน เมื่อวันที่คืน 5 ม.ค. ที่ผ่านมาอีกด้วย

‘หนุ่ม กรรชัย’ รับ!! เคยทักหา ‘เบียร์’ ยัน ไม่มีเรื่องชู้สาวแน่นอน พร้อมเปิดภาพแชตสุดปั่น เมื่อโดน ‘ป๋อง กพล’ จี้ถามหลังไมค์!!

(5 ม.ค. 67) กรณีเพจดังออกมาเปิดโปงเรื่องราวของนักร้องสาว ‘เบียร์ เดอะวอยซ์’ หรือ ‘เบียร์-ภัสรนันท์ อัษฎมงคล’ อ้างเป็นข่าวเมาท์ฉ่ำกรณีมีความสัมพันธ์ 3 เส้า กับเชฟหนุ่มที่มีคนรักอยู่แล้ว ถึงขั้นกล่าวหาว่าแอบแซ่บภายในงานปาร์ตี้ของสาวคนดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวานนี้ (4 ม.ค.) เบียร์ เดอะวอยซ์ ออกมาไลฟ์สด ชี้แจงทุกประเด็น โดยยอมรับว่า มีการจุ๊บกันจริง แต่ไม่ได้เกินเลย และขอโทษแล้ว พร้อมกับออกห่างทุกคน

ต่อมาเธอได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ว่า “ดารา คนดัง พิธีกร ที่มีลูกมีเมีย ยัง DM มาหาเบียร์ มากดหัวใจให้ โลกความจริงเป็นแบบนี้” พร้อมกับเปิดข้อความปริศนา

แม้ล่าสุด ‘หนุ่ม กรรชัย’ ออกมายอมรับว่าเคยดีเอ็มหา เบียร์ จริง แต่สาบานว่าไม่มีเรื่องชู้สาวแน่นอน

ล่าสุด ‘หนุ่ม กรรชัย’ เคลื่อนไหวอีกครั้ง โพสต์ภาพแชตพูดคุยกับพิธีกรชื่อดัง และเพื่อนคนสนิทอย่าง ‘ป้อง กพล’ ที่พูดคุยถึงประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นในขณะนี้

พร้อมระบุข้อความว่า ‘เจอตัวแล้ว มึงนี่เอง พิธีกรดังมีลูกเมียกดหัวใจให้สาว #ไม่หลับไม่นอนนะมึง’

‘อังศณา ช้างเศวต’ เจ้าของเพลง ‘คู่กรรม’ เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 67

(3 ธ.ค. 67) ถือเป็นข่าวเศร้าในวงการบันเทิง หลังสูญเสีย ‘อังศณา ช้างเศวต’ หรือ อังศนา ศรีพัฑฒางกุระ อดีตนักร้องยุค 80 เจ้าของเพลงดังประกอบละครเรื่องคู่กรรม เสียชีวิตแล้วอย่างสงบเมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา

ขณะที่เฟซบุ๊ก Jaroensook Limbanchongkit Pone ได้โพสต์กำหนดการซึ่งมีการสวดพระอภิธรรม ณ วัดธาตุทอง พระอารามหลวง ในวันที่ 2-6 ม.ค. และจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 7 ม.ค. เวลา 12.00 น.

สำหรับ ‘อังศณา ช้างเศวต’ เธอเป็นพยาบาลมาก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นนักร้องหลังจากการประกวด ‘คอนเสิร์ต คอนเทสต์’ ที่จัดโดย JSL โดยแข่งกันเหลือเพียง 3 คนสุดท้ายคือ อังศณา ช้างเศวต, แอนนา โรจน์รุ่งฤกษ์, พิษณุ นาคสาร (เฌอ) แต่ แอนนา เป็นผู้ที่ชนะ ที่ 1 ไป

หลังจากนั้นได้ออกผลงานกับ ค่ายคีตาเรคคอร์ด ชุดแรกชื่อ ‘หนึ่งในหลาย’ ซึ่งในอัลบั้มนี้มีเพลงละครดังเรื่อง ‘คู่กรรม’ ที่แต่งโดย ‘จำรัส เศวตาภรณ์’ ส่วนผู้ทำดนตรีคือ วงบัตเตอร์ฟลาย และเป็นเพลงที่แจ้งเกิดให้เธอมาจนถึงปัจจุบัน

หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรแห่งปี

ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ในสมัยก่อนหากมีปัญหาทุกข์ใจ ถูกทำร้าย รังแก เอารัดเอาเปรียบ คนก็จะเรียกหา ‘ตำรวจ’ เป็นอย่างแรก ก่อนจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป แต่สมัยนี้เอะอะอะไรก็โพสต์ลงโซเชียลและแท็กหาบุคคลดังที่มีแสงในวงการสื่อ ซึ่งคนที่ถูกแท็กหาบ่อยมากที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย’ พิธีกรดังจาก ‘รายการโหนกระแส’ ที่ผันตัวจากอาชีพนักแสดงมารับบทพิธีกร คอยเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนผ่านรายการที่ทำ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนหรือตกทุกข์ได้ยาก 

ไม่แปลกเลย…หากประชาชนมีปัญหาเดือดร้อน จะแท็กหา ‘หนุ่ม กรรชัย’ อยู่บ่อย ๆ และเรียกได้ว่าเป็นพิธีกรที่มีกระแสมากที่สุดคนหนึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา

สำหรับเส้นทางการเป็นพิธีกรชื่อดังนั้น ‘หนุ่ม กรรชัย’ เริ่มจัดรายการประเภททอล์กโชว์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประเด็นทางสังคม ตั้งแต่ยุคทีวีดิจิทัลราว พ.ศ. 2557 เริ่มที่ช่อง 8 อาร์เอส กับรายการปากโป้ง ซึ่งทำเป็นระยะเวลานาน 4 ปี จนเมื่อได้ย้ายมาอยู่กับช่อง 3 จึงนำรูปแบบรายการนี้มาด้วย โดยรายการโหนกระแสออกอากาศทางช่อง 3 เอสดีครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2560

รายการโหนกระแส เป็นรายการโทรทัศน์ประเภท ‘ทอล์กโชว์’ เชิงข่าว มีพิธีกรดำเนินรายการเพียงคนเดียวคือ ‘หนุ่ม กรรชัย’ ซึ่งสาเหตุที่ต้องมีพิธีกรคนเดียวนั้น เนื่องจากรูปแบบการจัดรายการต้องซักถามผู้ร่วมรายการ หากมีพิธีกรหลายคนอาจทำให้การสัมภาษณ์สะดุดได้ เพราะอาจจะมีการถามในมุมมองประเด็นที่แตกต่างกันออกไป โดยเนื้อหาหลัก ๆ จะเกี่ยวกับประเด็นทางสังคม ที่มีการเรียกแขกรับเชิญมา 2 ฝั่ง และกำลังมีประเด็นร้อนกันอยู่ ให้มานั่งพูดคุยต่อหน้าเพื่อหาข้อสรุป และให้ผู้ชมทางบ้านได้ฟังความจากทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งรายการก็ได้รับกระแสจากประชาชนไปในทิศทางที่ดีมาก ๆ จนมักจะติดเทรนด์อันดับ 1 ของทวิตเตอร์ (X) ในช่วงเวลาที่ออกอากาศอยู่บ่อย ๆ

นอกจากนี้ในปี 2566 ‘หนุ่ม กรรชัย’ สามารถคว้ารางวัล ‘พิธีกรแห่งปี’ จากไนน์เอ็นเตอร์เทนอวอร์ดมาครองได้สำเร็จ ทำเอาเจ้าตัวเกือบร้องไห้บนเวที เพราะถือเป็นบทพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่จากดารานักแสดงที่เปลี่ยนผันมาเป็นพิธีกรรายการข่าว 

อย่างไรก็ตาม ‘หนุ่ม กรรชัย’ ยังมีผลงานพิธีกรในรายการอื่น เช่น เที่ยงวันทันเหตุการณ์ รายการ 3 แซ่บ และยังรับงานโฆษณาอีกด้วย

กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘หนุ่ม กรรชัย’ ต้องเผชิญกับความกดดันและแบกความหวังของผู้คนไว้มากมาย ซึ่ง ‘หนุ่ม กรรชัย’ ก็เคยออกมาเปิดเผยด้วยว่า… “ต้องการทำรายการโหนกระแสให้เป็นกระบอกเสียงของสังคมที่คนสามารถพึ่งพาได้ และในที่สุดวันนี้มันก็มาถึง”

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า ‘เราภูมิใจในตัวคุณ’ และขอขอบคุณที่เป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนมาเสมอ

ภาพยนตร์ไทยฟีเว่อร์ ‘สัปเหร่อ-ธี่หยด’ โกยรายได้ทะลุ 100 ล้านบาท

ปีนี้ถือเป็นปีทองของภาพยนตร์ไทยจริง ๆ ดูได้จากกระแสคนไทยพร้อมใจซื้อตั๋ว ตบเท้าเข้าโรงภาพยนตร์กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงครึ่งปีหลังปี 66 ที่ ‘สัปเหร่อ’ และ ‘ธี่หยด’ เข้าฉาย ก็ปลุกกระแสชมภาพยนตร์ไทยในโรงฯ ให้กลับมามีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น แถมทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวถึงยังเดินหน้าทุบสถิติในรอบ 10 ปีอีกด้วย

หากจะนิยามว่า…ปีนี้ ‘ภาพยนตร์ไทย’ กลายเป็น Product ที่สร้างรายได้ให้กับโรงภาพยนตร์เป็นกอบเป็นกำ ก็คงไม่ผิดนัก!! เพราะด้วยเสน่ห์และรสชาติที่ถูกใจคนดู ทำให้ทั้ง ‘สัปเหร่อ’ และ ‘ธี่หยด’ กลายเป็นภาพยนตร์ที่ถูกพูดถึงและเรียกคนเข้ามาดูในโรงภาพยนตร์ได้ไม่ยาก

เริ่มจาก ‘สัปเหร่อ’ กำกับโดย ‘ต้องเต ธิติ ศรีนวล’ เป็นผลงานภาคแยกของจักรวาลไทบ้านเดอะซีรีส์ ซึ่งจะถ่ายทอดวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเชื่อของภาคอีสาน ให้มองเห็นคุณค่าของการมีชีวิต ทำทุกอย่างให้เต็มที่ และดูแลคนที่เรารักให้ดีที่สุด 

โดยเรื่องราวนั้นเกิดขึ้นในหมู่บ้านโนนคูณในจักรวาลไทบ้าน เล่าถึงชีวิตของ ‘เจิด’ (นฤพล ใยอิ้ม) หนุ่มวัย 25 ปีที่เรียนจบกฎหมาย หวังไปสอบเป็นทนายหรือปลัดอำเภอ แต่พ่อ (อัจฉริยะ ศรีทา) ที่ทำอาชีพสัปเหร่อมีอาการป่วย เขาจึงต้องมาช่วยทำงานแทน ทั้งที่กลัวผีมาก 

และอีกด้านหนึ่ง เล่าชีวิตของ ‘เซียง’ (ชาติชาย ชินศรี) ชายหนุ่มที่ยังทำใจไม่ได้ เพราะแฟนเก่า ‘ใบข้าว’ (สุธิดา บัวติก) ได้เสียชีวิตไป จึงพยายามหาวิธีด้วยการศึกษาทฤษฎีต่าง ๆ เพื่อที่จะได้พบเธอในโลกหลังความตาย แต่กลับไปพบพ่อของเจิดที่รอการทำพิธีถอดจิตไปโลกความฝัน ซึ่งพ่อเจิดเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำพิธีถอดจิต เลยนำมาสู่ข้อแลกเปลี่ยน เซียงต้องมาช่วยเจิดทำอาชีพสัปเหร่อ โดยสุดท้ายแล้วนั้น…ทุกอย่างมีเวลาของมัน เพราะมันคือธรรมชาติของความจริง ทุกคนเรียนรู้ เข้าใจการยื้อ และการเสียคนที่รักไป

หลังจากสัปเหร่อเข้าฉาย ก็กลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์อย่างมาก และส่งผลออกมาเป็นรูปธรรมผ่านการสร้างรายได้แบบถล่มทลาย เพราะหลังจากเข้าฉายเพียงแค่ 25 วัน ก็ทำเงินแตะ 700 ล้านบาทแล้ว อีกทั้ง ยังขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงที่สุดในรอบ 8 ปีด้วย 

นอกจากนี้ ยังมีแผนโกอินเตอร์เข้าฉาย 9 ประเทศในทวีปเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, ไต้หวัน, มาเลเซีย, เมียนมา, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเชีย และกัมพูชา บอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ 

อีกหนึ่งภาพยนตร์กระแสแรงก็คือ ‘ธี่หยด’ ภาพยนตร์ไทยแนวสยองขวัญ ที่ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อ ‘ธี่หยด’ แว่วเสียงครวญคลั่ง ของ กฤตานนท์ หรือ คุณกิตติศักดิ์ กิตติวิรยานนท์ ผู้เป็นบุตรชายเจ้าของเรื่องราว เล่าถึงความลึกลับชวนขนลุกของเสียง ’ธี่หยด‘ ที่ถูกเขียนเล่าบนกระทู้พันทิปจนกลายเป็นนิยายดัง ก่อนที่คุณกิตจะนำมาเล่าอีกครั้งในรายการ The Ghost Radio ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย ‘คุ้ย ทวีวัฒน์ วันทา’

‘ธี่หยด’ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน พ.ศ. 2515 โดย ‘หยาด’ (เจลีลชา คัปปุน) และครอบครัวอาศัยอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลแถบ จ.กาญจนบุรี ช่วงหน้าหนาว ‘แย้ม’ (รัตนวดี วงศ์ทอง) ซึ่งเป็นน้องสาวของหยาด เกิดอาการป่วย ประจวบเหมาะกับมีเรื่องราวประหลาด ที่เด็กสาวในหมู่บ้านเริ่มทยอยกันเสียชีวิตปริศนา และหลังจากที่แย้มเผชิญหน้ากับหญิงชุดดำปริศนาที่อาศัยโดดเดี่ยวอยู่กลางป่า ชีวิตแย้มก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 

ซึ่งความประหลาดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ช่วงเวลายามค่ำคืน คนในครอบครัวเริ่มได้ยินเสียงพูดแปลก ๆ จากแย้มแว่วว่า "ธี่หยด...ธี่หยด..." ขณะเดียวกันกับที่พี่ชายคนโต ‘ยักษ์’ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) กลับบ้านเกิดหลังจากปลดประจำการทหาร จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้แย้มหายจากอาการประหลาด และทำให้ครอบครัวมีชีวิตรอดไปจากเสียงเพรียกสยองยามค่ำคืน

เพียงเข้าฉายแค่ 1 วัน ธี่หยดก็สร้างรายได้ทั่วประเทศ 39 ล้านบาท อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำเงินร้อยล้านไวที่สุดแห่งปี ใช้เวลาเพียงแค่ 3 วัน และโกยรายได้ 500 ล้าน ภายใน 20 วัน 

งานนี้โกยทั้งเงิน ทั้งคำชม และสร้างเสียงหลอนให้คนเอาไปเล่าขานจนสยองทั่วทั้งประเทศกันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ 2 เรื่องที่หยิบยกมาแล้ว ก็ยังมี ‘4 Kings 2’ ภาพยนตร์สะท้อนปัญหาสังคม โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์เรื่องราวระหว่างสถาบันอาชีวะ นักเรียนตีกัน และคำว่า ‘ครอบครัว’ ซึ่งก็ทำรายได้แตะ 200 ล้านภายใน 2 สัปดาห์

ก็หวังว่ากระแส ‘ชมภาพยนตร์ในโรงฯ’ จะยังคงอยู่ และช่วยให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเติบโตมากยิ่งขึ้น เพราะแรงกำลังสำคัญของวงการนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ บทดี ผู้กำกับเก่ง แล้วจะประสบความสำเร็จ แต่ต้องมีแรงหนุนจากผู้ชมด้วย 

และจะดียิ่งขึ้นหาก ‘รัฐบาล’ เข้ามาหนุนหลัง ปั้นให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์หลักของประเทศ ถึงตอนนั้น เราอาจจะได้เห็นภาพยนตร์ไทยเข้าชิงรางวัลระดับโลกก็ได้!!

#เหตุการณ์ที่ต้องจำ
 

แอนโทเนีย โพซิ้ว นางงามแห่งปี

แม้จะชวดมงฯ 1 ไป แต่บอกเลยว่า ‘ได้ใจ’ คนไทยไปเต็ม ๆ สำหรับ ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ Miss Universe Thailand 2023 ผู้สร้างประวัติศาสตร์แก่ประเทศไทย ด้วยการเข้ารอบลึกที่สุดในรอบ 35 ปี บนเวที Miss Universe 2023 ด้วยการคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 มาครอง

นอกจากตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 แล้ว ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ ยังได้สร้างความประทับใจให้แก่ทุกคน รวมถึงสื่อมวลชนด้วย โดยสื่อประเทศเจ้าภาพอย่าง ‘เอลซัลวาดอร์’ ชื่นชมและยกย่อง ‘ชุดเทพธิดาอาณาจักรอยุธยา’ ที่แอนโทเนียสวมใส่ ให้เป็น 1 ใน 10 ชุดที่ดีที่สุดบนเวที Miss Universe 2023 ในรอบชุดประจำชาติ ซึ่งชุดนี้ได้รับแรงบันดาลมาจากรูปปั้น ‘พระแม่ธรณี’ ในช่วงยุคอยุธยาที่สามและสี่ของอาณาจักรสยาม ที่มีอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 14 ถึง 18 

ส่วนการแต่งกายและเครื่องประดับถูกสร้างให้เหมือนกับรูปปั้นจากอาณาจักรอยุธยา จิวเวลรีรวมกับการใช้ลวดเส้น และใช้สีหินและพลอยคำที่มีค่าเพื่อสอดคล้องกับข้อมูลธรณีวิทยาที่บันทึกไว้จริงจากสมัยนั้น อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณแอนโทเนีย ที่โชว์ความเป็นไทยไปเฉิดฉายสู่สายตาชาวโลก

คราวนี้เรามาทำความรู้จักกับเธอให้ลึกกว่านี้กัน แอน หรือ แอนโทเนีย โพซิ้ว เกิดวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 เป็นนางงามและนางแบบลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก คุณแม่เป็นชาวจังหวัดนครราชสีมา และคุณพ่อเป็นชาวเดนมาร์ก จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก หลักสูตรนานาชาติ สาขาวิชาการตลาดและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด 

ซึ่งหากย้อนกลับไปในอดีต ต้องยอมรับเลยว่า แอนโทเนีย โพซิ้ว เป็นสาวมากความสามารถ และไม่เคยยอมแพ้ หากไล่ดูจากผลงานการประกวดที่ผ่านมา ซึ่งมีดังนี้

>> เข้าร่วมแข่งขัน ‘เดอะเฟซไทยแลนด์ ซีซัน 1’ ผ่านเข้ารอบ 15 คน และเป็นลูกทีมของเมนเทอร์พลอย และได้ยุติการแข่งขันในสัปดาห์ที่ 7 เนื่องจากเมนเทอร์ลูกเกดได้คัดเธอออกจากการแข่งขัน ซึ่งทำให้เธออยู่ในอันดับที่ 10 ของรายการ

>> เข้าร่วมการประกวด ‘มิสซูปราเนชันแนลไทยแลนด์ 2019’ และสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาครองได้สำเร็จ พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประกวดมิสซูปราเนชันแนล 2019 ณ ประเทศโปแลนด์

>> หลังจากชนะเลิศที่ไทยไป แอนโทเนียได้เป็นตัวแทนประเทศเข้าร่วมประกวด ‘มิสซูปราเนชันแนล 2019’ และสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาครองสำเร็จ โดยการประกวดครั้งนี้ถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์กับเวทีมิสซูปราเนชันแนลของนางงามชาวไทย เพราะเธอเป็นตัวแทนจากประเทศไทยคนแรกที่สามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาครอง และเป็น ‘มิสซูปราเนชันแนลคนที่ 11 ของโลก’

เรียกได้ว่า…ผลของความพยายามทำให้แอนโทเนียสามารถคว้าตำแหน่ง Miss Universe Thailand 2023 และตำแหน่งรองชนะเลิศอับดับ 1 Miss Universe 2023 มาครอบครองได้ และก้าวขึ้นสู่ ‘นางงาม’ ที่ครองใจมหาชนได้อย่างแท้จริง

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”

ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ศิลปินระดับโลกแห่งปี

สาวเอเชียผู้ทรงอิทธิพลระดับโลก ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ศิลปินมากความสามารถ ที่ไม่ว่าจะขยับทำอะไร ก็มักถูกหยิบยกมาเป็นกระแสไปหมด ไม่ว่าจะเป็นของใช้ เครื่องประดับ อาหารการกิน โดยเฉพาะเมื่อเธอกลับเมืองไทยและถ่ายรูปลงโซเชียลอวดสายตาชาวโลก ก็จะกลายเป็นกระแสทำให้แฟน ๆ แห่ไปตามรอยกันเพียบ ช่วยสร้าง Soft Power ให้แก่ประเทศไทยไปในตัว เช่น นุ่งผ้าซิ่นลายไทย ถือยาดมหงส์ไทย ดื่มนมถุงหนองโพ โรตีสายไหม และล่าสุดได้โผล่ไปร้าน ‘เจ๊ไฝ’ ร้านดังระดับมิชลินในไทย ก็ฟันธงได้เลยว่า…ร้านแน่นยิ่งกว่าเดิมแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ลิซ่า ถือว่าประสบความสำเร็จสุด ๆ ไม่ว่าจะในฐานะสมาชิกวง BLACKPINK หรือศิลปินเดี่ยว โดยการันตีได้จากรางวัลที่ได้รับ แถมล่าสุดยอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมก็พุ่งทะลุ 100 ล้านไปแล้วด้วย

คราวนี้มาดูกันว่าในปี 2023 ‘ลิซ่า’ มีผลงานเด่น ๆ อะไรบ้าง

>> เดินหน้าสร้างสถิติไม่หยุด ‘ลิซ่า’ กลายเป็นศิลปินหญิงคนแรกของโลก ที่มียอดวิวแตะแสนล้านวิว บนแอปพลิเคชัน TikTok ด้วยแฮชแท็กชื่อของเธอเอง ‘#LISA’ แม้เธอจะไม่มีบัญชีที่เป็นทางการบน TikTok 

>> สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นศิลปิน K-Pop คนแรกที่ถูกจารึกชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศ ‘Asian Hall of Fame’ ประจำปี 2023 ในฐานะไอคอนทางวัฒนธรรม

>> ทำเอาแฟน ๆ หายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อตัดสินใจร่วมแสดงบนเวทีคาบาเรต์ชื่อดังของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสอย่าง ‘Crazy Horse’ ซึ่งโด่งดังในเรื่องการแสดงสุดเซ็กซี่โดยนักเต้นเปลือยกายพร้อมศิลปินในแขนงต่าง ๆ ที่จะผลัดกันมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คนยามค่ำคืน แต่เหตุผลที่ ‘ลิซ่า’ ร่วมโชว์นั้น ส่วนหนึ่งเพราะเธอเป็นแฟนคลับ Crazy Horse และมาชมการแสดงอยู่บ่อยครั้ง เลยเป็นเหตุผลให้เธอตัดสินใจที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง

>> ‘Influencer Magazine UK’ นิตยสารสัญชาติอังกฤษ ได้ยกตำแหน่ง Beauty Mogul of the Year หรือ ผู้ที่งดงามทรงอิทธิพลที่สุดแห่งปี 2023 จาก Wins IMA 2023 ให้ลิซ่าเพื่อการันตีความสวยที่เกินต้าน 

>> ‘ลิซ่า’ กลายเป็น ‘ศิลปินเดี่ยว K-Pop คนแรก’ และ ‘ศิลปิน K-Pop หญิงคนแรก’ ที่มียอดสตรีมทะลุ 1 พันล้านครั้งบน Spotify จากเพลง ‘Money’ นอกจากนี้ยังเป็นศิลปินเดี่ยวคนแรกที่ได้ขึ้นปกเพลย์ลิสต์ยอดนิยมสุดปังอย่าง Today’s Top Hits หลังจากปล่อยเพลง ‘Money’ เมื่อปีก่อนอีกด้วย 

>> นับเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศ เมื่อ 4 สาว BLACKPINK ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ MBE-Member of the Most Excellent Order of the British Empire จากพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในฐานะทูตสิ่งแวดล้อม COP26 

>> Guinness World Records ยกย่องให้ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ขึ้นแท่นศิลปินเดี่ยว K-POP  ที่ยิ่งใหญ่แห่งปี 2023 และเป็นที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะเธอเป็นศิลปินเดี่ยว K-POP ที่มีชื่อถูกบันทึกลง Guinness World Records ถึง 8 รายการ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดที่ศิลปินเดี่ยวชาวเอเชียเคยทำได้

เรียกได้ว่าผลงานของลิซ่าในปีนี้ช่างโดดเด่นมากมายจริง ๆ และหวังว่าในปีต่อ ๆ ไป ‘ลิซ่า’ จะมีผลงานปัง ๆ มาให้แฟน ๆ ทั่วโลกได้ติดตามเชียร์และชื่นชมกันอีกเยอะ ๆ 

THE STATES TIMES ไม่อาจกล้าหยิบยกคำใดมาเชิดชู แค่อยากให้รู้ว่า “เราภูมิใจในตัวคุณ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top