Tuesday, 1 July 2025
NEWSFEED

'Born Pink World Tour' ที่สนามศุภชลาศัย ไม่คู่ควรกับ BLACKPINK ขนาดนั้นเชียวหรือ?

ท่ามกลางเสียงอื้ออึงก่อนการมาถึงของ 'BLACKPINK' เพื่อ 'Born Pink World Tour' ที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 7 - 8 มกราคม พ.ศ. 2566 นี้ โดยประเด็นพูดถึงบนโลกออนไลน์นั้นก็คือสถานที่จัดงาน - สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ (The National Stadium of Thailand) ระดับตำนานของประเทศไทย ที่แสดงความคิดเห็นเชิงติเตียนว่าไม่เหมาะสมด้วยข้อความระบายอารมณ์ต่าง ๆ นานา

แต่หากมองย้อนกลับไปในอดีต 'สนามศุภชลาศัย' ได้ถูกใช้เพื่องานกิจกรรมอันหลากหลายทั้งระดับชาติ อาทิ งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ - ธรรมศาสตร์ งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (เคานต์ดาวน์) งานระดับนานาชาติ เช่น กีฬาซีเกมส์, มหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ฟุตบอลโลก (หญิง) รวมถึงงานระดับศรัทธามหาชนกับพิธีบูชามหามิสซา เนื่องในวโรกาสที่ 'สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส' เสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อสี่ปีก่อน

แต่ใช่ว่าสนามศุภฯ จะรับงานจับฉ่ายรายตลาดนัดก็หาไม่ เพราะขนาดร็อกกรุ๊ปทรงเสน่ห์อันดับหนึ่งของโลก 'Bon Jovi' ยังจำใจต้องไปกางเวทีเล่นที่สนามกีฬากองทัพบก หรือแม้แต่อัจฉริยะดนตรีอย่าง 'ฟิล คอลลินส์' ก็ยังอับปัญญาหาทางเข้าสนามศุภชลาศัยไม่เจอ จนต้องระเห็จไปโชว์ที่สนามเดียวกัน ด้วยคำปฏิเสธ "ไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่" สั้น ๆ ประโยคเดียว

จะมีก็เพียง 'King of Pop' ผู้ล่วงลับ กับอภิมหาโปรเจกต์ 'MICHAEL JACKSON DANGEROUS WORLD TOUR LIVE IN BANGKOK 1993' เท่านั้น ที่ลอดผ่านซุ้มประตูเข้ามาจัดแสดงดนตรีลือลั่นโลกครั้งนั้นได้ (24 และ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2536)

ขอนอกเรื่องหน่อย เพราะคำว่า "โรคเลื่อน" เกิดขึ้นและได้รับความนิยมก็ช่วงคอนเสิร์ต ไมเคิล แจ็คสัน นี่เอง โดยเดิมกำหนดวันแสดงไว้ 2 รอบ 24 - 25 สิงหาคม แต่พอคอนเสิร์ตรอบแรกจบลง ราชาเพลงป็อป (ซึ่งอยู่ระหว่างการทำงานที่ไทย) ถูกกล่าวหาจากสำนักงานตำรวจ Los Angeles สหรัฐอเมริกา ด้วยข้อหากระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก โดยเจ้าหน้าที่ได้บุกตรวจค้นบ้านพักของเขา จึงเป็นที่มาของการเลื่อนโชว์อีกสองครั้งสองคราในช่วงเวลาสองวัน โดยสื่อมวลชนไทยนำท่าเต้น ‘ลูบเป้า’ อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว มาผูกโยงเข้ากับคำ ‘โรคเลื่อน’ แฝงนัยถึงอวัยวะบางชิ้นซึ่งมิได้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกที่ควร

จาก 'มกร' ความทรงจำเลือนลางกาลก่อน สู่ 'มังกร' ผู้ครอบครองความเชื่อปัจจุบัน

แรกเริ่มเดิมทีชื่อเดือน 'มกราคม' มีรากศัพท์มาจากคำว่า 'มกร' ตามความเชื่อแบบฮินดูคติ แต่ทำไมปัจจุบันจึงเพี้ยนเป็น 'มังกร' ซึ่งคือภูมิปัญญาของบูรพาวิถี ไยความเชื่อจากสองรากเหง้าที่ตั้งห่างกันเกินกว่า 7,500 กิโลเมตร จึงเดินทางมาบรรจบรวมกันเป็นหนึ่ง ณ ดินแดนสยามแห่งนี้

ในเรื่องดังกล่าว รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและวรรณคดีต่างประเทศ (ตะวันออก) แห่งราชบัณฑิตยสถาน เคยอธิบายไว้ว่า "คนไทยเรามักสับสนระหว่างคำว่า 'มกร' กับ 'มังกร' แม้จนถึงปัจจุบันเราก็ชอบคิดว่า มกร หรือ มังกร เป็นสัตว์ในเทพนิยายชนิดเดียวกัน แต่ถ้าหากดูตามหลักฐานดั้งเดิม คนไทยสมัยโบราณย่อมจะรู้จัก 'มกร' มาก่อน"

มกร (ออกเสียงว่า มะ-กะ-ระ หรือ มะ-กอน) คำจากภาษาสันสกฤต ตามพจนานุกรมศัพท์ศิลปกรรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้ให้ความหมายว่า "...เป็นสัตว์ตามจินตนาการของช่างอินเดียโบราณ มีลักษณะต่างๆ กันไป เช่น ในสมัยแรกส่วนหัวคล้ายจระเข้ มีจะงอยปากงอไปทางด้านหลังคล้ายงวงช้างขนาดสั้น มีฟันแหลมคม มีขาคล้ายสิงโตหรือสุนัข ท่อนหางทำเป็นอย่างหางปลา"

"คนโบราณจินตนาการกันว่า มกร คือจระเข้มีงวง มีสี่ขา โดยจากหลักฐานพบเห็นได้ตามรูปสลักบนปราสาทหินแถบนี้ บนทับหลังก็พบบ่อย ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ก็มี โดยมกรอาจผสมผสานกับสัตว์ตำนานชนิดอื่น เช่น มกรคายนาคบนศิลปะแบบถาลาบริวัต หรือประทับยืนบนแท่นแล้วคายวงโค้งออกมาจากปาก มกร ยุคถาลาบริวัตนี้ตัวจะกลมๆ ป้อมๆ น่ารัก" รศ.ศานติ กล่าว

ช่างศิลป์โบราณต่างจินตนาการว่าทั้ง มกร และ มังกร คือเทพเจ้าแห่งท้องทะเล (น้ำ) โดยรวมจับเอาลักษณะของสัตว์หลากหลายชนิดมาผสมเข้าด้วยกัน ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ โดย 'มกร' มีส่วนปากคล้ายจระเข้ มีงวงเหมือนช้าง ลำตัวและหางเหมือนปลา ยุคหลังๆ ยังเพิ่มลักษณะของสัตว์อื่นๆ ปะปนตามมาอีกหลายชนิด ตามแต่จินตนาการของช่าง เช่น สิงโต แพะ กวาง นาค มังกร ฯลฯ ล้วนแต่เป็นสัตว์ซึ่งมีความหมายทางมงคลทั้งสิ้น

ส่วน 'มังกร' ตามปรากฎของพจนานุกรมประเทศจีน (ปัจจุบัน) ให้ความหมายไว้ว่า "...มังกรเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ลักษณะหัวคล้ายหัวอูฐ มีเขาคล้ายเขากวาง ดวงตาคล้ายกับดวงตาของกระต่ายป่า หูคล้ายหูวัว มีปีกเหมือนนกอินทรี มีลำคอยาวคล้ายงู ช่วงท้องมีลักษณะคล้ายกบ รูปร่างของมันคล้ายกับปลาตัวใหญ่ เท้าคล้ายกับเท้าเสือ เสียงของมันคล้ายเสียง (ตี) ฆ้อง เมื่อมันหายใจ ลมหายใจของมันมีลักษณะคล้ายเมฆ ซึ่งบางครั้งก็ออกมาเป็นฝน แต่บางครั้งก็เป็นเปลวไฟ”

‘พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9’ ศูนย์รวมใจแห่งใหม่ที่ในหลวง ร.10 พระราชทานเพื่อปวงชน

ย้อนไปเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2565 เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9 หรือพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

สำหรับพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9 หรือ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตั้งอยู่ในอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ เขตดุสิต มีขนาดความสูงถึง 7.7 เมตร หรือขนาด 4 เท่าครึ่งของพระองค์จริง ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หันพระพักตร์ไปทางพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ถนนศรีอยุธยา หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ ฐานพระบรมรูปตั้งอยู่บนลานรูปไข่ ส่วนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์เป็นผังแปดเหลี่ยม ตามคติพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ อันเป็นสัญลักษณ์เบื้องแรกแห่งการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ส่วนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ทั้ง 8 เหลี่ยมมีแผ่นจารึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อนำพาประเทศชาติอยู่ดีมีสุข อันก่อให้เกิดความผูกพันและความจงรักภักดีที่ประชาชนมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเอกลักษณ์สำคัญของไทยที่ไม่มีชาติใดเสมอเหมือน

ทั้งนี้ อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ เขตดุสิต มีชื่อเต็มว่า ‘อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร’ มีพื้นที่ทั้งหมด 297 ไร่ เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมสามแยกนางเลิ้ง ล้อมรอบด้วยถนนสวรรคโลก ถนนศรีอยุธยา ถนนพระรามที่ 5 และถนนพิษณุโลก ในพื้นที่แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต

‘หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ ปันน้ำใจ ‘พี่น้องชาวไทย’ สู่ ‘พี่น้องชาวลาว’

หลายครั้งหลายคราที่เราได้เห็นคนในวงการบันเทิงออกมาทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เช่น ‘บิณฑ์ บันลือฤทธิ์’ ที่อาสาสมัครช่วยเหลือผู้ประสบภัย ไม่ว่าจะไฟไหม้ น้ำท่วม และทุกเรื่องที่ช่วยได้ก็จะเข้าไปช่วยเหลืออย่างสุดกำลัง หรือแม้แต่ ‘พี่ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย’ ที่ก่อนหน้านี้ได้ออกมาจัดกิจกรรมวิ่งการกุศลเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือโรงพยาบาล และยังมีคนในรวมถึงบุคคลในวงการบันเทิงอีกหลายท่านที่ขออภัยที่ไม่ได้เอ่ยนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่สังคมไทยต่างภาคภูมิใจในจิตอาสาของพวกเขาทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามในปีนี้ ถ้าจะให้พูดถึงจิตอาสาอีกคนในวงการบันเทิงที่สร้างกระแสสะเทือนสังคมได้สุด ๆ ก็คงหนีไม่พ้น ‘โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์’ นักร้อง-นักแสดงชื่อดัง ที่ได้ออกมาประกาศโครงการว่ายน้ำข้ามโขง เพื่อระดมทุนซื้อเครื่องมือแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ภายใต้ชื่อโครงการ ‘One Man & The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ โดยตั้งเป้ารับยอดบริจาคไว้ที่ 17 ล้านบาท

หลังจากที่ประกาศโครงการออกไป กระแสตอบรับก็มีทั้งดีทั้งร้ายปะปนกันไป มีบางคนที่ไม่สนับสนุนการว่ายน้ำข้ามโขงในครั้งนี้เพราะมองว่าอันตรายเกินไป อีกทั้งจะกลายเป็นภาระให้เจ้าหน้าที่ที่ต้องระดมคนมาดูแล บางคนก็สนับสนุนเป็นอย่างดีเพราะเชื่อมั่นในฝีมือและความตั้งใจของโตโน่

กราดยิงหนองบัวลำภู โศกนาฏกรรม ทำคนไทยหัวใจสลาย

วันที่ 6 ตุลาคม 2565 ได้ถูกจารึกไว้ให้เป็นอีกหนึ่งวันสุดสลดที่คนไทยทุกคนแทบหัวใจแตกสลาย เมื่อเกิดเหตุเศร้ากราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างน้อยเกือบ 50 ราย ก่อนผู้ก่อเหตุจะยิงตัวตายพร้อมลูกและภรรยาในเวลาต่อมา 

ภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ในวันที่ 7 ตุลาคม 2565 ก็มีรายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเสด็จพระราชดำเนิน ไปยังหนองบัวลำภู เพื่อทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บและให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นการส่วนพระองค์ 

ทั้ง 2 พระองค์ ทรงทุกข์ใจ กับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพราะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็ก ๆ นั่นจึงทำให้ทรงประสงค์ไปเยี่ยมราษฎรทันที พร้อมทั้งรับผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

สำหรับลำดับเหตุการณ์โศกนาฏรรมครั้งนี้จะพบว่า คนร้ายเป็นตำรวจนอกราชการ อายุ 34 ปี ตำแหน่งสุดท้ายในทางราชการ คือ ผบ.หมู่ (งานป้องกันและปราบปราม) สภ.นาวัง ก่อนถูกจับกุมตัวพร้อมของกลางยาบ้า ทำให้ถูกไล่ออกจากราชการเมื่อ 17 มิ.ย. 2565

รถไฟฟ้าจีนแรงเกินต้าน สะเทือนบัลลังก์ ‘ญี่ปุ่น-ตะวันตก’

ค่ายรถยนต์จีนกำลังบุกตลาดโลกต่อเนื่อง หวังต่อกรกับแบรนด์ดังจากค่ายรถยนต์ยุโรป รวมถึงกระโดดเข้ามากวาดตลาดที่กำลังเติบโตอย่างในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบไม่หยุด

ในประเทศไทยเอง ก็เป็นหนึ่งในหมุดหมายของค่ายรถยนต์จีน และพร้อมเข้ามากระชากส่วนแบ่งออกจากอกค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ที่เดิมครองตำแหน่งเบอร์ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดถึง 80% มาช้านาน

โดยเมื่อเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดจีนค่ายดังอย่าง BYD ประกาศที่จะสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าสาขาต่างประเทศแห่งแรกของบริษัทที่ไทย โดยเลือกที่ทำเลที่จังหวัดระยองในการสร้างโรงงาน เพื่อผลิตรถยนต์ป้อนตลาดในอาเซียน

ด้าน Great Wall Motor ค่ายรถยนต์จากจีนอีกแห่ง ที่มาเปิดโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ในระยองเช่นกันก็เพิ่งบรรลุเป้าหมายผลิตรถยนต์คันที่ 1 หมื่นได้สำเร็จ ส่วน Hozon New Energy ค่ายรถยนต์จากเซี่ยงไฮ้ขอชิมลางด้วยการเปิดโชว์รูมแห่งแรกในไทยที่เซ็นทรัล พระราม 2

ไม่เพียงแต่ค่ายรถที่เข้ามาเปิดโชว์รูม หรือสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในไทยเท่านั้น!!

ในตลาดเมืองไทยเอง ก็ยังมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเข้ามาจำหน่ายด้วย โดยปัจจุบันมียอดเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พิจารณาจากตัวเลขล่าสุดพบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม - กันยายน 2565 ไทยนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนแล้วถึง 59,375 คัน ยอดเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 176% และทำให้ประเทศไทยขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ของตลาดส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน รองจากเบลเยียม และอังกฤษ

สาเหตุที่ตลาดรถยนต์ของไทยเป็นที่ดึงดูดใจของค่ายรถยนต์จากจีน สืบเนื่องจากที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และใหญ่เป็นอันดับ 10 ของโลกจนได้รับสมญาว่าเป็น ‘ดีทรอยต์แห่งเอเชีย’
โดยไทยเป็นชาติแรกในภูมิภาคนี้ที่รัฐบาลอนุมัติเงินสนับสนุนสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในวงเงินตั้งแต่ 15,000 - 180,000 บาท รวมกับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีแล้ว รวมมูลค่าสูงถึง 4.3 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมากขึ้นทดแทนรถยนต์น้ำมัน

งานประชุมระดับโลก ที่คนไทยภาคภูมิใจ

นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับโลกอย่าง APEC 2022 เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ต้องบอกเลยว่าช่วงที่มีการประชุม ประเทศไทยเราได้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่เป็นถึงผู้นำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน, เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส, จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีของแคนาดา, เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย และผู้นำของเขตเศรษฐกิจอื่น ๆ อีกหลายท่าน

โดยการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในครั้งนี้ ไทยได้กำหนดหัวข้อหลักการประชุมไว้ว่า Open. Connect. Balance. หรือ ‘เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล’ และมีเป้าหมายที่สำคัญ เรียกว่า ‘เป้าหมายกรุงเทพฯ Bangkok’s Goals’

โดยเป้าหมายกรุงเทพฯ คือ การต่อยอดจากโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG ของประเทศไทยที่วางอยู่บนแนวคิดสำคัญคือ ‘ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง’ และความต้องการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs 2030) ที่ประเทศไทยต้องการเชิญชวนให้ทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ร่วมกันสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีความรับผิดชอบ (Responsible Economies) 

ทั้งนี้ เป้าหมายกรุงทพฯ ต้องการให้ทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก มีเป้าหมายร่วมกันใน 4 มิติ ได้แก่
1. ร่วมกันสร้างระบบการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน (Sustainable Trade and Investment)
2. ร่วมกันบริหารจัดการทรัพยากรและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน
3. ร่วมกันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นเขตเศรษฐกิจผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
4. ร่วมกันบริหารจัดการของเสียและขยะอย่างยั่งยืน
และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้ง 4 นี้ ประเทศไทยเสนอให้ต้องมีการดำเนินการพร้อมกันใน 4 ด้าน ได้แก่
1. สร้างกรอบการกำกับดูแลทางนโยบาย และบังคับใช้กฎเกณฑ์ในรูปแบบที่ทำได้จริง
2. ร่วมกันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง
3. สร้างโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อไปสู่การบรรลุเป้าหมาย
4. ผลักดันให้เกิดเครือข่ายการทำงานร่วมกันในระดับโลก

จะเห็นได้ว่า เป้าหมายกรุงเทพฯ ที่ประเทศไทยต้องการผลักดัน คือ กลไกสำคัญที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกว่า 2 พันล้านคน ใน 21 เขตเศรษฐกิจ และต่อเนื่องถึงระดับโลก ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ผ่านความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีความรับผิดชอบที่สูงขึ้นของทุกภาคส่วน

รอดปม 8 ปี ‘ลุงตู่’ ได้ไปต่อ ศาลรธน. ชี้ขาด ‘ประยุทธ์’ นั่งนายกฯ เริ่มนับปี 60

ข่าวใหญ่ที่สุด ‘การเมืองไทย’ ในรอบปี 2565 คงต้องยกให้ข่าวที่ทุกคนเฝ้าติดตาม เรื่องระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ตามรัฐธรรมนูญใหม่ เริ่มนับตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่

ซึ่งกรณีดังกล่าว ทาง ส.ส. ฝ่ายค้าน ได้ยื่นคำร้องผ่านประธานสภาส่งถึงสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ตีความว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์สิ้นสุดลง เนื่องจากดำรงตำแหน่งครบกำหนดเวลา ตามมาตรา 170 วรรคสาม และมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ 2560 โดยฝ่ายค้านเห็นว่า พลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค. 2565 นับจากได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ ครั้งแรกเมื่อ 24 ส.ค. 2557 

ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นมติเอกฉันท์ รับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย พร้อมกับ มติเสียงข้างมาก 5:4 ให้ผู้ถูกร้อง (พลเอกประยุทธ์) หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 24 ส.ค. 2565 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอีกด้วย

‘บุพเพสันนิวาส 2’ หนังไทยน้ำดี ที่มัดใจ 'ไทย-เทศ' แบบอยู่หมัด

‘ออเจ้า’ เป็นคำพูดยอดฮิตติดปากคนไทยอยู่หลายเดือนหรือเผลอ ๆ อาจจะเป็นปีด้วยซ้ำ เนื่องจากในปี 2561 ละครโทรทัศน์อิงประวัติศาสตร์ไทยที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายของ ‘รอมแพง’ เรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’ ออกฉาย แสดงนำโดย โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ และ เบลล่า ราณี แคมเปน ที่พอออนแอร์ไปได้ไม่กี่ตอนก็ดึงดูดคอละครรวมไปถึงคนทุกเพศทุกวัยให้ติดกันงอมแงมทั่วบ้านทั่วเมือง 

ทั้งนี้ก็ต้องยกเครดิตให้กับทีมเขียนบท ผู้กำกับ รวมไปถึงนักแสดงและทีมงานทุกคน ที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพออกมาให้คนไทยได้รับชม พร้อมยังทำให้คนไทยสนใจประวัติศาสตร์ และหันมาสนใจสวมใส่ชุดไทยที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยรวมไปถึงใช้คำเรียกคู่สนทนาว่า ‘ออเจ้า’ ด้วย

แม้ละครเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’ ฉายจบ แต่กระแสไม่จบง่ายๆ หลายคนเรียกร้องให้ทำภาค 2 หรือถึงขั้นทำในรูปแบบภาพยนตร์เลยก็มี และคำเรียกร้องก็เป็นจริงดังที่หวัง เพราะในปี 2565 นี้ ภาพยนตร์เรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส 2’ ที่ร่วมทุนสร้างระหว่างค่าย GDH และบริษัทบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด กำกับการแสดงโดย ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม ก็ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ โดยมีนักแสดงนำคือ โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ รับบทเป็น ขุนสมบัติบดี, เบลล่า ราณี แคมเปน รับบทเป็นแม่หญิงเกสร และ ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต รับบทเป็นเมธัส

ส่วนเนื้อเรื่องก็สอดแทรกประวัติศาสตร์ไทยเช่นเดิม แต่เปลี่ยนช่วงเวลามาในยุคต้นรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้ยังใส่ความแฟนตาซี มุกตลก มุกหยอดหวาน ๆ น่ารัก ๆ เข้าไว้ให้คนดูได้อมยิ้มขณะดูด้วย

ถือว่ากระแสการรับชม ‘บุพเพสันนิวาส 2’ ดีมาก ๆ เลยทีเดียว เพราะเข้าฉายวันแรกก็กวาดรายได้ทั่วประเทศไปกว่า 51 ล้านบาท ผ่านไป 3 วัน รายได้ทะยานไปถึง 134 ล้านบาท และเมื่อผ่านไป 14 วันรายได้ก็พุ่งสูงถึง 304 ล้านบาทเลยทีเดียว

งานนี้ทั้งนักแสดงและทีมงานก็ปลาบปลื้มกันไปถ้วนหน้า โดยพระเอกของเรื่องอย่าง ‘โป๊ป - ธนวรรธน์’ ที่ก็ได้ออกมาขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนดีเช่นนี้ ดีใจมากที่ยอดเปิดตัววันแรกเกิน 50 ล้านบาทและประทับใจมาก ๆ ที่ได้เห็นครอบครัว ลูก หลาน พาพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย พี่ป้าน้าอา ออกมาดูหนังในโรงภาพยนตร์ด้วยกัน มันเป็นความสุขของครอบครัวที่ห่างหายกันไปนานมาก

ทางด้านนางเอกของเรื่องอย่าง ‘เบลล่า - ราณี’ ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยเช่นกัน โดยขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนผลงาน รู้สึกดีใจมากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ทุกคนยิ้ม หัวเราะ และมีความสุขได้ ยินดีจริง ๆ ที่ได้มอบความสุขให้กับทุกครอบครัว

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเสด็จสวรรคต

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ เสด็จสวรรคตอย่างสงบที่ปราสาทบัลมอรัลในสกอตแลนด์ เมื่อตอนบ่ายของวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565 พระชนม์พรรษา 96 ปี ทรงครองราชย์สมบัตินานที่สุดของราชวงศ์อังกฤษ

บีบีซีได้ประกาศข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ตามเวลาในประเทศไทยเมื่อ 1 นาฬิกา 18 นาที ในคำแถลงของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ที่ตรัสว่า...

“การสวรรคตของสมเด็จพระมารดาอันเป็นที่รักยิ่งของข้าพเจ้าเป็นเวลาที่เศร้าโศกที่สุดสำหรับข้าพเจ้าและพระราชวงศ์ทุกพระองค์ เราไว้อาลัยกับการจากไปของพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เทิดทูนและพระมารดาอันเป็นที่รักยิ่ง ข้าพเจ้ารู้ดีว่าการสวรรคตของพระองค์คงเป็นความรู้สึกของคนทั้งประเทศ ตลอดจนประเทศในเครือจักรภพและคนทั่วโลก”

ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 นั้น ได้มีรายงานข่าวของบีบีซีภาคภาษาอังกฤษออกมาตามเวลาในอังกฤษประมาณบ่าย 5 โมงเย็นของวันที่ 8 กันยายน โดยคำแถลงของสำนักพระราชวังบักกิงแฮมได้อ้างถึงความกังวลของคณะแพทย์ในพระพลานามัยของสมเด็จพระราชินี หลังจากการประเมินผลการตรวจในตอนเช้า จึงขอพระราชทานให้อยู่ภายใต้การดูแลของคณะแพทย์

อย่างไรก็ดี ในคำแถลงของสำนักพระราชวังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “The Queen is comfortable.” หรือสมเด็จพระราชินีทรงสบายดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top