Thursday, 3 July 2025
THE STATES TIMES TEAM

เขาว่า 'คนไทย' มีเงินใช้แบบ 'เดือนชนเดือน'

ใครว่า ก็ไม่รู้แหละ!!

แต่จากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง 'สถานการณ์ทางการเงินของคนไทย ในปี 2563' โดยกรุงเทพโพลล์ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ พบว่า...

กว่าครึ่งหนึ่งของไทยตอนนี้ ไม่มีเงินออม ต้องใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือน เหตุเพราะสินค้ามีราคาแพงขึ้น บวกภาระหนี้สินสะสม


ที่มา: กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ไต้หวันประท้วงเดือด! ปาไส้หมูเละเต็มสภา

กลายเป็นข่าวดัง เจือกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วโลก เมื่อสส. ฝ่ายค้านประท้วงเดือด ด้วยการสาดถังไส้หมูใส่นายกรัฐมนตรีไต้หวันขณะที่กำลังแถลงนโยบายอยู่กลางสภา

สาเหตุของการประท้วงด้วยวิธีชวนแหวะนี้ เกิดจากนโยบายใหม่ของประธานาธิบดี "ไช่ อิงเหวิน" ที่ต้องการผ่อนปรนมาตรการการนำเข้าเนื้อหมู และเนื้อวัวจากประเทศสหรัฐอเมริกา

จากที่เคยแบนการนำเข้าเพราะมีการใช้สารเร่งเนื้อแดงประเภท Ractopamine ในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ของสหรัฐ

ซึ่งการใช้สารเร่งเนื้อแดง Ractopamine นี้ถูกแบนจากจีน และยุโรปเช่นเดียวกัน แต่เป็นสารที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ได้ในสหรัฐ

และการที่ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน และพรรค DPP ที่เป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลเห็นชอบที่จะอนุญาตให้เปิดตลาดนำเข้าเนื้อหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงชนิดนี้จากสหรัฐอเมริกาได้ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของข้อแลกเปลี่ยนในการเจรจาข้อตกลงทวิภาคีด้านการค้าร่วมกันนั่นเอง

เมื่อฝ่ายรัฐบาลพยายามดันนโยบายนี้ให้ผ่านสภา ทีมพรรคฝ่ายค้านที่นำโดนพรรคก๊กมินตั๋งก็ตั้งใจที่จะมาประท้วง และเมื่อนายซู เจินชาง นายกรัฐมนตรีไต้หวันกำลังอ่านแถลงนโยบายเรื่องนี้ในสภา สส.ฝ่ายค้านคนหนึ่งก็คว้าถังใส่ไส้หมูเข้ามาสาดโครมใส่นายกรัฐมนตรี

แล้วหลังจากนั้นก็กลายเป็นความชุลมุนเมื่อสส.ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลก็กรูกันออกมาตะลุมบอน จิกต่อย ขว้างปา ไส้หมู เครื่องใน กันให้เละเทะ เหม็นคละคลุ้งไปทั้งสภา

ถึงแม้ว่าการชกต่อยกลางสภาไต้หวันจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรในประเทศนี้ แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นปาไส้หมูในสภามาก่อน ที่พรรคฝ่ายรัฐบาลก็ออกมาประณามว่า ช่างเป็นวิธีการที่น่าขยะแขยง คลื่นไส้แล้วยังเสียของ ที่เอาของกินมาขว้างปาอย่างไร้ค่า จนเหม็นไปทั้งสภา ต้องเสียเวลามากวาดล้าง ก่อนที่ต้องมาประชุมกันต่อในประเด็นถัดไป

ส่วนประชาชนชาวไต้หวันบางส่วนก็ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะอนุญาตให้นำเข้าเนื้อที่อาจปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐ ก็ออกมาเดินขบวนประท้วงกันเป็นจำนวนมากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ซึ่งทางพรรคฝ่ายค้านก็ออกมาร่วมโหนกระแส และวิจารณ์นโยบายเนื้อหมูของพรรค DPP ว่าเมื่อคราวที่เป็นฝ่ายค้านก็บอกว่าจะต่อต้านการนำเข้าเนื้อหมูที่ใช้สารเร่ง แต่เมื่อมาเป็นรัฐบาลก็กลับข้างมาเอาใจสหรัฐ โดยไม่คำนึงถึงผลข้างเคียงต่อประชาชน

แต่อย่างไรก็ตาม การประท้วงด้วยการปาไส้หมูกันเละเทะในสภาก็คลื่นไส้สุดจะทนจริง ๆ เอาเป็นว่าดูได้พอเป็นเยี่ยง แต่อย่าเอาอย่างจะดีกว่า


แหล่งข่าว

CBC

https://www.cbc.ca/news/world/taiwan-parliament-pork-brawl-1.5819250

CNN

https://edition.cnn.com/2020/11/28/asia/taiwan-pig-intestines-lawmakers-intl-hnk/index.html

The Guardian

https://www.theguardian.com/world/2020/nov/27/taiwan-politicians-throw-pig-guts-meat-row

เรื่องทรัพย์..ทรัพย์

อันคำว่าทรัพย์นั้น ถ้ามีมากก็สบายใจ แต่หากมีน้อยไป อันนี้ก็ต้องเอามือก่ายหน้าผาก ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นเขาพูดกันเรื่องทรัพย์กันอยู่มากมายนะคะ

วันนี้ The States Classroom เลยขออนุญาตนำความหมายของทรัพย์มาบอกเล่ากัน อ่านกันสบาย ๆ นะคะ ไว้เป็นความรู้ ไม่ต้องเอาไปดีเบตนะคะ อุ๊บส์!!

วิเคราะห์ 3 ประสาน ทีมต่างประเทศของ "โจ ไบเดน"

หากจะพูดถึงทีม 3 ประสานในงานต่างประเทศที่เคยได้ชื่อว่าเป็นแก๊งค์ 3 ช่าแห่งทำเนียบขาวในยุคของ 'โดนัลด์ ทรัมพ์' จะเป็นทีมไหนไปไม่ได้เลยนอกจากทีม ทรัมพ์ - ปอมเปโอ - โบลตัน อันประกอบด้วยตัวประธานาธิบดีเสี่ยใหญ่ 'โดนัลด์ ทรัมพ์' รัฐมนตรีต่างประเทศ 'ไมค์ ปอมเปโอ' และ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคง 'จอห์น โบลตัน' ที่รับส่งนโยบายด้านต่างประเทศ สอดประสานกัน สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกมุมโลก

หากทีม 3 ประสานของทรัมพ์ นับเป็นทีมรวมดาวดังสายเหยี่ยว สไตล์เกรี้ยวกราดท้าชน แต่เมื่อมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล 'โจ ไบเดน' ก็ได้วางทีม 3 ประสานของเขาไว้แล้ว ที่จะส่งผลต่อรูปแบบนโยบายการเมืองต่างประเทศของสหรัฐตามสไตล์การเล่นของประธานาธิบดีคนใหม่

โครงสร้าง 3 ประสานของโจ ไบเดน ได้วาง 'แอนโทนี บลินเคน' ไว้ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และวางตัว 'เจค ซัลลิแวน' เป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงประจำตัว ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นการรวมดาวของทีม ลับ ลวง พราง เบื้องหลังที่เคยทำงานร่วมกับไบเดนมานานเกือบ 20 ปี

                                                    แอนโทนี บลินเคน

.

ตามประวัติของ 'แอนโทนี บลินเคน' ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐ เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายยิว เกิดในนิวยอร์ค แต่ย้ายไปเรียนต่อที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส แล้วกลับมาเรียนต่อปริญญาตรีที่ฮาร์วาร์ด และด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศมาก และมีแนวคิดสนับสนุนการกลุ่มพันธมิตรแบบพหุภาคี และตลาดการค้าเสรี

ต่อมาบลินเคน ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในสภาฝ่ายความมั่นคงในปี 2002 และเป็นที่ที่เขาได้ทำงานเป็นผู้ช่วยของโจ ไบเดนเป็นครั้งแรก ซึ่งตอนนั้นไบเดนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสภาความมั่นคง จนเมื่อถึงสมัยของโอบาม่า โจ ไบเดน ได้ขึ้นเป็นรองประธานาธิบดี เขาดึงแอนโทนี บลินเคน มาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำตัว ก่อนที่จะดันขึ้นไปนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ให้กับฮิลลารี คลินตันในเวลาต่อมา

และคนที่มาแทนตำแหน่งที่ปรึกษาของไบเดน ต่อจากแอนโทนี บลินเคนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจค ซัลลิแวน นี่เอง

เจค ซัลลิแวน ก็เป็นหนึ่งในกุนซือฝ่ายต่างประเทศของพรรคเดโมแครตมาหลายปี เคยเป็นผู้ช่วยประจำตัวของฮิลลารี คลินตันมาก่อนที่จะมาทำงานคู่กับโจ ไบเดน ในฐานะที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ที่มีส่วนสำคัญในการวางแผนนโยบายต่างประเทศของสหรัฐในลิเบีย ซีเรีย และ พม่า

ดังนั้น ทั้งไบเดน - บลินเคน - ซัลลิแวน เคยทำงานในทีมเดียวกันมาก่อนในช่วงเวลา 8 ปีในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญของโลกหลายเหตุการณ์ ยกตัวอย่างเช่น ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ที่ถือเป็นหนึ่งในผลงานสร้างชื่อเสียงที่ส่งให้บารัค โอบาม่า ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปีค.ศ.2009

แต่นอกเหนือจากภารกิจด้านสันติภาพ นโยบายต่างประเทศด้านอื่น ๆ ก็เข้มข้นไม่แพ้กัน เช่นกระแสอาหรับสปริงในตะวันออกกลาง ที่สหรัฐมีส่วนสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในลิเบียเพื่อโค่นล้มประธานาธิบดี 'มูห์มา กัดดาฟี' คำสั่งปฏิบัติการเด็ดชีพ โอซามา บิน ลาเดน การสนับสนุนกลุ่มชาติพันธมิตรซาอุดิอารเบียใช้กำลังทหารแทรกแซงการเมืองในเยเมน การคว่ำบาตรรัสเซียเพื่อตอบโต้การผนวกดินแดนไครเมีย หรือแม้แต่การส่งทหารเข้าร่วมฝึกกองรบให้กับกลุ่มกบฏในซีเรีย

ถึงแม้ผลงานเหล่านี้จะมีภาพของบารัค โอบาม่า หรือ ฮิลลารี คลินตัน เป็นแถวหน้า แต่เบื้องหลังในการขัดเกลานโยบาย หรือแสดงความเห็นสนับสนุนที่ปรึกษาคนสนิทมีส่วนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ แอนโทนี บลินเคน คือหนึ่งในผู้สนับสนุนแผนการบุกอิรักของสหรัฐในปี 2003 หรือการเพิ่มกำลังทหารในอาฟกานิสถานอีกกว่า 16,000 นายในสมัยของโอบาม่า

ดังนั้นสิ่งที่คาดเดาได้จากทีม 3 ประสาน ไบเดน - บลินเคน - ซัลลิแวน ก็ยังคงไว้ลายสายเหยี่ยว ไม่ต่างจากทีมเก่าของทรัมพ์ เพียงแต่รูปแบบในการดำเนินนโยบายจะแตกต่างกัน

                                                  เจค ซัลลิแวน

.

โจ ไบเดน เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของทรัมพ์ว่า เป็นนโยบายที่ทำให้สหรัฐเจ็บตัวมากกว่าได้ เพราะทรัมพ์ใช้ทุกทรัพยากร และอิทธิพลที่มีของสหรัฐชนศัตรูซึ่งๆหน้า ด้วยนโยบาย American First เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา และการชนดะไม่ละเว้น ก็สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจในสหรัฐไม่น้อย ซึ่งไบเดนบอกว่าเขาจะไม่ทำอย่างนั้น

ดังนั้น 3 ประสานของไบเดน น่าจะเน้นนโยบายในการแทรกซึม ผ่านอำนาจขององค์กรระหว่างประเทศ หรือชาติพันธมิตรของสหรัฐอย่าง 'NATO EU' หรือ 'กลุ่มพันธมิตรซาอุดิอารเบีย' ในการเข้าร่วมกดดันประเทศที่สหรัฐถือว่าเป็นภัยคุกคาม อันได้แก่ จีน รัสเซีย อิหร่าน เป็นต้น

วิธีการใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงหรือสนับสนุนกลุ่มกบฏในประเทศคู่ขัดแย้งอาจถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง รวมถึงกลุ่มประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ยืนอยู่ขั้วตรงข้าม ก็จะทวีความเข้มข้นขึ้นเช่นเดียวกัน

และดูจากประวัติการทำงานร่วมกันมาอย่างโชกโชนของ 3 ประสานชุดนี้ นับว่าแข็งแกร่ง และมีเป้าหมายชัดเจนพอที่จะทำให้โจ ไบเดน ประกาศออกมาได้อย่างมั่นใจว่า America is back! เรากลับมาแล้ว ที่ทั่วโลกจะต้องปรับเกมรับการเจาะสนามของ 3 ประสานทีมนี้ไว้ให้ดี มิฉะนั้น อาจมีสิทธิ์แพ้คาบ้านได้ง่าย ๆ


แหล่งข่าว

BBC

https://www.bbc.com/news/election-us-2020-55048975

Politico

https://www.politico.eu/article/nine-things-to-think-about-antony-blinken/

Wikipedia

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Antony_Blinken#cite_note-28

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Jake_Sullivan

'Spot' ไม่อยากเลี้ยงสุนัขจริง เลี้ยงสุนัขหุ่นยนต์ก็ได้นะ

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เคยเลี้ยงแต่สุนัขที่เห่าโฮ่ง ๆ แต่ในยุค 2020 ถ้าคุณเกิดเบื่อสุนัขตัวเป็น ๆ สามารถมองหาสุนัขหุ่นยนต์มาเป็นเพื่อนรู้ใจได้นะ

นวัตกรรมชั้นเลิศนี้มีชื่อว่า 'Spot' มันเป็นหุ่นยนต์สุนัขที่ถูกพัฒนาจากบริษัทด้านออกแบบวิศวกรรมหุ่นยนต์ Boston Dynamics ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ว่าล่าสุดนี้ เจ้า Spot หมาหุ่นยนต์ได้ทำการวางจำหน่ายแล้ว

โดยรายละเอียดความสามารถของเจ้า Spot นั้น มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายเชียวล่ะ สามารถแบกของในน้ำหนักกว่า 14 กิโลกรัมได้ ทนทุกสภาพอากาศ อากาศติดลบกว่า -20 องศาเซลเซียส พี่ก็ทนได้ แถมยังไม่กลัวน้ำ ไม่กลัวฝุ่น ถ้ามีสิ่งกีดขวางมาอยู่รอบข้าง ก็สามารถหลบหลีกได้ เพราะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุครอบคลุมแบบ 360 องศา

ที่ผ่านมา เจ้า Spot มักถูกนำไปใช้งานทางการทหารซะเป็นส่วนมาก ประมาณว่าเป็นหน่วยหุ่นยนต์หมาลาดตระเวณ หรือเคยใช้เป็นวิทยุสื่อสารระหว่างหมอกับผู้เข้าจุดคัดกรองตรวจหาโควิด-19 รวมทั้งยังใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย 

แต่เร็ว ๆ นี้ ทาง Boston Dynamics ได้เตรียมการจะทำให้เจ้า Spot กลายเป็นสุนัขแสนรู้ประจำบ้าน คอยทำความสะอาดและรักษาความปลอดภัยให้กับบ้าน เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ ส่วนราคาเจ้า Spot ก็ไม่มากมายเท่าไรหรอก แค่ 74,5000 เหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 2.3 ล้านบาทเท่านั้นเอ๊งง! 

เอิ่มมม เลี้ยงสุนัขยุค 2020 ต้องมีเงินหลักล้านนะจ้ะ จะบอกห้ายยย!

 

 

‘คุณหญิงสุดารัตน์’ ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย


วันที่ 30 พ.ย. 2563 มีรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว โดยมีแกนนำ อาทิ นายโภคิน พลกุล, นายพงศกร อรรณนพพร ลาออกด้วยเช่นเดียวกัน

ที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ มีบทบาทสำคัญในฐานะอดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญช่วงหาเสียงเลือกตั้งให้พรรคในการเลือกตั้งที่ผ่านมา รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ก่อนที่พรรคจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใหม่ กระทั่งมีข่าวการลาออกของสมาชิกพรรคคนสำคัญในวันนี้

ผิดที่ ถูกเวลา

กรณีศึกษา​ โกยซีนการเมือง​ ผ่านเวที​ Cat Expo7

ต่อให้อุณหภูมิการเมืองบ้านเราจะร้อนแรงเหมือนแดดเผาแค่ไหน แต่คนไทยก็ใช่จะต้องกลัว​ เพราะวิธีดับเรื่องร้อน ๆ​ มันมีอยู่เยอะแยะ

เมื่อไม่กี่วันมานี้​ก็เพิ่งจะมีงานเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้นผ่ากลางสมรภูมิการเมืองแบบคู่ขนาน​ ในชื่องาน 'Cat Expo7'​ ที่จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 - วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่สวนสนุกวันเดอร์เวิลด์ (รามอินทรา กม.10) เพื่อที่ดับร้อนของคนที่อยากฉีกหนีจากโลกการเมืองสักพัก

แต่ไหงคนที่เข้าไปงาน​ Cat Expo7 ถึงแอบบ่นว่างานนี้โคตรร้อนกว่าเดิม แต่ร้อนที่ว่านี่คือ​ 'อารมณ์ร้อน'​

ก็จะไม่ให้ร้อนได้ไง!! งานก็ไม่ใช่งานฟรี​ คนอยากไปดูคอนเสิร์ตดีๆ​ เพื่อหนีการเมือง​ ก็ดั๊นนน... มาเจอดราม่าการเมืองบนเวทีดนตรีอีก​ เฮ้ย!! มันผิดที่

เรื่องมีอยู่ว่าช่วงเวลาของศิลปินวง​ T_047 ได้อัญเชิญแกนนำราษฎรขึ้นมาบนเวทีคอนเสิร์ตไม่ว่าจะเป็น รุ้ง, ไผ่ ดาวดิน, แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ พร้อมแกนนำคนอื่นๆ

ทั้งหมดได้มีส่วนร่วมร้องเพลงกับศิลปิน T_047 ซึ่งจริงๆ​ ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร​ และจบลงด้วยดีไร้ความรุนแรงใดๆ นอกจากการชูสามนิ้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคณะราษฎรทิ้งท้าย

แต่เรื่องที่น่าสนใจไม่ได้อยู่ที่การขึ้นมาร่วมร้องเพลงของแกนนำเหล่านี้ แต่มันอยู่ที่ความเหมาะสมของการกระทำที่เกิดขึ้น

เพราะถึงแม้แกนนำม็อบจะไม่ได้มาปราศรัยเต็มรูปแบบ​ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวที​ 'ฉกฉวย'​ ซีน​ ที่หวังว่าจะมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้คนที่กำลังเมามันกับสิ่งที่เรียกว่า​ 'ดนตรี'​ เคลิ้มตาม

แน่นอนว่าโดยภาพรวมของงาน​ ก็มีศิลปินหลายท่านที่แสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองในแบบของตนผ่านทางเสื้อผ้า คำพูด หรือวัตถุ แบบตรงและอ้อม

แต่นั่นก็ไม่ได้ไร้มารยาทดั่งเช่นศิลปิน T_047 ที่ชวนแกนนำม็อบขึ้นมาร่วมร้องเพลง

นี่ถือเป็นเรื่องของมารยาททางสังคม​ล้วน​ เพราะเชื่อว่าผู้กระทำย่อมรู้อยู่แล้วว่า “ผิดที่” ผิดเวลา​ แต่มันดัน “ถูกเวลา” เป๊ะ ๆ

ต่อให้ทั้งคอนเสิร์ตเป็นแฟนคลีบม็อบทั้งหมด​ ก็เชื่อเถอะว่า​ บางส่วนก็คงมิได้เห็นด้วย​ เพราะงานดนตรีควรเป็นที่ของทุกคนที่มีความชื่นชอบในเสียงเพลง และไม่ควรนำความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมาเป็นประเด็น​ โดยใช้พื้นที่งานในการแสดงออก แล้วทำให้ผิดไปจากจุดมุ่งหมายที่เจ้าของงานตั้งใจที่จะจัดเทศกาลดนตรีนี้ขึ้น

การแสดงออกทางการเมืองมีมากมายหลายวิธี และก็เถียงไม่ได้ว่า “ดนตรี” นี่แหละก็เป็นอีกทางที่ใช้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ แต่ความสร้างสรรค์นั้น ก็ควรต้องอยู่บนพื้นฐานของ “กาลเทศะ” ด้วย

แยกแยะเรื่องแค่นี้ยังไม่ได้​ แล้วในอนาคตใครจะกล้าให้มาแยกแยะงานใหญ่ยิ่งกว่า​ หากประเทศไทยต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ​ ล่ะ​

'ต้องไม่ระบาด!' "บิ๊กตู่" เน้นคุมเข้มชายแดนป้องกันโควิด19

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเน้นย้ำให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ คงความต่อเนื่องในการคุมเข้มการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างใกล้ชิด

โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตกจากประเทศเมียนมาที่สถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่สามารถจำกัดการควบคุม ให้เพิ่มความเข้มข้นงานข่าวเครือข่ายขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และเพิ่มความถี่การลาดตระเวนสกัดกั้นตามช่องทางธรรมชาติมากขึ้น

สำหรับพื้นที่ชั้นในให้ประสานการทำงานร่วมกับ กอ.รมน. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง แรงงานจังหวัดและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่

คุมเข้มการผ่านแดนและมาตรการทางสาธารณสุขควบคู่กับการทำลายเครือข่ายขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

ที่มาจากบุคคลลักลอบผ่านแดน ทั้งนี้ ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปเกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลังขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด

ปัญหา 'ช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงาน' แก้ได้

หลายคนเคยวาดฝัน ว่าเมื่อฉันเรียนจบไปแล้ว ฉันจะเดินเข้าสู่ที่ทำงานทันสมัย ใหม่ ๆ ดี ๆ เท่ ๆ คูล ๆ บลา ๆๆๆ ทว่าตัดกลับมาในฉากชีวิตจริง วันแรกของการทำงาน คือบริษัทเก่าซูเปอร์โบราณ แถมยังมีหัวหน้างานที่แทบจะยกมือไหว้เรียก...คุณพ่อ!!

เป็นธรรมดา ภาพฝันกับภาพความจริง มักไม่ค่อยแนบสนิทชิดเป็นภาพเดียวกันสักเท่าไร แถมหนำซ้ำ การมีหัวหน้าเป็นคุณพ่อ เอ้ย! การมีหัวหน้าอายุคราวคุณพ่อ ยังทำให้หลายคนต้องพกแผงยาพาราเซตตามอลไว้บนโต๊ะตลอดเวลา เพราะต้องกินแก้ปวดหัว จากปัญหาการสื่อสารด้วยภาษาที่ยากจะเข้าใจ หรือไม่ก็เป็นการสั่งงานที่เชื่องช้า ทุก ๆ งาน ทุก ๆ อย่าง มักต้องเริ่มจากนับหนึ่งเสมอ พอจะแนะนำอะไรไป ก็ทำหน้างงใส่ แถมพูดเสียงแข็ง 'นี่ผมเป็นหัวหน้าคุณนะ!'

เจอ 'ปัญหา' ที่เรียกว่า หัวหน้าแก่แบบนี้ หลายคนตั้งธงในใจ ได้งานใหม่เมื่อไร 'กรูไปแน่!!'

ใจเย็น ๆ ก่อนครับ ชะลออารมณ์เบื่อหน่าย แล้วมาตรึกตรองกันดูดี ๆ เสียก่อน 

เริ่มต้นที่คำว่า 'ปัญหา' มองกันให้ชัด ๆ ว่าปัญหาจริง ๆ คือ หัวหน้างานที่แก่ หรือว่าที่จริงแล้ว เป็นเราเองที่แก่? 

'แก่' ในที่นี้ หมายความว่า ใจเราเองหรือเปล่า ที่เหมือนคนแก่ ที่ไม่ยอมเปิดรับ ภาษาอังกฤษเรียก ไม่ 'Open Mind' คอยตั้งกำแพงกับสิ่งที่หัวหน้าบอกหรือพูดอยู่หรือไม่ ลองทุบกำแพง หรือแม้แต่แง้มประตูออกสักนิด ไม่ต้องเปิดมากก็ได้ เปิดพอให้ 'มุมมองที่แตกต่าง' ได้เข้ามาในสมองและความคิดของเราดูบ้าง 

บางทีอะไรที่มันเคยไม่ใช่ พอมองดี ๆ มันกลับกลายเป็นความลงตัวขึ้นมาก็เป็นได้ รถยนต์มีคันเร่งให้เหยียบไปได้เร็วปรู้ดปร้าด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเหยียบคันเร่งเร็วแบบนั้นเสมอไป ผ่อนลงมาบ้าง จะได้เห็นอะไร ๆ ที่แตกต่างตั้งมากมาย 

ยิ่งเมื่อเราผ่อนคลาย ช่องว่าง (Gab) ระหว่างเรากับหัวหน้า ที่เคยห่างไกลลิบ ๆ ก็จะค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น ไม่ต้องห่วงนะว่าจะดูเหมือนว่าเรายอมเขา เพราะหากว่าเขาเป็น 'หัวหน้างานที่ดี' เขาจะปรับท่าที และขยับเข้าหา เพื่อเรียนรู้กันและกันมากขึ้น

ปัญหาเรื่องอายุที่ห่างกัน หากมองในแง่ดี ยิ่งเราอายุห่างจากหัวหน้างานมากเท่าไร เราก็จะได้ 'ประสบการณ์' มากขึ้นเท่านั้น และจงเชื่อเถอะว่า ไม่มีประสบการณ์ไหนที่เก่า หรือเป็นประสบการณ์หมดอายุ ใช้งานไม่ได้ เพราะประสบการณ์คือตัวแปรของความรอบคอบ รอบคอบในการทำงาน รอบคอบในความคิด ในการตัดสินใจ แล้วที่สำคัญ ประสบการณ์ไปหาซื้อตามห้างสะดวกซื้อที่ไหนไม่ได้ ซึ่งบางที มันอยู่ที่ 'หัวหน้างาน' ของเรานี่ล่ะ

ไม่มีใครเริ่มต้นงานแล้วสามารถเป็นหัวหน้างานได้ทันที เมื่อก่อนคนที่เคยเป็นหัวหน้า ก็ต้องเคยเป็นลูกน้องมาก่อนทั้งนั้น เหมือนกับเราในตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกน้อง แต่วันหนึ่ง เราก็จะขึ้นไปเป็นหัวหน้าแทนบ้าง แล้ววันนั้น เราก็จะมีลูกน้องมองเราว่า 'แก่' เพียงแต่ถ้าเราเข้าใจในการหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านนี้ สุดท้าย..เราจะสามารถยิ้มให้กับเจ้าลูกน้องคนนั้นได้อย่างสบายใจ

เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ตื่นเช้าก่อนเข้าออฟฟิศ ซื้อขนมปัง ปาท่องโก๋ ไปฝากคนแก่ เอ้ย! ไปฝากหัวหน้าสักหน่อยแล้วกัน แล้วอะไร ๆ จะดีขึ้นแน่นวล...   

BTS & Airport Rail link จัดกิจกรรมดีๆ วันพ่อแห่งชาติ

บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติไทย และวันพ่อแห่งชาติ ในวันที่ 5 ธันวาคม นี้

โดยลูกๆ สามารถพาคุณพ่อมาโดยสารรถไฟฟ้า BTS ได้ฟรีตลอดสาย ทุกเส้นทาง รวมทั้งส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท และสายสีลม ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 24.00 น. รวมไปถึงรถโดยสารด่วนพิเศษ บีอาร์ที ซึ่งคุณพ่อและคุณลูกจะต้องขึ้น / ลงสถานีเดียวกันเท่านั้น สามารถติดต่อขอรับคูปองเดินทางฟรี ได้ที่ห้องจำหน่ายบัตร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ยกเว้นค่าโดยสารสำหรับเด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน 90 ซม. อีกด้วย

ด้านบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิ้งก์ ก็ได้จัดกิจกรรมพิเศษเนื่องในวันพ่อแห่งชาติเช่นเดียวกัน เปิดโอกาสให้คุณลูกพาคุณพ่อขึ้นรถไฟฟ้าฟรี! ไม่จำกัดเที่ยว ตลอดวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2563 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 24.00 น. เพียงคุณลูกพาคุณพ่อมาแสดงตัวที่ห้องจำหน่ายตั๋ว (คุณพ่อ และคุณลูกไม่จำเป็นต้องมีนามสกุลเดียวกัน) เพื่อขอรับคูปองเดินทางฟรีที่ห้องจำหน่ายตั๋วก่อนเดินทาง เพียงเท่านี้คุณพ่อก็สามารถเดินทางได้ฟรี

5 ธันวาคมนี้ พาคุณพ่อไปเที่ยวกัน!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top