Saturday, 5 July 2025
THE STATES TIMES TEAM

กบร่อนเปย์ 'กระต่ายและคริส' กำเงิน 2 พันตะลุยกิน 6 ร้านดังย่านโชคชัย 4 | กบร่อน EP.11

‘กบร่อน’ เปย์สองสาวพริตตี้ตัวแม่ ‘กระต่าย’ และ ‘คริส’ กินอาหาร 6 ร้านดัง ย่านโชคชัย 4 ในงบ 2 พันบาท งบเท่านี้จะพอเลี้ยงสองสาวไหมนะ ตามไปดูกันได้เลยย 

"กบร่อน" รายการที่ "กบ" จะพาคุณไป ร่อน ตามที่ต่าง ๆ พร้อม Guest สนุกๆ ให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น ในสไตล์กบร่อน

.

.

'ขนมจีน' เดิมเป็นอาหารของชาวมอญ

โดยขนมจีนในภาษามอญนั้น เรียกว่า 'คนอม' ส่วนคำว่า “จีน” นั้น ไม่มีใช้ในภาษามอญ มีแต่คำว่า 'จิน' ซึ่งแปลว่า 'สุก'

ว่ากันว่า ขณะที่คนมอญกำลังทำคนอมอยู่ ก็มีคนไทยเดินมา และร้องถามว่ากำลังทำอะไรอยู่

คนมอญก็ตอบเป็นภาษามอญว่า 'คนอมจินโก๊กเซมเจี๊ยะกัม' แปลว่า ขนมจีนสุกแล้ว เรียกคนไทยมากินด้วยกัน

และจากนั้นเป็นต้นมา คนไทยก็เรียกอาหารชนิดนี้ว่า 'คนอมจิน' และเพี้ยนมาเป็น 'ขนมจีน'

จากภาพเป็นการทำขนมจีนในช่วงปีพ.ศ. 2479 โดยชุมชนบ้านหาดเสี้ยว ศรีสัชณาลัย สุโขทัย มีการทำเส้นขนมจีนมายาวนาน เริ่มจากนำข้าวสารแช่น้ำ หมักข้าวไว้จนเปื่อยนำมาโม่ เก็บแป้ง นวดแป้ง ต้มแป้ง แล้วนำมาเริ่มการผลิตตัวเส้นขนมจีนเอาแป้งมานวดกับน้ำจนเหนียวข้น กดใส่พิมพ์กระบอกไม้เจาะรูลงน้ำร้อน ล้างเส้นขนมจีนผ่านน้ำสะอาด 2 - 3 น้ำ แล้วจับเส้นเป็นจับ

ทั้งนี้การผลิตเส้นขนมจีนในสมัยโบราณ มีขั้นตอนเยอะ และใช้เวลาอย่างน้อย 2 - 3 วัน ในการทำเส้นขนมจีน


ที่มา: https://www.facebook.com/groups/280946712327847/permalink/1159710627784780/

รพ.ศิริราช เผยความคืบหน้าอาการ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ล่าสุด สามารถลุกเดินเองได้ โดยไม่ต้องใช้วอล์คเกอร์ การหายใจ พูดจา ทานอาหาร เข้าสู่ภาวะปกติ สามารถตักอาหารทานเองได้ เตรียมตรวจภูมิคุ้มกันอีก 1 - 2 วัน

วันนี้ (1 มีนาคม 2564) ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงความคืบหน้าอาการป่วยของ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ผ่านระบบ Zoom โดยระบุว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งวันหยุดที่ผ่านมา ตอนนี้ผู้ว่าฯ ลุกเดินแล้ว โดยไม่ต้องใช้วอล์คเกอร์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ทำกายภาพเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยเฉพาะขา พบว่าเดินได้ดี ยิ่งเดินมาก ก็ยิ่งจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้เร็ว การพูดจาปกติ การทานอาหารเข้าสู่ภาวะปกติ มือตักอาหารทานข้าวได้เอง

“สำหรับการออกจากโรงพยาบาลกลับไปยัง จ.สมุทรสาคร จะปรึกษากันอีกครั้งว่า หากมีคนสามารถดูแลการเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อที่สมุทรสาครได้ ท่านก็พร้อมและสามารถกลับได้ แต่หากจะอยู่ที่นี่ให้นักกายภาพช่วยพัฒนาความแข็งแรงอีกระยะก็ทำได้ แต่ตอนนี้เข้าสู่ระยะฟื้นตัวปกติ หายใจอากาศปกติ โดยจะเจาะเลือดดูภูมิคุ้มกันอีก 1 - 2 วัน แต่แม้ภูมิจะขึ้น ก็ยังต้องใส่หน้ากากเว้นระยะห่าง”

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้เข้าสู่ระยะพักฟื้น เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ เพราะตอนนี้ผ่านพ้นระยะวิกฤติเรียบร้อยแล้ว หากกลับไปจะทำงานก็ทำได้ เพราะตอนนี้ทำงานที่บ้านได้ มือ แขน ทำงานได้ปกติ และตอนนี้เป็นจังหวะที่สมุทรสาครการติดเชื้อใหม่น้อยลง เป็นจังหวะดีที่อาจจะไม่ต้องทำงานหนักเกินไป

"ส่วนการรับวัคซีน ตอนนี้รอดูผลการตรวจภูมิคุ้มกัน หากตอนนี้ภูมิสูงมาก วัคซีนอาจจะไม่จำเป็นเพราะภูมิคุ้มกันสูง สามารถรอไปก่อนได้ เพราะตอนนี้ ทั่วโลกยังไม่รู้ว่าคนที่ติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันสูง ภูมิจะอยู่ได้กี่เดือน จากการวิจัย สำนักงานสาธารณสุขในอังกฤษ (Public Health England: PHE) ที่ผ่านมา พบว่าภูมิคุ้มกันอยู่ได้ 7 เดือน แต่ก็ยังตอบไม่ได้ว่า 8 - 9 เดือนหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร"

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/925060

เมืองพัทยา เดินหน้าพัฒนาสู่ Smart City อย่างสมบูรณ์แบบ ผุด LINE@PATTAYA CONNECT 'เชื่อมคุณภาพชีวิต สร้างพัทยาให้น่าอยู่' เสิร์ฟข้อมูล พร้อมอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวครบวงจร

เมื่อวันที่ 28 ก.พ.64 ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา จ.ชลบุรี นายบรรลือ กุลละวณิชย์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดตัว LINE@PATTAYA CONNECT ภายใต้แนวคิด เชื่อมคุณภาพชีวิต สร้างพัทยาให้น่าอยู่ ช่องทางการสื่อสารโซเชียลเน็ตเวิร์กโฉมใหม่ ให้บริการข้อมูลข่าวสารเมืองพัทยาอย่างครบวงจร

สำหรับ LINE@PATTAYA CONNECT เป็นไลน์แอด ที่ทางเมืองพัทยาได้นำเอาบริการที่หลากหลาย มาให้กับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองพัทยา โดยได้มีการรวบรวมฟังก์ชั่น 6 ฟังก์ชั่น อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ประกอบด้วย

1.) งานจราจรที่สามารถแจ้งผู้ใช้รถใช้ถนนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจัดงาน หรืองานก่อสร้างทาง การศึกษา ที่มีคลิปความรู้ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี เหมาะกับทุกกลุ่มอายุตั้งแต่แรกเกิด จนถึงวัยเกษียณ

2.) การนัดหมายโรงพยาบาลที่สามารถร่นระยะเวลาในการติดต่อรอพบแพทย์

3.) การร้องเรียนและร้องทุกข์ ทีประชาชนสามารถพิมพ์เรื่องร้องเรียนพร้อมถ่ายรูปและแชร์โลเกชั่นได้อย่างเรียลไทม์ ซึ่งจะทำให้เมืองพัทยาดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที

4.) การท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสามารถค้นหาที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว การเดินทางภายในเมืองและระหว่างเมือง

5.) รวมถึงผู้ประกอบการในเมืองพัทยาก็ยังสามารถใช้แอปเพื่อให้ทางเมืองพัทยาได้โปรโมตสินค้าและบริการได้

และ 6.) ฟังก์ชั่นสุดท้าย คือ ระบบข้อมูลราชการที่จะรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในการติดต่อราชการมาให้ผู้ที่ใช้งาน ได้อ่านกันง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก โดยทั้ง 6 ฟังก์ชั่นได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทุกกลุ่มและทุกสาขาอาชีพ เพื่อเป็นหนึ่งในการผลักดันให้เมืองพัทยาก้าวสู่ Smart City อย่างสมบูรณ์แบบ เปิดให้ทุกคนสามารถแอดเฟรนด์กันได้แล้วผ่านทางไลน์แอพพลิเคชั่น


ภาพ/ข่าว อนันต์ สุขวัฒนะ เอกชัย สุขวัฒนะ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี

ง้างดาบแต่ไม่ฟัน สหรัฐสั่งคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ระดับสูงซาอุฯ เซ่นคดี Khashoggi แต่ไม่กล้าแตะ 'มกุฎราชกุมารMbS'

ตัดบัวอย่างไรให้เหลือใย ต้องยกให้รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของโจ ไบเดน ซึ่งได้ตัดสินใจเดินหน้าสอบสวนคดีฆาตกรรม Jamal Khashoggi นักข่าวซาอุดิอาระเบีย ประจำสำนักพิมพ์ Washington Post ที่ถูกฆาตกรรมหั่นศพภายในสถานทูตซาอุดิอารเบีย ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2018 และกลายเป็นคดีฉาวสนั่นไปทั้งโลก

โดยบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงอย่างมาก ที่เชื่อว่าเป็นผู้ออกคำสั่งเก็บนักข่าวซาอุฯ คนนี้ก็คือ มกุฏราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ที่รู้จักในชื่อรหัส MbS และกลุ่มหน่วยลับที่อยู่ในสังกัดเจ้าชายเบอร์หนึ่งแห่งบัลลังก์ซาอุดิอาระเบีย

คดีค้างเติ่งมานานกว่า 3 ปี แม้แต่ศพสักชิ้นยังหาหลักฐานไม่ได้ แต่ทางซาอุดิอาระเบียได้จับกุมตัวผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อผู้ต้องหา และก็ได้ตัดสินปิดคดีไปอย่างเงียบๆเมื่อปีที่แล้ว

จนกระทั่งมาเมื่อวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐได้ยอมเปิดเผยรายงานของหน่วยข่าวกรองที่ชี้ว่ามีกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่อยู่วงในของ MbS หลายสิบคนเกี่ยวข้องกับแผนการฆาตกรรม Khashoggi อย่างโหดเหี้ยม และในจำนวนนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ในหน่วยลับเคลื่อนที่เร็ว ที่รับภารกิจเฉพาะกิจและรายงานตรงกับท่าน MbS เท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางสหรัฐจึงตัดสินใจคว่ำบาตรกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่ปรากฏหลักฐานตามรายงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐว่าเกี่ยวข้องกับคดีของ Khashoggi กว่า 76 คน โดยการขึ้นบัญชีดำ เป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา ยึดบัญชีและทรัพย์สินที่ได้ลงทุน หรือฝากไว้ในสหรัฐ และยังตรวจสอบธุรกรรมการเงินว่าเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่

แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐวางแผนที่จะผ่านร่างกฎหมายใหม่ที่เรียกกว่า Khashoggi Act ที่มอบอำนาจให้รัฐบาลสหรัฐสามารถสั่งแบน หรือเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศต่อบุคคลใดก็ตามที่มีพฤติกรรมข่มขู่ คุกคาม และใช้ความรุนแรงกับสื่อมวลชน หรือนักเคลื่อนไหว และครอบครัว ที่สหรัฐเห็นว่าขัดหลักสิทธิเสรีภาพ ไม่ให้เข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้

ซึ่งกฎหมายใหม่นี้ก็ได้ถูกนำมาใช้กับเจ้าหน้าที่รัฐ และหน่วยสายลับพิเศษประจำตัวของท่าน MbS ที่โดนขึ้นบัญชีดำนั่นเอง

แต่พอนักข่าวได้ถามนายบลินเคนว่า ถ้าลูกน้อง บริวารใกล้ชิดของท่าน MbS โดนรัฐบาลสหรัฐคว่ำบาตร ยึดทรัพย์สินไปแล้ว จะเหลือยานพ่อไว้ทำไมหล่ะท่าน ?

เมื่อเจอนักข่าวจี้ถามว่าเช่นนี้ แอนโทนี บลินเคน กลับบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามว่ารัฐบาลสหรัฐจะคว่ำบาตร MbS ด้วยเลยหรือไม่

แต่นายบลินเคน ได้ตอบนักข่าวว่า เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน และท่านประธานาธิบดีไบเดน ก็พยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์ไม่ให้แตกร้าว

อันเนื่องจากซาอุดิอาระเบียเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับอเมริกามาแสนนาน แม้ที่ซาอุฯ จะหาสระบัวไม่ค่อยได้ แต่ยังไงทางเราก็ต้องรู้จักถนอมน้ำใจกันแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น

แต่คำพูดประโยคถัดมาของท่านรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ เชื้อสายยิวของสหรัฐต่างหากที่ต้องย้ำเส้นใต้หนักๆก็คือ ถึงจะอย่างไรก็ตาม ทางไบเดนต้องการให้มีการ "ปรับจูน" แนวทางกันใหม่ ให้เข้ากับสิ่งที่เราต้องการ และค่านิยมตามแบบของฝ่ายเรา (อเมริกัน)

ดังนั้นหากโจ ไบเดน เปิดหน้าไพ่ออกมาแล้วว่า มีหลักฐานที่พร้อมเปิดเผยในคดีฆาตกรรม Khashoggi และสามารถระบุตัวคนวงในของ MbS ได้ถึง 76 คน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่สหรัฐจะไม่รู้ทะลุถึงผู้ออกคำสั่งตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด

จะหักก้านบัวจนถึงรากก็ทำได้ แต่เด็ดบัวให้เหลือใยไว้น่าจะดีกว่า หากเส้นใยนั้นอาจเป็นราคาแสนแพงที่ซาอุดิอาระเบียที่ต้องยอมจ่าย ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดก็ตาม


ที่มา : https://web.facebook.com/HunsaraByJeansAroonrat/photos/a.104144281210799/253296609628898/

แหล่งข้อมูล

https://www.channelnewsasia.com/.../us-slaps-sanctions-on...

https://www.france24.com/.../20210227-us-will-not...

https://www.dailysabah.com/.../khashoggi-murder-us-slaps...

https://uk.news.yahoo.com/us-not-sanction-saudi-prince...

'ตัดหนี้​ -​ ต่ออนาคต'​ 'ตารางชีวิต'​ เรื่องใหญ่ที่ต้องเริ่มคิดในยุคโควิด

รู้สึกอับจนหนทางในช่วงวิกฤติโควิด-19 ไหม?

ถ้าใครไม่เคย​ อาจเฉย​ๆ!!

แต่คนที่กำลังประสบอยู่​ นี่มันอาจเป็นอีกช่วงเลวร้ายของชีวิต

คนไม่น้อยต้องตกงาน หางานใหม่ก็ยาก แถมยังมีภาระข้างหลังตามมาอีกเพียบ ไหนจะหนี้บ้าน หนี้รถ และอีกสารพัดหนี้​ เรียกว่างานไม่มี เงินไม่มา​ รอเวลาพาหมดตัว​ เครียดวุ้ย!!

…แล้ววิธีแก้ความอับจนต่อปัญหาแบบไหนที่เหมาะสุดในตอนนี้?

ถ้าคุณเป็นคนที่เข้าใจเรื่องการเงิน หรือโชคดีได้เรียนรู้เรื่องการเงินในระดับหนึ่งจะรับรู้ได้เลยว่าวิกฤติโควิด-19 มันรุนแรงกว่าวิกฤติปี 40 อย่างมาก เพราะมันเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติ หรือวิกฤติสุขภาพที่ไปทับซ้อนกับวิกฤติของการเงิน

ความยากของมันเป็นเรื่องของ ‘ความไม่ชัดเจน’ อย่างปี 40 เรารู้ว่าธุรกิจใหญ่ๆ ล้ม เศรษฐีลำบาก แต่คนทั่วไปยังออกไปทำมาหากินได้

กลับกันตอนนี้ โควิด-19 มันทำให้คนกลาง-ล่างขยับตัวยาก​ หลายคนต้องหยุดทุกเรื่อง เศรษฐกิจของฐานนี้ชะงัก​ โดยที่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงเมื่อไรด้วย!!

เมื่อมันไม่มีความชัดเจนอะไรเลย 'ทางรอด'​ ของคนทั่วไปแบบหาเช้ากินค่ำ​ มันเลยแคบลง​ แคบลง​ และแคบลง

แต่เอาจริงๆ​ ทุกปัญหาล้วนมีไว้ให้แก้​ อยู่ที่มองออกว่าควรแก้ด้วยวิธีหรือเหตุผลใดแค่นั้น??

ผมเคยคุยกับพี่หนุ่ม ‘จักรพงษ์ เมษพันธุ์’ แห่ง The Money Coach ซึ่งพี่เขาเป็นโค้ชการเงินสายอินดี้ที่เอาหลักชีวิตมาแชร์​ และในช่วงโควิด-19 ระบาดแรงๆ​ พี่เขาก็แนะนำทางรอดในช่วงวิกฤติไว้ได้น่าสนใจมาก

เขาบอกให้คนที่กำลังลำบาก​ เงินหดหาย​ หนี้กระจาย​ ลอง​ 'กางตารางชีวิต'​ ออกมาก่อน และเริ่มต้นที่วางแผนจัดการเงินของตัวเองใหม่​ สัก 6​ เดือนต่อจากนี้​ (จะมากกว่านี้ก็ยิ่งดี)​

เฮ้ย!! ฟังดูแปลก​ๆ​ ทำไมไม่สอนวิธีให้หาเงินเพิ่มหว่า??

ที่เป็นแบบนั้น​ เพราะคนที่เจอวิกฤติ​ มักจะคิดไม่ออกว่า​ จะหาเงินเพิ่มยังไง​ มันจะมืดแปดด้าน​ แล้วยิ่งสถานการณ์แบบนี้ด้วยยิ่งโคตรยากเข้าไปใหญ่

ฉะนั้นต้องดึงสติให้กลับมามอง​ 'ความจริง'​ แทนว่า​ ในวันที่เงินเริ่มร่อยหรอ​ เราต้องใช้ชีวิตต่อแบบไหนในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้…เราต้องมีค่าใช้จ่ายจำเป็นในแต่ละวันยังไงบ้างจากเงินที่เหลืออยู่​ อันนี้แหละโคตรสำคัญ!!

ยกตัวอย่าง หากเรามีค่ากินอยู่ที่วันละ 200 บาท เดือนนึงก็ต้องเก็บไว้เฉพาะค่ากิน 6,000 บาท ทำแบบนี้ไปยาวๆ​ ใน​ 6​ เดือนข้างหน้า

โดยส่วนตัวแล้ว​ พี่หนุ่มอยากให้เน้นที่ค่ากินอยู่ไว้ก่อน เพราะประสบการณ์ปี 40 บอกเขาว่า ถ้าท้องมันว่าง มันจะทำอะไรต่อไม่ได้ (เรื่องนี้จริง)​

ทีนี้ก็อาจจะมีบางคนมองว่า 'ค่ากินอยู่'​ มันพอจัดการไหว​ แต่ถ้ามีหนี้ติดตัว จะทำยังไง?

สั้นๆ​ เลยครับ​ 'ตัด'​ มันไปเลย!!

สถานการณ์แบบนี้​ สิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิต ต้องตัดออกให้หมด​ เช่น ถ้ามีรถต้องผ่อน​ ขายได้ขาย​ เพราะมันคือภาระ!! กลับมาใช้วิธีเดินทางสาธารณะบ้าง​ อย่าได้อาย!!

ถ้าบ้านของคุณพอจะมีมูลค่า​มหาศาลระดับหนึ่ง การแปลงสินทรัพย์เป็นทุนเก็บไว้ในมือตอนนี้​ ทำมันซะ!! แล้วหาที่อยู่ใหม่ที่อาจจะไม่ดูดีเหมือนเก่า​ แต่เราอยู่กันได้​ ก็ลองซะหน่อย!!

ส่วนบางคนอยู่บ้านเช่า​ นาทีนี้ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ก็ไปยกมือไหว้เจ้าของบ้าน แล้วบอกไปตรงๆ เลยว่าเดือนนี้ไม่มีจริงๆ

ถ้าติดหนี้บ้าน หนี้รถ ก็เดินตรงเข้าไปสาขาธนาคารแล้วบอกว่า​ ขอให้ช่วยผ่อนผันหน่อย จะหยุดส่งต้น ส่งดอก กี่เดือนก็ว่าไป หรือจะลดวงเงินผ่อน ลดดอกเบี้ยก็เจรจาเลย

นาทีนี้ทำได้ เชื่อสิ!! แต่ถ้าไม่พูด ก็ต้องทำตามระเบียบ และถ้าทำไม่ได้ แบบนี้แหละจะเสียเครดิต

ถ้าเป็นการออมเงินฝากที่ส่งอยู่ประจำ หรือ ซื้อหุ้นไว้เดือนละเท่าไร ตอนนี้ตัดได้ตัดก่อน เพราะเชื่อเถอะว่าโอกาสเดือดร้อนในอนาคตข้างหน้ามีสูง​ เอาเงินมาใช้เพื่อวันนี้ก่อน

หรืออย่างประกันเนี่ยะ คลาสสิคเลย เพราะบางคนกลัวขาดประกัน แต่จริงๆ แล้วตอนนี้หลายๆ บริษัทเขาให้เราไปเจรจาเพื่อผ่อนปรนได้หมด เช่น ถ้าใครถึงงวดที่จะต้องจ่ายแล้วไม่มีเงินจ่าย ก็ไปบอกเขา เขาให้เลื่อนไป 120 วันหรือ 90 วัน โดยความคุ้มครองยังเหมือนเดิม

ทั้งหมดทั้งมวล มันคือการ​ 'ตัด​เพื่อต่ออนาคต'​ ที่โฟกัสกลับมาสู่ปัจจัยพื้นฐานของการมีชีวิต อันนี้สำคัญจริงๆ​ นะ

แต่ก็อย่างที่บอก​ การที่เราจะรู้ว่าควรทำอะไรกับชีวิตต่อจากนี้​ได้นั้น​ มันต้องกางตารางชีวิตออกมาก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าอนาคตต่อจากนี้​ ต้องใช้เงินหรือหาเงินไว้เท่าไร ซึ่งมันอาจจะดึงมาจากเงินเดือน เงินเก็บ เงินจากการขายสินทรัพย์​ หรือคนที่ตกงาน ก็ดึงจากเงินค่าชดเชยตกงานของบริษัท เงินชดเชยจากประกันสังคม หรือเงินเยียวยาจากภาครัฐก็ได้ทั้งนั้น

นาทีนี้ ใครที่กำลัง ‘อับจนหนทาง’ ต้องหายใจลึกๆ มีสติเข้าไว้ แล้วไปหาสมุดหรือกระดาษมากาง จากนั้นมาลองไล่จดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าติดฝาบ้านไว้เลย อย่าใช้สมองจำ เพราะสมองคนเราในยามเจอวิกฤติชีวิต มันจะจำไม่ได้ทุกเรื่อง

ใครจะเชื่อหรือไม่ อันนี้ก็ตามแต่วิจารณญาณ แต่ส่วนตัวผมอยากให้ลองทำ เพราะต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าภาวะโรคระบาดเนี่ยถ้าเทียบความรุนแรง ก็เป็นรองเพียงแค่สงครามเท่านั้นเองนะขอรับ…

และนั่นก็จะทำให้เราไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติแบบเก่าก่อนอีกนานพอดู...


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top