Tuesday, 22 April 2025
ไตรรงค์ผิวพรรณ

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' เตือนภัยทองปลอมระบาดช่วงตรุษจีน ห่วง!! ผู้ที่คิดจะซื้อ ต้องเลือกร้านที่มีชื่อเสียงการันตีเท่านั้น

(7 ก.พ. 67) ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐก. เข้าร่วมตรวจสอบ หลังได้รับรายงานจากกลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ ที่ทำหน้าที่ตรวจพิสูจน์วัถตุของกลางปลอมปนว่า ช่วงที่ผ่านมาได้มีการนำของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดและได้ร้องทุกข์ไว้ที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ นำทองรูปพรรณ-ทองคำแท่งมาตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์กลางและที่หน่วยตรวจพิสูจน์หลักฐานทั่วประเทศ

โดยตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา มีจำนวน 12 คดี และหากตรวจสอบสถิติย้อนหลัง 3 ปี (พ.ศ. 2564-2566) พบว่าทั่วประเทศมีการตรวจพิสูจน์ทองคำ 2,271 คดี โดยประมาณ 2,000 คดีจะมีประเด็นปัญหาเรื่องเปอร์เซ็นและส่วนผสมการเจือปนของทองคำ โดยปี 2564 มี 122 คดี ปี 2565 มี 200 คดี และปี 2566 มีจำนวนถึง 1,633 คดี ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 35 ล้านบาท สำหรับการตรวจสอบสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) จะนำทองมาตรวจสอบโดยใช้เครื่องเอกซเรย์ X-ray Fluorescence (XRF) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทันสมัย มีความแม่นยำสูง เป็นเครื่องมือที่เป็นมาตรฐานสากล 

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่าก็ขอเตือนภัยในช่วงตรุษจีนที่จะมาถึงว่าขณะนี้มูลค่าทองคำบาทละ 34,000 บาท การไปซื้อทองคำ หรือร้านทองที่รับซื้อทองหรือโรงรับจำนำก็ดีขอให้ตรวจสอบ ถ้าจะซื้อทองก็ต้องซื้อร้านที่มีชื่อเสียงมีการการันตี เนื่องจากมีการใช้ผงโลหะทังสเตนที่มีน้ำหนักใกล้เคียงทองคำไปผสมในทองคำหรือยัดไส้ไว้ในทองคำ โดยนิยมทำเป็นลักษณะทองรูปพรรณเก่าเก็บทำให้ไม่สามารถแยกได้ด้วยตาเปล่า เพราะการตรวจสอบทั่วไปรวมถึงห้องปฏิบัติการตรวจสอบขนาดเล็กที่มีเครื่องมือไม่เพียงพอ ยากต่อการตรวจสอบส่วนผสมดังกล่าว 

พล.ต.ท ไตรรงค์ ผิวพรรณ พูดถึง ‘ผู้กองอุ้ม’

“ผมได้ฟังน้องพนักงานสอบสวน ‘ผู้กองอุ้ม’ พูดถึงปัญหาของพนักงานสอบสวนแล้ว ผมเข้าใจเลย น้องไม่ต้องกังวลนะครับ ว่าสิ่งที่น้องพูดจะเป็นปัญหากับความเจริญก้าวหน้าของการรับราชการ เพราะน้องนำเสนอความจริงที่เป็นปัญหามาอย่างยาวนานในวงการตำรวจเรา และกิริยาท่าทางตลอดจนเนื้อหาที่น้องพูด มีความสุภาพอ่อนน้อม สมกับเป็น ผู้กองหญิง ที่มีวุฒิภาวะ เป็นที่พึ่งของประชาชน สะท้อนปัญหาให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ ยิ่งทราบว่าน้องเคยได้รับรางวัลตำรวจต้นแบบมาแล้ว ผมเชื่อว่าน้องอุ้ม จะต้องเติบโตและจะมีส่วนในการพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป

ปัญหาพนักงานสอบสวนขาดแคลนนั้น นอกจากการที่ต้องปรับอัตรากำลังพล ให้เหมาะสมกับปริมาณงานแล้ว ปัญหาพนักงานสอบสวนหนีไปช่วยราชการหรือไม่ยอมรับคดี โดยอ้างว่าไม่ได้ทำสำนวนมานานแล้ว (ในกรณีถูกแต่งตั้งกลับมาในสายงานสอบสวน) โดยการทำให้พนักงานสอบสวนกลุ่มนี้ กลับมารับคดี ทำสำนวนการสอบสวน จะเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนได้เร็วที่สุด ซึ่งตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว พนักงานสอบสวนทุกคน จะต้องรับคดี มีสำนวนการสอบสวนในความรับผิดชอบ จึงจะสามารถเบิกเงินประจำตำแหน่ง และรับรองผลการปฏิบัติงานการสอบสวนประจำปีได้ (เพื่อใช้ในการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งสูงขึ้น ในสถานีตำรวจหรือหน่วยงานที่มีอำนาจสอบสวน)

ในเรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาในระดับ กองบัญชาการ และกองบังคับการ ที่กำกับดูแลสถานีตำรวจ จะต้องจริงจังกับคำสั่งดังกล่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงที่ผมเคยดำรงตำแหน่ง รอง ผบช.น. (สอบสวน) ได้พยายามดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว สามารถพาน้องๆ พนักงานสอบสวนกลับบ้าน (มารับคดี ทำสำนวน) กว่า 80 คน โดยเฉพาะของ บก.น.4 พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู รอง ผบก.น.4 ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น พาน้อง ๆ กลับมาได้ถึง 30 คน

สำหรับกลุ่มที่ทำสำนวนการสอบสวนไม่คล่องแล้ว เนื่องจากทิ้งมานาน หัวหน้างานฯ/หัวหน้าสถานี จะต้องจัดพี่เลี้ยงให้ เข้าเวรคู่กัน และให้ช่วยฝึกทำสำนวน โดยให้เริ่มทำสำนวนคดีที่ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน เช่น คดีศาลแขวงฯ คดีไม่รู้ตัว คดีเสพฯ หรือครอบครองยาเสพติด เป็นต้น โดยไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง รอง ผกก. (สอบสวน) หรือ สว. (สอบสวน) ก็ตาม ต้องมีสำนวนในความรับผิดชอบ แต่ผู้บังคับบัญชา ก็ต้องให้ความเห็นใจ/ใส่ใจ/ให้โอกาส กลุ่มนี้ด้วยนะครับ อย่าคิดว่าเขาไม่อยากทำงาน

และอีกหนึ่งประเด็น ในปัจจุบันคดีความต่างๆ มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถทำการสอบสวนได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ท่าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้ทราบปัญหา ซึ่งอยู่ในระหว่างการแก้ไข คำสั่งต่าง ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

สำหรับแนวคิดในเรื่องการเจริญเติบโตในสายงานสอบสวน ถ้ามีโอกาสจะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันต่อไปครับ”

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ
10 ก.พ. 2567

'พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ' แจ้งเตือนประชาชน หลังมีมิจฉาชีพปลอมเฟซบุ๊กชื่อตนมาใช้หลอกลวง

(12 ก.พ. 67) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยกรณีมีผู้แอบอ้างชื่อของตนไปตั้งบัญชีทางโซเชียลมีเดีย ว่า...

"แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ครับ ขณะนี้มิจฉาชีพ ได้ปลอมเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อกระผม พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณขึ้นมา และนำไปหลอกลวงประชาชนทั่วไป ขอเรียนให้พ่อแม่พี่น้องทราบครับว่า ผมไม่มีเฟซบุ๊ก และไม่เคยใช้ หากจะติดต่อผม สามารถติดต่อผมได้ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้นครับ"

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' นำทีม 'พฐ.' ไขปมชาวไต้หวันถูกยิง-ทิ้งศพย่านสุวรรณภูมิ มั่นใจ!! 'ข้อมูลวัตถุพยาน-สถานที่เกิดเหตุ' พาโยงถึงผู้ก่อเหตุได้

'พิสูจน์หลักฐาน' (พฐ.) อาวุธนำวิถีของพนักงานสอบสวน!!

ตามสั่งการของ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.(สส) ให้เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนและการตรวจพิสูจน์หลักฐาน กรณีมีผู้พบศพที่เพิงพักไม่มีเลขที่ ท้าย ถ.สุวรรณภูมิสาย 4 ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ท้องที่ สภ.สุวรรณภูมิ ภ.จว.สมุทรปราการ ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นนาย ชิ โหมว เชียง (Mr. SHIH MOU CHIANG) ชายชาวไต้หวันถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่ย่านลาดปลาเค้า ท้องที่ สน.โคกคราม และนำศพไปทิ้งที่ ถ.สุวรรณภูมิสาย 4 ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.67 เวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานหลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) ได้เดินทางไปที่พิสูจน์หลักฐาน จ.สมุทรปราการ เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ และสรุปผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุและตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในคดี รวมถึงการวางแผนบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างพิสูจน์หลักฐานและงานสืบสวนสอบสวน 

โดยพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ตร.กล่าวว่า “ในคดีนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทั้งในส่วนของพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสมุทรปราการ และกลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 รวมถึงกลุ่มงานสถานที่เกิดเหตุ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้บูรณาการร่วมกันในการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การตรวจเก็บวัตถุพยานรวมถึงการตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ซึ่งในในการเดินทางมาประชุมสรุปในวันนี้ในส่วนของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก สามารถส่งข้อมูลให้กับทีมสืบสวนสอบสวนไปดำเนินการต่อได้ ในส่วนที่เหลือคือ การตรวจสอบวัตถุพยานซึ่งต้องใช้เทคนิคในห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันลักษณะการกระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอีกครั้งหนึ่ง” 

หลังจากนั้นเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ตร.พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศุภชัยไตรสมบูรณ์ นวท.(สบ 5) ศพฐ.1, พ.ต.อ.พรณรงค์ เจริญวัฒนวิญญู นวท.(สบ 4) พฐ.จว. สมุทรปราการ, พ.ต.อ.หญิงศิริประภา รัตตัญญู นวท.(สบ 4) กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ พฐก.และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ, พ.ต.ท.คเชนทร์ บุญทวี รอง ผกก.สส.สภ.โคกคราม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบและตรวจสถานที่เกิดเหตุเพิ่มเติมที่บ้านเช่าของผู้เสียชีวิต และที่บ้านเช่าหลังที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านหรูย่านลาดปลาเค้า ท้องที่ สน.โคกคราม 

โดยเบื้องต้นตรวจพบพยานหลักฐานสำคัญเป็นปลอกกระสุนปืนจำนวน 2 ปลอก ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะได้นำไปตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลอาวุธปืน (ABIS และ IBIS) เพื่อพิสูจน์ทราบว่าใช้ยิงมาจากอาวุธปืนประเภท ชนิด ขนาดใด รวมทั้งเพื่อตรวจพิสูจน์ว่ากระสุนปืนดังกล่าวใช้ยิงมาจากอาวุธปืนที่เคยมีประวัติการก่อเหตุมาก่อนหรือไม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการขยายผลสืบสวนสอบสวนต่อไป

“ในคดีนี้มีสถานที่ที่เกี่ยวข้องหลายแห่งรวมทั้งพยานหลักฐานมีจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงต้องใช้ความรอบคอบและทำงานให้รวดเร็วภายใต้มาตรฐานระบบงานทั้งในส่วนของมาตรฐานการตรวจสถานที่เกิดเหตุและมาตรฐานการตรวจพิสูจน์วัตถุพยานในห้อง แล็ป ซึ่งในส่วนนี้ก็จะสามารถเป็นที่มั่นใจได้ว่าวัตถุพยานหลักฐานที่ทำการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดนั้นสามารถยืนยันและเชื่อมโยงกันได้ทั้งในส่วนของผู้เสียชีวิต ผู้ก่อเหตุ และสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งที่อื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุโดยพิสูจน์หลักฐานจะได้ประสานกับทีมสืบสวนสอบสวนในการนำผลการตรวจพิสูจน์ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการสืบสวนสอบสวนและการดำเนินคดีในภายหลังเมื่อสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้” พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช. สพฐ.ตร.กล่าว

 

'มูลนิธิพระราหู' มอบเงินช่วยเหลือครอบครัว 'ด.ต.ปิยะนันท์' หลังประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วงสงกรานต์

เมื่อวันที่ 5 พ.ค.67 ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ในนามมูลนิธิพระราหู  มอบหมายให้ พ.ต.ต.เตชิต เขื่อนหมั่น เป็นผู้แทนนำเงินสมทบทุนช่วยเหลือมอบให้ ครอบครัว ด.ต.ปิยะนันท์ สีเสื้อ (ผบ.หมู่) สทล.3 กก.1 บก.ทล. ประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่ ภาระกิจจัดการจราจร (เปิดช่องทางเดินรถพิเศษขาเข้า กทม.) บริเวณแยกดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เมื่อ วันที่ 16 เม.ย.67 ช่วงเทศกาลสงกานต์ และได้เสียชีวิต ในเวลาต่อมา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
 

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' ยืนยัน!! ผลพิสูจน์กาแฟผสม ‘สารพิษ’ จริง ส่วน 'กระติก' กลุ่ม 6 คนตาย พกมาเอง ไม่ใช่ของโรงแรม

(17 ก.ค. 67) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.สพฐ.ตร.) ระบุว่า จากการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุห้องที่ชาวเวียดนามและอเมริกันเสียชีวิต 6 คน ในห้องโรงแรมดังไปตรวจเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ซึ่งเป็นกระติกเก็บความร้อนที่เป็นอะลูมิเนียม ไม่ใช่ของโรงแรม กลุ่มผู้ตายพกมาเอง ภายในมีของเหลวสีดำคือ อเมริกาโน และมีแก้วกาแฟที่ดื่มแล้วทั้งหมด 6 แก้ว รวมถึงอาหารบนโต๊ะที่สั่งจากโรงแรมเพื่อรับประทานอีก 3-4 รายการ

ล่าสุดผลการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ของเหลวในกาแฟดำในกระบอกน้ำสแตนเลส 1 ใน 2 กระบอก ในที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้เสียชีวิตได้นำมาเองไม่ได้เป็นของโรงแรม มีสารพิษปนอยู่ในกาแฟ ส่วนเป็นสารพิษชนิดใดขอแจ้งกับชุดสืบสวนก่อนจะแถลงข่าวอีกครั้ง

ส่วนน้ำในกระติกพบสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ หรือ KCN หรือไม่นั้น ตอนนี้ผลตรวจเบื้องต้นออกมา 1 อย่าง แล้วคือของเหลวที่อยู่ในกระติก ซึ่งเป็นผลที่มีความชัดเจน และกระจ่างที่ทำให้เสียชีวิตหากดูด้วยตาเหมือนเป็นกาแฟดำ แต่บอกได้ว่า พบสารพิษชนิดหนึ่ง

ส่วนจะมีความรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตเฉียบพลันหรือไม่ และมีปริมาณสารพิษมากน้อยเท่าใด พล.ต.ท.ไตรรงค์ระบุว่า ขอยังไม่เปิดเผย เพราะจะรอข้อมูลทั้งหมด และจะมีการแถลงข่าวรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' นำทีมพบ ‘รองนายกฯ พีระพันธุ์’ สรุปผลสอบ ‘ปลูกป่าล้านไร่ กฟผ.’ พบหลายรายส่อทุจริต

(26 พ.ย. 67) นายหิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นำ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ กระทรวงพลังงาน กรณีโครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม (ปลูกป่าล้านไร่ กฟผ.) และคณะเจ้าหน้าที่ฝ่าสืบสวนสอบสวนเข้าพบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องเรียนโครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม (ปลูกป่าล้านไร่ กฟผ.)

โดยคณะอนุกรรมการดังกล่าวดำเนินการตามสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องเรียนทุจริตโครงการปลูกป่าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยมูลค่าตามสัญญาที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกือบ 1 พันล้านบาท ซึ่งผลการตรวจสอบพบมีบุคคลและกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายกระทำความผิดหลายรายโดยเอกสารผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้เสนอต่อรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะได้มอบให้กับ กฟผ.ในฐานะผู้เสียหายรวบรวมพยานหลักฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวภายหลังเข้าพบรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานว่า “ในวันนี้ท่าน ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ได้เชิญผมและคณะทำงานมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลการตรวจสอบกรณีปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม ปลูกป่าล้านไร่ กฟผ. หรือโครงการปลูกป่าทิพย์ กฟผ. ซึ่งวันนี้เป็นการนำเรียนให้ท่านรองนายกฯ ทราบเป็นสรุปผลการตรวจสอบที่คณะอนุกรรมการและคณะทำงานได้ดำเนินการ โดยตรวจสอบจากเอกสารโครงการ TOR สัญญาจ้าง และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องรวมถึงข้อมูลจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.ซึ่งผลการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถระบุบุคคลและกลุ่มบุคคลทีเข้าข่ายกระทำความผิดที่ต้องให้ กฟผ. ไปดำเนินการต่อไป ซึ่งในส่วนนี้ท่านรองนายกฯได้ชื่นชมและขอบคุณคณะทำงานด้วย”

สำหรับโครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม (ปลูกป่าล้านไร่ กฟผ.) นั้น เป็นโครงการอันเนื่องมาจากนโยบายการลดคาร์บอนจากการผลิตพลังงานพลังงานไฟฟ้า โดยการปลูกป่าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศปีละ 1 แสนไร่ ระยะเวลา 10 ปีรวม 1 ล้านไร่ โดยนอกจากจะเป็นโครงการปลูกป่าแล้วยังต้องมีการบำรุงรักษาป่าต่อเนื่องไปอีก 9 ปีตามโครงการซึ่งทั้งหมดใช้งบประมาณที่สูงโดยโครงการเริ่มดำเนินการในปี 2565 และ 2566 ปัจจุบันโครงการได้ถูกระงับอันเนื่องมาจากการร้องเรียนดังกล่าว

‘พล.ต.ท.ไตรรงค์’ เร่งตรวจสอบแก๊งคอลฯ ตุ๋น ‘ชาล็อต’ 4 ล้าน อ้างเป็นตร.ไซเบอร์หลอกโอนเงิน แต่ตอนนี้ยังติดต่อผู้เสียหายไม่ได้

ตร.ไซเบอร์ เร่งตรวจสอบ ‘ชาล็อต ออสติน’ ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ ตุ๋น 4 ล้าน บังคับวิดีโอคอล 24 ชั่วโมง เผยยังติดต่อเจ้าตัวไม่ได้ รอมาร้องทุกข์ พร้อมแฉใช้รูปแบบเดิม ๆ ในการหลอกลวง

(9 ธ.ค. 67) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. กล่าวถึงกรณีที่เพจ Miss Grand Thailand ต้นสังกัดมิสแกรนด์ ได้แจ้งข่าวว่า นางสาวชาล็อต ออสติน นางงามในสังกัด ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพถูกข่มขู่ว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ ทำให้สูญเงิน 4 ล้านบาท และยังถูกควบคุมบังคับให้วิดีโอคอล 24 ชั่วโมงว่า หลังได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1. ไปดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อกับนางสาวชาล็อต แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้โดยตรง เพราะอาจยังติดภารกิจ

โดยกรณีนี้คนร้ายใช้กลอุบายข่มขู่ให้เหยื่อมีความหวาดกลัวและหลอกให้โอนเงิน ซึ่งรูปแบบการหลอกในครั้งนี้เป็นรูปแบบเดิมที่โทรศัพท์ไปแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ และอ้างว่าเหยื่อถูกนำชื่อไปเปิดบัญชีมีเงินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายโอนเข้าไปในบัญชีพร้อมกับให้โอนเงินมาให้ตรวจสอบ นางสาวชาล็อตจึงได้โอนเงินไป จำนวน 4 ล้านบาท

แม้จะยังติดต่อนางสาวชาล็อตไม่ได้โดยตรงก็ได้มอบหมายให้พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. รับผิดชอบงานด้านการปราบปรามดำเนินการไปอย่างเต็มที่ในระหว่างที่รอนางสาวชาล็อต มาร้องทุกข์ดำเนินคดีอย่างเป็นทางการ พร้อมกับอยากให้นางสาวชาล็อตส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและเบอร์โทรศัพท์ของมิจฉาชีพมาให้เจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้เร่งดำเนินการตามกฎหมายที่เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับธนาคารต่อไป

‘ผบช.ไซเบอร์’ เผยเตรียมปิดตาย!! FiveM หลังทาง Rockstar Game ให้ความร่วมมือ พบมี!! ‘เซิร์ฟเวอร์’ หลายแห่ง สนับสนุนความรุนแรงออนไลน์ กิจกรรมผิดกฎหมาย

(8 ก.พ. 68) ที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าว เตรียมปิดตาย FiveM ซึ่งทาง Rockstar Game รับลูกไม่ร่วมสนับสนุนความรุนแรง หลัง บช.สอท. ส่งคำร้องไปขอความร่วมมือกับ Take-Two Interactive Software, Inc. บริษัทแม่ของ Rockstar Game และ FiveM ให้พิจารณาปิดกั้นเนื้อหาที่มีความรุนแรงเกินขอบเขตและการล่วงละเมิดในเกมออนไลน์ โดยเฉพาะที่ปรากฏอยู่ใน Grand Theft Auto V (GTA V) และใน FiveM ซึ่งพบว่ามีบาง Server หรือ บาง Community ได้มีการทำผิดกฎ

ล่าสุด Rockstar Game พร้อมดำเนินการตามการร้องขอของ บช.สอท. โดยมีนโยบายชัดเจนที่จะไม่อนุญาตให้มีการล่วงละเมิด กลั่นแกล้ง ข่มขู่ หรือโจมตีระหว่างผู้เล่นต่อผู้เล่นนอกเกม โดยเฉพาะผู้ที่ทำผิดกฎ 4 ข้อนี้ ได้แก่

1. การล่วงละเมิดหรือมุ่งเป้าทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เสียชื่อเสียง การข่มขู่ หรือการสะกดรอยตามนอกเกม

2. การสร้างความเกลียดชังและเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานอัตลักษณ์ เชิดชูหรือส่งเสริมกลุ่มที่มีแนวคิดเกลียดชัง หรือการโจมตีบุคคลโดยอิงจากลักษณะที่ได้รับการคุ้มครอง เช่น เชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ เพศ อัตลักษณ์ทางเพศ หรือการแสดงออกทางเพศ รสนิยมทางเพศ สถานะความพิการ สัญชาติ อายุ ศาสนา สถานะทางครอบครัว ฯลฯ

3. เนื้อหาความรุนแรงร้ายแรงและความโหดร้าย เผยแพร่ภาพหรือกราฟิกที่รุนแรง รวมถึงภาพการทารุณกรรมสัตว์

4. ภาพโป๊เปลือยของผู้ใหญ่และกิจกรรมทางเพศ เผยแพร่ภาพที่มีเนื้อหาทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง หรือใช้แพลตฟอร์มของเราเพื่อเรียกร้องหรือแสวงหาความพึงพอใจทางเพศ

ทั้งนี้จากการสืบสวนของ บช.สอท. พบว่า มีเซิร์ฟเวอร์หลายแห่งที่สนับสนุนความรุนแรงทางออนไลน์ การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ และกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งละเมิดข้อกำหนดการให้บริการของ Take-Two ซึ่งกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อ Take-Two ให้ดำเนินการลบเนื้อหาดังกล่าวและบังคับใช้นโยบายของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ

การ take down ครั้งนี้เป็นการสร้างช่องทางความร่วมมือระหว่างกัน พร้อมกับร้องขอให้ Take-Two ลบเซิร์ฟเวอร์ที่สนับสนุนความรุนแรง การข่มขู่ และการล่วงละเมิด แบนผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เป็นอันตราย เสริมสร้างระบบการตรวจสอบและรายงานเพื่อป้องกันการละเมิดในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่ Rockstar เคยปิดเซิร์ฟเวอร์ในไทยมาแล้วที่ทำผิดกฎ

จึงขอให้ชุมชนคนเกมออนไลน์ ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบธุรกิจในไทย Influencer หรือเกมเมอร์ ทั้งหลายช่วยกันสอดส่องดูแล และมีบทบาทในการรักษาความปลอดภัยในโลกออนไลน์ร่วมกัน โดยการรายงานกรณีการล่วงละเมิดหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมผ่านช่องทางที่กำหนดในเกม หรือแจ้งให้ทางตำรวจไซเบอร์ได้ทราบ เพื่อดำเนินการประสานงานกับบริษัทในต่างประเทศ ช่วยสร้างสังคมนอกเกมที่สวยงามในสังคมไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top