‘อภิสิทธิ์’ อดีตนายกฯ ปาฐกถาพิเศษ “สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี...” เสนอแนวคิด 5 ข้อ “ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อก้าวทันโลก”
กระทรวง พม. / การจัดงานสถาปนากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี “20 ปี พม. เสริมพลัง สร้างโอกาส พัฒนาคนทุกช่วงวัย” ระหว่างวันที่ 29 กันยายน-3 ตุลาคม ที่กระทรวง พม.
โดยในวันนี้ (1 ตุลาคม) เป็นการจัดงานวันที่ 3 พอช. และเครือข่ายองค์กรชุมชนได้จัดเวที “พัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และสวัสดิการชุมชน” ที่ห้องประชุมประชาบดี มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยพลังชุมชนและเครือข่ายภาคีพัฒนา” โดยมีผู้บริหารกระทรวง พม. พอช. และผู้แทนเครือข่ายองค์กรชุมชนเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก
ย้อนจุดกำเนิด พอช.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีการครบรอบ 20 ปีกระทรวง พม. และ 22 ปี พอช. ส่วนที่มาของ พอช.นั้น ในช่วงปี 2540 – 2544 ในสมัยนั้นประเทศไทยประสบวิกฤตต้มยำกุ้ง ถ้าเราย้อนกลับไปก็จะทราบว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ในขณะที่คนไทยเดือดร้อนมาก
ต้นเหตุของวิกฤตคือความไม่พอเพียงของการกู้ยืมเงินในระบบทุน ไม่สามารถสร้างรายได้ สูญเสียความเชื่อมั่น วิกฤตเงินทุนสำรอง สถาบันการเงิน ฯลฯ และมีกระแสราชดำรัส ทำให้เราย้อนมาดูตนเอง การสร้างหลักประกัน ความมั่นคง มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าการเร่งรัดการเจริญเติบโต เริ่มจากใกล้ตัวเราในชุมชน จากทรัพยากร สินทรัพย์ต่างๆ บางครั้งมองข้ามเพราะเป็นสิ่งใกล้ตัว
“ท่านนายกฯ ชวน (หลีกภัย) ให้ความสำคัญเรื่องสังคม ทำอย่างไร ไม่ให้วิฤตเศรษฐกิจลุกลาม วิกฤตทางสังคมในหลายประเทศลุกลาม แย่งชิงอาหาร ท่านให้ความสำคัญกับสังคม รัฐมนตรีที่มีบทบาท คือคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ และตนได้รับมอบหมายให้ผลักดันการสร้างหน่วยงานรัฐรูปแบบใหม่ คือ ‘องค์การมหาชน’ ซึ่ง พอช. เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มาจากแนวคิดตรงนี้ ที่ท้าวความเพื่อย้ำเตือนว่า งานที่พวกเราทำทั้งหลายยืนอยู่บนหลักคิด หลักการที่สำคัญที่ต้องไม่ลืม คือ ท่ามกลางความผันผวนของโลก ซึ่งเรามีบทเรียนจากปี 2540 เราต้องมีระบบส่งเสริมกิจกรรม เพื่อให้เกิดอาชีพรายได้ คือความมั่นคงของมนุษย์” อดีตนายกฯ กล่าว
จากแนวพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง หลักเศรษฐศาสตร์ การเตรียมความพร้อม การออมเป็นเรื่องที่ต้องส่งเสริม งานสวัสดิการชุมชนที่เกิดขึ้น เกิดจากธรรมชาติของชุมชนต่างๆ ‘ครูชบ ยอดแก้ว’ นำเสนอใน ครม.สังคม ทำให้ราชการเริ่มขยับเข้ามา เริ่มจากกองทุนผู้สูงอายุก่อน ต่อมาในสมัยที่ตนดำเรงตำแหน่งนายกฯ จึงขับเคลื่อนเรื่องสวัสดิการชุมชนอย่างจริงจัง
อดีตนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลทุกยุคมาทำงาน มีโครงการไม่ให้คนเป็นหนี้ แต่มีน้อยที่ส่งเสริมเรื่องการออม งานที่เริ่มจากปี 2540 อยู่บนหลักคิดที่สำคัญ คือ งานด้านนี้แม้ระบบราชการมีบทบาทสำคัญ แต่ต้องพึ่งพลังชุมชน พึ่งพาการทำงานของประชาชนเอง ต้องอิงกับแนวคิดการกระจายอำนาจ ทำอย่างไรให้เกิดระบบธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการด้วย ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ความต้องการของประชาชน ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ยังติดขัดกฎหมาย ระเบียบ อำนาจหน้าที่ขององค์กรต่างๆ จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข
“เรื่องกองทุนสวัสดิการชุมชน ผมบอกว่าตอนทำไม่ได้คิดว่ารัฐสมทบแค่ 3 ปี คิดว่าสมทบตราบเท่าที่ประชาชนยังออมเงินอยู่ อยากเห็นท้องถิ่นเข้ามาสมทบอย่างเต็มรูปแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ อยากให้ธุรกิจเอกชนเข้ามาร่วม และเขาได้รับประโยชน์บางอย่างได้หรือไม่”
อดีตนายกฯ ยกตัวอย่างเรื่องกองทุนสวัสดิการชุมชนซึ่งขณะนี้เครือข่ายกองทุนสวัสดิการชุมชนทั่วประเทศเสนอให้รัฐสมทบเงินเข้ากองทุนมากกว่า 3 ปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องโฉนดชุมชนที่ประชาชนเรียกร้องแต่ขาดความต่อเนื่องเพราะเปลี่ยนรัฐบาล และเรื่องบ้านมั่นคงที่ยังติดระเบียบ ข้อกฎหมายต่างๆ
ความผันผวนของโลกที่สังคมไทยต้องรับมือ
อดีตนายกฯ กล่าวถึงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยกล่าวว่า จะต้องประเมินอนาคตข้างหน้า โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ความมั่นคงของมนุษย์ งานด้านเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ล้วนแต่จะมีความสำคัญมากขึ้น
ยกตัวอย่างเรื่องโครงสร้างประชากร ที่เห็นได้ชัดขณะนี้ประเทศไทยเป็นสังคมสูงวัย และจะเร่งตัวอย่างต่อเนื่อง 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้มีผลกระทบด้านปัญหาเศรษฐกิจ การขาดแคลนแรงงาน โดยส่วนหนึ่งมีการทดแทนแรงงานโดยหุ่นยนต์ เครื่องจักร และแรงงานต่างด้าวจะมีบทบาทสูง เราต้องดูแลคนที่มาทำงานในประเทศไทย ถ้าหากเขาไม่ได้รับการดูแล สุขภาพ การศึกษาลูกหลานของเขา จะเป็นปัญหาของสังคมเรา
แนวคิดเรื่องแรงงานต่างด้าว จะต้องมีการรื้อครั้งใหญ่ แต่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะทุกคนบอกว่าจะเป็นปัญหาของความมั่นคง แต่ตนคิดว่าหากมีปรับเปลี่ยนแนวคิด ดูแลแรงงานต่างด้าวเหมือนกับที่คนไทยไปแสวงหาโอกาสในการทำงานต่างประเทศ จะทำให้คนเหล่านี้ผูกพันกับประเทศของเรา แต่หากไม่ทำ เขาก็มาทำงานเพื่อหาเงินอย่างเดียว
นอกจากนี้ที่เห็นชัดเจนคือ เรื่องความไม่แน่นอน ความผันผวน ความแปรปรวนในโลก ปัจจุบัน 3 ปีทีผ่านมา ใครจะคิดว่าโรคระบาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเป็นร้อยปีจะเกิดขึ้นอีก ทั้งที่โลกเรามีเทคโนโลยีถอดรหัสยีนได้ แต่โควิดก็ยังไม่หายไป แสดงว่าเรายังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน ส่วนหนึ่งมาจากภาะโลกร้อน มาเปลี่ยนแปลงการผลิต อุตสาหกรรมบริการ การเดินทางได้รับผลกระทบจากโลกร้อน
“ความผันผวนเหล่านี้แปลว่า คนไทยต้องแสวงหาความมั่นคง เสียงเรียกร้องที่สำคัญคือ การมีสวัสดิการถ้วนหน้า คาดว่าปีหน้าพรรการเมืองต่างๆ มีการแข่งขันเรื่องนี้สูง ทั้งที่ยังไม่เห็นว่ามีข้อเสนอในการระดมทรัพยากรมาสนับสนุนเรื่องนี้ได้อย่างไร ?” อดีตนายกฯ กล่าว
