Monday, 21 April 2025
สุทิน_คลังแสง

‘สุทิน’ เชื่อ ‘ดอน’ ไปเยือนเมียนมา ต้นเหตุสหรัฐฯ ไม่เชิญไทย ร่วมประชุม

‘สุทิน’ เชื่อ ‘ดอน’ ไปเยือนเมียนมา ต้นเหตุสหรัฐฯ ไม่เชิญไทย ร่วมประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย 110 ประเทศ บี้ขอฟังคำตอบจากรัฐบาล

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 64 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า ในวันนี้ ตนจะตั้งกระทู้ถามนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ที่เดินทางไปเยือนประเทศเมียนมา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด มีรายงานข่าวจากสหรัฐอเมริกาว่า การประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย จำนวน 110 ประเทศ ปรากฏว่าประเทศไทยไม่ได้ถูกเชิญเข้าร่วมด้วย

เรื่องดังกล่าวถือเป็นความเสียหาย มีผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ ซึ่งรัฐบาลต้องชี้แจงเหตุผล และอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

‘ปธ.วิปฝ่ายค้าน’ พอใจภาพรวมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ ชมนายกฯ คุมอารมณ์ดีขึ้น แต่ยังตอบไม่ตรงคำถาม

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ซึ่งเบื้องต้นกำหนดจะยื่นในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ ว่า จะมีการประชุมอีกครั้งเพื่อเคาะรายชื่อรัฐมนตรี โดยในปีสุดท้ายของรัฐบาลได้วางไว้ 4-5 คน น้อยกว่าปีที่แล้วที่อภิปรายรัฐมนตรีทั้งหมด 9 คน พร้อมยืนยันว่ามีชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แน่นอน ส่วนที่มีรายชื่อหลุดมาว่า มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เศรษฐกิจและสังคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั้น ต้องรอประชุมอีกครั้ง 

‘ปชป.’ ยันทำงานในฐานะพรรคร่วมตามภาระหน้าที่ ไม่เหมือนเห็บเหาที่สูบเลือดประเทศหมดแล้วโดดหนี

โฆษก ปชป. แย้ง ‘ธรรมนัส’ อย่าเหมารวมพ่ายแพ้เลือกตั้งซ่อมลำปาง เพราะรัฐบาลเสียงตก ชี้ต้องมองให้หลายมิติ พร้อมซัดกลับ ‘สุทิน’ เห็บเหาที่สูบเลือดประเทศหมดแล้วโดดหนีก็มี

(15 ก.ค. 65) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ออกมาระบุ ที่พรรคเศรษฐกิจไทย แพ้การเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปาง เพราะประชาชนภาคเหนือตอนบนไม่เอารัฐบาลว่าเป็นการวิเคราะห์การเมืองในแนวของ ร.อ.ธรรมนัส ที่อาจจะเหมารวมผลการเลือกตั้งว่าพี่น้องประชาชนในภาคเหนือไม่เอารัฐบาล ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วมีหลายมิติที่ควรจะพูดถึงให้รอบด้าน แต่หากการวิเคราะห์ดังกล่าวเพียงเพื่อเป็นเหตุผลในการถอนตัวทิ้งรัฐบาลดูแล้วก็จะไม่เป็นธรรมต่อรัฐบาล เชื่อว่านักการเมืองมืออาชีพมองสถานการณ์การเมืองออกในช่วงสถานการณ์ที่รัฐบาลต้องเดินหน้าทำงานให้กับประชาชน หากประเทศมีปัญหาใด ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องร่วมมือกันหาทางแก้ไขฟันฝ่าให้ผ่านพ้นไปด้วยกัน ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น การร่วมรัฐบาลเราตระหนักในหน้าที่ที่เราต้องทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและส่วนรวมให้ได้มากที่สุดตามเงื่อนไขที่ได้มีข้อตกลงไว้เมื่อครั้งร่วมรัฐบาล ไม่ได้มีความคิดจะไปแก่งแย่งหรือแทงข้างหลังใครเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ส่วนตน

นายราเมศ กล่าวต่อว่า สำหรับอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยืนยันมาตลอดว่าเป็นกระบวนการตรวจสอบตามระบบประชาธิปไตย ซึ่งมีการเปิดอภิปรายกันทุกปี ไม่มีความกังวลใจใดๆ พร้อมชี้แจงทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา และถ้าหากรัฐมนตรีของพรรคมีการทุจริต ก็ยินดีให้มีการตรวจสอบอย่างเต็มที่ เชื่อว่านายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะชี้แจง ในส่วนของพรรค ทั้งในบทบาทฝ่ายบริหารที่ได้ร่วมรัฐบาลรัฐมนตรีของพรรคก็จะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ส.ทุกคนก็เช่นกันที่จะเป็นปากเป็นเสียงให้พี่น้องประชาชนทำงานเพื่อส่วนรวมให้เต็มที่

'สุทิน' แนะ 'ประยุทธ์' ควรเสียสละได้แล้ว หากได้อยู่ต่อ เกิด 'วิกฤตการเมือง' แน่นอน

เมื่อวันที่ (30 ก.ย. 65) เวลา 10.20 น. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการนัดหมายของฝ่ายค้านเพื่อรอลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ปมนายกรัฐมนตรี 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า เราไม่ได้มีการนัดหมายอะไรกันเป็นพิเศษ แต่ใครมาสะดวกก็มาพบกันในเวลา 14.00 น. วันนี้ ที่ห้องผู้นำฝ่ายค้าน และหลังคำวินิจฉัยออกมาแล้วก็จะมีการหารือกันเพื่อกำหนดท่าทีกันว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป โดยฝ่ายค้านจะฟังคำอธิบายของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ไม่ว่าจะออกมาแนวทางใด ก็เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะอธิบายเพื่อให้สิ้นกระแสความ หากอธิบายได้ดีมีเหตุผล เราก็คงไม่มีอะไร แต่ถ้ายังมีข้อที่ยังคาใจสังคม เราก็จะพิจารณาดูว่าในเชิงวิชาการเราจะแสดงอะไรให้เป็นบรรทัดฐานในอนาคตเพื่อให้มีการพูดถึงและแสดงความคิดเห็นบ้าง ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นจะอยู่ในกรอบที่เรายอมรับและไม่ละเมิดต่อศาล

“ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่ธุระที่ส.ส.จะต้องมาเขียนคำร้องแล้วยื่นศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ใช่ธุระที่ประชาชนจะต้องมาตึงเครียดจนถึงระดับว่าต้องมาพูดเรื่องรัฐประหาร หรืออาจจะไม่มีเลือกตั้ง ความจริงเรื่องนี้ผมเตือนมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นเรื่องของพล.อ.ประยุทธ์คนเดียวเท่านั้นที่จะเสียสละ ถ้าตัดสินใจตั้งแต่ก่อนวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา บ้านเมืองก็จะไม่ต้องเดินมาถึงจุดนี้ และยิ่งเกิดอะไรขึ้นจากวิกฤตครั้งนี้คนที่จะต้องรับผิดชอบคือพล.อ.ประยุทธ์ที่นำประเทศมาถึงจุดนี้โดยไม่จำเป็น ไม่ควรทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เสียสละคนเดียวจบ นับเลข 1 ถึง 8 คนเดียวจบ นี่คือกรรมของคนไทยที่ผู้นำประเทศเหนียวเก้าอี้มากเกินไป จึงทำให้ประเทศชาติไปสู่ปัญหา ถ้าลดการติดยึดบ้าง ผมว่าบ้านเมืองไม่วิกฤต และไม่ควรมีวันนี้” นายสุทิน กล่าว

‘บิ๊กทิน’ เข้า ‘กลาโหม’ วันที่ 13 เวลา 13.13.13 น. พร้อมสักการะศาลหลักเมือง-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงฯ

(12 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 13 ก.ย.66 นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมจะเข้ากระทรวงเป็นวันแรก โดยเดินทางมายังศาลหลักเมืองในเวลา 12.45 น. เพื่อทำพิธีสักการะศาลหลักเมือง จากนั้นเดินทางเข้าไปภายในกระทรวงกลาโหม เพื่อถวายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลาว่าการกลาโหม

จากนั้นขบวนรถ รมว.กลาโหม จะเคลื่อนขบวนจากศาลหลักเมือง เข้าประตูหน้ากระทรวงกลาโหม โดยมีทหารกองรักษาการ ยืนแถวจากนั้นให้พลแตรเป่าเคารพ ขณะที่รถของรมว.กลาโหม เคลื่อนเข้าประตูกระทรวงกลาโหม ในเวลา 13 นาฬิกา 13 นาที 13 วินาที (13.13.13. น.) 

เวลา 13.45 น. พิธีถวายราชสักการะและถวายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในศาลาว่าการกลาโหม

เวลา 14.00 น. พิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ ณ ลานอเนกประสงค์ ในศาลาว่าการกลาโหม

เวลา 14.30 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับฟังการบรรยายสรุปภารกิจของกระทรวงกลาโหม ณ ห้องภาณุรังษี

จากนั้นจะเดินทางไปยังกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) ปากเกร็ด เพื่อไปถวายสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่5 

สำหรับนายสุทิน คลังแสง เป็นรมว.กลาโหม ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ที่เรียกว่า รมว.กลาโหม เป็นคน 42 เพราะก่อนหน้าเป็นเสนาบดีกลาโหม เป็น รมว.กลาโหมพลเรือนคนที่ 6 ต่อจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.กลาโหม

‘สุทิน’ รับ!! เข้าใจผิด ‘งบประมาณกองทัพ’ มาตลอด กระจ่าง!! ต้องประเมินคู่แข่ง เพื่อหาอาวุธที่ต่อกรกันได้

(9 พ.ย. 66) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 66 พร้อมให้นโยบายตอนหนึ่งว่า เป็นหลักสูตรที่มีความสำคัญในด้านของความมั่นคง ที่เป็นหลักสูตรมีคุณค่า และสถาบันนี้เป็นสถาบันหลักด้านความมั่นคงและยินดีกับทุกคนที่ได้มีโอกาสเข้ามาเรียน ซึ่งตนโชคดีในฐานะ รมว.กลาโหม ได้มาดูความมั่นคงของประเทศ

สิ่งที่มีคุณค่าคือ การเรียนรู้ร่วมกัน 1 ปีคือยุทธศาสตร์ของวปอ. ซึ่งตนก็เคยมาศึกษาแผนยุทธศาสตร์และงานวิจัยของ วปอ. หลายครั้งนับว่ามีคุณค่าอย่างยิ่ง ดังนั้นก็จะได้ทราบแผนของรุ่นที่ 66 ตนในฐานะมาดูแลความมั่นคง ก็ต้องมีการทำความเข้าใจให้ตรงกัน  แต่การพัฒนาประเทศไม่ได้ดูที่การศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ ที่บางอย่างยังมีปัญหา ต้องดูว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาประเทศ แต่ยังขัดแย้งในตัวเอง จากประสบการณ์ อาชีพ 

คนเก่งมีเยอะแต่ทำงานไม่เข้ากัน ในการพัฒนาประเทศแต่ละคนคิดตามมุมมองของตัวเอง อาทิ การเมือง ก็คิดแบบการเมือง การทหารก็คิดแบบการทหาร นักวิชาการก็คิดตามแบบนักวิชาการ เพราะฉะนั้นการพัฒนาประเทศจึงไม่เป็นเอกภาพ ทำให้เห็นว่าในหลายอาชีพก็มีความขัดแย้งกัน ต่างคนต่างมีมุมของตัวเอง ขาดจุดร่วมที่อยู่ร่วมกัน

ดังนั้น วปอ.มีจุดที่สำคัญคือ มีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นศูนย์รวมคนเก่ง ทั้งทหาร ภาคเอกชน ซึ่งเป็นโอกาสดีของประเทศ ถือว่าเป็นทีมรวมดาราโลกมาอยู่รวมกัน มีทีมเวิร์กที่ดี ทำให้เห็นว่าการมาเรียนที่นี่จะทำให้มีเครือข่ายและมุมมองที่ดี

นายสุทิน กล่าวต่อว่า สงครามในปัจจุบัน เป็นการเสียเอกราชทางเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาเราเคยเสียมาแล้วยุค IMF ซึ่งเอกราชทางด้านความมั่นคงเราต้องคงไว้ซึ่งความมั่นคงทางวัฒนธรรม แต่เด็กรุ่นใหม่ไปเอาวัฒนธรรมต่างชาติ ไม่มีเอาวัฒนธรรมของตัวเอง ตนมองว่าเอกราชทางเศรษฐกิจทางวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญ ต้องมีการเปลี่ยนแปลง 

ในการรักษาเอกราช ตนมองว่าภัยคุกคามใหม่ที่มีคือภัยจากข้างนอก คือการรบกันข้างนอก อาทิ รัสเซีย-ยูเครน การรบในอิสราเอล และในอนาคตก็จะเกิดสงคราม 2 ขั้ว ถ้าเราวางตัวไม่ถูกและไม่ดี ประเทศไทยก็โดนดึงเข้าไปร่วมด้วย เมื่อช้างชนกัน หญ้าแพรกอย่างเราก็มีปัญหา

ดังนั้นจะมีแนวทางเพื่อให้ประเทศไทยที่เป็นหญ้าแพรกจะได้อยู่รอดเมื่อช้างสารชนกันนอกจากนี้ยังมีภัยคุกคามใหม่ อีกหลากหลายซึ่งเราต้องคิดแผนขึ้นมาเพื่อดูแลในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากภัยคุกคามทางทหารยังคงมีอยู่

นอกจากนี้ยังมีภัยคุกคามทางด้านความคิดที่เป็นภัยอยู่ในประเทศ เวลานี้คนไทยมีความคิดเห็นหลากหลาย ที่มีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ถูกกระทบซึ่งเป็นภัยที่สำคัญ แตกแยกทางความคิดที่มีในโซเชียล นอกจากนี้มีภัยจากการไม่เชื่อมั่นสถาบันการเมือง ที่หากไม่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ความขัดแย้งทางการเมือง จะทำให้เป็นภัยกับทุกเรื่อง รวมไปถึงภัยจากสิ่งแวดล้อมที่ต้องจัดการขณะนี้ไม่ลงตัว เช่น ฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 อาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมไซเบอร์ แก๊ง Call Center ข้ามชาติ ที่มีการดูดเงินในบัญชีออกไปเป็นจำนวนมาก ตนมองว่าเป็นภัยคุกคามอย่างหนัก หากเราตั้งรับภัยพวกนี้ไม่ได้ก็จบ 

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมีศูนย์ป้องกันทางไซเบอร์ดังนั้นอยากให้ศูนย์ไซเบอร์ฯ ของกองทัพไปคุ้มครองไซเบอร์ในหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้ภัยจากโรคระบาดก็สร้างความเสียหายย่อยยับ ซึ่งปัจจุบันพบโรคอุบัติใหม่เพิ่มขึ้น หากเราไม่ตั้งรับ จะทำให้มีผลกระทบในหลายเรื่อง รวมถึงภัยยาเสพติด สมัยก่อนมีการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่า เริ่มมีปัญหาในเรื่องของเด็กติดยาเสพติดที่อายุน้อยลงต้องป้องกันตั้งแต่อยู่ในครรภ์ 

จากที่ไปดูในศูนย์เด็กเล็กพบว่า มีเด็กไม่สมบูรณ์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากยาเสพติด เพราะพ่อแม่ซึ่งเป็นเยาวชนติดยาและมาแต่งงานกัน ในขณะนี้กลุ่มพวกยาเสพติดกระจายอยู่ในกลุ่มของผู้นำท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำลายทุนมนุษย์ เป็นความเศร้าใจ 

ดังนั้นความมั่นคงทางทหาร ก็มีผลกระทบเนื่องจากการรับพลทหารเข้ามาก็มีเด็กติดยาทำให้กองทัพอ่อนแอ แม้มีเครื่องบินไอพ่น F-16 หรือยุทโธปกรณ์ที่เข้มแข็ง ยาเสพติดก็เป็นสิ่งที่น่าหนักใจเนื่องจากเป็นภัยมั่นคงที่เข้ามา รวมไปถึงการทุจริตคอรัปชัน ลามไปยังข้าราชการชั้นผู้น้อย จนสุดท้ายมาตกผลึก ของความยากจน ตอนนี้สิ่งที่สูญเสียกับเอกราชคือความยากจนของคนในชาติ เช่นคนในต่างจังหวัดที่มีที่ดินจำนวนมาก ขณะนี้การถือครองที่ดินลดลง ซึ่งชาวบ้านฐานใหญ่ ของประเทศมีที่ดินไม่ถึง 10% แม้ว่าจะมีที่ดินก็ยังติดภาระ ที่อาจจะหลุดลอยไป

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเหลื่อมล้ำที่ทำให้เกิดสงครามประชาชนเป็นภัยที่มองไม่เห็น กองทัพก็จะเอาไม่อยู่ จากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามัคคี เพราะจากนี้ไปกลายเป็นว่าทรัพย์สินต่างๆจะอยู่กับคนกลุ่มน้อย ซึ่งพวกเราต้องคิดให้หนัก โดยภัยคุกคามใหม่ กองทัพรับมือคนเดียวไม่ได้ ทหารเก่งขนาดไหนก็รับมือไม่ได้ และสุดท้ายจะเกิดความขัดแย้งในสังคมและสะสมหลายรูปแบบ ทั้งความยากจน ความข้นแค้น มีความกดดัน จนมาทะเลาะกันในสภาและมีการลงถนน 

โดยเราไม่มีวัฒนธรรมที่เกาะเกี่ยวเหนี่ยวนำ ดังนั้นทหารก็ต้องเข้ามาแก้ แต่ก็ยาก อีกทั้งยังจะโดนด้อยค่า ถูกแยกออกจากประชาชน บทสรุปที่สำคัญ คือการป้องกันราชอาณาจักรไม่ใช่หน้าที่ของคนไทยคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่เฉพาะหน้าที่ของทหารแต่เป็นของทุกภาคส่วน ทุกกระทรวงทำร่วมกันต้องช่วยกัน ตนหวังว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ ที่มาครบทุกสาขาอาชีพ และเป็นผู้ใหญ่ ตนเชื่อว่าทุกคนรักชาติและอยากเห็นประเทศชาติก้าวกระโดด 

คนที่มาเรียนวปอ.เป็นความหวังของกระทรวงกลาโหมในเรื่องของเครือข่าย ที่จะดำเนินงานและเป็นกำลังสำคัญ ส่วนกระทรวงกลาโหมจะทำอะไรได้บ้างนั้นในฐานะที่ตนเป็นพลเรือน และมีหลายคนพูดว่าจะรู้เรื่องของทหารและไม่ทะเลาะกับทหารหรือและเอามุมมองนักการเมืองมาทำงาน ตนขอเรียนให้สบายใจว่าความรับผิดชอบของประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของประเทศ 

ตนมายืนตรงนี้ในฐานะตนเองและพรรค ก็ต้องรับผิดชอบ คือการปกป้องเอกราชสู้กับภัยคุกคามใหม่ ต้องทำให้กองทัพทันสมัย แข็งแกร่ง กะทัดรัด ไม่เช่นนั้นก็สู้ไม่ได้ รวมทั้งภารกิจ ต้องช่วยรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ ออกมาพัฒนาโดยนำทรัพยากรทางทหารมาช่วยเศรษฐกิจ กองทัพต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการบริหารภายในกองทัพ เทคโนโลยีในการรบ ที่ต้องสู้กับเขาได้ อยู่แบบเดิมไม่ได้ 

"ซึ่งการจัดซื้ออย่าถามว่าจะซื้ออะไร แต่ต้องถามว่า ซื้อมาแล้วจะสู้อะไรกับเขาได้ ผมเข้าใจผิดมาตลอดเรื่องการจัดงบประมาณของกองทัพ จากเดิมที่เอาฐานเดิมมาทำ แต่กองทัพคิดอย่างนั้นไม่ได้ ต้องเอาคู่แข่งทางทหาร มาคิดด้วย อาทิ เมื่อเขามีเรือดำน้ำ มี F-16 ก็ต้องมีสิ่งที่นำมาสู้กับเขาได้ ซึ่งเป็นการตั้งงบประมาณดูคู่แข่งและคู่ต่อสู้ นับว่าเป็นความทันสมัยเช่นกัน นอกจากนี้ ต้องทันสมัยและอยู่ในใจประชาชน แม้กองทัพยิ่งใหญ่เกรียงไกรขนาดไหน ถ้าไม่อยู่ในใจประชาชนและได้ใจประชาชน ก็ไม่ได้ และสิ่งใดไม่อยู่ในใจประชาชนก็ต้องหลีกเลี่ยง" นายสุทิน กล่าว

‘กลาโหม’ จับมือ ‘กมธ.ทหาร’ ผลักดันโครงการพลทหารปลอดภัย เปิดช่องร้องเรียนหากพบพฤติกรรมไม่เหมาะสมในค่ายทหาร

(2 ก.พ. 67) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พร้อม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าหารือกันประมาณ 2 ชม. ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี มีการพูดคุยซักถามกันหลายประเด็น ถือเป็นความร่วมมือระหว่างกัน

สำหรับไฮไลต์สำคัญอยู่ที่โครงการพลทหารปลอดภัย ที่ทางคณะกรรมาธิการการทหาร มาบอกเล่าให้ทางกระทรวงกลาโหมได้รับรับทราบ ซึ่งเกิดจากความเป็นห่วงพลทหาร ที่มีทหารออกนอกลู่นอกรอย ในการถูกลงโทษลงทัณฑ์พลทหาร ทางคณะกรรมาธิการทหารจึงได้เกิดโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะเปิดช่องทาง ให้ทหารเกณฑ์หรือทหารกองประจำการ ได้มีการสื่อสารหากได้รับวิธีการลงโทษที่ไม่ถูกต้อง

ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมก็มีความยินดีให้ความร่วมมือ จะได้ช่วยทางกระทรวงกลาโหมกำกับดูแล แม้ว่าเราจะมีนโยบายที่ดีที่ดีและกวดขัน ขนาดไหนก็ตาม ก็ยังมีกำลังพลบางส่วนที่ยังไม่สนองนโยบาย หรืออาจจะนอกลู่นอกรอย ซึ่งทางคณะกรรมาธิการการทหารมีโครงการอย่างนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อกระทรวงกลาโหม

เรียกได้ว่าเป็น ‘โซเชียลคอนโทรล’ ก็จะทำให้พฤติกรรมนอกลู่นอกรอยดีขึ้น จึงถือว่าทางคณะกรรมาธิการการทหารและกระทรวงกลาโหมได้ร่วมมือกันทำให้โครงการนี้สำเร็จ โดยหลังจากนี้ก็จะมอบหมายให้หลังจากนี้จะพิจารณาว่าจะมอบหมายให้หน่วยงานใดในกองทัพเป็นผู้ประสานงานกับทางกรรมาธิการการทหารอาจเป็นหน่วยงานด้านกิจการพลเรือน

ด้าน นายวิโรจน์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการพูดคุยในเรื่องความเข้าใจในบทบาทซึ่งกันและกัน ซึ่งคณะกรรมาธิการการทหารก็มีอำนาจในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่ง นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ยังมีสถานะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถือว่าเป็น สส.อาวุโส ได้เข้าใจบทบาทคณะกรรมาธิการเป็นอย่างดี ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ณ ปัจจุบันนี้การขอข้อมูล ข้อเท็จจริงใด ๆ จากกองทัพ จะได้รับการประสานงานและแนบแน่น ได้รับข้อมูลครบถ้วนและถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเรื่องการกู้เรือหลวงสุโขทัยและการจัดซื้อเรือดำน้ำ ธุรกิจกองทัพ หรือประเด็นปัญหาต่าง ๆ นับจากนี้ ก็จะได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่ จากกระทรวงกลาโหม

"เป็นที่น่ายินดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตกปากรับคำว่าจะ ดำเนินโครงการพลทหารปลอดภัย ถือว่าเป็นข่าวดีให้กับคุณพ่อคุณแม่ และจะดำเนินการในโครงการนี้ ก่อนที่จะมีการเกณฑ์ทหาร จับใบดำใบแดง ในปี 2567 นี้ และจะได้ ทำงานร่วมกับทางกองทัพอย่างใกล้ชิดเพื่อสกัดกั้นการนอกลู่นอกรอย และอาจจะผิดหลัก สิทธิ มนุษยชน" นายวิโรจน์ กล่าว

'กลาโหม' เตรียมปรับค่ายทหาร บำบัดผู้ติดยาที่มีอาการจิตเวช สร้างความหวัง ไม่ให้ตกอยู่ในภาวะ 'อกหัก-หลักลอย-คอยงาน'

(9 พ.ค. 67) ที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดจะนำผู้ติดยาเสพติด และมีอาการจิตเวช ให้หน่วยทหารดูแล ว่า สถานการณ์ยาเสพติดในขณะนี้ ผู้ติดยาเสพติดมักจะเป็นเด็ก และจะมีอาการทางจิตเวชอยู่หลายระดับ ซึ่งอาการทางจิตมักจะรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ นอกจากการนำไปบำบัด  โดยวิธีที่ทหารทำได้คือจัดตั้งค่ายบำบัด ซึ่งอาจต้องปรับวิธีการมากขึ้นกว่าเดิม 

เช่น การนำตัวผู้มีอาการทางจิตไปขัง ไปฝึก หรือไม่ให้ผู้ติดยาเสพติดได้เสพยาอีก ซึ่งค่ายทหารจะต้องมีเรื่องทางการแพทย์ กิจกรรมต่าง ๆ และจิตวิทยาด้านอาชีพเพิ่มเติม เพื่อรองรับการบำบัดผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตเหล่านี้ด้วย เพื่อสร้างความหวังให้ผู้เข้ารับการบำบัดไม่ตกอยู่ในภาวะ ‘อกหัก หลักลอย คอยงาน’

เพราะฉะนั้นสิ่งที่กองทัพจะต้องทำต่อไป คือ จัดตั้งค่ายบำบัดในค่ายทหาร โดยการดูแลในค่ายจะต้องเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะแต่ก่อนคนติดยา ไม่ถึงกับมีอาการทางจิตเวช เพียงจับมาขังไว้ไม่ให้เสพ ลงโทษเล็กน้อย หรือใช้วิธีขู่ก็เลิกเสพแล้ว แต่การรักษาในลักษณะที่ว่ามา ไม่อาจใช้กับทุกวันนี้ได้แล้ว

‘สุทิน’ ขอให้มั่นใจ!! ไม่เอา ‘ข้าวเก่า’ ให้ทหารกิน ลั่น!! ทุกคนมาเป็นทหาร ‘ต้องอยู่ดี กินดี สุขภาพดี’

(13 พ.ค. 67) ที่กองพันมณฑลทหารบกที่ 15 ค่ายเพชรบุรีราชสิรินธร จ.เพชรบุรี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและบำรุงขวัญกำลังพล หน่วยฝึกทหารใหม่ โดยได้มีการรับรายงานผู้บังคับบัญชาประจำกองถึงจำนวนผู้สมัครเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์ พร้อมชมวิธีการฝึกทหารและปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้น ได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ให้นายทหารใหม่ ที่มีภรรยาและลูกน้อย จำนวน 2 ราย 

โดยนายสุทิน ได้ให้โอวาทกับทหารใหม่ ว่า วันนี้ตนดีใจที่ได้มาพบมาเยี่ยม เพราะตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้คิดและทุ่มเทกับการที่จะให้พวกเราซึ่งเป็นทหารใหม่เข้ามาในค่ายอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีอนาคตที่ดี และเพื่อให้กองทัพมีกำลังพลที่มีคุณภาพแข็งแกร่ง ฉะนั้น การคิดและการออกมาตรการมา วันนี้ได้มาเห็นดอกผลในสิ่งที่เราคิด ซึ่งก็ดีใจและมีความสุขหลายเรื่อง เดิมทีวันนี้คิดว่าต้องมามอบนโยบายเพิ่มหลายอย่าง แต่เมื่อเข้ามาแล้วเห็นว่านโยบายที่ตนคิด ทางผู้บังคับบัญชามอบให้ไปแล้วและลงมือปฏิบัติแล้ว ซึ่งเป็นผลที่น่าพอใจ จึงแทบจะไม่ต้องมอบนโยบายอีก 

“ขอย้ำว่า ผมอยากคุยกับทหารใหม่ว่ายินดีกับพวกเราที่ได้เข้ามาเป็นทหาร ความเป็นลูกผู้ชาย ผมคิดว่าประสบการณ์สำคัญที่สุดคือประสบการณ์ที่จะต้องมาฝึกความเข้มแข็ง มาฝึกวิทยาการและการเตรียมความพร้อมที่จะรับใช้ประเทศชาติในบทบาทของการที่จะเป็นผู้ป้องกันประเทศ วันนี้ยินดีด้วยที่ได้รับโอกาสที่ดี และยินดีด้วยที่มาในยุคที่เราเป็นทหารที่ไม่ใช่มาเสียโอกาส แต่เรามาได้โอกาสที่ดี ส่วนอะไรบ้างที่เป็นโอกาสที่ดีก็อยากจะย้ำว่าเราอยากจะรับใช้ชาติ มาฟื้นฟูร่างกาย มาสร้างเสริมร่างกายให้แข็งแกร่ง หมายความว่าเรามาฝึกที่นี่เพื่อให้ร่างกายที่แข็งแรงถือเป็นลาภอันประเสริฐ เป็นโชคที่ดี เพราะหากอยู่บ้านก็ไม่มีโอกาสได้ดูแลสุขภาพที่ดีเช่นนี้ ตรงกันข้ามอาจปล่อยปะละเลย แต่การมาอยู่นี่ทำให้เราได้ฝึกระเบียบวินัย ซึ่งจะทำให้เราได้กำไรชีวิต” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวด้วยว่า หลายคนพลาดพลั้งในชีวิต เช่น อาจจะเผลอไปเสพยาเสพติด เลิกไม่ได้ แต่เชื่อมั่นว่าหากพวกเรามาอยู่ที่นี่ มาเป็นทหาร ก็จะสามารถหันหลังให้กับยาเสพติดได้ ถือเป็นโอกาสที่ดี กระบวนการที่นี่จะดูแลเอาใจใส่พิเศษกับคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง คนที่เสพยาเสพติดไม่ใช่คนชั่ว แต่อาจจะผิดพลาดไป ทุกคนเป็นคนที่มีคุณค่าต่อครอบครัวและสังคม จึงต้องให้โอกาส และเชื่อว่าพวกเขาจะหายได้

นายสุทิน กล่าวต่อว่า เรามาอยู่ที่นี่ไม่ได้มาอยู่เปล่า ๆ ตนเห็นในประเทศเพื่อนบ้านที่สมัครไปเป็นทหาร เขาไม่ได้รายได้สักบาท มีแค่ข้าวกิน และมีที่นอน แต่ของเรามีเบี้ยเลี้ยงให้ เงินที่ได้บางคนอาจคิดว่าน้อยแต่บางคนอยู่บ้านก็ไม่เคยมีรายได้เช่นนี้ ซึ่งก็เป็นรายได้ที่ไม่น้อย และบางคนส่งให้ครอบครัวใช้ด้วย หรือบางคนเมื่อฝึกจบก็มีเงินติดตัวไป 20,000-30,000 บาท นอกจากนี้ ยังจะเรียนหนังสือด้วย ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมก็ได้มีการจัดระบบการศึกษาให้กับนายทหารใหม่ทุกระดับ เพื่อให้สามารถศึกษาต่อได้เมื่อฝึกจบ และเมื่อปลดประจำการก็สามารถได้วุฒิได้เลย ตนบอกได้เลยว่ายุคนี้คนที่โชคดีที่สุดคือคนที่ได้เข้ามาเป็นทหาร เป็นคนที่มีสิทธิ์พิเศษเพราะจะสามารถรับราชการทหารและตำรวจนั้นได้ไม่ยาก เนื่องจากได้ให้โควตาทหารถึงร้อยละ 80 และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ให้โควตาทหารเข้าไปรับราชการตำรวจถึงร้อยละ 50 

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนใครที่ไม่อยากรับราชการตนก็ได้เซ็นเอ็มโอยูกับบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่หลายบริษัท ซึ่งสามารถที่จะไปสมัครกับบริษัทเหล่านี้ได้ แล้วพวกเขาก็พร้อมที่จะรับเข้าทำงาน นอกจากนี้ ใครที่มาเป็นทหารหากกลับบ้านไปแล้วต้องมีเกียรติกลับไปด้วย รวมถึงจะทำให้ใครที่เข้ามาเป็นทหารมีโอกาสได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 

“ผมขอเรียนด้วยความมั่นใจอีกครั้งว่าอยู่ที่นี่ตนได้กำชับมาแล้วว่าอาหารการกินต้องมีคุณภาพที่ดี ต้องกินอิ่มและนอนอุ่น เนื่องจากทางกระทรวงได้จัดสรรงบประมาณมาให้มาอย่างเพียงพอ และหากซื้ออาหารที่ไม่มีคุณภาพ ทางกระทรวงก็ต้องลงมาตรวจสอบและจัดการให้พวกเราได้อยู่ดี กินดี ส่วนข่าวที่ออกมาว่าจะซื้อข้าวเก่าให้ทหารกิน ขออย่าไปสนใจเพราะไม่เคยคิด แต่ที่ผมพูดไปเพราะผมเป็นรัฐมนตรีซึ่งเราจะต้องตอบคำถามให้สอดคล้องกับรัฐบาล สิ่งที่ผมจะทำคือทำให้ทุกคนได้อยู่ดี กินดีที่สุด เพื่อที่รุ่นน้องจะได้เข้ามาสมัครกันเยอะ ๆ ย้ำว่าถ้าอยากให้คนเข้ามาสมัครกันเยอะคือต้องทำให้อยู่ดี กินดี มีโอกาสที่ดี และอย่าไปคิดว่าจะได้กินข้าวที่ไม่ดี ไม่มีทาง ขอให้ทุกคนมั่นใจ“ นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับคนที่สมัครเข้ามาถือว่าเป็นคนที่มีสำนึกที่ดีต่อประเทศชาติ และปีต่อไปก็อยากให้มาสมัครเป็นทหาร 100% ส่วนคนที่จับฉลากก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสำนึกที่ดี เพราะอาจจะมีการวางแผนชีวิตไว้อย่างอื่น หรือมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ จึงไม่อยากมาสมัคร ซึ่งก็เข้าใจได้ แต่เมื่อจับสลากติดแล้ว ก็ขอต้อนรับที่จะเข้ามารับใช้ชาติให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ทั้งกลุ่มที่สมัครและกลุ่มที่จับฉลากได้ถือเป็นความหวังของประเทศ

ทั้งนี้ ภายหลังจากการให้โอวาทกับทหารใหม่จบแล้ว นายสุทินได้วิดีโอคอลเฟอเรนซ์กับญาติของทหารใหม่ โดยได้ถามว่ากังวลหรือไม่ ที่บุตรหลานเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์ ซึ่งญาติของทหารเกณฑ์ได้ตอบนายสุทินว่า ไม่กังวล เพราะเชื่อกองทัพจะดูแลบุตรหลานของเขาอย่างดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top