Tuesday, 22 April 2025
สงครามเย็น

จีนยก ‘การทูตปิงปอง’ ร่วมมือกันได้ แม้แตกต่าง สูตรเติมสัมพันธ์ ‘จีน-สหรัฐฯ’ ขจัดมิติสงครามเย็น

กระทรวงการต่างประเทศจีน เน้นย้ำ ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไม่มีแนวคิดแบบสงครามเย็นมาเกี่ยวข้อง พร้อมยก ‘การทูตปิงปอง’ เป็นตัวอย่างการทูตครั้งประวัติศาสตร์สองประเทศ ร่วมมือกันได้ แม้แตกต่าง

สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG) รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงการณ์ถึงวาระครบรอบ 50 ปี การทูตปิงปองระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า...

“จีนและอเมริกาเริ่มต้นสัมพันธ์ทางการทูตฉันมิตรผ่านการแข่งขันกีฬาปิงปอง เมื่อ 10 เมษายน ค.ศ. 1971 หรือกว่า 50 ปีที่แล้ว โดยจีนได้เชิญทีมนักกีฬาปิงปองจากสหรัฐอเมริกาไปเยือนจีนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปี 1949 ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นเครื่องเตือนใจให้สหรัฐฯ ทราบว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไม่ควรถูกครอบงำด้วยความคิดแบบสงครามเย็นและจะต้องไม่มีการวาดเส้นทางอุดมการณ์แบบแบ่งพรรคแบ่งพวก”

พิษณุโลก ม.นเรศวร จัดเสวนา 'สงครามยูเครน: สงครามร้อนแรกในสงครามเย็นใหม่' ชี้ต้องเตรียมรับวิกฤตไปอีกนาน

วันนี้ 20 ตุลาคม 2566 ณ ห้อง Main Conference  อาคารศูนย์บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร คณะสังคมศาสตร์ร่วมกับบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดโครงการสังคมเสวนา ซีรีส์#๓ : หัวข้อ “สงครามยูเครน : สงครามร้อนแรกในสงครามเย็นใหม่” โดยมี ศาสตราจารย์ ดร. กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานเปิด และศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข กรรมการสภามหาวิทยาลัยนเรศวรผู้ทรงคุณวุฒิ และอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เขียนหนังสือ “สงครามยูเครน : สงครามร้อนแรกในสงครามเย็นใหม่” เป็นวิทยากร พร้อมเปิดตัวหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับสงครามยูเครน ซึ่งเป็นเล่มแรกที่ตีพิมพ์เป็นภาษาไทย โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อให้อาจารย์ นิสิต นักวิชาการ และภาคประชาสังคมส่วนต่าง ๆ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการเตรียมความพร้อมต่อการเป็นพลเมืองโลกที่ต้องปรับตัวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประชาคมโลกบนความเปลี่ยนแปลงในหลากหลายมิติ

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข กล่าวถึงสงครามที่ผ่านมา 600 กว่าวันและจะอยู่ไปอีกนานว่า ผลกระทบที่คนไทยจะได้รับจากการทับซ้อนของสถานการณ์ COVID 19 กับสงครามยูเครน คือวิกฤตของเศรษฐกิจที่ทับซ้อนกันไปด้วย ซึ่ง COVID 19 ยังไม่มีวิกฤตด้านพลังงานเหมือนสงครามยูเครน และจะมีวิกฤตเรื่องอาหารตามมา สืบเนื่องจากราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2564 ที่มีผลพวงมาจากสงคราม แต่สังคมที่กินข้าวเจ้ายังโชคดีกว่าสังคมที่กินข้าวสาลี ขนมปัง หรือแป้งโรตี ที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักเนื่องจากแป้งสาลีและธัญพืช ราคาสูงขึ้นมาก ขณะเดียวกันก็มีสงครามตะวันออกกลางทับซ้อนขึ้นมาอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล สังคมไทยควรต้องเตรียมตัวรับเงื่อนไขวิกฤตเศรษฐกิจและพลังงาน ปีหน้าอาจจะเป็นปีที่ต้องรัดเข็มขัดกัน เพราะสุดท้ายสิ่งที่ตามมาคือวิกฤตค่าครองชีพ 

หนังสือ “สงครามยูเครน : สงครามร้อนแรกในสงครามเย็นใหม่” เป็นหนังสือที่เขียนตั้งแต่ก่อนเริ่มสงครามยูเครน มิติต่าง ๆ ของสงคราม สงครามโดรน สงครามปืนใหญ่ และอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย แม้สถานการณ์สงครามจะอยู่ไกลทางภูมิศาสตร์ แต่วันนี้ผลกระทบไม่หนีจากเราเลย และเราก็หนีไม่ได้ด้วย

นักการเมือง ยุโรปตะวันออก ถกเถียง เรื่อง ‘ลุยก่อน’ เล่นงาน!! ‘รัสเซีย’

(9 มี.ค. 68) บรรดาชาติยุโรปตะวันออกกำลังพูดคุยกันอย่างจริงจังถึงความเป็นไปได้ในการโจมตีรัสเซียก่อนเสียเอง ทั้งที่รัสเซียกับสหรัฐฯ เพิ่งจะเริ่มต้นกระบวนการเจรจาสันติภาพกันไปหมาดๆ

Kuper ฟันธงว่าการที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงท่าทีอ่อนข้อให้รัสเซีย กำลังปลุกวิญญาณสงครามเย็นให้คืนชีพ พร้อมกับขีดเส้นแบ่งระหว่าง “ยุโรปตะวันออก” กับ “ยุโรปตะวันตก” ขึ้นมาใหม่ ฝั่งหนึ่งเห็นรัสเซียเป็นภัยคุกคามระดับชาติ อีกฝั่งกลับทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน

“พวกเรารู้ดี และนั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมบางประเทศของเราถึงเริ่มตั้งคำถามกันว่า ‘ทำไมเราต้องมานั่งรอให้รัสเซียซัดเราก่อน? ทำไมไม่ลุยก่อนเลย?’” นักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งจากยุโรปตะวันออกแอบกระซิบกับนักข่าวแบบไม่เปิดเผยชื่อ ฟังดูแล้วชวนให้คิดว่าเรื่องนี้อาจไม่ได้เป็นแค่คำพูดลอยๆ

โปแลนด์-บอลติก: ถ้าปล่อยรัสเซียรอด มันจะถึงคิวเรา?

ตั้งแต่สงครามยูเครนปะทุขึ้นในปี 2022 โปแลนด์และเหล่าชาติแถบบอลติกก็แหกปากเตือนกันมาตลอดว่า ถ้ารัสเซียบุกยูเครนสำเร็จ เป้าหมายถัดไปคงเป็นพวกเขาแน่นอน ฝั่งเครมลินเองก็ไม่ปล่อยให้ข้อกล่าวหานี้ลอยนวล ปูตินถึงกับสวนกลับว่าเป็น “เรื่องไร้สาระ”

ประวัติศาสตร์ที่ทำให้ยุโรปตะวันออกระแวงรัสเซีย

จะว่าไป พื้นที่ยุโรปตะวันออกก็มีอดีตที่ต้องระแวงกันอยู่เป็นทุนเดิม หลายประเทศเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิใหญ่ๆ ไม่ว่าจะรัสเซีย เยอรมนี หรือออสเตรีย-ฮังการี อิสรภาพของพวกเขาถูกกระชากไปหลายครั้งจนกลายเป็นปมในประวัติศาสตร์ Milan Kundera นักเขียนชาวเช็กเคยนิยามชะตากรรมของพวกเขาไว้ว่า "ชาติเล็กๆ ที่รู้ตัวดีว่าหากวันใดวันหนึ่งหายไปจากแผนที่โลก ก็คงไม่มีใครสนใจ"

ชาติที่เกลียดรัสเซียที่สุด คือชาติที่เรียกร้องการติดอาวุธมากที่สุด

ในช่วงที่ผ่านมา ชาติยุโรปตะวันออกต่างตะโกนแข่งกันว่า ต้องเพิ่มกำลังป้องกันประเทศขึ้นให้มากที่สุด และเป็นกลุ่มที่แสดงความเป็นปรปักษ์กับรัสเซียอย่างเปิดเผยมากที่สุด โดยเฉพาะ Kaja Kallas อดีตนายกรัฐมนตรีเอสโตเนียและนักการทูตระดับสูงของสหภาพยุโรป ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งกร้าวต่อมอสโก

รัสเซีย-สหรัฐฯ คุยกันแล้ว แต่ EU ยืนยันต้องติดอาวุธยูเครนต่อไป

ข่าวนี้โผล่มาในจังหวะที่รัสเซียกับสหรัฐฯ เพิ่งฟื้นคืนการสื่อสารกันเมื่อเดือนที่แล้ว และมีการเจรจาระดับสูงกันที่ซาอุดีอาระเบีย แต่ฝั่ง บรัสเซลส์ กลับเสียงแข็งว่า ยูเครนต้องได้รับการสนับสนุนทางทหารต่อไป

ในขณะที่ทรัมป์ประกาศระงับความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครนเพื่อบีบให้เคียฟกลับไปเจรจากับมอสโก ฝั่งผู้นำยุโรปภายใต้ Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กลับอนุมัติแผนมูลค่า 800,000 ล้านยูโร เพื่อเติมอาวุธให้ยุโรปและรักษากระแสหนุนยูเครน

รัสเซียลั่น!! อย่าหาว่าขู่ ถ้า EU ยังเดินเกมแบบนี้

มอสโกไม่รอช้า ประกาศเสียงแข็งว่าจะใช้ทุกมาตรการเพื่อปกป้องอธิปไตยของตนเอง หลังจากสหภาพยุโรปยกระดับการส่งอาวุธและปล่อยวาทกรรมที่ท้าทายรัสเซียขึ้นมาอีกระดับ ซึ่งเครมลินก็เตือนมานานแล้วว่า ตะวันตกส่งอาวุธไปก็ไม่ได้ช่วยให้สงครามจบไวขึ้น แถมยังเพิ่มโอกาสที่นาโตจะต้องเผชิญหน้ากับรัสเซียโดยตรง

งานนี้จะลงเอยอย่างไร? 

ยุโรปตะวันออกจะเอาจริงกับแผน ‘ซัดก่อน’ หรือไม่? 

คงต้องจับตาดูให้ดี เพราะเดิมพันครั้งนี้อาจใหญ่กว่าที่หลายคนคิด!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top