Tuesday, 22 April 2025
ยุบพรรคก้าวไกล

‘เทพมนตรี’ บอก “สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม” พรรคก้าวไกล อาจถูกยุบ ก.พ. 2566

(20 ต.ค. 65) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กสั้นๆ ว่า... 

พรรคก้าวไกล อาจถูกยุบ เดือนกุมภาพันธ์ 2566 สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมครับ 

แม้จะไม่ได้มีการระบุสาเหตุ แต่ก็คาดว่าคำพูดดังกล่าว อาจเป็นความต่อเนื่องจากกรณี ‘พรรคไทยภักดี’ ยื่น กกต.ชงยุบพรรค ‘ก้าวไกล’ ปมเสนอนโยบายแก้ ม.112 รวมถึงให้พระสงฆ์มีสิทธิเลือกตั้ง โดยชี้ว่า เป็นการเข้าข่ายขัดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) พรรคการเมืองฯ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญบอกแล้วว่า การแก้ไข ม.112 หรือ ยกเลิก เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=8288907684484619&id=100000964084010 

‘ศุภชัย’ ข้องใจ!! ขับ ‘รองอ๋อง-2 สส.คุกคาม’ 2 มาตรฐาน เตรียมยื่น กกต. สอบ หากพบผิดมีโทษถึง ‘ยุบพรรค’

(8 พ.ย. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล ดำเนินการขับ 2 สส.พรรคก้าวไกล นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. และนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี กรณีการคุกคามทางเพศ ออกจากพรรค ซึ่งมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย การดำเนินการเปิดเผยทุกกระบวนการ แตกต่างจากกรณีการขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกจากพรรคก้าวไกล เพราะไม่มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

“ผมจึงได้ยื่นเรื่องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ของนายปดิพัทธ์ โดยขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบว่าพรรคก้าวไกลได้ดำเนินกระบวนการทางวินัยกับนายปดิพัทธ์ ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และตามกฎหมายถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ โดยส่งแถลงการณ์พรรคก้าวไกล ลงวันที่ 28 ก.ย. 2566 เป็นเอกสารประกอบ” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า หากพิจารณาจากคำแถลงการณ์พรรคก้าวไกล คณะกรรมการบริหารชุดใหม่และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลได้ประชุมร่วมกัน โดยให้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคคนใหม่ รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และมีข้อความในแถลงการณ์ว่าให้นายปดิพัทธ์ ออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลโดยมิได้มีการแถลงว่ามีการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อ 119 วงเล็บใด มีการดำเนินการทางวินัยสมาชิกตามข้อบังคับพรรค ก้าวไกลอย่างไร

นายศุภชัย กล่าวว่า ได้มีการริเริ่มกระบวนพิจารณาทางวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 122 และมีการแสวงหา ข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานประกอบขึ้นเป็นสํานวนคํากล่าวโทษ ตามข้อ 123 หรือไม่ และได้ เรียก นายปดิพัทธ์ มาให้ถ้อยคําหรือโต้ยังคํากล่าวโทษตามข้อ 124 หรือไม่ มีการสรุปข้อเท็จจริง การพิจารณาและเหตุผลในการวินิจฉัยประกอบการทําคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 129 ถึงข้อ 131 หรือไม่ อีกทั้งยังไม่ปรากฏมติของพรรคก้าวไกลด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (9)

“หากยังมิได้ดำเนินการดังกล่าวตามข้อบังคับ การดำเนินการของพรรคก้าวไกล ยังไม่ถูกต้องครบถ้วน นายปดิพัทธ์ ยังคงสภาพเป็นสมาชิกพรรค ก้าวไกล ไม่อาจไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้และจากแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ชี้แจงในทำนองว่า นายปดิพัทธ์ ลาออก โดยที่พรรคไม่ได้มีมติขับออกจากพรรคเพราะทำผิดวินัยร้ายแรง จะส่งผลให้สมาชิกภาพความเป็น สส.ของนายปดิพัทธ์ สิ้นสุดลงในทันที” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกล มิได้มีการดําเนินการตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลและกฎหมาย การกระทําดังกล่าวเป็นการสมคบคิดหรือ แสดงเจตนาลวง ระหว่างพรรคก้าวไกลกับนายปดิพัทธ์ อันเข้าข่ายกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัย ว่าเพียงแค่อาจเป็นปฏิปักษ์ ก็ต้องห้ามแล้วหาจําต้องมีเจตนา ประสงค์ต่อผล หรือต้องรอให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขึ้นจริงเสียก่อนไม่

“หากนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบแล้ว พรรคก้าวไกลมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย และเป็นการสมคบคิดหรือแสดงเจตนาลวง โดยหวังผลเพื่อให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้รับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ นายปดิพัทธ์ ยังคงดํารงตําแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป อันเป็นการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายซึ่งเป็นการกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกรณีเป็นความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ขอท่านได้โปรดยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ สั่งยุบพรรคก้าวไกลต่อไป” นายศุภชัย กล่าว

'สมชัย' ฟันโชะ!! 4 ข้อชง ‘ยุบพรรคก้าวไกล’ แนวโน้มมีแต่ข่าวร้าย ควรรั้ง สส.ไว้ให้มากที่สุด

(12 มี.ค. 67) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘สมชัย ศรีสุทธิยากร’ ดังนี้…

กรณี กกต. ส่งเรื่องยุบพรรคก้าวไกล

1. ระยะเวลาที่ กกต.พิจารณา ไม่ช้า ไม่เร็วเกินไป คือ ใช้เวลาราว 1 เดือน 10 วัน หลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 31 มกราคม 2567

2. ขั้นต่อไป ในขั้นศาลรัฐธรรมนูญ ไม่น่าจะเกิน 2 เดือนจากนี้ คือ อยู่ในราวต้นเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งมีแนวโน้มเกือบไม่มีทางเป็นสิ่งที่เป็นข่าวดีต่อพรรคก้าวไกลได้

3. การยุบพรรค จะมีผลต่อการตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคด้วย ซึ่งพรรคก้าวไกลต้องประเมินว่า จะรักษาหลักการที่รอผลคำวินิจฉัย หรือ จะให้ สส.บัญชีรายชื่อที่เป็นกรรมการบริหารลาออกเพื่อเลื่อนลำดับคนขึ้นมาแทนที่เพื่อรักษาจำนวน สส.หลังยุบพรรคให้มีจำนวนเท่าเดิม

4. การย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ ของ สส. ต้องทำภายใน 60 วัน จึงเป็นเรื่องที่ต้องพยายามรักษา สส. ให้อยู่ให้มากที่สุด ท่ามกลางข้อเสนอที่เย้ายวนจากพรรคการเมืองอื่น ที่ต้องมีข้อเสนอเชิญชวนให้สังกัดพรรคอย่างมากมายแน่นอน

‘จตุพร’ เชื่อ!! หากก้าวไกลถูกยุบ ปชช. ‘เฉยชา-ไม่ปกป้อง’ ชี้!! ไม่แตกต่างจากการยุบพรรคการเมืองที่ผ่านมาในอดีต

(13 มี.ค. 67) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ โดยเชื่อว่า หากการยุบพรรคก้าวไกลเกิดขึ้นจริงแล้ว ความตื่นตัวของประชาชนคงยังนิ่งเงียบ เฉยชาทางการเมืองไม่แตกต่างการยุบพรรคการเมืองที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งไม่มีประชาชนจำนวนมากออกมาพิทักษ์สิทธิเพื่อปกป้องพรรคที่ลงคะแนนเสียงให้ด้วยความศรัทธาเลย 

นายจตุพร กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติยื่นยุบพรรคก้าวไกลนั้น แนวโน้มศาล รธน.จะรับพิจารณาถึง 99 % แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ การดีลกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ไปฮ่องกงพบทักษิณ ชินวัตร เพราะคนเชื่อถึงการจับมือกันในการร่วมรัฐบาล ดังนั้น การยุบพรรคแสดงถึงการดีลเป็นรัฐบาลจะพังย่อยยับไปทันที

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าการยุบพรรคก้าวไกลจะไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะการยุบพรรคการเมืองผ่านมา ทั้งยุบไทยรักไทย, พลังประชาชน และอนาคตใหม่ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นการยุบพรรคก้าวไกลคงไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเช่นกัน เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งขาดจิตวิญญาณสัมพันธ์ผูกพันต่อกัน จึงไม่เกิดแรงเหวี่ยงทางการเมือง แต่มีความระส่ำระสายของสมาชิกพรรคจะตามมาเท่านั้น

อีกอย่าง การยุบพรรคการเมืองไม่ได้ทำให้สภาพนักการเมืองหมดไป เพราะได้เตรียมชุดหนึ่ง-สอง-สาม ไว้ทำงานรับผิดชอบนำพาพรรคกันใหม่อยู่แล้ว รวมทั้งกล่าวว่า การเมืองรอบนี้หาสาระไม่ได้ และไม่มีหลักการจับยึดมาพูดวิเคราะห์กันเลย จึงได้แต่ติดตามอย่างใกล้ชิด ยิ่งยุบพรรคก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับประชาชนเช่นกัน

ที่สำคัญหลักคิดความแตกต่างทางความเชื่อแบบอนุรักษ์นิยม เสรีนิยม ประชาธิปไตย อำนาจนิยม และฝ่ายก้าวหน้า ยังสงบนิ่งเหมือนเดิม ไม่มีประชาชนตื่นตัวออกมาเรียกร้องอะไรทั้งสิ้น อดีตบอกไว้อย่างนั้น โดยเล่าถึงความเชื่อศรัทธาของประชาชนทางการเมืองที่หยุดนิ่งเฉยเงียบ อนาคตของประเทศจึงเป็นเช่นนี้ ดังนั้น การยุบพรรคก้าวไกลหนนี้ถ้าเกิดขึ้นจริง ย่อมไม่แตกต่างการยุบพรรคที่ผ่านมาเช่นกัน คือ ประชาชนนิ่งเฉย ไร้การตื่นตัวเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ของตัวเอง

“อย่าหวังว่าการยุบพรรคจะพลิกหน้ามือเป็นหลังมือกับสถานการณ์คนไทยเป็นอยู่เหมือนเดิมแบบนี้ จึงยากสุดที่จะเกิดการตื่นตัว และไม่ได้มีหลักยึดมั่นทางการเมืองกับพรรคใดอย่างมั่นคง โดยพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ในการตั้งรัฐบาลเป็นสิ่งสะท้อนอารมณ์ทางการเมืองและความเชื่อในพรรคการเมืองเป็นอย่างไรได้ดีที่สุด คือ เงียบและไม่เกิดอะไรขึ้นเลย แล้วทุกฝ่ายทั้งอนุรักษ์นิยม ประชาธิปไตยและฝ่ายก้าวหน้ายอมให้เกิดขึ้น และยังไม่ได้ประโยชน์อะไรสักอย่างเลย”

ประเทศไทยต้องมาก่อน 

‘นักวิชาการ’ วิเคราะห์!! แนวโน้มยุบ ‘พรรคก้าวไกล’  99.99% ‘รอดยาก’ แต่ลุ้นรอดได้ถ้า ‘ศาล รธน.’ ถูกยุบ

(13 มี.ค.67) จากเว็บไซต์สำนักข่าวไทย ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของนายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งกล่าวถึงแนวทางการพิจารณากรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคก้าวไกล กรณีเสนอแก้ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ว่า คำวินิจฉัยมีโอกาสออกมา 2 ทางคือ ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ซึ่งตรงนี้จะทำให้พรรคก้าวไกลไม่ถูกยุบ กับอีกทางคือหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง คำวินิจฉัยก็ออกมาได้เพียง 2 ทางเช่นเดียวกัน คือยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค กับยกคำร้อง

นายยุทธพร กล่าวอีกว่า แต่ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบนั้นมีถึง 99.99% อีก 0.01 คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ถูกยุบไปก่อนเท่านั้นเอง ดังนั้นโอกาสเป็นอย่างอื่นจึงเป็นไปได้ยาก เพราะตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 เขียนเอาไว้ชัดว่า หาก กกต.เห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อ ว่าพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การยุบพรรค ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 92 (1) คือการล้มล้างการปกครอง และ 92 (2) คือการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์กับ ระบอบการปกครอง ซึ่งกกต. ยื่นไปทั้ง 2 กรณีดังนั้นโอกาสที่จะ พ้นจากมาตรา 92 จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก และอย่าลืมว่าฐานความผิดตามมาตรา 92 ในกฎหมายพรรคการเมือง ก็คือความผิดฐานเดียวกันกับมาตรา 49 แนวรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัย ออกมาแล้วในเรื่องของการล้มล้างการปกครอง ทั้งในเรื่องของพฤติการณ์ ข้อเท็จจริง แม้กระทั่งการสืบพยานผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นในคดีนี้จึงมีโอกาสสูงมากที่จะนำไปสู่การยุบพรรคด้วย

“เหตุผล 2 อย่างคือข้อกฎหมายฐานความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 กลับมาตรา 49 ในรัฐธรรมนูญนั้นฐานความผิดเดียวกัน เพราะฉะนั้นอย่างไรก็ตาม ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ บอกว่าการกระทำดังกล่าวผิดมาตรา 49 ในรัฐธรรมนูญ ก็คงจะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากมาตรา 92 (1) และ (2) กับกรณีที่ 2 คือเรื่องพฤติการณ์ข้อเท็จจริง เรื่องการสืบพยานผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งในคดีนี้ กกต. เอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นคดีล้มล้างการปกครองฯ มาเป็นพยานหลักฐาน ดังนั้นการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่จำเป็นต้องไปสืบพยานหรือ แสวงหาพยานหลักฐานอะไรเพิ่มเติมอีก ก็สามารถตัดสินได้เลยโดยอาศัยแค่คำวินิจฉัยและต่อบทกฎหมาย” นายยุทธพร กล่าว

นายยุทธพร กล่าวว่า ส่วนในแง่ของการโต้แย้ง ก็คงเป็นไปตามกระบวนการพิจารณาคดี โดยศาลรัฐธรรมนูญอาจจะให้พรรคก้าวไกลทำคำโต้แย้ง ซึ่งก็โต้แย้งได้เพียงประเด็นเดียวคือ คำวินิจฉัยนั้นเกิดขึ้นภายหลังการกระทำ ดังนั้นแม้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะผูกพันทุกองค์กรก็จริง แต่ก็ต้องผูกพันหลังมีคำวินิจฉัย โดยก่อนคำวินิจฉัยแม้ศาลจะบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวคือความผิดตามมาตรา 49 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ แต่เป็นสิ่งที่ศาลมาชี้ภายหลัง จึงอาจไม่สามารถเอาผิดได้ แต่แนวโน้มส่วนตัวก็ยังมองว่า ถูกยุบ 99.99% และจะส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคในขณะนั้นถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วย เพราะในกฎหมายเขียนไว้ว่า ถ้ามีเหตุแห่งการยุบพรรคให้ศาลตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคด้วย ส่วนจะตัดสิทธิ์กี่ปีนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลเพราะในกฎหมายไม่ได้เขียนเอาไว้ว่าจะตัดสิทธิ์กี่ปี โดยไม่มีเพดานกำหนดเอาไว้

นับถอยหลัง ‘ยุบพรรคก้าวไกล’ กระบวนทัพใหม่ ‘ไอติม’ มีแววคุมพรรค

สองเรื่องการเมืองร้อนฉ่ามาในสัปดาห์เดียวกัน ‘เล็ก เลียบด่วน’ ขอมัดรวมมากรองแก่นแกนสถานการณ์ให้เห็นภาพ...โดยเฉพาะกรณี ‘พรรคก้าวไกล’

กกต. มีมติเอกฉันท์ให้นายทะเบียนพรรคการเมือง (เลขาธิการ กกต.) ไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค ข้อหาความผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 (1) และ (2) พูดสั้น ๆ (1) นั้นข้อหาล้มล้างการปกครองฯ ส่วน (2) นั้นกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ

ในอดีตปี 2562 กกต. เคยยุบพรรคไทยรักษาชาติ ความผิดมาตรา 92 นี่แหละ แต่ (2) อย่างเดียว…กรรมการบริหารพรรคโดนตัดสิทธิ์ไปคนละสิบปี แต่กรณีพรรคก้าวไกลโดนทั้ง (1) และ (2) เลยมีคำถามว่า...ถ้าโดนตัดสิทธิ์จะสิบปีหรือตลอดชีวิต..

สองวงเล็บ..สยองกันทั้งพรรค

กรณีที่ศาลสั่งยุบ กรรมการบริหารโดนตัดสิทธิ์ 10 คน…ในจำนวน 10 คนนี้ จะมี สส. 5 คน คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ชัยธวัช ตุลาธน, ประดิพัทธ์ สันติภาดา, เบญจา แสงจันทร์ และสุเทพ อู่อ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวจี๊ดตัวตึง และคนสำคัญ โดยเฉพาะ ‘พิธา-ชัยธวัช’

วันนี้…ในพรรคก้าวไกลมองไปถึงแถวสองบวกแถวสาม ที่คาดหมายว่าเมื่อถึงเวลาอาจจะเป็นตัวเลือก หัวหน้าพรรคคนใหม่ เช่น ศิริกัญญา ตันสกุล, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร, หรือแถวสามที่โดดเด่นอย่าง ‘ไอติม’ พริษฐ์ วัชรสินธุ์, ‘เท้ง’ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ

‘ไหม ศิริกัญญา’ กับ ‘ไอติม พริษฐ์’ ดูเหมือนจะโดดเด่น...ส่วน ‘เท้ง ณัฐพงษ์’ ลูกเจ้าสัวฝั่งธนที่เก่งกาจเรื่องไฮเทคและ ‘ธนาธร’ ชื่นชอบ จะวางตัวให้เป็นเลขาธิการพรรคก็ย่อมได้…

อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่า...วิบากกรรมพรรคก้าวไกลอันเนื่องจากเหาะเหินเกินลงกา อ้างว่าแก้มาตรา 112 แต่จริง ๆ ขอให้ยกเลิกนั้น...มีผู้ไปร้องต่อ ป.ป.ช. ว่า 44 สส. ที่ลงชื่อขอแก้ไข (ยกเลิก) มาตรา 112 ดังกล่าวผิด-ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงขอให้เพิกถอนสิทธิ์ฯ เหมือนที่ปารีณา ไกรคุปต์, ช่อ พรรณิการ์ เคยโดนมาแล้ว

ดังนั้นหากสมมุติ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องศาลฎีกาฯ และศาลตัดสินเพิกถอนสิทธิ์คนละสิบปี มันก็จะเกิดปรากฏการณ์.. ‘ไม่มีพวกคุณ ไม่มีพวกเรา’ ที่คุณพิธาโพสต์ไว้ในไอจีเมื่อไม่กี่วันก่อน…

ตรวจดูรายชื่อ 44 คนแล้ว มีทั้งชื่อ ไหม ศิริกัญญา, เท้ง ณัฐพงษ์ รวมอยู่ด้วย...นี่เป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า พรรคก้าวไกลต้องรีบคัดกรองเตรียมตัวสำรองแถว 4 ที่เจ๋ง ๆ เอาไว้เนิ่น ๆ...เพราะกว่าแถว 1 อย่างธนาธร, ปิยบุตร...จะกลับมาผุดมาเกิดทางการเมืองก็อีก 6 ปีกว่า...

และแน่นอนว่า…น่าจะช้ากว่าแผนการลับของเจ้าชายมูลเมือง ที่อาการดีวันดีคืน เพิ่งปักหมุดเชียงใหม่ถอดปลอกคอซดไวน์ได้แล้ว...รายนั้นปีหน้าเขาจะเดินแผนขอล้างมลทินโทษ หวนคืนเก้าอี้นายกฯ อีกครั้ง…

แล้ว ‘ไอติม’ จะเอาอะไรไปสู้!!??

‘ช่อ’ โต้!! ‘ผอ.นิด้า’ ปม ‘ยุบก้าวไกล’ จะปั้นหัวหน้าคนใหม่คงไม่ง่าย ลั่น!! อนาคตใหม่ พิสูจน์แล้ว 4 ปีที่ผ่านมา คนเลือกพรรคที่แนวทาง

(20 มี.ค.67) จากกรณี ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผอ.ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล ระบุว่า หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ จะปั้นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แทนคุณพิธานั้นไม่ง่ายเลย

ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่าน X ถึงเรื่องดังกล่าวว่า…

“ตอนยุบอนาคตใหม่ นักวิเคราะห์ก็พูดกันแบบนี้ ไม่มีธนาธร ก้าวไกลคงไม่รอด 4 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าคนเลือกพรรคที่แนวทาง จุดยืนทางการเมือง และนโยบาย ทัศนคติแบบที่มองว่าพรรคก้าวไกลชนะเพราะปั่นกระแสขึ้นมา เพราะคนเห่อหัวหน้าพรรค ไม่ใช่การดูถูกพรรค แต่ดูถูกประชาชนผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

หากก้าวไกลชนะเพราะปั่นกระแส ทำไมกระแสแลนด์สไลด์ที่แรงมาก จึงไม่สามารถนำพาเพื่อไทยให้ชนะการเลือกตั้งได้?”

สัญญาณชัด!! ชี้ชะตา 7 สิงหา 'พิธา-ชัยธวัช-หมออ๋อง' ต้องลาโรง

มาตรา 92 เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น

(1) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

(2) กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ยกมาตรา 92 วรรคแรก (1) และ (2) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาให้อ่านกัน เพราะนี่คือมาตราที่เป็นหัวใจหลักที่คณะกรรมการ (การเลือกตั้ง) มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า...ได้มีมติเอกฉันท์เมื่อ 12 มี.ค. 2567 ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกล...

อันเป็นกรณีต่อเนื่องจากคดีล้มล้างฯ ที่ศาลรธน.วินิจฉัยให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกลหยุดการกระทำอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายฯ...ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตาม รธน.มาตรา 49...

ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้ขอขยายเวลาแบบเต็มแม็ก และแถลงข่าวชุดใหญ่ไฟกะพริบมาแล้วสองสามรอบ ต่อมายิ่งฮึกเหิมเหมือนได้โด๊ปยาดี เมื่อ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามธ., ที่ปรึกษากฎหมายกกต. และอดีตอธิการบดีมธ. ยอมเป็นพยานปากเอก เขียนเอกสาร 20 กว่าหน้าให้...

โดยนอกเหนือจากคัดค้านการยุบพรรคการเมืองโดยอ้างหลักสากลแล้ว ดร.สุรพล ยังช่วยบดขยี้ประเด็นที่ว่ากกต.ผิดพลาดในกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริง และแยกขาดการดำเนินการมาตรา 92 และ 93 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองออกจากกัน...

วันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา 'เดอะต๋อม' ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคฮึกห้าว แถลงก่อนศาลรธน.ประชุมหนึ่งวัน เป้าหมายเพื่อให้ศาลรธน.รับหลักการเปิด การไต่สวนพยานปากสำคัญ (ดร.สุรพล)...

แต่เหมือนกับสายฟ้าฟาด...วันที่ 17 ก.ค. ศาลรธน.ประชุมพิจารณาตามปกติในวันพุธ แต่มีมติยุติการไต่สวน เพราะหลักฐานเพียงพอแล้ว หากคู่กรณีประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีให้ยื่นเป็นหนังสือภายในวันที่ 24 ก.ค. โดยศาลจะประชุมหารือและลงมติวินิจฉัยในวันพุธที่ 7 ส.ค.

ดูเหมือนว่าสัญญาณวันที่ 17 ก.ค. จากศาลรธน.พอจะเห็นเค้าลางชัดเจนแล้วว่า...ก้าวไกลกำลังใกล้เกม...ความพยายามที่จะพลิกเกมโดยขอไต่สวนพยานบุคคลและให้เรียกเอกสารเพิ่มเติมเพื่อขยี้ประเด็นกกต.ไม่ได้ทำตามขั้นตอนกฎหมาย...หวังจะให้กกต.แพ้ฟาวล์...ปิดฉากลงเกือบสนิท

มองไปข้างหน้ากรณีหากยุบพรรค สส.ทุกชีวิตไปหาพรรคใหม่สังกัดได้ใน 30 วัน แต่กรณีกรรมการบริหารพรรคโดนตัดสิทธิ์ 10 ปี ตามมาตรา 94 วรรคสองนั้น...คนที่จะจบข่าวจบชีวิตชั่วคราวไปด้วยคือ 3 กรรมการบริหารพรรคคนดังชุดก่อนคือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ชัยธวัช ตุลาธน และท่านรองหมูกระทะ...ปดิพัทธ์ สันติภาดา...รวมทั้งเบญจา แสงจันทร์ และสุเทพ อู๋อ้น   

พร้อม ๆ กันนั้น การเมืองหลายประเด็นก็คงจะพลิกเปลี่ยนกันไม่น้อย...เอวัง!!

'ก้าวไกล' จอด!! 'ทักษิณ' คุมเกมใหญ่ 'ป้อม-เหลิม' จับมือดับจันทร์ส่องหล้า

นับถอยหลังสู่เดือน ส.ค.2567...อย่างที่เคยเกริ่นนำไว้ว่า จะเกิดไทม์ไลน์การเมืองที่จะเป็นจุดเดือด จุดหักเปลี่ยน...แบบได้เสีย...

1) กรณียุบพรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารคู่กรณี (กกต.-พรรคก้าวไกล) ยุติการไต่สวน นัดฟังคำวินิจฉัย 7 ส.ค.2567 พรรคก้าวไกลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการได้ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดี มธ.มาเป็นพยานปากเอก ช่วยขยี้ประเด็นการดำเนินการขั้นตอนการยุบพรรค ตามมาตรา 92 และ 93 ของพ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 และระเบียบการดำเนินการการสอบสวน 2566 ของกกต. รวมทั้งประเด็นอื่น ๆ จะช่วยให้รอดจากการถูกยุบได้...

แต่แหล่งข่าวระดับสูงระดับลึกของ 'เล็ก เลียบด่วน' ยังฟันธงว่า 'รอดยาก' โอกาสที่กกต.จะแพ้ฟาวล์มีน้อย ดังนั้นไม่แปลกที่คอการเมืองเขามองไปที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ รุ่นที่ 3 ของก้าวไกลแล้ว ว่าจะเป็นใครระหว่าง 'ไหม' ศิริกัญญา ตันสกุล กับ 'ดร.ต้น' วีระยุทธ กาญจนชูฉัตร เพื่อนของเอก ธนาธร...

2) กรณีถอดถอนเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  คาดว่าช่วงกลางเดือนหรือปลายเดือนส.ค.ก็จะได้รู้กันว่า จะมีการเปลี่ยนนายกฯ หรือไม่...ราคาต่อรองบนโต๊ะกาแฟของหลายวงการตอนนี้อยู่ที่ 50/50   สำหรับ 'เล็ก เลียบด่วน' นาทีนี้ให้รอด/ไม่รอด ที่ 50.5 ต่อ 49.5

แต่ไม่ว่า 'เศรษฐา' จะรอดหรือไม่รอด หน้าการเมืองหลังการตัดสินคดีจะต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่...ถ้ารอดก็จะปรับโฉมหน้าครม.ครั้งสำคัญ แต่หากหวยออกมาว่า 'ไม่รอด' ก็ต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี  

เรื่องใหญ่ของประเทศ...หลายคนคาดว่า หวยนายกฯ คนใหม่ อาจจะไหลไปถึง น.หนู-อนุทิน ชาญวีรกูล แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' ฟังพี่ ๆ น้อง ๆ ชาวเพื่อไทยมาล่าสุด เขาบอกว่า...นาทีนี้ พ่อ-ลูก ชินวัตร ตกผลึกแล้วที่จะให้คนชื่อ 'แพทองธาร ชินวัตร' หรือ 'อุ๊งอิ๊ง' นั่งนายกฯ เลย...

เว้นแต่มี 'ข้อมูลใหม่' เท่านั้น...ถึงจะไม่ขึ้น...

3) กรณีทักษิณ ชินวัตร ก็นับถอยหลังที่จะได้รับใบสุทธิหรือใบบริสุทธิ์จากการพ้นโทษ 22 ส.ค. (โดยไม่ต้องนอนคุกแม้แต่วันเดียว)...ก็ชัดเจนว่า หลังวันพ้นโทษ แม้ทักษิณจะมีคดีมาตรา 112 ผูกแข้งอยู่ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่จะเป็นพยัคฆ์ติดเทอร์โบ...เป็นผู้ทรงอิทธิพลในการช่วยนายกฯ บัญชาการ...

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. เห็นทักษิณควงครอบครัวอุ๊งอิ๊งและโอ๊ค พานทองแท้ไป Rancho Charnvee Resort and Country Club ของอนุทิน...เล่นกอล์ฟ กินข้าว ร้องเพลง โดยมีเสี่ยหนูมาร่วมวงด้วยแล้ว...ก็พอจะเห็นทิศทางการเมืองใหญ่ได้ระดับหนึ่ง ยังไง ๆ ระหว่างทักษิณกับอนุทินนั้นไม่ยากที่จะพูดคุย...ตกลงทางอำนาจในฉากหรือนาทีสำคัญ...!!

นั่นว่าด้วย 3 วาระสำคัญที่น่าจับตา...แต่เฉพาะหน้าเรื่องเล็ก ๆ แต่ไม่เล็กที่ต้องขีดเส้นใต้หมายเหตุไว้สักนิดคือ...กรณีพ่อลูกบ้านบางบอน 'ร.ต.อ.เฉลิม-วัน อยู่บำรุง'

วัน อยู่บำรุง หลั่งน้ำตาลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว ข่าวล่าสุดระบุว่าบ่ายหน้าไปซบตัก 'ลุงป้อม' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ...บ้านป่ารอยต่อ ที่ถูกทักษิณเปลี่ยนชื่อเป็น 'บ้านในป่า'

แว่วว่าผู้พ่อ...เฉลิม อยู่บำรุง ก็ได้เปิดอกพูดคุยกับลุงป้อมเป็นที่เรียบร้อย...ด้วยความเข้าใจในฐานะที่ตอนนี้มีคู่กรณีเป็นคน ๆ เดียวกัน...ลุงป้อมนั้นถูกหาว่าเป็น 'บ้านในป่า' อยู่เบื้องหลัง 40 สว.ให้ยื่นถอดถอนนายกฯ ส่วนพ่อลูกอยู่บำรุงนั้น กรณี 'บิ๊กแจ๊ส' เป็นพิษ...

งานนี้ฟันธงได้ล่วงหน้า เมื่อบ้านในป่าจับมือกับบ้านบางบอน...รับรองบ้านจันทร์ส่องหล้าจะต้องหนาวยะเยือก หรือไม่ก็ร้อนด้วยไฟประลัยกัลป์...เพราะอ่านทางได้ไม่ยากว่า...แม้จะชราวัยไปบ้าง แต่เฉลิมนั้นยังเป็นฉลาม ได้กลิ่นเลือดเมื่อไหร่ ก็ต้องกระโจนใส่...ข้อมูลเก่า ๆ ที่ยังไม่ถูกเปิดมีอีกเป็นกะตั้ก...แว่วว่าจะถูกงัดมาใช้ในสงครามสั่งสอนรอบใหม่ เร็ว ๆ นี้...

'เล็ก เลียบด่วน' ฟังหนังตัวอย่างมาแล้ว...หนาวแทน!!

‘ธนกร-รวมไทยสร้างชาติ’ จวก!! ‘ปิยบุตร’ พาลไปทั่ว ปม ‘ยุบก้าวไกล’ ลั่น!! หากไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ใครหน้าไหนก็ทำอะไรไม่ได้

(31 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ หลังจากที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ในเชิงตำหนินักวิชาการ นักวิเคราะห์ และโดยเฉพาะเหมือนเป็นการตำหนิสื่อมวลชน 

เรื่องนำเสนอแต่ข่าวดรามาไม่สนใจกกต. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกลทำถูกต้องหรือไม่ สะท้อนภาพไม่มีใครสนใจกฎหมาย และการยุบพรรคกลายเป็นเครื่องมือของ ‘นิติสงคราม’ ว่า การที่นายปิยบุตร จะชี้แจงลงรายละเอียดถึงข้อต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกล ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ให้เป็นการต่อสู้คดีอย่างถึงที่สุดตามกระบวนการยุติธรรม

“แต่การออกมาตำหนินักวิชาการ นักวิเคราะห์ รวมถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เป็นเหมือนภาษิตไทยที่ว่า ‘ขี้แพ้ชวนตี’ หรือ พาลไปทั่ว ไม่เลือกหน้า ตนมั่นใจว่า พี่น้องสื่อมวลชนนั้น ต่างก็ทำหน้าที่นำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อย่างตรงไปตรงมา การสัมภาษณ์สส.ก้าวไกลถึงคดีนี้ ก็เพื่อไม่ให้เกิดการก้าวล่วงอำนาจศาลอย่างไม่สมควร เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว พรรคก้าวไกลต่างหาก ควรระวังการก้าวล่วงอำนาจศาล” นายธนกร กล่าว

เมื่อถามว่า ในช่วงที่ผ่านมาดูเหมือนแกนนำพรรคก้าวไกลพร้อมใจกันออกมา แสดงความเห็นในแนวต่อว่ากระบวนการ ไม่เป็นธรรมนั้น นายธนกร มองว่า การที่นายปิยบุตร รวมถึงแกนนำพรรคก้าวไกล ออกมาพูดแสดงความเห็นในเชิงลบต่อกระบวนการของกกต.และศาลรัฐธรรมนูญก่อนวันตัดสินนั้น ถือเป็นการก้าวล่วงศาลอย่างชัดเจนหรือไม่ 

ไม่เพียงเท่านั้น พรรคก้าวไกลยังนัดรวมพลแฟนคลับเตรียมจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในวันที่ฟังผลตัดสินคดีด้วย จะให้สังคมคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ จึงขอถามนายปิยบุตร ว่ามีเจตนาใดแอบแฝงเบื้องหลังหรือไม่ และขอให้หยุดดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรม หากไม่ได้ทำผิดอาจจะรอดไม่ต้องถูกยุบพรรคก็เป็นได้ จึงไม่ควรตีโพยตีพาย ออกมาตีตนไปก่อนไข้แบบนี้

“ขอให้ตั้งสติและเลิกใช้คำว่า ‘นิติสงคราม’ เสียที เพราะไม่มีใครใช้กฎหมายเพื่อกลั่นแกล้งใครได้ ถ้าคุณไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ใครหน้าไหนก็ทำอะไรคุณไม่ได้ ประเทศไทยเรายึดตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยู่กันด้วยหลักการกฎหมาย ยืนบนความถูกต้อง ไม่ใช่ความถูกใจของคนบางกลุ่ม บางพรรค เรามีรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ขอให้พรรคก้าวไกลและนายปิยบุตร ยอมรับความจริงตรงนี้ด้วย” นายธนกร กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top