Monday, 21 April 2025
มาสด้า

มาสด้า จับมือ กลุ่มบริษัท กวงไถ่ ของตระกูลมหากิจศิริ ทุ่มงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแบบครบวงจร พร้อมศูนย์ซ่อมตัวถังและสี ภายใต้ชื่อ “มาสด้า กวงไถ่” บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ ริมถนนบางนา ตราด กม. 29 

มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มาสด้ามุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการยกระดับการบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยครั้งนี้ มาสด้าได้ร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งคือ กลุ่มบริษัท กวงไถ่ ที่บริหารงานโดย คุณประทีป มหากิจศิริ ซึ่งเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ และอยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์มาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี การเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่บนถนนบางนาตราด กม. 29 เนื่องจากเล็งเห็นว่าทำเลนี้เป็นย่านนิคมอุตสาหกรรม โรงเรียน แหล่งชุมชนที่มีลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น รวมถึงยังเป็นทำเลศักยภาพที่ในอนาคตจะมีเมกะโปรเจกต์เกิดขึ้นอีกหลายแห่ง จึงได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถยนต์มาสด้าในย่านนี้ ซึ่งจากองค์ประกอบเหล่านี้แล้ว เราเชื่อว่า โชว์รูมและศูนย์บริการแห่งนี้ จะสร้างโอกาสทางการแข่งขัน และสามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าในย่านนี้ได้อย่างแน่นอน

นายประทีป มหากิจศิริ ประธาน กลุ่มบริษัท กวงไถ่ กล่าวว่า กลุ่มบริษัท กวงไถ่ มีความพร้อมและได้ดำเนินธุรกิจมาอย่างมั่นคง ทำให้เรามีความพร้อมที่จะส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ซึ่งครั้งนี้ เราได้เข้าร่วมเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าอย่างเป็นทางการ โดยเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแบบครบวงจร พร้อมศูนย์ซ่อมตัวถังและสี “มาสด้า กวงไถ่” ขึ้น บนถนนบางนา ตราด กม.29 โดยโชว์รูมแห่งนี้ ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย หรูหรา พรั่งพร้อมด้วยเครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน สามารถรองรับรถยนต์ที่มาใช้บริการได้สูงสุด 500 คันต่อเดือน และมีศักยภาพที่จะขยายเพิ่มเติมเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้นได้ถึง 1,000 คัน นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ซ่อมตัวถังและสี ที่สามารถรองรับรถลูกค้าที่มาเข้าซ่อมได้ถึง 300 คันต่อเดือน จึงเชื่อว่าจะสามารถส่งมอบการบริการให้กับลูกค้าได้เพียงพอต่อความต้องการ และมอบความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างครบวงจรแน่นอน

 

เปิดประวัติ ‘โรตารี่’ อายุยาวนานกว่า 100 ปี ความภาคภูมิใจของมาสด้า โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ ‘เครื่องยนต์ลูกสูบสามเหลี่ยม’ แรงไม่ซ้ำใคร

(9 มี.ค.67) วันเสาร์สุดสัปดาห์แบบนี้ THE STATES TIMES จะขอพาทุกท่าน ย้อนเวลา ไปหาเครื่องยนต์ที่ถือได้ว่า เป็นตำนานที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ‘มาสด้า’ นั่นก็คือ ‘เครื่องโรตารี่’

ต้นกำเนิดของเครื่องยนต์โรตารี่ เริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อปี 1919 เมื่อ มร. เฟลิกซ์ แวนเคิ้ล (Mr. Felix Wankel) มีความคิดริเริ่มที่จะสร้างเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำแบบเครื่องยนต์ลูกสูบทั่วๆไป โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก 'เครื่องจักรเทอร์ไบน์' จนกระทั่งออกมาเป็นรูปร่างคล้ายเครื่องยนต์ 4 จังหวะ จุดระเบิดด้วยการหมุนรอบตัวเอง และได้ทำการทดลองมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถออกแบบเป็น 'ลูกสูบสามเหลี่ยม' ขึ้นมา และเมื่อ มร. เฟลิกซ์ แวนเคิ้ล ได้เข้าทำงานในสถาบัน TES (Technical Institute of Engineering Study) จึงได้พัฒนาจนเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานในรถเพื่อการพาณิชย์ โดยนำโปรเจกต์นี้ไปเสนอต่อบริษัท NSU Motorenwerke AG ซึ่งเป็นบริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ และได้พัฒนาเครื่องยนต์โรตารี่ควบคู่กันไป ทำให้ 'เครื่องยนต์โรตารี่' เครื่องแรกถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1957 โดยใช้ชื่อว่า DKM 54 ในรถมอเตอร์ไซค์ รุ่น 50 ซี.ซี. สามารถทำความเร็วได้ถึง 192.5 กม./ชม. ที่สำคัญสามารถคว้าชัยชนะในรายการ 'World Grand Prix Championship' ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาให้กับผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก

ในปี 1961 Mr.Tsuneji Matsuda ประธาน บริษัท Toyo Kogyu (โตโย โคเกียว) ผู้ผลิตรถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัยภายใต้ชื่อ 'มาสด้า' ได้ทำการซื้อลิขสิทธิ์มาพัฒนาใหม่ จนกระทั่งในเดือนเมษายน ปี 1963 Mr. Keichi Yamamoto ก็ได้ทำการพัฒนาขึ้นมาสำเร็จ แต่ยังพบข้อบกพร่องบางอย่างเกี่ยวกับ Apex Seal และ Oil Seal ซึ่งเสียหายง่าย จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท Nippon Piston Ring & Oil Seal Co. เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้สำเร็จ

ต่อมาในปี 1967 #มาสด้าก็ได้สร้างความฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรถคันแรก ที่ใช้ #เครื่องยนต์โรตารี่ ด้วย 'รุ่น Cosmo Sport 110S' ซึ่งเป็นรถยนต์มาสด้ารุ่นแรก ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่หลังจากนั้นจึงได้เริ่มผลิตและจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์โรตารี่ ตามออกมาอีกหลายรุ่น อาทิ แฟมิเลีย โรตารี่คูเป้ (R100 ในต่างประเทศ) ซาวันน่า(RX-3) #RX-7 และรุ่นยูโนส คอสโมมาสด้าถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกและรายเดียว ที่ประสบความสำเร็จในการใช้เครื่องยนต์โรตารี่ ในเชิงพาณิชย์จนถึงปัจจุบันโดยเริ่มมาจากการใช้เครื่องยนต์โรตารี่ในรถยนต์รุ่น Cosmo Sport 110S และทำให้ต่อมารถยนต์มาสด้าหลายรุ่น ก็ได้นำเอาเครื่องยนต์โรตารี่มาใช้

นับจากรถยนต์มาสด้า ที่ใช้เครื่อง โรตารี่ ปรากฏโฉมออกสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาร่วม 50 ปี ของเครื่องยนต์นี้ที่ถูกผลิตและจำหน่ายไปทั่วโลกมากกว่า 2 ล้านคัน ซึ่งในระหว่างนั้นทาง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นมีโอกาสผลิตรุ่นพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี จึงได้เปิดตัวมาสด้า #RX-8รุ่นพิเศษ ในตลาดญี่ปุ่น โดยรุ่นพิเศษนี้ได้รับการพัฒนามาจากรุ่น RX-8 Type S(เกียร์ธรรมดา 6 สปีด) และ Type E(เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด) ถึงแม้ว่าเครื่องยนต์โรตารี่ จะได้หยุดการผลิตไปในบางช่วงเวลาเนื่องจากความเข้มงวดในบางตลาด แต่มาสด้าก็ไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาและวิจัย

จนกระทั่งวันนี้ตำนานที่ถูกเล่าขานมาอย่างยาวนาน ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้ง นั่นคือ เครื่องยนต์โรตารี่ เจเนอเรชั่นใหม่ ที่มีชื่อเรียกว่า SKYACTIV-R หรือ เครื่องยนต์โรตารี่ที่แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของมาสด้า ในการกล้าที่จะก้าวสู่ความท้าทายใหม่ๆ และกล้าที่จะต่างด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดยได้พัฒนาขึ้นเป็นรถสปอร์ตต้นแบบ มาสด้าRX-Vision ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ เจเนอเรชั่นใหม่ สกายแอคทีฟ-อาร์ เป็นขุมพลังในการขับเคลื่อน ซึ่ง มาสด้า มอเตอร์คอร์ปอเรชั่น ได้เผยโฉมเป็นครั้งแรกในงาน โตเกียว มอเตอร์ โชว์ เพื่อสะท้อนถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคต ด้วยการเป็นรถสปอร์ตวางหน้า และขับเคลื่อนล้อหลังที่มาพร้อมรูปลักษณ์หรูหรางดงามตามแบบฉบับ โคโดะ ดีไซน์ อันเลื่องชื่อของมาสด้า

นี่คือเรื่องราวความเป็นมาบางส่วนเกี่ยวกับเครื่องยนต์โรตารี่ อันเป็นต้นกำเนิดของรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่น และส่งผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

‘MAZDA’ คิกออฟ!! MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024 สานฝันเด็กไทย ก้าวสู่ 'โปรกอล์ฟระดับโลก' ผู้ชนะได้สิทธิตะลุยถิ่นลุงแซม

(21 เม.ย.67) มาสด้าแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ร่วมมือกับ The Agency Recruiter เอเจนซี่ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาทุนการศึกษาด้านกีฬาให้เยาวชนจากทั่วโลก เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยที่สนใจกีฬากอล์ฟได้เข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อก้าวสู่การเป็นโปรกอล์ฟมืออาชีพในอนาคต พร้อมโอกาสในการรับทุนการศึกษาจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการจุดประกายความฝันครั้งสำคัญของเยาวชนไทยสำหรับการก้าวไปสู่ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟระดับโลก นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นครั้งนี้ อยู่ภายใต้โครงการ ‘MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024’ จัดขึ้นเพื่อสร้างโอกาสและเป็นการจุดประกายให้กับนักกอล์ฟทั้งเยาวชนชายและเยาวชนหญิง ได้มีโอกาสก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้จะคว้าสิทธิ์ไปแข่งขันกอล์ฟในทัวร์นาเมนต์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทันที ซึ่งการเดินทางไปเล่นที่สหรัฐอเมริกาจะมีโค้ชจากโรงเรียนชื่อดังและมหาวิทยาลัยชั้นนำมาคอยสังเกตุการณ์ทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคลคน หรืออาจได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพในโอกาสต่อไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า 
“ถือเป็นการเปิดโอกาสครั้งสำคัญสำหรับเยาวชนไทย ที่ทางมาสด้าได้สิทธิ์จากทัวร์นาเมนต์กอล์ฟเยาวชนชื่อดังระดับโลกมาจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย สำหรับแบรนด์มาสด้าเรามีความเชื่อในคุณค่าของการ uplift ประสบการณ์การใช้ชีวิต มีจิตวิญญาณความเป็นนักสู้ Challenger Spirit ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ เสมือนกับการเป็นนักกีฬาที่ต้องมีความขยันอดทน หมั่นฝึกฝนทักษะ มีความมานะอุตสาหะ ต่อสู้กับตนเองและสภาพแวดล้อม เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตต่อยอดไปจนถึงการเล่นกอล์ฟระดับอาชีพ”

สำหรับกำหนดการจัดการแข่งขัน MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024 จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 ครั้ง และ 2 สนาม โดยสนามแรกจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 3-5 พฤษภาคม 2567 ที่สนามกอล์ฟ Lotus Valley Golf Resort จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีนักกอล์ฟเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 132 คน ส่วนสนามที่ 2 เตรียมจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2567 ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป ซึ่งการคัดเลือกสำหรับสนามที่ 2 ทางมาสด้าและพันธมิตรยังคงได้สิทธิ์ในการจัดการแข่งขัน โดยจะเปิดโอกาสให้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันเฉพาะลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้าและสมาชิกครอบครัวมาสด้าเท่านั้น ที่มีเยาวชนอายุระหว่าง 12-19 ปี ซึ่งมีความใฝ่ฝันอยากเดินทางสู่การเป็นโปรกอล์ฟ โดยเตรียมจัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักกอล์ฟเยาวชนขึ้นในเดือนกันยายน 2567 เพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟที่ทำผลงานดีที่สุด จำนวน 24 คน เป็นเยาวชนชาย 12 คน และเยาวชนหญิงอีก 12 คน เข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย 

‘มาสด้า’ ประชุมใหญ่ ภายใต้ธีม ‘Mazda Mirai 2024’ ประกาศนโยบาย ‘เอาใจใส่ ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด’

(26 พ.ค.67) การประชุมผู้จำหน่ายประจำปี หรือ Mazda Mirai 2024 มาสด้าได้นำเสนอนโยบายและแผนธุรกิจระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทำให้ผู้จำหน่ายเห็นทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สร้างความเชื่อมั่นและเกิดความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน ภายใต้แนวคิด Reinvent for a Sustainable Future ผ่าน 3 คีย์เวิร์ดสำคัญ คือ Reinvention หมายถึงการปรับและเปลี่ยนวิธีคิดการทำงานเพื่อให้ทันกับสถานการณ์โลกธุรกิจในปัจจุบันที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Sustainability คือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ไม่เพียงในแง่ของการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่รวมถึงผู้คนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น และ Future คืออนาคตที่พวกเราจะก้าวเดินไปพร้อมกัน ระหว่าง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่าย ประสานมือสร้างพันธกิจร่วมกัน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการส่งมอบความสุขให้กับลูกค้ามาสด้าตลอดไป

มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้าเกิดความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่การขายรถใหม่เพียงอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี จนเกิดเป็นความประทับใจ กลับมาซื้อซ้ำ และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น ทุกช่วงเวลาของชีวิต กลายมาเป็น “มาสด้า แฟมิลี่” นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ Retention Business คือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าให้ดีที่สุด รวมถึงการแนะนำจุดเด่นของรถมาสด้าให้กับคนอื่นๆ ต่อไป มาสด้าเชื่อว่าแนวทางการทำธุรกิจด้วยวิถีนี้จะนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างเต็มกำลัง และให้ความสำคัญสูงสุดต่อการสร้างแบรนด์ Brand Value Management โดยเฉพาะการบริการหลังการขายให้ถือเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ตามกลยุทธ์ Retention Business Model ตั้งเป้าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้าเลือก Top Customer Retention และเป็นอันดับหนึ่งด้านการบริการ Top Service Retention เพื่อส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้ลูกค้า Joy Drives Lives โดยเฉพาะผลประกอบการของผู้จำหน่ายต้องแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ก้าวต่อไปของมาสด้าคือการสร้างธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน โดยเฉพาะนโยบายด้านการขายและการบริการ รวมถึงการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับแฟนมาสด้า เนื่องจากเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มาสด้าได้ดำเนินการมาตลอด 2-3 ปีนี้ และกำลังเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อรักษาลูกค้าให้อยู่กับมาสด้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถมาสด้า ถึงแม้ว่าวันนี้ลูกค้าจะมีทางเลือกที่หลากหลาย แต่เราก็ยังยืนหยัดที่จะเน้นนโยบาย เพื่อรักษาและดูแลฐานลูกค้าเก่าเป็นอันดับแรก นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญต่อการดำรงอยู่อย่างมั่นคงของมาสด้าที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลกและกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยแผนการดำเนินธุรกิจ Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น คือเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention เป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก และให้บริการลูกค้าจนเกิดความพึงพอใจ นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และสร้างความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานระยะกลาง Mid-Term Plan หัวใจหลักสำคัญคือการสร้างมูลค่าแบรนด์สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการขายรถใหม่เพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจเกิดความแข็งแกร่งได้ แต่การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ครบทุกองค์ประกอบ คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของผู้จำหน่ายเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงข้างลูกค้าตลอดไป สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามแนวทางการบริหารคุณค่าหลักของแบรนด์มาสด้า หรือ PPV ประกอบด้วย Purpose การสร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คนที่ได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์ และทุกช่วงเวลาของชีวิต ตามด้วย Promise คำมั่นสัญญาจากมาสด้า คือการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ครบทุกมิติได้อย่างสมดุล ทั้งทางด้านอารมณ์ความรู้สึกและกายภาพ รวมถึงชุมชนและสังคม และคุณค่าหลักที่สำคัญอย่างยิ่งที่บุคลากรมาสด้าทุกคนยึดมั่น คือ Values หรือ คุณค่า ทัศนคติ แนวคิด และพฤติกรรม ให้ความสำคัญกับมนุษย์อย่างแท้จริง มีจิตวิญญาณนักสู้ ส่งมอบประสบการณ์ความประทับใจด้วยความใส่ใจและเป็นมิตรโดยไม่คาดหวังรางวัลตอบแทน โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท

นี่คือแนวทางในการสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่งและยั่งยืนตลอดไป เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้า Joy Drives Lives แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

‘ญี่ปุ่น’ พบ ‘5 ค่ายรถชื่อดัง’ บิดเบือนผลทดสอบความปลอดภัย ลั่น!! การกระทำนี้เป็นบ่อนทำลายความไว้วางใจผู้ใช้บริการ

(4 มิ.ย. 67) กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้ผลิตรถยนต์ 4 ราย และผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ 1 ราย ของญี่ปุ่นยอมรับมีความผิดปกติในการทดสอบความปลอดภัย ส่งผลให้โตโยต้า มอเตอร์, มาสด้า มอเตอร์ และยามาฮ่า มอเตอร์ ต้องระงับชั่วคราวในการจัดส่งรถยนต์ทั้งหมด 6 รุ่น โดยระบุว่าอีก 2 บริษัทที่รายงานว่ามีปัญหาในเรื่องนี้ ได้แก่ ฮอนด้า มอเตอร์ และซูซูกิ มอเตอร์

เพื่อตอบสนองต่อปัญหาก่อนหน้านี้ที่ Daihatsu Motor และ Toyota Industries กระทรวงฯ ได้สั่งให้บริษัท 85 แห่งในอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และอุปกรณ์ ตรวจสอบว่ามีความผิดปกติใด ๆ ในการสมัครขอใบรับรองรุ่นของตนหรือไม่ ในแถลงการณ์ กระทรวงเรียกความผิดปกติดังกล่าวว่า “การกระทำที่บ่อนทำลายความไว้วางใจของผู้ใช้ และสั่นคลอนรากฐานของระบบการรับรองยานยนต์ ระดับชาติ

กระทรวงจะดำเนินการตรวจสอบสถานที่ของโตโยต้าในวันอังคาร การตรวจสอบของบริษัทอื่น ๆ อีก 4 แห่งจะตามมา

ตามรายงานของกระทรวงฯ โตโยต้า มาสด้า และยามาฮ่า ยืนยันว่า การบิดเบือนการทดสอบได้เกิดขึ้นในการผลิตรถยนต์ที่ยังคงดำเนินการอยู่ กระทรวงสั่งให้บริษัทเหล่านี้ระงับการจัดส่งรุ่นเฉพาะจนกว่าจะยืนยันว่าเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพ

โตโยต้าประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ได้หยุดการจัดส่งและจำหน่ายในประเทศของโคโรลล่า ฟิลเดอร์, โคโรลลา แอ็กซิโอ และยาริส ครอส โดยกล่าวว่าการสมัครขอใบรับรองรุ่นเหล่านี้มี ‘ข้อมูลไม่เพียงพอในการทดสอบการป้องกันคนเดินเท้าและผู้โดยสาร’

อีกทั้งยังมีการกล่าวถึงรุ่นอื่น ๆ อีก 4 รุ่นที่ไม่ได้ผลิตอีกต่อไปในประกาศของ Toyota ได้แก่ Crown, Isis, Sienta และ RX ซึ่งพบ ‘ข้อผิดพลาดในการทดสอบการชนและวิธีการทดสอบอื่น ๆ’

คำแถลงดังกล่าวต่อไปว่า “เรารับประกันได้ว่าไม่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพที่ขัดต่อกฎหมายและข้อบังคับ” โตโยต้ากล่าวว่าได้ตรวจสอบเรื่องนี้เป็นการภายในแล้ว และ “ไม่จำเป็นต้องหยุดใช้ยานพาหนะที่ได้รับผลกระทบ”

“ผมอยากจะขอโทษอย่างจริงใจต่อลูกค้า ผู้ชื่นชอบรถยนต์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย” อากิโอะ โตโยดะ ประธานบริษัทโตโยต้า กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์

ตามที่บริษัทระบุ บริษัทใช้ข้อมูลที่รวบรวมในกระบวนการพัฒนา ซึ่งบริษัทกล่าวว่าอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวดกว่าข้อกำหนดของกระทรวง และเป็นผลให้ไม่ตรงกับข้อกำหนดอย่างถูกต้อง มีแผนที่จะส่งรายงานฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อกระทรวงภายในสิ้นเดือนนี้

ความผิดปกติดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกลุ่มบริษัท Hino Motors, Daihatsu Motor และ Toyota Industries รายงานปัญหาที่คล้ายกัน

“ผมมีความรู้สึกที่โชคร้ายมาก” ประธานกล่าว “โตโยต้า ไม่ใช่บริษัทที่สมบูรณ์แบบ เราทราบดีว่ายังมีช่องว่างให้ปรับปรุงอีกมาก” บริษัทกล่าวว่าได้เริ่มปรับปรุงกระบวนการทดสอบความปลอดภัยแล้ว

ไดฮัทสุ หน่วยรถยนต์ขนาดเล็กของโตโยต้า เปิดเผยการบิดเบือนผลการทดสอบผลิตภัณฑ์อย่างกว้างขวางในปี 2566 ส่งผลให้โรงงานทั้งหมดในญี่ปุ่นต้องปิดชั่วคราว Toyota Industries และ Hino ยังรายงานการประพฤติมิชอบเกี่ยวกับการรับรองเครื่องยนต์ในเดือนมกราคมและเดือนมีนาคม 2022 ตามลำดับ

ตามรายงานของกระทรวง มาสด้ารายงานความผิดปกติในรถยนต์ 5 รุ่น รวมถึง 2 รุ่นที่ยังคงอยู่ในการผลิต Yamaha Motor มีโมเดลสามรุ่นที่ค้นพบความผิดปกติ โดยรุ่นหนึ่งยังคงอยู่ในการผลิต

ฮอนด้ารายงาน 22 รุ่นและซูซูกิ 1 รุ่น ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่ในการผลิตมาสด้ากล่าวว่าพบว่าการประมวลผลรถยนต์ทดสอบไม่สม่ำเสมอในการทดสอบการชนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ 3 รุ่นที่ไม่มีการผลิตอีกต่อไป บริษัทกล่าวว่าการตรวจสอบทางเทคนิคภายในและการทดสอบซ้ำ “ยืนยันว่าโมเดลเหล่านี้มีประสิทธิภาพที่ตรงตามมาตรฐานทางกฎหมายสำหรับประสิทธิภาพการปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดการชนกันทางด้านหน้า”

ฮอนด้า ยามาฮ่า และซูซูกิยังได้ออกแถลงการณ์เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่จะไม่มีปัญหากับสมรรถนะของรถ

‘มาสด้า’ ยกทัพรถแต่ง บุกงาน ‘Auto Salon’ เปิดจองสีพิเศษ!! ในไทยมีแค่ 100 คัน เท่านั้น

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่บูธ ‘Mazda’ ภายในงาน แบงค็อก ออโต ซาลอน 2024 (Bangkok Auto Salon 2024) ในปีนี้ ได้มีการเปิดตัวชุดแต่งใหม่ ‘SCI-FI Hatchback’ สำหรับรถยนต์ มาสด้า 2 พร้อมการตกแต่งและนำมาจัดแสดงภายในงานดังกล่าวเป็นครั้งแรก รวมถึงการจัดแสดงรถยนต์ New Mazda MX-5 สีใหม่ ‘สีเทา แอโร เกรย์’ และได้เปิดจอง Mazda6 20th Anniversary Edition สีใหม่ ‘สีขาว โรเดียม ไวท์’ จำนวนจำกัด 100 คันในประเทศไทย

ชุดแต่ง SCI-FI Hatchback ของ มาสด้า 2 มีรายละเอียดดังนี้
• สติ๊กเกอร์หลังคา
• เสาอากาศวิทยุแบบครีบฉลาม สีดำ
• ชุดสติ๊กเกอร์ตกแต่งกระจังหน้า สีเขียว Lime Green
• คิ้วแต่งกระจังหน้า สีเขียว Lime Green
• ชุดฝาครอบล้อ สีดำ 4 ชิ้น
• ชุดสติ๊กเกอร์สำหรับชุดครอบล้อ สีเขียว Lime Green
• ชุดสติ๊กเกอร์สำหรับครอบกระจกข้าง สีเขียว Lime Green
• ชุดสปอยเลอร์หลังรุ่น 5 ประตู สีดำ / สีเขียว Lime Green
• คิ้วตกแต่งกันชนหลัง สีเขียว Lime Green

ราคาของชุดแต่งดังกล่าวมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 6.6 หมื่นบาท (ราคารวมค่าทำสี ค่าแรงติดตั้ง และ VAT 7%) โดยตกแต่งบนตัวรถพื้นฐาน มาสด้า 2 รุ่น 1.3 C / 1.3 C Sports ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5.99 แสนบาท (ราคาไม่รวมชุดแต่ง)

สำหรับ New Mazda MX-5 รุ่นเกียร์ธรรมดา สีเทาแอโร เกรย์ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3.02 ล้านบาท มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.49%, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service, ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี, ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

ส่วน Mazda6 20th Anniversary Edition เปิดให้ลูกค้าจำนวนจำกัด 100 คัน ในประเทศไทย ราคาจำหน่าย 2.49 ล้านบาท มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 1.99%, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง, ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 7 ปี Mazda Ultimate Service (MUS), ขยายการรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 7 ปี, ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 7 ปี, ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 7 ปี โดยเฉพาะครอบครัวมาสด้ารับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท

ผู้ที่สนใจสามารถมาสัมผัสรถยนต์ ‘มาสด้า’ ได้ที่ งาน Bangkok Auto Salon 2024 และที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ 

‘Mazda’ จัดหนัก แคมเปญ Mazda Joy of July เอาใจสาย ‘สกายแอคทีฟ’ ลดราคารถเอสยูวี ‘CX-5’ พร้อม ‘ดอกเบี้ยพิเศษ-ประกันภัย-โปรแกรมดูแลรถ’

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าเป็นวิสัยทัศน์ที่มาสด้ามุ่งมั่นมาตลอด รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่มีเอกลักษณ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอันทรงพลัง และมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในทุก ๆ ด้าน เพื่อมอบความสนุกสนานเร้าใจให้กับการขับขี่ในทุกเส้นทาง จึงก่อกำเนิดเป็นเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ นำมาซึ่งเทคโนโลยีในอุดมคติที่ทุกคนใฝ่ฝัน

ทุกองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบนี้ถูกถ่ายทอดลงสู่รถยนต์มาสด้าทุกรุ่น รวมถึงมาสด้า CX-5 ที่ได้สร้างเกียรติประวัติไว้มากมายกว่า 90 รางวัลจากทั่วโลก รวมถึงรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น จนได้รับความนิยมและถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มาสด้า CX-5 รุ่น 2.0 SP เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลัง 165 แรงม้า ให้การประหยัดน้ำมันและมีความคุ้มค่ามากที่สุด

นอกจากคุณภาพที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟแล้ว มาสด้า CX-5 ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่เรียบง่ายแต่งดงาม ตามแนวคิด Kodo Design Soul of Motion หรือ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันสง่างาม เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก สมรรถนะการขับขี่ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ช่วยให้ไม่พลาดทุกการสื่อสาร

จึงทำให้มาสด้า CX-5 ครบครัน คุ้มค่า คุ้มราคา เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีในยุคปัจจุบัน

ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าที่กำลังมองหาครอสโอเวอร์เอสยูวีและเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นกับ มาสด้า CX-5 รุ่น 2.0 SP ราคาจำหน่าย 1,499,000 บาท โดยมาสด้าได้มอบข้อเสนอสุดร้อนแรงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเฉพาะเดือนกรกฎาคมกับแคมเปญ Mazda Joy of July รับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 60 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)

หรือ ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 72 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และยังมอบความพิเศษอีกหนึ่งต่อให้กับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

‘มาสด้า’ ประกาศสนับสนุน ‘สวาทแคท’ ลุยศึกไทยลีก สร้างความสุขให้แฟนบอล ชี้!! มีมิตรภาพที่เหนียวแน่น ‘สุข-เศร้า-ผ่านอุปสรรค’ มาด้วยกัน นี่คือสปิริตของคนกีฬา

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฤดูกาลที่ผ่านมามีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นมากมาย ทีมสวาทแคทได้นำความสุข นำชัยชนะกลับมาเป็นของขวัญให้แฟน ๆ ทุกคน ทำให้เรากลับขึ้นมายืนหนึ่งในไทยลีกได้อย่างสง่างาม ในฐานะแชมป์ T2 ผมชื่นชมในความอุตสาหะและการทุ่มเทของนักกีฬา โค้ช ผู้บริหาร และทีมงานทุกคน ที่สำคัญคือแฟน ๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจส่งเสียงเชียร์ช่วยผลักดันให้ทีมก้าวไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ เราทุกคนต่อสู้เพื่อทีมที่เรารัก โดยไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค สิ่งเหล่านี้คือสปิริตที่เรามีร่วมกัน นี่คือบทพิสูจน์ที่นำพาให้เราชาวสวาทแคทก้าวเดินมาจนถึงทุกวันนี้ได้ มาสด้าสนับสนุนสวาทแคทตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ 12 ปีเต็ม ผ่านประสบการณ์ร่วมกันมากมาย ทั้งสุข และเศร้า ผ่านอุปสรรคนานัปการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ความรักความผูกพันของเราเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นมิตรภาพที่เหนียวแน่นมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเฉพาะคนโคราชเท่านั้น แต่รวมถึงคนไทยทั้งประเทศ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การสนับสนุน “สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี”  เป็นจุดเริ่มสำคัญของมาสด้าในการบุกเบิก Sports Marketing วันนี้ มาสด้าและสวาทแคทเดินทางมาไกล แต่เราจะไม่หยุดเดิน เราต้องไปให้ถึงจุดหมายที่ทุกคนคาดหวัง เราประสบความสำเร็จจากการก้าวขึ้นมาเล่นในไทยลีก T1 อีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์ T2 ปีนี้มาสด้าสานต่อการสนับสนุนทีมต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน เราทุกคนเชื่อมั่นในสปิริตของทีม เรามั่นใจว่าฤดูกาลนี้สโมสรจะประสบความสำเร็จดังที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพราะทุกคนมีความพยายาม มีความมุ่งมั่น ทุ่มเท และไม่เคยยอมแพ้ ด้วยสปิริตแห่งนักสู้นี้ เรามีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าปีนี้ทีมจะก้าวขึ้นไปอยู่แถวหน้าของตาราง การลงนามความร่วมมือกันระหว่างมาสด้าและสโมสรฯ ในครั้งนี้ คือ พันธสัญญาที่จะก้าวเดินไปด้วยกัน ต่อสู้ไปด้วยกัน เพื่อความสำเร็จของทีม รวมถึงความสุขของแฟนบอล โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพวงการกีฬาฟุตบอลของเมืองไทยให้ก้าวไปสู่ระดับชั้นนำของโลกดังที่ทุกคนตั้งความหวัง

“ปีนี้มาสด้ายังคงให้การสนับสนุนทีมสวาทแคทอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ทีมก้าวสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะเราไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่ชัยชนะเท่านั้น การที่มาสด้ามีส่วนช่วยผลักดันนักเตะและวงการฟุตบอลของไทยให้เติบโตไปไกลกว่าเดิม ผมมั่นใจว่าทีมงานทั้งหมด ทั้ง ผู้บริหารสโมสรฯ โค้ช และนักเตะทุกคน ต่างมีใจสู้ไม่ถอย ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค พร้อมร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันให้ทีมก้าวสู่เป้าหมายตามที่ต้องการ เพราะสิ่งเหล่านี้คือสปิริตที่เรามีร่วมกัน เราไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่เก็บชัยชนะเท่านั้น เราต้องการพัฒนาและยกระดับฟุตบอลไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมให้นักกีฬาก้าวสู่ระดับอาชีพ ที่สำคัญ คือการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นให้เติบโตไปพร้อม ๆ กันทุกภูมิภาคทั่วประเทศ” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ประธานเปิดงาน กล่าวว่า ฤดูกาลที่ผ่านมา เราสามารถทำเป้าหมายได้สำเร็จ คว้าแชมป์ฟุตบอลไทยลีก 2 ได้เลื่อนชั้นกลับขั้นมาอยู่บนไทยลีก 1 ส่วนฤดูกาลใหม่นี้ ก็เป็นปีที่มีความท้าทาย เราในฐานะทีมน้องใหม่ ซึ่งในส่วนของฝ่ายบริหาร ผมพร้อมให้การสนับสนุนทีมในทุก ๆ ด้าน อย่างเต็มที่ เพราะผมรู้ว่าการแข่งขันในลีกสูงสุดไม่ใช่เรื่องง่าย และเราก็ผ่านประสบการณ์มาแล้ว ทำให้เรามีความระมัดระวังมากขึ้นในทุกมิติ และเตรียมพร้อมทุกอย่างให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก็ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทีมทุก ๆ ท่าน ที่ยังอยู่เคียงข้างทีมสวาทแคท และที่สำคัญก็คือแฟนบอลสวาทแคทที่คอยส่งเสียงเชียร์สนับสนุนทีมมาโดยตลอด

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานบริหารสโมสรฯ กล่าวว่า เราทำสำเร็จตามเป้าหมาย คือ เลื่อนชั้นกลับไปสู่ลีกสูงสุดภายในปีเดียว และเราขึ้นมาด้วยการคว้าแชมป์ไทยลีก 2 ทำให้มีความมั่นใจ ซึ่งฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงเราพร้อมต่อยอดผลงาน มีการเตรียมความพร้อมรับมือในทุกด้าน ทั้งด้านบริหารและการเตรียมทีม ที่มี โค้ชโจ ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เป็นเฮดโค้ช ได้เตรียมความพร้อมตัวผู้เล่นที่เสริมเข้ามาใหม่ผนวกกับตัวผู้เล่นเดิมที่มีการผสมผสานจนเกิดความลงตัวและพร้อมลงสนามแข่งขัน ผมจึงอยากเชิญชวนแฟนบอลชาวโคราชเข้ามาส่งกำลังใจเชียร์ทีมในสนามให้เยอะ ๆ ซึ่งผมมีความเชื่อมั่นว่าการแข่งขันในปีนี้จะเป็นการต่อสู้ที่สนุกของพวกเรา

สำหรับอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของงานฯ คือการเปิดตัวชุดแข่งขันใหม่ประจำฤดูกาล 2024/25 ที่มาจากการออกแบบของ VOLT โดยมี 3 แบบ คือ SWATCAT HOME JERSEY (สีส้ม), SWATCAT AWAY JERSEY (สีน้ำเงิน), SWATCAT THIRD JERSEY (สีเทา) และชุดผู้รักษาประตู3 สี คือ สีดำ, สีขาว, สีเหลือง โดยนักฟุตบอลของสวาทแคทยังได้ร่วมกันเดินแบบโชว์ตัว สวมชุดแข่งขันใหม่อวดสายตาแฟนบอลอย่างเป็นทางการครั้งแรก ท่ามกลางบรรยากาศสุดชื่นมื่น และเต็มไปด้วยความอบอุ่น 

‘มาสด้า’ เดินหน้าสานฝันเยาวชนไทย ให้โดดเด่นด้านกีฬา จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการใหญ่ ปูทางสู่ความเป็น ‘มืออาชีพ’

(14 ก.ย.67) มาสด้าเปิดตัวโครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ซึ่งเป็นโครงการชั้นแนวหน้าในระดับสากลที่จัดขึ้นแบบเอ็กซ์คลูซีพให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและครอบครัว เพื่อเฟ้นหาและผลักดันเยาวชนไทยที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ ให้มีโอกาสไปโลดแล่นบนเวทีการแข่งขันระดับโลก ลุ้นรับทุนการศึกษา เพื่อก้าวสู่เส้นทางโปรกอล์ฟมืออาชีพ พร้อมเปิดตัว ‘MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024’ อีกหนึ่งโครงการที่จัดขึ้นเพื่อมอบเอกสิทธิ์สำหรับมาสด้าแฟมิลี่ในการเข้าร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้กับลูกค้า โดยทั้งสองโครงการจะจัดการแข่งขันขึ้น ในวันที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้ ณ สนาม Alpine Golf Club ซึ่งงานแถลงข่าวครั้งนี้ มีเยาวชนทั้งชายและหญิง พันธมิตรผู้สนับสนุนการแข่งขัน ตัวแทนสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย โปรกอล์ฟ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024 เป็นโครงการที่ถือกำเนิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของมาสด้า ที่ต้องการต่อเติมเสริมความฝันให้กับเยาวชนไทยทั้งชายและหญิงที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่บนสนามแข่งขันชั้นนำระดับโลก พร้อมผลักดันขีดความสามารถให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมทั้งริเริ่มโครงการ MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024 เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าครอบครัวมาสด้าได้เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเม้นต์พิเศษ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มาสด้ามุ่งมั่นตั้งใจจัดขึ้นเพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้า ที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นยานพาหนะคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

การส่งเสริมและยกระดับศักยภาพของผู้คน โดยเฉพาะเยาวชนให้มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก โดยเฉพาะด้านกีฬาคือสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญตลอดมา มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้เยาวชนที่ต้องการเดินตามความฝัน ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับโลก และนำเอาความรู้ทักษะที่ได้รับจากการแข่งขันไปฝึกฝนพัฒนาต่อยอดเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไปในอนาคต เช่นเดียวกับการริเริ่มโครงการในครั้งนี้ เพื่อผลักดันเยาวชนคนไทยทั้งชายและหญิงที่มีความสามารถ ให้ก้าวไปสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟอาชีพที่ทัดเทียมกับนานาชาติ มาสด้าเล็งเห็นว่าเยาวชนไทยก็มีความสามารถไม่แพ้นักกีฬาจากประเทศอื่น ๆ ดังนั้น ถ้าหากเรามอบโอกาสและพื้นที่ในการแสดงศักยภาพให้กับเยาวชนกลุ่มนี้ ก็จะมีส่วนช่วยผลักดันให้พวกเขาประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่เขาเลือกได้ในอนาคต

โครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ เป็นโครงการที่มาสด้าจัดขึ้นร่วมกับพันธมิตร เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับมาสด้าแฟมิลี่ที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ ได้มีโอกาสเดินตามความฝันและมุ่งสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ โดย เปิดรับสมัครเยาวชนจำนวน 39 คน เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา (แบ่งเป็นชาย 25 คน และหญิง 14 คน) เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ‘รอบคัดเลือก’ เตรียมจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี โดยผู้ชนะเลิศและทำผลงานดีที่สุด 16 อันดับแรกของแต่ละประเภท จะได้รับสิทธิ์เข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายในโครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่สำคัญ ในวันแข่งขันจะมีโค้ชจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาเดินทางมาร่วมสังเกตทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคล ซึ่งเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นจะมีโอกาสได้รับการเสนอทุนการศึกษา เพื่อปูทางสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ นอกจากนั้น นักกอล์ฟจำนวนครึ่งหนึ่งที่เข้าแข่งขันในรอบ CHAMPIONSHIP ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจะได้รับคัดเลือกเพื่อเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอเมริกาต่อไป

นอกจากจะมอบโอกาสให้เยาวชน ได้มีโอกาสก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพในระดับโลกแล้ว มาสด้ายังได้เปิดตัวอีกหนึ่งโครงการพิเศษ เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับมาสด้าแฟมิลี่โดยเฉพาะ ด้วยการเชิญชวนลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและครอบครัว เข้าร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟเป็น ก๊วน พร้อมร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ภายใต้โครงการ ‘MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024’ ซึ่งมาสด้าได้เปิดรับสมัครนักกอล์ฟลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้าจำนวน 46 คัน จำนวนนักกอล์ฟ 89 คน เข้าร่วมการแข่งขันในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนามกอล์ฟ Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี โดยตั้งแต่เปิดรับสมัครไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้มากกว่า 100 คัน และได้มีการประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ทั้งสองโครงการนี้ เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของมาสด้าที่ต้องการยกระดับประสบการณ์และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อขอบคุณที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นพาหนะคู่ใจของทุกคนในครอบครัวไปตลอดการเดินทาง ซึ่งนอกจากลูกค้าจะได้รับโอกาสเพื่อออกเดินทางตามความฝันในการเป็นนักกอล์ฟอาชีพในระดับสากลแล้ว ยังได้รับความรู้และสัมผัสประสบการณ์ความสนุกจากการเล่นกอล์ฟออกรอบเป็นก๊วนอีกด้วย ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อดูแลลูกค้าและส่งเสริมให้ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก โดยมาสด้าให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่ดูแลลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ภายใต้ Customer Experience Management (CXM) หรือการจัดการประสบการณ์ลูกค้า เน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดเพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคง รวมถึงมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) หรือ การสร้างมูลค่าของแบรนด์ เพื่อสร้างการเติบโตให้มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่มาสด้าตั้งใจมอบให้กับลูกค้าทุกคน” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม

ภายในงานฯ มาสด้ายังได้ร่วมมือกับพันธมิตร ประกอบด้วย Adidas, Taylormade, สิงห์ คอร์ปอเรชั่น และ บริษัท AR รวมทั้ง โปรแพรว ภัทราพร ศรีภัทรประสิทธิ์ นักกอล์ฟสาวไทยดีกรีไม่ธรรมดา เพราะเป็นถึงเจ้าของตำแหน่ง มิสทัวริซึ่ม ไทยแลนด์ 2020 ร่วมกันจัดกิจกรรม Mazda Golf Clinic ให้กับเยาวชนที่มาร่วมงานแถลงข่าวโดยมีโปรกอล์ฟอาชีพเป็นผู้มอบความรู้และสอนทักษะทั้งการไดร์ฟกอล์ฟ และการพัตต์กอล์ฟ พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมให้คำแนะนำโดย US College ให้กับนักกีฬา เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ สิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าแข่งขันและผู้ชนะเลิศในการเข้าสู่การแข่งขัน JWCI (Junior World Cup Invitational 2025) พร้อมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขัน MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบคัดเลือกที่จะถึงในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้

มาสด้าเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทยที่มี Challenger Spirit เฉกเช่นเดียวกับแบรนด์มาสด้า ที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งมาสด้าจะยังคงเดินหน้าส่งมอบคุณค่าที่มากกว่าคุณค่าที่ได้จากรถยนต์ให้กับลูกค้าทุกคน ด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา เพื่อให้มาสด้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์ความสุข และเพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่า มาสด้าจะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้ากับ Joy Drives Lives แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

ทั้งนี้ มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention และเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือก คือ Top Retention Brand ให้บริการที่ลูกค้าพึงพอใจ Top Service Retention นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่มาสด้ามุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าแบรนด์ (Brand Value Management) ก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

มาสด้ายังคงยึดมั่นแนวทางในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียว ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าทุกคน แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นพาหนะคู่ใจไปตลอดการเดินทาง นับจากวันนี้และตลอดไป

ย้อนตำนาน ต้นกำเนิด!! ‘ปิกอัพมาสด้า’ ในประเทศไทยกว่า 74 ปี ยังคงสร้างสรรค์!! ยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างภาคภูมิใจ

(23 พ.ย. 67) การไหลผ่านของเวลาที่ล่วงเลยมาอย่างยาวนานของมาสด้า คือบทพิสูจน์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ไปพร้อมกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และความภาคภูมิใจแห่งยนตรกรรม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ด้วยก้าวย่างที่มั่นคง แข็งแรง สร้างพื้นฐานไว้อย่างแน่นหนา จวบจนปัจจุบัน เป็นบทสรุปแห่งความสำเร็จกว่า 74 ปี ในประเทศไทย ‘มาสด้า’ ก่อตั้งโดย คุณจูจิโร่ มัทซึดะ เริ่มต้นจากอุตสาหกรรมจุกไม้คอร์กในปี พ.ศ. 2463 ต่อมาเริ่มผลิตเครื่องมือกลไกในปี พ.ศ. 2472 เนื่องจากเป็นผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีของรถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ มร. มัทสึดะ ก้าวเข้าสู่โลกของการผลิตมอเตอร์ไซค์ กระทั่งในปี พ.ศ. 2474 จึงได้เริ่มผลิตรถบรรทุกสามล้อ เรียกว่า ‘มาสด้า โก’ เป็นรถคันแรกที่ผลิตออกสู่ตลาดในนาม ‘มาสด้า’ ก่อนที่จะได้เริ่มผลิตเครื่องยนต์ 2 จังหวะ เป็นรายแรกของโลก ปัจจุบัน ‘มาสด้าเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่ผลิตเครื่องยนต์โรตารี่’

ตำนานที่คงอยู่ตลอดกาล หลังจากเริ่มนำรถมาสด้าเข้ามาให้คนได้รู้จัก ในปี พ.ศ. 2507 โดย บริษัท กมลสุโกศล ได้นำเข้าปักอัพมาสด้าตัวแรก รุ่น 800 ซีซี 4 สูบ เข้ามาจำหน่ายในชื่อรุ่น ‘Familia 800’ ความจุ 782 ซีซี 48 แรงม้า แบบ 4 ประตู ซึ่งได้รับความนิยมและถูกกล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538 มาสด้าได้ตกลงร่วมทุนกับพันธมิตรก่อตั้ง บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์แห่งใหม่ที่จังหวัดระยอง และเริ่มทำการผลิตเต็มอัตราในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2540 บนเนื้อที่ 529 ไร่ ด้วยเงินลงทุนถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำลังการผลิต 135,000 คันต่อปี และผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน รุ่น B2500 สำหรับส่งออก และจำหน่ายภายในประเทศ รวมถึงรถยนต์นั่งรุ่น 323 โปรทีเจ

มาถึงปี พ.ศ. 2542 ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จึงได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น จัดตั้งคณะผู้บริหารใหม่ เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น ‘บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด’ มุ่งเน้นแนวทางการบริหารไปที่ด้านการตลาด การขาย การบริการลูกค้า และการสนับสนุนผู้จำหน่าย เพื่อนำเสนอรถยนต์มาสด้ารุ่นต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ทำให้มาสด้าเริ่มต้นการผลิตรถปิกอัพที่ ชื่อว่า มาสด้า ไฟเตอร์ โฉมใหม่ ถือเป็นผู้บุกเบิกรถปิกอัพที่มีประตูแค็บเปิดได้เป็นครั้งแรกของโลก และทำให้มาสด้าประสบความความสำเร็จอย่างสูง โดยมียอดขายสะสมสูงกว่า 55,000 คัน

เดือนมีนาคม 2549 มาสด้าเปิดตัวแนะนำรถสปอร์ตปิกอัพ MAZDA BT-50 เครื่องยนต์คอมมอลเรล ให้พลังแรงเต็มพิกัด ด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน พิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียด ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ซูม-ซูม’ โชว์เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมยานยนต์สุดล้ำแห่งอนาคต พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มคัน สร้างชื่อเสียงของแบรนด์มาสด้าให้กระหึ่มทั่วโลกอีกครั้ง

รถปิกอัพมาสด้า BT-50 ได้รับการออกแบบภายใต้ DNA ของมาสด้า ประกอบด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว พิถีพิถันทุกรายละเอียด และขีดสุดแห่งพลังที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว เป็นรถปิกอัพโฉมเฉี่ยวสไตล์ ซูม-ซูม รวมถึงเครื่องยนต์อันทรงพลัง คอมมอนเรล ชื่อ มาสด้า BT-50 เป็นชื่อที่ใช้สำหรับตลาดทั่วโลก คำว่า มาสด้า BT-50 มาจาก B-Series Truck ซึ่งเป็นรหัสที่ใช้เรียกรถปิกอัพมาสด้ามาอย่างยาวนานและถือเป็นตำนานรถปิกอัพมาสด้า ส่วนตัวเลข 50 หมายถึงความสมดุลที่อยู่กึ่งกลางของน้ำหนักการบรรทุกของปิกอัพครึ่งตัน และมีน้ำหนักบรรทุกมากกว่า 1 ตัน ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อรถรุ่นนี้ได้เปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลก โดยผลิตจากโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ มีมาตรฐานเดียวกับโรงงานมาสด้า ประเทศญี่ปุ่น ควบคุมดูแลโดยทีมวิศวกรมาสด้า ผลิตและจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปกว่า 130 ประเทศ ทั่วโลก

ต่อมาเดือนมกราคม 2564 ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับวิกฤตโคโรน่าไวรัส แต่มาสด้าไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ มาสด้าเปิดตัวปิกอัพที่ลูกค้าทั่วโลกใฝ่ฝันและเฝ้ารอมานาน กับ All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยการผนวกคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว คือ รถปิกอัพที่ถูกออกแบบอย่างสง่างามที่สุดโลก คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ประหยัดน้ำมันมากที่สุด มีความทนทานสูงสุด รวมทั้งค่าดูแลรักษาต่ำสุด  กลับมายึดฐานลูกค้าเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถปิกอัพอีกครั้ง

นี่คือเรื่องราวความเป็นมาของรถปิกอัพมาสด้า นับจากอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ก้าวผ่านเรื่องราว ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาแล้วมากมาย แต่ด้วยสปิริต ความเป็นมาสด้า กล้าที่จะแตกต่าง ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคเฉกเช่นเดียวกับชาวฮิโรชิมา 

กว่า 104 ปี ของมาสด้าญี่ปุ่น กว่า 74 ปี ในประเทศไทย มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ผู้ขับมาสด้าได้มีประสบการณ์ที่ดี ในทุกช่วงเวลาของชีวิต และกลายเป็น ‘มาสด้า แฟมิลี่’  นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจของมาสด้าในประเทศไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top