Friday, 28 June 2024
มาสด้า

มาสด้า จับมือ กลุ่มบริษัท กวงไถ่ ของตระกูลมหากิจศิริ ทุ่มงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแบบครบวงจร พร้อมศูนย์ซ่อมตัวถังและสี ภายใต้ชื่อ “มาสด้า กวงไถ่” บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ ริมถนนบางนา ตราด กม. 29 

มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มาสด้ามุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการยกระดับการบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับเดินหน้าขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยครั้งนี้ มาสด้าได้ร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งคือ กลุ่มบริษัท กวงไถ่ ที่บริหารงานโดย คุณประทีป มหากิจศิริ ซึ่งเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ และอยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์มาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี การเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่บนถนนบางนาตราด กม. 29 เนื่องจากเล็งเห็นว่าทำเลนี้เป็นย่านนิคมอุตสาหกรรม โรงเรียน แหล่งชุมชนที่มีลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น รวมถึงยังเป็นทำเลศักยภาพที่ในอนาคตจะมีเมกะโปรเจกต์เกิดขึ้นอีกหลายแห่ง จึงได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถยนต์มาสด้าในย่านนี้ ซึ่งจากองค์ประกอบเหล่านี้แล้ว เราเชื่อว่า โชว์รูมและศูนย์บริการแห่งนี้ จะสร้างโอกาสทางการแข่งขัน และสามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าในย่านนี้ได้อย่างแน่นอน

นายประทีป มหากิจศิริ ประธาน กลุ่มบริษัท กวงไถ่ กล่าวว่า กลุ่มบริษัท กวงไถ่ มีความพร้อมและได้ดำเนินธุรกิจมาอย่างมั่นคง ทำให้เรามีความพร้อมที่จะส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ซึ่งครั้งนี้ เราได้เข้าร่วมเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าอย่างเป็นทางการ โดยเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแบบครบวงจร พร้อมศูนย์ซ่อมตัวถังและสี “มาสด้า กวงไถ่” ขึ้น บนถนนบางนา ตราด กม.29 โดยโชว์รูมแห่งนี้ ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย หรูหรา พรั่งพร้อมด้วยเครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน สามารถรองรับรถยนต์ที่มาใช้บริการได้สูงสุด 500 คันต่อเดือน และมีศักยภาพที่จะขยายเพิ่มเติมเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้นได้ถึง 1,000 คัน นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ซ่อมตัวถังและสี ที่สามารถรองรับรถลูกค้าที่มาเข้าซ่อมได้ถึง 300 คันต่อเดือน จึงเชื่อว่าจะสามารถส่งมอบการบริการให้กับลูกค้าได้เพียงพอต่อความต้องการ และมอบความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างครบวงจรแน่นอน

 

เปิดประวัติ ‘โรตารี่’ อายุยาวนานกว่า 100 ปี ความภาคภูมิใจของมาสด้า โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ ‘เครื่องยนต์ลูกสูบสามเหลี่ยม’ แรงไม่ซ้ำใคร

(9 มี.ค.67) วันเสาร์สุดสัปดาห์แบบนี้ THE STATES TIMES จะขอพาทุกท่าน ย้อนเวลา ไปหาเครื่องยนต์ที่ถือได้ว่า เป็นตำนานที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ‘มาสด้า’ นั่นก็คือ ‘เครื่องโรตารี่’

ต้นกำเนิดของเครื่องยนต์โรตารี่ เริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อปี 1919 เมื่อ มร. เฟลิกซ์ แวนเคิ้ล (Mr. Felix Wankel) มีความคิดริเริ่มที่จะสร้างเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำแบบเครื่องยนต์ลูกสูบทั่วๆไป โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก 'เครื่องจักรเทอร์ไบน์' จนกระทั่งออกมาเป็นรูปร่างคล้ายเครื่องยนต์ 4 จังหวะ จุดระเบิดด้วยการหมุนรอบตัวเอง และได้ทำการทดลองมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถออกแบบเป็น 'ลูกสูบสามเหลี่ยม' ขึ้นมา และเมื่อ มร. เฟลิกซ์ แวนเคิ้ล ได้เข้าทำงานในสถาบัน TES (Technical Institute of Engineering Study) จึงได้พัฒนาจนเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานในรถเพื่อการพาณิชย์ โดยนำโปรเจกต์นี้ไปเสนอต่อบริษัท NSU Motorenwerke AG ซึ่งเป็นบริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ และได้พัฒนาเครื่องยนต์โรตารี่ควบคู่กันไป ทำให้ 'เครื่องยนต์โรตารี่' เครื่องแรกถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1957 โดยใช้ชื่อว่า DKM 54 ในรถมอเตอร์ไซค์ รุ่น 50 ซี.ซี. สามารถทำความเร็วได้ถึง 192.5 กม./ชม. ที่สำคัญสามารถคว้าชัยชนะในรายการ 'World Grand Prix Championship' ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาให้กับผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก

ในปี 1961 Mr.Tsuneji Matsuda ประธาน บริษัท Toyo Kogyu (โตโย โคเกียว) ผู้ผลิตรถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัยภายใต้ชื่อ 'มาสด้า' ได้ทำการซื้อลิขสิทธิ์มาพัฒนาใหม่ จนกระทั่งในเดือนเมษายน ปี 1963 Mr. Keichi Yamamoto ก็ได้ทำการพัฒนาขึ้นมาสำเร็จ แต่ยังพบข้อบกพร่องบางอย่างเกี่ยวกับ Apex Seal และ Oil Seal ซึ่งเสียหายง่าย จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท Nippon Piston Ring & Oil Seal Co. เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้สำเร็จ

ต่อมาในปี 1967 #มาสด้าก็ได้สร้างความฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรถคันแรก ที่ใช้ #เครื่องยนต์โรตารี่ ด้วย 'รุ่น Cosmo Sport 110S' ซึ่งเป็นรถยนต์มาสด้ารุ่นแรก ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่หลังจากนั้นจึงได้เริ่มผลิตและจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์โรตารี่ ตามออกมาอีกหลายรุ่น อาทิ แฟมิเลีย โรตารี่คูเป้ (R100 ในต่างประเทศ) ซาวันน่า(RX-3) #RX-7 และรุ่นยูโนส คอสโมมาสด้าถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกและรายเดียว ที่ประสบความสำเร็จในการใช้เครื่องยนต์โรตารี่ ในเชิงพาณิชย์จนถึงปัจจุบันโดยเริ่มมาจากการใช้เครื่องยนต์โรตารี่ในรถยนต์รุ่น Cosmo Sport 110S และทำให้ต่อมารถยนต์มาสด้าหลายรุ่น ก็ได้นำเอาเครื่องยนต์โรตารี่มาใช้

นับจากรถยนต์มาสด้า ที่ใช้เครื่อง โรตารี่ ปรากฏโฉมออกสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาร่วม 50 ปี ของเครื่องยนต์นี้ที่ถูกผลิตและจำหน่ายไปทั่วโลกมากกว่า 2 ล้านคัน ซึ่งในระหว่างนั้นทาง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นมีโอกาสผลิตรุ่นพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี จึงได้เปิดตัวมาสด้า #RX-8รุ่นพิเศษ ในตลาดญี่ปุ่น โดยรุ่นพิเศษนี้ได้รับการพัฒนามาจากรุ่น RX-8 Type S(เกียร์ธรรมดา 6 สปีด) และ Type E(เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด) ถึงแม้ว่าเครื่องยนต์โรตารี่ จะได้หยุดการผลิตไปในบางช่วงเวลาเนื่องจากความเข้มงวดในบางตลาด แต่มาสด้าก็ไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาและวิจัย

จนกระทั่งวันนี้ตำนานที่ถูกเล่าขานมาอย่างยาวนาน ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้ง นั่นคือ เครื่องยนต์โรตารี่ เจเนอเรชั่นใหม่ ที่มีชื่อเรียกว่า SKYACTIV-R หรือ เครื่องยนต์โรตารี่ที่แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของมาสด้า ในการกล้าที่จะก้าวสู่ความท้าทายใหม่ๆ และกล้าที่จะต่างด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดยได้พัฒนาขึ้นเป็นรถสปอร์ตต้นแบบ มาสด้าRX-Vision ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ เจเนอเรชั่นใหม่ สกายแอคทีฟ-อาร์ เป็นขุมพลังในการขับเคลื่อน ซึ่ง มาสด้า มอเตอร์คอร์ปอเรชั่น ได้เผยโฉมเป็นครั้งแรกในงาน โตเกียว มอเตอร์ โชว์ เพื่อสะท้อนถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคต ด้วยการเป็นรถสปอร์ตวางหน้า และขับเคลื่อนล้อหลังที่มาพร้อมรูปลักษณ์หรูหรางดงามตามแบบฉบับ โคโดะ ดีไซน์ อันเลื่องชื่อของมาสด้า

นี่คือเรื่องราวความเป็นมาบางส่วนเกี่ยวกับเครื่องยนต์โรตารี่ อันเป็นต้นกำเนิดของรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่น และส่งผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

‘MAZDA’ คิกออฟ!! MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024 สานฝันเด็กไทย ก้าวสู่ 'โปรกอล์ฟระดับโลก' ผู้ชนะได้สิทธิตะลุยถิ่นลุงแซม

(21 เม.ย.67) มาสด้าแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ร่วมมือกับ The Agency Recruiter เอเจนซี่ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาทุนการศึกษาด้านกีฬาให้เยาวชนจากทั่วโลก เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยที่สนใจกีฬากอล์ฟได้เข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อก้าวสู่การเป็นโปรกอล์ฟมืออาชีพในอนาคต พร้อมโอกาสในการรับทุนการศึกษาจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการจุดประกายความฝันครั้งสำคัญของเยาวชนไทยสำหรับการก้าวไปสู่ทัวร์นาเมนต์กอล์ฟระดับโลก นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นครั้งนี้ อยู่ภายใต้โครงการ ‘MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024’ จัดขึ้นเพื่อสร้างโอกาสและเป็นการจุดประกายให้กับนักกอล์ฟทั้งเยาวชนชายและเยาวชนหญิง ได้มีโอกาสก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้จะคว้าสิทธิ์ไปแข่งขันกอล์ฟในทัวร์นาเมนต์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทันที ซึ่งการเดินทางไปเล่นที่สหรัฐอเมริกาจะมีโค้ชจากโรงเรียนชื่อดังและมหาวิทยาลัยชั้นนำมาคอยสังเกตุการณ์ทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคลคน หรืออาจได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพในโอกาสต่อไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า 
“ถือเป็นการเปิดโอกาสครั้งสำคัญสำหรับเยาวชนไทย ที่ทางมาสด้าได้สิทธิ์จากทัวร์นาเมนต์กอล์ฟเยาวชนชื่อดังระดับโลกมาจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย สำหรับแบรนด์มาสด้าเรามีความเชื่อในคุณค่าของการ uplift ประสบการณ์การใช้ชีวิต มีจิตวิญญาณความเป็นนักสู้ Challenger Spirit ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ เสมือนกับการเป็นนักกีฬาที่ต้องมีความขยันอดทน หมั่นฝึกฝนทักษะ มีความมานะอุตสาหะ ต่อสู้กับตนเองและสภาพแวดล้อม เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตต่อยอดไปจนถึงการเล่นกอล์ฟระดับอาชีพ”

สำหรับกำหนดการจัดการแข่งขัน MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024 จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 ครั้ง และ 2 สนาม โดยสนามแรกจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 3-5 พฤษภาคม 2567 ที่สนามกอล์ฟ Lotus Valley Golf Resort จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีนักกอล์ฟเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 132 คน ส่วนสนามที่ 2 เตรียมจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2567 ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป ซึ่งการคัดเลือกสำหรับสนามที่ 2 ทางมาสด้าและพันธมิตรยังคงได้สิทธิ์ในการจัดการแข่งขัน โดยจะเปิดโอกาสให้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันเฉพาะลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้าและสมาชิกครอบครัวมาสด้าเท่านั้น ที่มีเยาวชนอายุระหว่าง 12-19 ปี ซึ่งมีความใฝ่ฝันอยากเดินทางสู่การเป็นโปรกอล์ฟ โดยเตรียมจัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักกอล์ฟเยาวชนขึ้นในเดือนกันยายน 2567 เพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟที่ทำผลงานดีที่สุด จำนวน 24 คน เป็นเยาวชนชาย 12 คน และเยาวชนหญิงอีก 12 คน เข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย 

‘มาสด้า’ ประชุมใหญ่ ภายใต้ธีม ‘Mazda Mirai 2024’ ประกาศนโยบาย ‘เอาใจใส่ ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด’

(26 พ.ค.67) การประชุมผู้จำหน่ายประจำปี หรือ Mazda Mirai 2024 มาสด้าได้นำเสนอนโยบายและแผนธุรกิจระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทำให้ผู้จำหน่ายเห็นทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สร้างความเชื่อมั่นและเกิดความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน ภายใต้แนวคิด Reinvent for a Sustainable Future ผ่าน 3 คีย์เวิร์ดสำคัญ คือ Reinvention หมายถึงการปรับและเปลี่ยนวิธีคิดการทำงานเพื่อให้ทันกับสถานการณ์โลกธุรกิจในปัจจุบันที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Sustainability คือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ไม่เพียงในแง่ของการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่รวมถึงผู้คนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น และ Future คืออนาคตที่พวกเราจะก้าวเดินไปพร้อมกัน ระหว่าง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่าย ประสานมือสร้างพันธกิจร่วมกัน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการส่งมอบความสุขให้กับลูกค้ามาสด้าตลอดไป

มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้าเกิดความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่การขายรถใหม่เพียงอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี จนเกิดเป็นความประทับใจ กลับมาซื้อซ้ำ และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น ทุกช่วงเวลาของชีวิต กลายมาเป็น “มาสด้า แฟมิลี่” นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ Retention Business คือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าให้ดีที่สุด รวมถึงการแนะนำจุดเด่นของรถมาสด้าให้กับคนอื่นๆ ต่อไป มาสด้าเชื่อว่าแนวทางการทำธุรกิจด้วยวิถีนี้จะนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างเต็มกำลัง และให้ความสำคัญสูงสุดต่อการสร้างแบรนด์ Brand Value Management โดยเฉพาะการบริการหลังการขายให้ถือเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ตามกลยุทธ์ Retention Business Model ตั้งเป้าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้าเลือก Top Customer Retention และเป็นอันดับหนึ่งด้านการบริการ Top Service Retention เพื่อส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้ลูกค้า Joy Drives Lives โดยเฉพาะผลประกอบการของผู้จำหน่ายต้องแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ก้าวต่อไปของมาสด้าคือการสร้างธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน โดยเฉพาะนโยบายด้านการขายและการบริการ รวมถึงการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับแฟนมาสด้า เนื่องจากเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มาสด้าได้ดำเนินการมาตลอด 2-3 ปีนี้ และกำลังเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อรักษาลูกค้าให้อยู่กับมาสด้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถมาสด้า ถึงแม้ว่าวันนี้ลูกค้าจะมีทางเลือกที่หลากหลาย แต่เราก็ยังยืนหยัดที่จะเน้นนโยบาย เพื่อรักษาและดูแลฐานลูกค้าเก่าเป็นอันดับแรก นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญต่อการดำรงอยู่อย่างมั่นคงของมาสด้าที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลกและกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยแผนการดำเนินธุรกิจ Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น คือเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention เป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก และให้บริการลูกค้าจนเกิดความพึงพอใจ นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และสร้างความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานระยะกลาง Mid-Term Plan หัวใจหลักสำคัญคือการสร้างมูลค่าแบรนด์สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการขายรถใหม่เพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจเกิดความแข็งแกร่งได้ แต่การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ครบทุกองค์ประกอบ คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของผู้จำหน่ายเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงข้างลูกค้าตลอดไป สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามแนวทางการบริหารคุณค่าหลักของแบรนด์มาสด้า หรือ PPV ประกอบด้วย Purpose การสร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คนที่ได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์ และทุกช่วงเวลาของชีวิต ตามด้วย Promise คำมั่นสัญญาจากมาสด้า คือการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ครบทุกมิติได้อย่างสมดุล ทั้งทางด้านอารมณ์ความรู้สึกและกายภาพ รวมถึงชุมชนและสังคม และคุณค่าหลักที่สำคัญอย่างยิ่งที่บุคลากรมาสด้าทุกคนยึดมั่น คือ Values หรือ คุณค่า ทัศนคติ แนวคิด และพฤติกรรม ให้ความสำคัญกับมนุษย์อย่างแท้จริง มีจิตวิญญาณนักสู้ ส่งมอบประสบการณ์ความประทับใจด้วยความใส่ใจและเป็นมิตรโดยไม่คาดหวังรางวัลตอบแทน โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท

นี่คือแนวทางในการสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่งและยั่งยืนตลอดไป เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้า Joy Drives Lives แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

‘ญี่ปุ่น’ พบ ‘5 ค่ายรถชื่อดัง’ บิดเบือนผลทดสอบความปลอดภัย ลั่น!! การกระทำนี้เป็นบ่อนทำลายความไว้วางใจผู้ใช้บริการ

(4 มิ.ย. 67) กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้ผลิตรถยนต์ 4 ราย และผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ 1 ราย ของญี่ปุ่นยอมรับมีความผิดปกติในการทดสอบความปลอดภัย ส่งผลให้โตโยต้า มอเตอร์, มาสด้า มอเตอร์ และยามาฮ่า มอเตอร์ ต้องระงับชั่วคราวในการจัดส่งรถยนต์ทั้งหมด 6 รุ่น โดยระบุว่าอีก 2 บริษัทที่รายงานว่ามีปัญหาในเรื่องนี้ ได้แก่ ฮอนด้า มอเตอร์ และซูซูกิ มอเตอร์

เพื่อตอบสนองต่อปัญหาก่อนหน้านี้ที่ Daihatsu Motor และ Toyota Industries กระทรวงฯ ได้สั่งให้บริษัท 85 แห่งในอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และอุปกรณ์ ตรวจสอบว่ามีความผิดปกติใด ๆ ในการสมัครขอใบรับรองรุ่นของตนหรือไม่ ในแถลงการณ์ กระทรวงเรียกความผิดปกติดังกล่าวว่า “การกระทำที่บ่อนทำลายความไว้วางใจของผู้ใช้ และสั่นคลอนรากฐานของระบบการรับรองยานยนต์ ระดับชาติ

กระทรวงจะดำเนินการตรวจสอบสถานที่ของโตโยต้าในวันอังคาร การตรวจสอบของบริษัทอื่น ๆ อีก 4 แห่งจะตามมา

ตามรายงานของกระทรวงฯ โตโยต้า มาสด้า และยามาฮ่า ยืนยันว่า การบิดเบือนการทดสอบได้เกิดขึ้นในการผลิตรถยนต์ที่ยังคงดำเนินการอยู่ กระทรวงสั่งให้บริษัทเหล่านี้ระงับการจัดส่งรุ่นเฉพาะจนกว่าจะยืนยันว่าเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพ

โตโยต้าประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ได้หยุดการจัดส่งและจำหน่ายในประเทศของโคโรลล่า ฟิลเดอร์, โคโรลลา แอ็กซิโอ และยาริส ครอส โดยกล่าวว่าการสมัครขอใบรับรองรุ่นเหล่านี้มี ‘ข้อมูลไม่เพียงพอในการทดสอบการป้องกันคนเดินเท้าและผู้โดยสาร’

อีกทั้งยังมีการกล่าวถึงรุ่นอื่น ๆ อีก 4 รุ่นที่ไม่ได้ผลิตอีกต่อไปในประกาศของ Toyota ได้แก่ Crown, Isis, Sienta และ RX ซึ่งพบ ‘ข้อผิดพลาดในการทดสอบการชนและวิธีการทดสอบอื่น ๆ’

คำแถลงดังกล่าวต่อไปว่า “เรารับประกันได้ว่าไม่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพที่ขัดต่อกฎหมายและข้อบังคับ” โตโยต้ากล่าวว่าได้ตรวจสอบเรื่องนี้เป็นการภายในแล้ว และ “ไม่จำเป็นต้องหยุดใช้ยานพาหนะที่ได้รับผลกระทบ”

“ผมอยากจะขอโทษอย่างจริงใจต่อลูกค้า ผู้ชื่นชอบรถยนต์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย” อากิโอะ โตโยดะ ประธานบริษัทโตโยต้า กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์

ตามที่บริษัทระบุ บริษัทใช้ข้อมูลที่รวบรวมในกระบวนการพัฒนา ซึ่งบริษัทกล่าวว่าอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวดกว่าข้อกำหนดของกระทรวง และเป็นผลให้ไม่ตรงกับข้อกำหนดอย่างถูกต้อง มีแผนที่จะส่งรายงานฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อกระทรวงภายในสิ้นเดือนนี้

ความผิดปกติดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกลุ่มบริษัท Hino Motors, Daihatsu Motor และ Toyota Industries รายงานปัญหาที่คล้ายกัน

“ผมมีความรู้สึกที่โชคร้ายมาก” ประธานกล่าว “โตโยต้า ไม่ใช่บริษัทที่สมบูรณ์แบบ เราทราบดีว่ายังมีช่องว่างให้ปรับปรุงอีกมาก” บริษัทกล่าวว่าได้เริ่มปรับปรุงกระบวนการทดสอบความปลอดภัยแล้ว

ไดฮัทสุ หน่วยรถยนต์ขนาดเล็กของโตโยต้า เปิดเผยการบิดเบือนผลการทดสอบผลิตภัณฑ์อย่างกว้างขวางในปี 2566 ส่งผลให้โรงงานทั้งหมดในญี่ปุ่นต้องปิดชั่วคราว Toyota Industries และ Hino ยังรายงานการประพฤติมิชอบเกี่ยวกับการรับรองเครื่องยนต์ในเดือนมกราคมและเดือนมีนาคม 2022 ตามลำดับ

ตามรายงานของกระทรวง มาสด้ารายงานความผิดปกติในรถยนต์ 5 รุ่น รวมถึง 2 รุ่นที่ยังคงอยู่ในการผลิต Yamaha Motor มีโมเดลสามรุ่นที่ค้นพบความผิดปกติ โดยรุ่นหนึ่งยังคงอยู่ในการผลิต

ฮอนด้ารายงาน 22 รุ่นและซูซูกิ 1 รุ่น ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่ในการผลิตมาสด้ากล่าวว่าพบว่าการประมวลผลรถยนต์ทดสอบไม่สม่ำเสมอในการทดสอบการชนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ 3 รุ่นที่ไม่มีการผลิตอีกต่อไป บริษัทกล่าวว่าการตรวจสอบทางเทคนิคภายในและการทดสอบซ้ำ “ยืนยันว่าโมเดลเหล่านี้มีประสิทธิภาพที่ตรงตามมาตรฐานทางกฎหมายสำหรับประสิทธิภาพการปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดการชนกันทางด้านหน้า”

ฮอนด้า ยามาฮ่า และซูซูกิยังได้ออกแถลงการณ์เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่จะไม่มีปัญหากับสมรรถนะของรถ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top