Monday, 21 April 2025
มาสด้า

‘มาสด้า’ เปิดตัว!! ปิกอัพทรงพลัง BOLD NEW MAZDA BT-50 เครื่องยนต์ใหม่ เกียร์ใหม่!! ไปดูได้ในงาน Motor Expo 2024

(30 พ.ย. 67) นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัว Bold New Mazda BT-50 ในประเทศไทยครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญยิ่ง เนื่องจาก มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญต่อฐานการผลิตและส่งออกในประเทศไทย เลือกประเทศไทยเพื่อแนะนำและวางจำหน่ายที่แรกของโลก มาพร้อมความสดใหม่หลากหลายด้าน โดยเฉพาะการออกแบบที่มาสด้าบรรจงสรรสร้างอย่างพิถีพิถัน สวยสง่างามจาก โคโดะ ดีไซน์ ภายในเพิ่มความหรูหราพรีเมี่ยมอีกระดับ ภายนอกแข็งแกร่งดุดันในสไตล์ญี่ปุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ล่าสุด ขนาด 2.2 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้พละกำลังแรงขึ้น แต่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น รวมถึงการใส่อุปกรณ์เพิ่มมากขึ้น ใส่ระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มาให้อย่างครบครัน โดยรวมเอาจุดเด่นสำคัญ ๆ ของรถมาสด้า มาผนวกเข้ากับจุดแข็งที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตร ทำให้กลายเป็นรถปิกอัพที่มีความสมดุลในทุก ๆ ด้านอย่างลงตัว ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหารถกระบะที่ให้ทั้งสมรรถนะสูงแรงและดีไซน์ที่โดดเด่นแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะ  สามารถใช้งานได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง หรือการเดินทางไปทำกิจกรรม Outdoor ที่ต้องการทั้งสมรรถนะและความอเนกประสงค์ของรถปิกอัพเพื่อตอบสนองการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ

แม้มาสด้าจะมีรถยนต์หลากหลายรุ่นวางจำหน่ายในตลาด แต่รถปิกอัพเป็นหนึ่งในโมเดลสำคัญ ถือกำเนิดขึ้นจากเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปี 1961 คือ มาสด้า B1500 บี-ซีรีส์ ซึ่งรุ่นนี้เปรียบเสมือนจุดกำเนิดของยานพาหนะที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ช่วยให้ทุกช่วงเวลาบนท้องถนนเต็มไปด้วยความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญสูงสุดกับตลาดประเทศไทย และประเทศไทยคือฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์และรถปิกอัพที่ใหญ่สุดของมาสด้า ดังนั้น การเปิดตัว Bold New Mazda BT-50 แห่งแรกของโลก โดยเฉพาะคนไทยจะได้เป็นเจ้าของคนแรก การเปิดตัวปิกอัพ Bold New Mazda BT-50 ‘Dignity into Power’ จะเป็นการกลับมาอีกครั้งแบบ Revolutionary Change เพื่อสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้ตลาดรถปิกอัพเมืองไทย ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่น ด้วยสไตล์ที่แตกต่าง สง่างามทรงพลังทุกมุมมอง จากการออกแบบของ โคโดะ ดีไซน์ จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็นจากการผนวกคุณสมบัติที่ดีที่สุดของรถปิกอัพ ด้วยจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า ผสานอย่างลงลงตัวกับจุดเด่นที่ดีที่สุดจากความร่วมมือกับพันธมิตร

‘Bold New Mazda BT-50’ มาพร้อมแนวคิด ‘Dignity into Power’ พลังแกร่ง สะท้อนตัวตน’ ดึงเอาความแข็งแกร่ง ความเป็นตัวตนที่แท้จริง ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณให้ออกมาโลดแล่นบนเส้นทางของการใช้ชีวิตที่ไร้ลิมิต เป็นการนำเสนอรถปิกอัพที่มีภาพลักษณ์ แกร่ง เข้ม ดุดัน เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่มองหาปิกอัพที่มาพร้อมอรรถประโยชน์การใช้งานด้วยปิกอัพที่มีสมรรถนะสูง แต่ก็ยังต้องการปิกอัพที่มีดีไซน์สง่างามสไตล์ญี่ปุ่น โดยไม่ซ้ำแบบใคร เพื่อสะท้อนถึงบุคลิกอันโดดเด่นเป็นตัวของตนเอง ‘Bold New Mazda BT-50’ จะมาเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ โดยจัดเต็มมาด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มาพร้อมสมรรถนะในการขับขี่แบบรถปิกอัพเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 ที่มาพร้อมเฟืองท้ายแบบ Diff-lock รวมถึงระบบการขับขี่แบบออฟโร้ด (Off-Road Mode) ในขณะที่ยังคงมอบความนุ่มสบายให้กับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเสมือนรถยนต์นั่งตามแบบฉบับรถยนต์มาสด้า 

มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ประกาศแต่งตั้ง ‘คนไทย’ ขึ้นเป็น ‘ประธานคนใหม่’ เผย!! อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ มีบทบาทสำคัญ บริหารงานมาแล้ว ครบทุกฟังก์ชั่น

(11 ม.ค. 68) มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ประกาศแต่งตั้ง นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (President & CEO) บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีบทบาทสำคัญในการบริหารองค์กรมาสด้ามายาวนาน สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนนับตั้งแต่ร่วมงานกับมาสด้า เมื่อปี พ.ศ. 2550 เริ่มจากการเป็นผู้ร่วมพัฒนารถยนต์มาสด้าในตำแหน่งผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ฝ่ายการตลาด สั่งสมประสบการณ์กว่า 18 ปี บริหารงานครบทุกฟังก์ชั่น สร้างผลงานความสำเร็จมากมาย โดยเฉพาะการเปิดตัวมาสด้า2 ได้รับความนิยมสูงสุดจนสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของตลาดรถยนต์นั่งซิตี้คาร์ ครองแชมป์ทำสถิติยอดขายสูงสุด 3 ปีติดต่อกัน รวมทั้งประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับบริษัทแม่ ประเทศญี่ปุ่น ขยายการลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์นั่ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์ และเกียร์อัตโนมัตินอกประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกในประเทศไทย ผลักดันโครงการขยายการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจมาสด้าในประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ตลอดระยะเวลา 18 ปี นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารองค์กรมาสด้า ทั้งส่วนงานวางแผนด้านผลิตภัณฑ์ การวางกลยุทธ์การตลาด ส่งเสริมการขาย การพัฒนาผู้จำหน่าย การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว และส่วนอื่นๆ อย่างรอบด้าน ถือเป็นผู้บริหารที่มีส่วนร่วมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และอยู่ในทุกช่วงเวลา ทุกสถานการณ์ ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านอุปสรรคมากมาย ร่วมมือปลุกปั้นแบรนด์มาสด้าจนได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย แรกเริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2558 จากยอดขาย 11,000 คันต่อปี ก้าวสู่การสร้างสถิติใหม่ด้วยยอดขายสูงสุดถึง 74,000 คันต่อปี

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของธุรกิจมาสด้า เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ท้าทาย และมีคุณค่ายิ่ง ความผูกพันกับทีมงานคนไทย ผู้จำหน่ายมาสด้า สื่อมวลชน และพันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานกับมาสด้า ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เชื่อมั่นในศักยภาพของทีมงานทุกคน การที่มาสด้าทำงานลงลึกในรายละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการผลิต การขาย การดูแลและการบริการ การมอบความประทับใจให้ลูกค้า ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกหล่อหลอมและส่งเสริมให้มาสด้าก้าวเดินและเติบโตอย่างแข็งแกร่งมาถึงทุกวันนี้ ต่อจากนี้ อีกหนึ่งบทบาทใหม่จะมีความท้าทายยิ่งขึ้น มาสด้าจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังและเข้มข้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจในทุกมิติ สร้างธุรกิจมาสด้าและผู้จำหน่ายให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ที่มอบประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ให้ลูกค้าตลอดไป

มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้าเกิดความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่การขายรถใหม่เพียงอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี จนเกิดเป็นความประทับใจ กลับมาซื้อซ้ำ และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น ทุกช่วงเวลาของชีวิต กลายมาเป็น ‘มาสด้า แฟมิลี่’ นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ Retention Business คือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าให้ดีที่สุด รวมถึงการแนะนำจุดเด่นของรถมาสด้าให้กับคนอื่นๆ ต่อไป มาสด้าเชื่อว่าแนวทางการทำธุรกิจด้วยวิถีนี้จะนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างเต็มกำลัง และให้ความสำคัญสูงสุดต่อการสร้างคุณค่าแบรนด์ โดยเฉพาะการบริการหลังการขายที่ต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้าเลือก และเป็นอันดับหนึ่งด้านการบริการ เพื่อส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้ลูกค้า รวมถึงผลประกอบการของผู้จำหน่ายต้องแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ถือเป็นประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนไทยคนแรกที่มาจากสายเลือดอันเข้มข้นของ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เพียงคนเดียว เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในองค์กรระดับโลก และมีเพียงคนไทยไม่กี่คนที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคนานัปการมาได้ เป็นขุนศึกที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้บริหารระดับสูงมานับไม่ถ้วน โดยดำรงตำแหน่งล่าสุด คือ รองประธานกรรมการบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เมื่อช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา

มร. ทาดาชิ มิอุระ จะขยับขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาอาวุโส กล่าวสั้นๆ แต่มากด้วยความหมายว่า "ผมเชื่อมั่นในพลังของการทำงานเป็นทีม ด้วยศักยภาพของพนักงานทุกคนใน มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายมาสด้าทุกราย ตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนได้ทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสร้างมาสด้าให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศไทย แน่นอนที่สุดการสนับสนุนและให้ความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วยดีมาโดยตลอดนั้น คือสิ่งสำคัญยิ่งต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ผมภูมิใจและมีความสุขกับบทบาทใหม่ที่กำลังจะมาถึง อีกไม่นานจากนี้ไป มาสด้ากำลังเร่งมือเดินหน้าแนะนำยนตรกรรมใหม่และรถยนต์รุ่นใหม่ รวมถึงการสร้างความยั่งยืนที่ครอบคลุมทุกๆ ด้าน เพื่อให้เป็นแบรนด์ที่อยู่คู่สังคมไทยตลอดไป ผมมั่นใจว่าเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางที่นำพามาสด้าในประเทศไทยประสบความสำเร็จและยั่งยืน ทำให้มาสด้าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ลูกค้าภาคภูมิใจที่ได้ครอบครอง"

การปรับทัพผู้บริหารของมาสด้าในช่วงเวลาที่ตลาดรถยนต์ไทยมีการแข่งขันรุนแรงเช่นนี้ นับว่าน่าจับตามองอย่างยิ่ง ถือเป็นความท้าทายที่มาสด้าจะต้องก้าวผ่านเพื่อไปสู่ความสำเร็จในระดับสูงขึ้น โดยเฉพาะการแนะนำรถมาสด้ารุ่นใหม่ที่กำลังจ่อคิวลงตลาดตามแผนพัฒนาธุรกิจในอนาคตอันใกล้นี้ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะส่งผลให้มาสด้ากลับมาทวงแชมป์ความยิ่งใหญ่ และได้รับความนิยมสูงสุดจากลูกค้าชาวไทยในเร็วๆ นี้

มาสด้าทุ่ม 5,000 ล้าน!! ดันไทยขึ้นแท่นฐานผลิต B-SUV Mild Hybrid เตรียมผลิต 1 แสนคันต่อปี ส่งออกญี่ปุ่น-อาเซียน-ตลาดโลก

(13 ก.พ.68) นายมาซาฮิโร โมโร (Masahiro Moro) ประธานและซีอีโอของบริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีของไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยมาสด้าเตรียมทุ่มงบกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักของรถยนต์อเนกประสงค์ B-SUV แบบ Mild Hybrid (MHEV) ตั้งเป้าการผลิตที่ 100,000 คันต่อปี เพื่อส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก

แผนการลงทุนครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือบอร์ดอีวี ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบไปเมื่อเดือนธันวาคม 2567 โดยมาตรการดังกล่าวรวมถึงการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ Hybrid (HEV) และ Mild Hybrid (MHEV) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2569 ถึง 2575 นอกจากนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยังได้ออกมาตรการส่งเสริมเพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิตที่นำเทคโนโลยีอัตโนมัติและระบบหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต

นายมาซาฮิโร โมโร เปิดเผยว่า มาสด้ามีประวัติการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 70 ปี และได้ลงทุนสร้างฐานการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากโรงงาน AutoAlliance (AAT) ในจังหวัดระยองเมื่อปี 2538 เพื่อผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และโรงงาน Mazda Powertrain Manufacturing Thailand (MPMT) ในจังหวัดชลบุรี เมื่อปี 2558 สำหรับการผลิตเครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ โรงงานเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตของมาสด้าและซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง

สำหรับการลงทุนครั้งล่าสุด มาสด้ามุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือก (xEV) โดยเพิ่มงบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาทเพื่อผลิต B-SUV Mild Hybrid ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง ลดมลภาวะ และเพิ่มความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล รถยนต์รุ่นนี้จะถูกผลิตเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังญี่ปุ่น กลุ่มประเทศอาเซียน และตลาดโลก การลงทุนดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ เช่น เครื่องยนต์ เกียร์ และแบตเตอรี่ โดยตั้งเป้าที่จะเริ่มกระบวนการผลิตภายในปี 2570

นอกจากการขยายฐานการผลิต มาสด้ายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครือข่ายซัพพลายเชนในประเทศเพื่อรองรับเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ โดยการลงทุนนี้ถือเป็นก้าวสำคัญภายใต้แนวทาง Multi-Solution ของมาสด้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันยาวนานระหว่างบริษัทกับประเทศไทย พร้อมทั้งมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

‘มาสด้า’ ประกาศดัน!! โรงงานผลิตในไทย ให้ขึ้นเป็นศูนย์กลาง ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ เผย!! เตรียมผลิต รถยนต์ไฟฟ้า คอมแพ็คเอสยูวี 100,000 คันต่อปี ส่งออกทั่วโลก

(22 ก.พ. 68) มาสด้าประกาศแนวทางการดำเนินธุรกิจครั้งประวัติศาสตร์ขึ้นในประเทศไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ดีลเลอร์ และพันธมิตรทางธุรกิจ

นำทัพโดย มร. มาซาฮิโร โมโร ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย 

ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญสุดในรอบทศวรรษ เพื่อเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อการก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้ธีม The Future, Crafted by the Joy of Driving ชูวิสัยทัศน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ล่าสุด เพื่อส่งมอบความสุขในการขับขี่ตามแนวทาง Multi-solution ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าควบคู่กับแผนเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 5 รุ่น ภายใน 3 ปี เชื่อมั่นระบบเศรษฐกิจและศักยภาพของประเทศไทย

ประกาศทุ่มเงินลงทุนอีกกว่า 5,000 ล้านบาท ผลักดันโรงงานผลิตรถยนต์ในไทยขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตและพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ หรือ xEVs นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านไปยังรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบในอนาคต โดยทำการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคอมแพ็คเอสยูวี 100,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก

‘มาสด้า’ ฉลอง!! ครบรอบ 35 ปี MX-5 เปิดจอง NEW MAZADA MX-5 รุ่นลิมิเต็ด ตำนานความสนุกสนาน!! ในการขับขี่ ที่ได้รับการตกแต่งเป็นพิเศษ อย่างประณีต

(22 มี.ค. 68) มาสด้าแนะนำรถสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนเจ้าของตำนานความสนุกสนานในการขับขี่ New Mazda MX-5 35th Anniversary Edition ที่ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปี ของ MX-5 ได้รับการตกแต่งอย่างประณีต มอบความสปอร์ตสไตล์คลาสสิก แฝงด้วยความสปอร์ตทุกรายละเอียด มาพร้อมความพิเศษกับสีภายนอก Artisan Red Premium เอกสิทธิ์เฉพาะมาสด้า ภายในตกแต่งด้วยหนังสีพิเศษ Sports Tan สะท้อนความพิเศษยิ่งขึ้นด้วยสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition พร้อม Serial number บ่งบอกความพิเศษที่ผลิตขึ้นจำนวนจำกัด วางราคาจำหน่าย 3,069,000 บาท และแคมเปญพิเศษช่วงเปิดตัว ฟรีประกันชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี หรือ Mazda Ultimate Service พร้อมเปิดโอกาสให้แฟนพันธุ์แท้ชาวไทยจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้า MX-5 คือรถสปอร์ตโรดสเตอร์เปิดประทุนหลังคาไฟฟ้าที่มีน้ำหนักเบา เจ้าของตำนานความสนุกสนานในการขับขี่ แบรนด์ไอคอนของมาสด้าที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลก โดยมาสด้า MX-5 เจนเนอเรชั่นแรก เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2532 ในงาน Chicago Auto Show ด้วยการเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์น้ำหนักเบา ถือเป็นแบรนด์รถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนั้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 เจนเนอเรชั่นที่สองก็ได้ถูกเปิดตัว สร้างชื่อเสียงกระหึ่มไปทั่วโลกจนได้รับการบันทึกลงในหนังสือ Guinness World Records ให้เป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์แบบสองที่นั่งที่ขายดีที่สุดในโลก ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 MX-5 เจนเนอเรชั่นที่สามก็ได้เปิดตัวขึ้น และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โรดสเตอร์ที่มาพร้อมหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกเพียง 13 วินาที จนกระทั่งในปี 2558 จนถึงปัจจุบัน MX-5 เจนเนอเรชั่นที่สี่ ได้มีการพลิกโฉมอีกครั้ง โดยมาพร้อมกับดีไซน์ที่เฉียบคมและพลิ้วไหว ตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ทำให้ได้ภาพลักษณ์ที่มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวอย่างชัดเจน และยังคงสร้างกระแสความนิยมในกลุ่มแฟน ๆ อย่างไม่เสื่อมคลาย ทำให้การผลิตในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 1.2 ล้าน คันทั่วโลก

“การแนะนำ New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษครบรอบ 35 ปี ครั้งนี้ ถือเป็นการร่วมเฉลิมฉลองไปพร้อม ๆ กับแฟนมาสด้าทั่วโลก นับตั้งแต่รถรุ่นนี้ได้เปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรก และยังคงเป็นรถในเจนเนอเรชั่นที่สี่ ที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของความเป็นสปอร์ตโรดสเตอร์ยอดนิยมของมาสด้าไว้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบที่พรีเมี่ยมสง่างาม ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา มีไดนามิกในการขับขี่ที่ดี พร้อมการควบคุมที่แม่นยำ มาพร้อมกับเครื่องยนต์วางหน้า และขับเคลื่อนล้อหลัง กระจายน้ำหนักหน้า-หลังแบบ 50:50 มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ พัฒนาโดยยึดหลักมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ตามปรัชญา จินบะ-อิไต โดยผลิตจำนวนจำกัดเพื่อให้แฟน ๆ ทั่วโลก และนักสะสมชาวไทยได้ครอบครอง เชื่อว่ารถรุ่นนี้จะเป็นรถอีกโมเดลที่จะมาสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ ทำให้แฟน ๆ สปอร์ตโรดสเตอร์ได้ภูมิใจที่ได้ครอบครองอย่างแน่นอน“ นายธีร์ กล่าว

Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี ได้รับการตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์เพื่อถ่ายทอดความพิเศษในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น สีภายนอกพิเศษ Artisan Red Premium ที่ได้รับผสมผสานตามแนวทาง ทาคุมิ-นูริ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพ่นสีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า โดยเน้นแสงเงาและความมีมิติ ช่วยเพิ่มความสวยงามของตัวถังภายนอกให้โดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมความพิเศษด้วยสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition พร้อม Serial Number ที่บริเวณด้านข้างตัวถัง บ่งบอกถึงความพิเศษที่มีจำนวนจำกัด รวมถึงหลังคาแข็งที่สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สี Bright ที่ถ่ายทอดภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมี่ยมและความพิเศษได้อย่างมีเอกลักษณ์

ภายในห้องโดยสารของ New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี มาพร้อมความสปอร์ตพรีเมี่ยมที่พิเศษแตกต่างจากรุ่นปกติ ด้วยเบาะหุ้มหนังสีพิเศษ Sports Tan พร้อมสัญลักษณ์รุ่นพิเศษ 35th Anniversary Edition ที่บริเวณพนักพิงศีรษะ เบาะนั่ง และพรมปูพื้นห้องโดยสาร มาพร้อมพวงมาลัย หัวเกียร์ และเบรกมือหุ้มหนังสีดำ พร้อมด้วยสีพิเศษ Sports Tan กรอบช่องแอร์ตกแต่งด้วยสีพิเศษ Artisan Red Premium แผงคอนโซลและแผงประตูหุ้มด้วยหนังสีพิเศษ Sports Tan มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ ด้วย Apple CarPlay® และ Mazda Connect ที่สามารถแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมมอบสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพงถึง 9 ตำแหน่ง

New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี ยังคงเอกลักษณ์ของมาสด้าด้านความสนุกสนานในการขับขี่ไว้อย่างเต็มเปี่ยม ตามหลักปรัชญา จินบะ-อิไต (Jinba-Ittai) ที่ถ่ายทอดความรู้สึกความเป็นหนึ่งอันเดียวกันระหว่างคนกับรถ มาพร้อมเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้สมรรถนะความแรงสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมี่ยมอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง ระบบสัญญาณเตือนกันขโมย และระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด นอกจากนั้น รถรุ่นนี้ยังมาพร้อม ระบบความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense มากมายหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็น

• ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
• ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
• ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
• ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ แบบ Advance (Advanced Smart Brake Support)
• ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
• ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
• ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support- Rear Crossing)

New Mazda MX-5 รุ่นพิเศษ ครบรอบ 35 ปี มาพร้อมสีภายนอก Artisan Red Premium โดยวางราคาจำหน่ายที่ 3,069,000 บาท พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับแฟน ๆ MX-5 ที่สนใจร่วมเป็นหนึ่งกับความภาคภูมิใจไปพร้อมกับแฟนมาสด้าทั่วโลกที่จะได้ครอบครองรถสปอร์ตโรดสเตอร์รุ่นพิเศษนี้ สอบถามรายละเอียดได้ที่ผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.mazda.co.th


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top