Saturday, 29 June 2024
ผู้อพยพ

'ธนาธร' เผย ถ้าได้เป็นนายกฯ จะไม่ทอดทิ้งเพื่อนบ้าน ลั่น!! มีผู้ลำบากอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลือ

13 เม.ย. 65 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า สงกรานต์ปีนี้ ผมได้ใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว ทำให้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอีกหลายหมื่นหลายแสนครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากกันด้วยภัยสงคราม

หลายเดือนที่ผ่านมา ผมดีใจที่เห็นพี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมากออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครนอย่างเปิดเผย

คนจำนวนมากชื่นชมกับความพยายามของคนยูเครนที่จะปกป้องอธิปไตย บ้านเกิดและครอบครัวของพวกเขา ยืนหยัดต่อสู้กับผู้รุกราน

ประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้องกับความอหังการของมหาอำนาจคนใด ตายเกลื่อนถนน นักแสดงลุกขึ้นมาจับปืน ประชาชนกลายเป็นนักรบ พ่อแม่พาลูกทิ้งบ้าน หนีตายอพยพไปประเทศอื่น ตึกรามบ้านช่องกลายเป็นซากปรักหักพัง ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่เราเห็นจากยูเครน

จนวันนี้ มีคนยูเครนมากกว่า 4 ล้านคนอพยพทิ้งบ้านตัวเองเพื่อเอาตัวรอดจากสงครามไปแล้ว

มันเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ผมอยากชี้ให้เห็นว่า ยังมีสงคราม และผู้ได้รับผลกระทบจากสงคราม อยู่ใกล้เรามากกว่ายูเครนมากนัก

เพียงแค่ข้ามชายแดน

ที่ริมแม่น้ำเมยและริมแม่น้ำสาละวิน มีผู้หนีตายจากสงครามกลางเมืองเมียนมาอยู่หลายหมื่นคน

พวกเขาเหล่านี้ คือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามอย่างบ้าคลั่งที่มีต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา

นับตั้งแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ประชาชนหลายล้านคนลุกขึ้นมาต่อต้านเผด็จการด้วยความหวังถึงสังคมประชาธิปไตย สังคมที่ดีกว่า

พวกเขาถูกปราบปราม พวกเขาถูกเข่นฆ่าอย่างเลือดเย็น

ประชาชนจำนวนมากลุกขึ้นจับอาวุธร่วมกับกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์

รัฐบาลทหารปราบปรามกลุ่มต่อต้านอย่างหนักด้วยอาวุธสงคราม และด้วยการโจมตีทางอากาศ ประชาชนจำนวนมากบ้านแตกสาแหรกขาด จำต้องทิ้งบ้านเกิด หาที่ปลอดภัยซุกหัวนอน

รัฐบาลโปแลนด์ เพื่อนบ้านยูเครนเปิดประเทศต้อนรับผู้อพยพ ประชาชนชาวโปแลนด์ช่วยกันหาอาหารและเสื้อผ้าสนับสนุนประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลโปแลนด์ให้ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเข้าถึงการแพทย์ การศึกษา และหางานได้ในโปแลนด์

เมื่อผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาหาที่ปลอดภัยซุกหัวนอน หวังพึ่งฝั่งไทย สิ่งที่รัฐบาลเราทำกลับเป็นการผลักไสไล่ส่งพวกเขาออกไป ด้วยข้ออ้างโควิด และข้ออ้างว่าผู้ลี้ภัยสมัครใจกลับเอง ทั้งที่องค์กรระหว่างประเทศ และองค์กรการกุศลหลายหน่วยงานที่ผมพูดคุยด้วย ให้ข้อมูลตรงกันว่าชาวพม่าที่พยายามหลบภัยสงครามข้ามแดนมาฝั่งไทย ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกดดันให้กลับไปฝั่งพม่าทั้งหมด หรืออย่างดีที่สุดก็ค้างคืนกันบนเกาะกลางแม่น้ำหรือริมตลิ่ง ชิดพรมแดนไทย

ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ เข้าไม่ถึงน้ำประปา ห้องน้ำสะอาด หมอพยาบาล และหยูกยา เด็กๆ ไม่ได้รับการศึกษา อยู่อาศัยในเพิงพักที่สร้างตามมีตามเกิดริมฝั่งน้ำ ไม่รู้ชะตากรรมว่าเมื่อไหร่สงครามจะสงบ เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สมาชิกในครอบครัวของเขาที่ถูกฆ่าตายจะได้รับความเป็นธรรม

ฤดูฝนกำลังจะมา ผมนึกไม่ออกว่าพวกเขาจะอยู่กินหลับนอนกันอย่างไร

ในโลกของเผด็จการ ชีวิตประชาชนคนธรรมดาราคาถูกเสมอ ประวัติศาสตร์ของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกรียงไกรของผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีคนธรรมดาอยู่ในนั้น

จับโป๊ะ!! สื่อ ปชต.ในเมียนมา อ้างพบผู้หลบภัยไปยังวัดพม่าในไทย แต่สุดท้ายเป็นลูกหลานชาวเมียนมาดั้งเดิมที่อาศัยในเชียงใหม่

สื่อเมียนมาที่กล่าวอ้างว่าเป็นฝั่งประชาธิปไตยอย่างสำนักข่าว Irrawaddy news ได้ลงบทความว่า “ชาวเมียนมาหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเฉลิมฉลอง Thingyan” โดยยกภาพการเฉลิมฉลองเทศกาล Thingyan แบบพม่าของ 'วัดทรายมูลพม่า' ใน จ. เชียงใหม่ เมื่อปี 2016 ซึ่งเป็นภาพก่อนเกิดรัฐประหารตั้งหลายปีมาตีแผ่

แต่ประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือ งานเฉลิมฉลองของ 'วัดทรายมูลพม่า' มีมาก่อนที่จะมีก่อนรัฐประหาร และเจ้าภาพก็คือ ลูกหลานชาวเมียนมา รวมถึงชาวเมียนมาและไทใหญ่ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้หลบหนีแต่อย่างใด 

ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวทุกชาติ หากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้อง!!

‘สหรัฐฯ’ จ่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกเพิ่ม หวังสกัดกั้นผู้อพยพ อ้าง!! เป็นงบที่เหลือค้างจากนโยบายของรัฐบาล ‘โดนัลด์ ทรัมป์’

(6 ต.ค. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์และบีบีซีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ว่าจะสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโกเพิ่มอีกราว 20 กิโลเมตรในสตาร์ เคาน์ตี้ รัฐเท็กซัส เพื่อสกัดการเข้าประเทศของผู้อพยพจากเม็กซิโก ซึ่งถือเป็นการเดินหน้าในนโยบายหลักของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สนับสนุนให้มีการสร้างกำแพงตามชายแดนที่ติดกับประเทศเม็กซิโก

หลังจากที่ประธานาธิบดีไบเดนขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ต่อจากทรัมป์ในเดือนมกราคมปี 2021 หนึ่งในสิ่งแรกที่เขาทำคือออกแถลงการณ์ให้คำมั่นว่า “ภาษีของชาวอเมริกันจะไม่ถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนอีก” รวมถึงสั่งให้มีการตรวจสอบทรัพยากรทั้งหมดที่ถูกใช้ในการสร้างกำแพงไปแล้ว

อย่างไรก็ดี รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า การตัดสินใจที่จะสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโกเพิ่มนั้นไม่ได้หันเหไปจากแถลงการณ์ให้คำมั่นของไบเดนเมื่อปี 2021 แต่อย่างใด เพราะงบประมาณที่ถูกจัดสรรไว้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลทรัมป์เมื่อปี 2019 จำเป็นต้องนำออกมาใช้ตอนนี้ ‘นายอเลฮานโดร มายอร์กาส’ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ระบุว่า ไม่มีนโยบายการบริหารใหม่เกี่ยวกับกำแพงชายแดน ตั้งแต่วันแรกของการทำงาน ฝ่ายบริหารได้แสดงชัดเจนว่ากำแพงกั้นชายแดนไม่ใช่คำตอบ

มายอร์กาส กล่าวว่า โครงการก่อสร้างกำแพงชายแดนดังกล่าวได้รับการจัดสรรงบไว้แล้วในสมัยรัฐบาลของทรัมป์ และกฎหมายระบุให้รัฐบาลต้องใช้งบประมาณดังกล่าว ตามที่มีการประกาศเมื่อช่วงต้นปีนี้

“เราได้ขอให้สภาคองเกรสยกเลิกงบประมาณดังกล่าวหลายครั้ง แต่พวกเขายังไม่ทำเช่นนั้น เราจึงต้องดำเนินการตามที่กฎหมายระบุ และในปัจจุบันมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องสร้างเครื่องกีดขวางและถนนใกล้กับชายแดนสหรัฐฯ เพื่อป้องกันการเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย” มายอร์กาส กล่าว

ด้านอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ได้รีบออกมาประกาศชัยชนะในนโยบายสร้างกำแพงของตนเอง และเรียกร้องให้ประธานาธิบดีไบเดนออกมาขอโทษเขา และประเทศอเมริกาที่เดินหน้าในเรื่องกำแพงชายแดนล่าช้ากว่ากำหนด

ขณะที่ประเทศเม็กซิโกได้ออกมาคัดค้านแผนการสร้างกำแพงชายแดนเพิ่มของสหรัฐฯ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศ ได้มีการหารือกันในกรุงเม็กซิโก ซิตี เมืองหลวงของประเทศเม็กซิโก

โดย ‘นายอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์’ ประธานาธิบดีเม็กซิโกกล่าวประณามว่า เป็นการเดินถอยหลัง และ ‘อลิเซีย บาร์เซนา’ รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก กล่าวคัดค้านแผนดังกล่าวเช่นกัน รวมถึงสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตหลายคนได้ออกมาวิจารณ์ไบเดน จากการหันมาเดินหน้าสร้างกำแพงกั้นชายแดนเพิ่ม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top