Monday, 21 April 2025
ปาย

‘ว้าแดง’ ออกแถลงการณ์!! ไม่คิดทำสงครามกับไทย ชี้!! ถูกสื่อบิดเบือน กล่าวอ้างเท็จ ด้วยเจตนาร้ายแอบแฝง

(8 ธ.ค. 67) จากสถานการณ์ชายแดน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีข่าวว่า ‘ว้าแดง’ มีความตึงเครียดและเผชิญหน้ากับทหารไทย ว่า ในวันนี้ ทางว้าแดง ได้ออกเอกสารข่าวจำนวน 3 ฉบับ ระบุว่า แถลงข่าวลือข้อกล่าวหาความตึงเครียดระหว่างไทยกับว้าแดง เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อบางส่วนได้ออกมากล่าวอ้างอย่างไร้ความรับผิดชอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับข่าวกองทัพไทยจะโจมตีรัฐว้า นี่เป็นเพียงข่าวลือและก่อให้เกิดความขัดแย้งเท่านั้น

รัฐว้าไม่เคยบอกว่าจะเป็นศัตรูกับกองทัพไทย หรือไปทำสงครามกับกองทัพไทย บางสื่อประดิษฐ์คำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จเหล่านี้อย่างมุ่งร้ายด้วยเจตนาแอบแฝง โดยกลัวว่าโลกจะไม่วุ่นวาย

สันติภาพเป็นกระแสทั่วไปของโลกทุกวันนี้ และว้าก็แสวงหาสันติภาพอย่างไม่หยุดยั้ง ว้าประณามกลุ่มข่าวลือที่จงใจสร้างปัญหาและพยายามก่อให้เกิดสงคราม และหวังว่าชาวเน็ตส่วนใหญ่จะจับตาดูและไม่เชื่อหรือเผยแพร่ข่าวลือ

‘ชาวเน็ต’ เปิดข้อมูลแจงปมชาวอิสราเอล 31,735 คน ยึด 'ปาย' ชี้ เป็นตัวเลข นทท.ตลอดทั้งปี 67 ส่วนที่ยังมีอยู่มีเพียง 1,800 เท่านั้น

(18 ก.พ. 68) นายนิธิพัฒน์ พันธุ์ธุมจินดา นักธุรกิจฟาร์มปลาสวยงาม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Nitipat Bhandhumachinda ว่า ตามกระแสข่าวที่ว่ามีชาวอิสราเอลมาพำนักกันอยู่ที่อำเภอปาย ที่ว่ากันว่ามีจำนวนถึงสามหมื่นกว่าคน จนสร้างความหวาดกลัวกันในสังคมไทยนั้น

ตัวเลขดังกล่าวจริงๆ แล้ว เป็นตัวเลขผู้มาท่องเที่ยวชาวอิสราเอลทั้งหมด ตลอดปี พ.ศ. 2567 ซึ่งเดินทางมาพักเที่ยวเมืองปาย เป็นจำนวนทั้งสิ้น 31,735 คน 

ซึ่งก็หมายความว่า เมืองปายเป็นที่เที่ยวยอดฮิตของชาวอิสราเอลจริง

แต่ไม่ได้หมายความว่า ณ ปัจจุบัน มีคนอิสราเอลอาศัยกันเต็มเมืองปาย ร่วม ๆ สามหมื่นกว่าคนอย่างที่เข้าใจ

เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นการมาเที่ยวแล้วก็เดินทางกลับภูมิลำเนาบ้านเขาตามเดิม และเท่าที่ทราบนั้น มีชาวอิสราเอลขอพำนักชั่วคราวที่ อำเภอปาย ณ วันนี้จำนวนทั้งสิ้น 1,857 ราย และมีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลเดินทางมาเที่ยวไปกลับเหมือนนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจำนวนทั้งสิ้น 4,446 คน

และที่มีพวกเกเรเกตุงสร้างความวุ่นวาย จนโดนไล่กลับประเทศนั้นก็เป็นเรื่องจริง

แต่จะเอารูปถ่ายการร่วมพิธีกรรมทางศาสนาของเขา ซึ่งน่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสอดคล้องใดๆ กับพฤติกรรมเกเรเหล่านั้น ผมก็มองว่าเป็นการตั้งแง่ ด้วยการเจาะจงที่เชื้อชาติของเขาแบบเหมารวมอย่างไม่ยุติธรรมนัก

ที่นำมาเล่าก็ด้วยเห็นเพื่อนๆ หวั่นวิตกกันมาก ก็เลยไปหาข้อเท็จจริง มาอธิบายให้ฟัง

ก็น่าจะเฝ้าสังเกตสักนิดว่าแนวโน้มจะเป็นเช่นไร เพราะเหมือนเขาจะชื่นชมการมาเที่ยวเมืองปายกันมาก

แต่ก็ไม่ควรจะไปตื่นตระหนกจนเกินเหตุไปจากเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ นะครับ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขีดเส้น 7 วันตรวจสอบคนต่างด้าวใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เตรียมเปิดปฏิบัติการเชิงรุกให้เห็นผลเป็นรูปธรรม สั่งทุกหน่วยคุมเข้มมาตรการคนต่างด้าว

(18 ก.พ.68) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการเข้มให้หน่วยเร่งตรวจสอบ พฤติกรรมกลุ่มคนต่างด้าวในพื้นที่รับผิดชอบ เนื่องจากปรากฎข้อมูลข่าวสารว่ามีกลุ่มคนต่างด้าวในหลายพื้นที่มีพฤติกรรมที่อาจขัดต่อความสงบของสังคม ฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมืองก่อความวุ่นวายหรือความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณะต่อพี่น้องประชาชน ตลอดจนการรวมกลุ่มแสดงออกหรือจัดกิจกรรมในลักษณะที่กระทบภาพลักษณ์และความมั่นคงของประเทศ 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงสั่งการให้หน่วยต่าง ๆ ดำเนินการ โดยให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 เป็นหน่วยปฏิบัติหลักร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จัดทำข้อมูลท้องถิ่น ตรวจสอบกลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติต่าง ๆ ที่มีพฤติกรรมในการรวมกลุ่มในพื้นที่รับผิดชอบ แกนนำต่างด้าวที่มีพฤติกรรมในการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม หรือฝ่าฝืนกฎหมาย หรือมีการกระทำใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ แล้วรายงานข้อมูลให้ ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.) เพื่อกำหนดแผนระดมกวาดล้างและเปิดปฏิบัติการในภาพรวม 

กรณีที่พบเหตุคนต่างด้าวฝ่าฝืนกฎหมาย หรือกระทำกรณีที่ไม่เหมาะสม ให้เข้าเผชิญเหตุ ระงับ ยับยั้ง บังคับใช้กฎหมายโดยทันที อย่าให้เหตุลุกลามหรือส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในภาพรวม และกรณีที่มีการดำเนินคดีกับคนต่างด้าวให้ทุกสถานีตำรวจดำเนินการสืบสวนทุกมิติ รวมทั้งการขยายผลดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้อง 

ส่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้ตรวจสอบสถานะของคนต่างด้าว พฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนหรือไม่ตรวจอนุญาตต่อไป ในกรณีที่พบว่าคนต่างด้าวที่เข้ามามีพฤติการณ์ในลักษณะที่แอบแฝงกระทำความผิดในลักษณะที่เป็นภัยต่อสังคม กระทบต่อความสงบสุข ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน  ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือมีพฤติการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายและพิจารณาเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรอย่างเคร่งครัด 

ให้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์เชิงรุก ชี้แจงนักท่องเที่ยวในพื้นที่ สร้างการรับรู้ภาพลักษณ์ที่ดีในการท่องเที่ยว ส่วนกองบัญชาการตำรวจสันติบาล รับผิดชอบด้านการข่าวความมั่นคง ข้อมูลคนต่างด้าวและสัญชาติที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง และให้วิเคราะห์สถานการณ์คนต่างด้าวในระดับพื้นที่จังหวัด กำหนดพื้นที่เฝ้าระวัง พร้อมยังสั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สนับสนุนการปฏิบัติภายในอำนาจและหน้าที่ ประสานและบูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ปรากฏข้อมูลข่าวสารกลุ่มคนต่างด้าวในพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน นั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบและรายงานผลการปฏิบัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ ภายใน 7 วัน มอบหมายให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติ โดยให้เปิดปฏิบัติการบูรณาการกำลังทุกหน่วยร่วมปฏิบัติดำเนินการเชิงรุกให้ปรากฎผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวทันที

เจาะ 3 วิธีแนวทาง ‘กลืนชาติ’ ของต่างด้าวในไทย ใช้เวลาบ่มเพาะ นานนับสิบปี รุกพื้นที่!! สร้างสังคมชนชาติ ขึ้นมาในชุมชน ใช้ความเหมือนทางวัฒนธรรม

ช่วงนี้กระแสต่างด้าวเข้ามากลืนชาติ แย่งธุรกิจคนไทยได้ลุกลามบานปลายนอกจากประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงมาสู่แนวทางอื่น ๆ แล้ว วันนี้เอย่าขอเสนอวิธีกลืนชาติของต่างด้าวแบบต่าง ๆ มาให้อ่านกัน

วิธีที่ 1 รุกพื้นที่ขยายเผ่าพันธุ์ วิธีนี้เป็นวิธีที่ประเทศรอบบ้านเราใช้โดยการเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย จับจองพื้นที่ และออกลูกหลานจากนั้นให้ลูกหลานพยายามได้สัญชาติไทย หรืออย่างน้อยก็ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ได้บัตรประชาชนไทยมา ซึ่งล่าสุดเอย่าได้ข่าวว่าราคาซื้อขายบัตรประชาชนแถว อ. พบพระและ อ. ท่าสองอย่างราคาดีดขึ้นจากเดิมที่เคยมีกลุ่ม CDM และ PDF หนีเข้ามาไทย หลังจีนเทาถูกปราบปรามอย่างหนักทำให้ทั้งจีนเทาและพม่าเทาหนีมาเอาบัตรไทยแลนด์เป็นอันมาก

วิธีที่ 2 สร้างสังคมของชนชาติขึ้นมาในชุมชน ดังที่เกิดขึ้นกับชาวยิวใน อ. ปาย หรือกลุ่มจีนเทาในเมืองใหญ่ โดยกลุ่มนี้มีเงินจะเอาเงินจ้างนอมินีแล้วใช้นอมินีมาซื้อทรัพย์สินและเริ่มการลงทุนจากนั้นก็จะหาวิธีติดสินบนรัฐเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญชาติไทยอีกที หรือเพื่อจุดประสงค์คืออยู่ไทยได้นานขึ้น

วิธีที่ 3 คือใช้ที่วิธีกล่อมโดยใช้ความเหมือนทางภาษา วัฒนธรรมและศาสนามาเป็นตัวทำให้ชุมชนยอมรับและช่วยผลักดันคนกลุ่มนี้ให้เป็นคนไทยดังเช่นที่เกิดในหมู่บ้านตามชายแดนกัมพูชา หรือเพื่อจะดึงคนไทยให้ออกห่างเพื่อตั้งรัฐอิสระดังเช่นที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ตอนนี้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนใช้เวลาบ่มเพาะนานนับสิบปีแต่แม้จะใช้เวลานานคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้มีจิตสำนึกของความเป็นไทย เพียงแต่เขาต้องการใช้สิทธิประโยชน์จากการเป็นพลเมืองไทยเท่านั้น

เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นแต่เป็นปัญหาที่ลุกลามไปทั่วโลกจน ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์จับจุดนี้มาหาเสียงและยกประเด็น American First มาเป็นจุดที่สร้างคะแนนเสียงให้เขา ประเด็นคือเราคนไทยจะให้คนกลุ่มนี้เข้ามาใช้สิทธิประโยชน์หรือเราควรจะมาปกป้องสิทธิของคนไทยเราบ้างหรือยัง

‘อ.อุ๋ย’ ยัน!! ‘ชาวยิว’ ที่ปาย มีสิทธินับถือ ประกอบพิธีศาสนา อันเป็นสิทธิตาม ‘รธน.’ แต่ต้อง!! เคารพกฎหมาย และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ของประเทศไทยด้วย

(22 ก.พ. 68) นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นว่า “กรณีข่าวชุมชนชาวยิวที่ปาย ซึ่งมีชาวบ้านออกมาร้องเรียนว่ามีจำนวนมากและก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับชุมชนนั้น ผมเห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 31 บัญญัติว่า ‘บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการนับถือศาสนาและย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติหรือประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนาของตน แต่ต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของรัฐ และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน’

อีกทั้งในมาตรา 67 วรรคหนึ่ง ก็บัญญัติอีกว่า ‘รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น’ และมาตรา 27 วรรคสาม กำหนดว่า ‘การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นกําเนิด เชื้อชาติภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือเหตุอื่นใด จะกระทํามิได้’

ดังนั้นไม่ว่าชนชาติใด ศาสนาใด จึงมีสิทธิในการอยู่อาศัย พำนัก และนับถือศาสนาของตนโดยเสรีบนผืนแผ่นดินไทย ตราบใดที่เคารพต่อกฎหมายไทย ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อคนไทย ไม่เป็นอันตรายต่อความมั่นคง และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งกรณีปัญหาชุมชนชาวยิวที่ปาย จึงต้องแยกปลาออกจากน้ำเสียก่อน กล่าวคือ ชาวยิวคนไหนที่เข้ามาท่องเที่ยวตามปกติ อยู่ไม่เกินอายุวีซ่า ก็ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชน ต้องปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงนักท่องเที่ยวทั่วไป 

ส่วนกลุ่มใดที่เข้ามาโดยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ซ่องซุม อยู่เกินอายุวีซ่า ลักลอบทำงาน ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ไม่เคารพกฎหมายและประเพณีอันดีงามของไทย ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ลงโทษอย่างเด็ดขาด ส่งกลับประเทศและแบล็กลิสท์ไม่ให้เข้าประเทศไทยอีก รวมถึงพัฒนาระบบไบโอเมตริกซ์ เชื่อมโยงฐานข้อมูลตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกับตำรวจสากล เพื่อคัดกรองผู้มีประวัติอาชญากรรม หรือมีประวัติที่เป็นภัยต่อความมั่นคง เพื่อสกัดไม่ให้เข้าประเทศไทยได้ตั้งแต่ต้นทาง  

หรือหากต้องการให้ปายกลับมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สงบและรักษาประเพณีอันดีงามไว้ในระยะยาว ก็ต้องกำหนดโควตาหรือจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชนไว้ และเก็บค่าธรรมเนียมท่องเที่ยวในอัตราสูง เช่น ประเทศภูฏานเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวถึงเกือบสี่พันกว่าบาทต่อคืน เพื่อคัดเลือกนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และนำเงินตรงนี้มาพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวในระยะยาวต่อไป ก็ขอฝากผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาครับ ด้วยความปรารถนาดี”

‘ยิว’ เข้ายึด!! ‘ปาย’ เพราะ ‘ไกลปืนเที่ยง - ค่าครองชีพถูก’ ปลอดผู้มีอิทธิพล!! เจรจาง่าย ถ้าได้ผลประโยชน์ที่ลงตัว

(24 ก.พ. 68) เมื่อเอย่าไปหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพวกยิวที่เข้ามายึดเมืองปายในบทความที่แล้วก็ทำให้เอย่าได้พบกับเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่อง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมชาวยิวถึงเลือกจะมาสร้างชุมชนที่เมืองปาย ซึ่งหลายเหตุผลที่เอย่าได้มาเป็นอะไรที่น่าสนใจมากจนเอย่าต้องมาเขียนให้ทุกท่านได้อ่านกัน

ประการแรกคือ  ปายเป็นเมืองไกลปืนเที่ยง แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่ถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวแบบไปกลับเพราะความเจริญในปายยังมีน้อยหากเทียบกับเชียงใหม่หรือเชียงราย  อีกทั้งหน่วยราชการเป็นหน่วยเล็กๆสามารถใช้เงินเพื่ออำนวยความสะดวกได้ไม่ยากและคงไม่มีใครมาตรวจสอบ

ประการที่สอง คนที่อยู่ปายจริงๆจะเป็นคนที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย  และสามารถเจรจาได้ง่ายหากมีผลประโยชน์ลงตัว

ประการที่ 3 ปายมีศาสนาหลักคือพุทธ แม้จะมีชุมชนมุสลิมอยู่แต่ก็เป็นชุมชนเล็กๆที่รักสงบ

ประการที่ 4 ค่าครองชีพในปายถือว่าถูกมากๆหากเทียบกับเมืองที่มีชาวต่างชาติเข้าไปตั้งรกรากเพื่อทำธุรกิจ

ประการที่ 5 ปายเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่ยังขาดแคลนหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นส่วนที่ชาวต่างชาติต้องการและนั่นเองคือสิ่งที่ชาวยิวมองเห็น

ประการที่ 6 ปายยังเป็นดินแดนปลอดผู้มีอิทธิพลและต่อให้มีผู้มีอิทธิพลก็มีจำนวนน้อย ซึ่งชาวยิวส่วนใหญ่มีเงินสามารถซื้อคนเหล่านี้ได้ ไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้แก่ผู้มีอิทธิพลหลายคน หลายส่วนหากเทียบกับในเมืองใหญ่

เหตุผลที่กล่าวมา 6 ข้อนี้เป็นอะไรที่น่าคิดเป็นอย่างมากแต่ก็ต้องขอบคุณที่ปายมีชุมชนที่แข็งแกร่งผลักดันให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ อีกทั้งชาวยิวเหล่านี้ไม่มีกลุ่มการเมืองหนุนหลังในไทยที่ส่งผลให้การจัดการยุ่งยากมากขึ้น ก็หวังว่าปัญหาชาวยิวยึดเมืองปายนี้จะถูกแก้ไขได้ในเร็ววัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top