Tuesday, 22 April 2025
ปลาหมอคางดำ

‘สมุทรสาคร’ เปิดปฏิบัติการเกลือจิ้มเกลือ กำจัด!! ‘ปลาหมอคางดำ’ พร้อมปล่อย ‘ปลากะพงขาว’ ไซส์ใหญ่หลายหมื่นตัวไล่ล่า 18 ก.ค.นี้

(12 ก.ค. 67) นายนิรันดร์ พรหมครวญ ประมงอาวุโสจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร มีแผนที่จะดำเนินการในวันที่ 18 ก.ค.นี้ ถือเป็นวันดีเดย์ใช้แผนเกลือจิ้มเกลือ ในการปล่อย ‘ปลากะพงขาว’ ไซส์ใหญ่ ไล่ล่า ‘ปลาหมอคางดำ’

ทั้งนี้ เบื้องต้นภายในเดือน ก.ค.67 จะปล่อยปลากะพงขาว ทั้งหมดถึง 90,000 ตัว ที่คลองธรรมชาติ เริ่มในวันที่ 18 ก.ค.67 เวลา 11.00 น. โดยนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร จะมาเป็นประธานในการปล่อยปลากะพงขาวที่แม่น้ำท่าจีน หน้าวัดกำพร้า ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 30,000 ตัว และต่อด้วยวันที่ 23 ก.ค.67 เวลา 09.30 น. ปล่อยปลากะพงขาวที่บริเวณคลองท่าแร้ง วัดยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว 20,000 ตัว, วันที่ 24 ก.ค.67 เวลา 09.30 น. ที่คลองดำเนินสะดวก หน้า อ.บ้านแพ้ว ปล่อยปลากะพงขาว 20,000 ตัว, วันที่ 26 ก.ค.67 เวลา 09.00 น. ปล่อยปลากะพงขาวที่คลองพิทยาลงกรณ์ อบต.พันท้ายนรสิงห์ ติดกับพื้นที่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร อีก 20,000 ตัว รวมปลานักล่าทั้งหมด 90,000 ตัว เพื่อทวงคืนระบบนิเวศให้กลับมาดีเหมือนเดิม

'ดร.ธรณ์' หวั่น!! ผลกระทบ 'ปลาหมอคางดำ' กระจายสู่แหล่งน้ำอื่น ยิ่งแพร่ยิ่งเกินควบคุม

(12 ก.ค.67) ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศน์ทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กโดยระบุว่า…

ในกรณีที่ปลาหมอคางดำลงทะเล ระบบนิเวศที่จะได้รับผลกระทบคือหาดทราย หาดเลน ป่าชายเลน และแหล่งหญ้าทะเล ปลาหมอคางดำเป็นปลาที่อยู่ในน้ำกร่อยได้ สัตว์น้ำในพื้นที่ชายฝั่งจึงถูกคุกคาม

หาดทราย/หาดเลนบางแห่งอยู่ในเขตน้ำกร่อย โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้ปากแม่น้ำลำคลอง ความเค็มต่ำ ปลาหมออยู่ได้

บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของสัตว์ขนาดเล็กที่อาจตกเป็นอาหารปลา ทำให้สัตว์น้ำลดลง ชาวบ้านทำมาหากินริมทะเล เช่น เก็บสัตว์น้ำ ทอดแห วางอวนทับตลิ่ง ฯลฯ ได้รับผลกระทบ

ตัวอย่างง่าย ๆ คือปลากระบอกเริ่มหายไป ทอดแหวางอวนดันได้ปลาหมอมาแทน ป่าชายเลนและแหล่งหญ้าทะเลบางแห่งอยู่ตามชายฝั่ง ในเขตน้ำกร่อย เจอผลกระทบเช่นกัน

ระบบนิเวศทั้งสองแบบเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน ซึ่งปลาหมอคางดำจะกินสัตว์เหล่านั้น ผลกระทบจึงไม่เกิดเฉพาะพื้นที่ แต่จะส่งผลถึงทะเลข้างนอก ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง ในกรณีของแนวปะการัง อยู่ห่างชายฝั่ง น้ำเค็มมากหน่อย คิดว่าปลาหมอคงไปไม่ถึง แต่ยังมีหย่อมปะการังริมฝั่งที่อาจได้รับผลบ้าง ต้องติดตามดู

เมื่อดูจากแผนที่ ผลกระทบตอนนี้อยู่ในอ่าวไทยตอนใน กำลังขยายตัวไปทางภาคตะวันออก ชายหาด ป่าชายเลน และแหล่งหญ้าทะเลริมฝั่งในจังหวัดระยอง เช่น ปากน้ำ บ้านเพ เรื่อยไปจนถึงจันทบุรีและตราด เป็นพื้นที่เสี่ยงลำดับต่อไป ยังรวมถึงหย่อมการแพร่กระจายอื่นๆ เช่น ภาคใต้

ปัญหาสำคัญคือการจับปลาหมอในทะเลลำบากกว่าในบ่อหรือในคลอง หากแพร่ระบาดออกไปจะยากต่อการควบคุม คิดว่าปลาหมอจะขยายพื้นที่ไปตามปากแม่น้ำลำคลอง ชายฝั่งรอบๆ แต่จะไม่ออกไปตามเกาะเล็กเกาะน้อย (ยกเว้นเกาะขนาดใหญ่ที่มีลำคลอง) ไม่คิดว่าปลาหมอจะว่ายตัดทะเลไปเกาะใหญ่ๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าติดไปแล้วลงสู่แหล่งน้ำบนเกาะ จะแพร่พันธุ์รอบเกาะได้

การควบคุมให้ปลาหมอไปไม่ถึงเกาะต่างๆ จึงสำคัญอย่างมาก ต้องช่วยกันระวังอย่าให้คนพาไป (ไม่ตั้งใจก็ต้องระวัง)

สถานการณ์ตอนนี้คงต้องเริ่มจากติดตามว่าปลาหมอกลุ่มที่อยู่ตามชายฝั่งมีที่ไหนบ้าง มีมากมีน้อย แนวโน้มเป็นอย่างไร หาทางป้องกัน/กำจัดอย่างไร

เรายังต้องการข้อมูลเป็นอย่างมาก เนื่องจากเราแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับปลาหมอคางดำในทะเล
เพราะเป็นปลาเอเลี่ยน เราจึงไม่รู้การปรับตัว พฤติกรรมในทะเล อาหาร ผลกระทบ ฯลฯ

ในทะเลไทยไม่เคยมีเอเลี่ยนจริงจังมาก่อน เมื่อมีความเสี่ยงในเรื่องนี้ เราต้องรีบหาทางรับมือ หากเจอต้องช่วยกันรายงาน ปลาน้อยจับง่าย ปลาเยอะจับไม่หวาดไม่ไหว โดยเฉพาะตามเกาะใหญ่ ๆ ที่มีแหล่งน้ำจืดไหลลงทะเล เช่น เกาะช้าง เกาะหมาก เกาะกูด เกาะสมุย พะงัน ฯลฯ เราต้องจัดการปัญหาตั้งแต่ต้น

หากเจอรีบแจ้งเลยครับ

‘ปลาหมอคางดำ’ บุก!! ‘กทม.’ โผล่ระบาดแล้ว 3 เขต ล่าสุดพบชาวบ้านแห่จับ หลังลอยเกลื่อนบึงมักกะสัน

(15 ก.ค. 67) จากกรณีปัญหา ‘ปลาหมอคางดำ’ ซึ่งล่าสุดแพร่พันธุ์กระจายเข้ามาในพื้นที่ กทม.แล้ว 3 เขต โดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เขตบางขุนเทียน โดยพบว่าแพร่ระบาดมาจากจังหวัดสมุทรสงคราม

สำหรับในพื้นที่กทม. ที่พบ ‘ปลาหมอคางดำ’ ในขณะนี้ คือ เขตบางขุนเทียน ทุ่งครุ และบางบอน ซึ่งมีการแพร่ระบาดเข้ามาของปลาหมอคางดำที่แพร่พันธุ์ได้เร็วมาก

ล่าสุดวันนี้ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพ ‘ปลาหมอคางดำ’ จำนวนมาก โดยมีการระบุว่าเป็นบริเวณบึงพระราม 9 ซึ่งเพจ อีซ้อขยี้ข่าว3 ได้นำภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ พร้อมระบุข้อความว่า “ชาวบ้านแห่จับปลาหมอคางดำที่น็อกน้ำ แถวบึงมักกะสันฝั่งขาออกประชาสงเคราะห์”

'อ.ธรณ์' ชี้!! 'ปลาหมอคางดำ' เข้าไปอยู่ในธรรมชาติแล้ว แนะ!! เร่งคุมระบาดสู่แหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้ได้มากที่สุด

(16 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงการกำจัดปลาหมอคางดำซึ่งเป็น Alien Species โดยระบุว่า เมื่อสัตว์น้ำรุกรานต่างถิ่นเข้าไปอยู่ในธรรมชาติถึงระดับหนึ่งแล้ว การจัดการให้หมดเป็นเรื่องที่เป็นไปแทบไม่ได้ พร้อมยกตัวอย่างปลาซักเกอร์ที่ยังมีอยู่ในแหล่งน้ำของไทยหรือปลาช่อนในสหรัฐอเมริกา

การจัดการด้านพื้นที่คือ คุมการระบาดให้มากที่สุด โดยแบ่งพื้นที่เป็นเขต 3 เขตได้แก่ เขตหลักคือ อ่าวไทย ตัวก. เขตรองซึ่งพบการระบาดเป็นพื้นที่ กระจายออกไปทั้งในแผ่นดินและในทะเล และเขตที่ปลายากไปถึงเช่น เกาะต่าง ๆ แหล่งน้ำที่ไม่เชื่อมต่อกับแหล่งอื่น

สำหรับเขตหลักต้องเน้นการลดจำนวนปลาหมอ เขตรองต้องคุมไม่ให้ขยายออกไปข้าง ๆ เพิ่มขึ้น ส่วนเขตไม่มีปลาไปถึงตามธรรมชาติต้องคุมไว้ให้ได้

เมื่อการกำจัดการปลาหมอคางดำให้หมดเป็นไปได้ยากนั้น จึงต้องพยายามลดผลกระทบให้มากสุดทั้งต่อระบบนิเวศ รวมถึงการประกอบอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและทำประมงเนื่องจากปลาหมอคางดำที่เข้าไปในระบบนิเวศจะกินสัตว์น้ำอื่นส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างรุนแรง เมื่อเข้าไปแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจะไปกินสัตว์น้ำที่เพาะเลี้ยง หากเข้าไปในแหล่งประมง ทำให้สัตว์น้ำเศรษฐกิจหายไป ชาวประมงพื้นบ้านจับได้แต่ปลาหมอราคาต่ำโดยในการลดจำนวนปลาหมอคางดำคือ จับเท่าที่ทำได้แล้วนำมาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ เช่น เป็นอาหารคน อาหารสัตว์ โดยคณะประมงคิดค้นเมนูกู้แหล่งน้ำทั้งปรุงสดและผลิตภัณฑ์ โดยต้องหาแนวทางนำมาใช้ประโยชน์อื่น ๆ อีก

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการส่งผู้ล่าลงไปจัดการ โดยผู้ล่าต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการได้แก่ เป็นปลาท้องถิ่น มีประโยชน์ และหาได้ในจำนวนมาก ทั้งนี้จะไม่ส่งสัตว์น้ำต่างถิ่นไปกินสัตว์น้ำต่างถิ่นเพราะอาจเกิดปัญหารุนแรงขึ้น ประเด็นมีประโยชน์หมายถึง ต่อให้ไม่กินปลาหมอคางดำหรือกินได้ไม่เยอะ คนก็ยังจับมากินมาขายได้ ส่วนเรื่องหาได้เยอะหมายถึง ต้องรวบรวมพันธุ์ปลาได้มากพอซึ่งอาจเป็นที่มาของปล่อยปลากะพงกินปลาหมอคางดำเพราะปลากะพงขาวมีคุณสมบัติครบ

สำหรับเรื่องที่ต้องศึกษาเพิ่มเติมเช่น จะกินปลาอื่นไหม กินปลาหมอคางดำได้แค่ไหน ปลาผู้ล่าต้องไหนถึงเหมาะ จำนวนปลาหมอคางดำหนาแน่นแค่ไหนจึงสมควรปล่อยปลาผู้ล่า การปล่อยปลาจึงต้องระมัดระวังผลกระทบข้างเคียงและศึกษาพื้นที่ให้แน่ชัดว่า จะควบคุมได้ซึ่ง ถึงขั้นนี้ต้องยอมรับว่า ต้องหาทางอยู่ร่วมกับปลาหมอคางดำต่อไป และพยายามลดความเสียหายให้มากที่สุด

'ซีพีเอฟ' ยัน!! ทำลายปลาหมอคางดำหมดเกลี้ยงตั้งแต่ 14 ปีก่อน ส่วนปัญหาระบาดช่วงนี้ บริษัทฯ พร้อมสนับสนุนภาครัฐแก้ปัญหา

(16 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเปรมศักดิ์ วนัชสุนทร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ผู้บริหารสูงสุดด้านการวิจัยและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กล่าวว่า ในส่วนงานสัตว์น้ำ ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ โดยได้มีการทบทวนย้อนหลังสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การนำเข้าในเดือนธันวาคม 2553 ถึงวันทำลายในเดือนมกราคม 2554 มั่นใจได้ว่าบริษัทได้ดำเนินการอย่างถูกต้องและด้วยความรอบคอบตามหนังสือชี้แจงที่ได้นำส่งไปยัง คณะกรรมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กมธ.)

นายเปรมศักดิ์ กล่าวว่า “บริษัทยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนหน่วยงานรัฐตามแนวทางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5 ด้าน อันประกอบด้วย…

1.ทำงานร่วมกับกรมประมงในการสนับสนุนให้มีการรับซื้อปลาหมอคางดำไปผลิตเป็นปลาป่น…

2.ทำงานร่วมกับภาครัฐในการสนับสนุนการปล่อยปลาผู้ล่าลงสู่แหล่งน้ำ…

3.สนับสนุนภาครัฐในการจัดกิจกรรมจับปลา…

4.สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากปลาหมอคางดำร่วมกับสถาบันการศึกษา…

และ 5.สนับสนุนการวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญในการหาแนวทางควบคุมประชากรปลาหมอคางดำ”

สำหรับหนังสือชี้แจงไปยัง กมธ. มีรายละเอียด ดังนี้ ในปี 2553 บริษัทได้นำเข้าปลาจำนวน 2,000 ตัว ซึ่งพบว่ามีปลาสุขภาพไม่แข็งแรงและมีการตายจำนวนมากในระหว่างทาง ทำให้เหลือปลาที่ยังมีชีวิตแต่อยู่ในสภาพอ่อนแอเพียง 600 ตัว ซึ่งได้รับการตรวจสอบ ณ ด่านกักกันโดยกรมประมง ทั้งนี้ เนื่องจากปลามีสุขภาพไม่แข็งแรง จึงมีการตายต่อเนื่องจนเหลือเพียง 50 ตัว บริษัทจึงตัดสินใจหยุดการวิจัยในเรื่องนี้ โดยมีการทำลายซากปลาตามมาตรฐานและแจ้งต่อกรมประมง พร้อมส่งตัวอย่างซากปลา ซึ่งดองในฟอร์มาลีนทั้งหมดไปยังกรมประมงในปี 2554

นอกจากนี้ ในปี 2560 ที่เริ่มพบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ คณะผู้ตรวจเยี่ยมจากกรมประมง เข้าตรวจเยี่ยมฟาร์มของบริษัท ณ จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อขอข้อมูลจำนวนลูกปลาหมอคางดำที่นำเข้าเมื่อปี 2553 และการบริหารจัดการ ซึ่งนักวิจัยของบริษัทได้รายงานข้อเท็จจริงทั้งหมด ต่อมาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมฟาร์มอีกครั้ง ซึ่งนักวิจัยของบริษัทได้ชี้แจงถึงวิธีการทำลายปลาทั้งหมด โดยใช้สารคลอรีนเข้มข้นและฝังกลบซากปลาโรยด้วยปูนขาว และยืนยันว่าไม่ใช่สาเหตุของการแพร่ระบาดดังกล่าว

นักวิชาการประมง ชี้!! 'หมอคางดำ' หนังม้วนเดิมแบบ 'หมอบัตเตอร์' แนะ!! ถอดบทเรียน ช่วยหยุดแพร่กระจายสัตว์น้ำต่างถิ่นในอนาคต

(17 ก.ค. 67) จากเพจ 'Theerawat Sampawamana' ซึ่งเป็นนักวิชาการประมง ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำ ว่า...

โหนกระแส 'หมอคางดำ'

โลกโซเชียลมีเดียหลายวันมานี้ มีแต่ข่าว สัตว์น้ำต่างถิ่น 'หมอคางดำ' ระบาดไปทั่ว สังคมแตกตื่น ทุกฝ่ายตระหนก!!!

หลายปีก่อนผมเคยเขียนเรื่อง 'ปลาหมอบัตเตอร์' สัตว์น้ำต่างถิ่นอีกตัวที่แพร่ระบาดเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ เมืองกาญจน์ จนปลาพื้นเมืองหลายชนิดลดจำนวนลงอย่างน่าตกใจ

หนังม้วนเดิมครับ 'หมอบัตเตอร์กับหมอคางดำ' พล็อตเรื่องเดียวกันเดี๊ยะ ปฐมบทเหตุแห่งปัญหา ที่มา....ที่ไป!!!

จริง ๆ แล้ว สมัยยังเป็นนักวิชาการประมง ผมไม่มีประสบการณ์ใดๆ เกี่ยวข้องกับปลาหมอคางดำ คืนนี้ขอนอนดึกเสิร์ชหาข้อมูลตามความตั้งใจ เผื่อจะได้ความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์บ้าง

ข้อมูลสำคัญที่ค้นคว้าหาได้ สรุปไว้ประมาณนี้ครับ...

หมอคางดำ เป็นปลาน้ำกร่อย พบทั่วไปตามพื้นที่ป่าชายเลน ถิ่นกำเนิดอยู่ทวีปแอฟริกาฝั่งตะวันตก อยู่ได้ทั้งในสภาวะความเค็มสูงและความจืดสนิท โตเต็มที่รายงานพบขนาดความยาวเกือบๆ หนึ่งฟุต!!!

สืบพันธุ์วางไข่ได้รอบเร็ว โดยธรรมชาติวางไข่บริเวณชายฝั่งน้ำตื้น (ไม่มีรายงานชัดเจนว่าสามารถสืบพันธุ์ในแหล่งน้ำจืดที่ไม่มีเขตติดต่อทะเลได้หรือไม่)

ในสภาวะปกติตัวผู้จะดูแลอนุบาลไข่หลังผสมพันธุ์ในปากในช่วงระยะวัยอ่อน ลูกดก ตายยาก อึด ทน!!!

ประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศแรกที่ประสบปัญหาการรุกล้ำของสัตว์ต่างถิ่นชนิดนี้ มีรายงานพบการแพร่ระบาดหลายภูมิภาคของโลก ทั้งแถบทวีปอเมริกาเหนือ หมู่เกาะฮาวาย ประเทศฟิลิปปินส์ ฯลฯ ส่วนใหญ่หลุดรอดจากการเลี้ยง!!!

งานวิจัยบางส่วนกล่าวถึงผลกระทบเชิงลบ มีรายงานว่าการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วเป็นสาเหตุของความแออัดและส่งผลให้เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่

มักก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจหากหลุดรอดไปยังบ่อเลี้ยงปลา เช่น กรณีฟาร์มเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเลในฟิลิปปินส์

ข้อมูลที่ได้รับจากสื่อต่างๆ ก่อนหน้านี้ ทำให้ผมเข้าใจว่าหมอคางดำกินปลาหรือสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร และเป็นสาเหตุสำคัญทำให้สัตว์น้ำอื่นๆ หมดสิ้นไปจากแหล่งน้ำนั้นๆ

จริงๆ แล้วไม่น่าจะใช่ งานวิจัยที่อ้างอิงได้ ระบุว่าหมอคางดำ ส่วนใหญ่กินซากพืชซากสัตว์ หอยสองฝาขนาดเล็ก ๆ แพลงค์ตอนสัตว์ รวมถึงแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่อยู่บริเวณพืชน้ำหรือรากไม้ ชอบหากินกลางคืนมากกว่ากลางวัน

เพราะมีจุดแข็งหลายข้อ ตามที่กล่าวข้างต้น สัตว์น้ำต่างถิ่นชนิดนี้จึงยึดครองแย่งเจ้าถิ่นเดิมพันธุ์พื้นเมืองตลอดแนวชายฝั่งหลายพื้นที่ได้แบบเบ็ดเสร็จ

เมื่อปราบไม่หมด การสนับสนุนบริโภคคือหนึ่งในมาตรการที่ภาครัฐส่งเสริม

เจ็บแล้วต้องจำครับ การถอดบทเรียนกรณีหมอบัตเตอร์ หมอคางดำ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการจัดการการแพร่กระจายสัตว์น้ำต่างถิ่น…ในอนาคต!!!

'อ.นิด้า' ยกข้อความ 'รศ.ดร.เสรี' ไม่ควรกล่าวหาโยนความผิดให้บริษัทใด ชี้!! ทุกรายใหญ่ในปัจจุบัน ต้องเข้มในสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมอยู่แล้ว

(17 ก.ค.67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ้างอิงคำกล่าวของ รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา เกี่ยวกับปมปลาหมอคางดำแพร่กระจาย ระบุว่า...

ไม่มีหลักฐานใด ๆ ทำไมจึงไปกล่าวหาโยนความผิดให้บริษัทที่เขายืนยันการทำงานด้วยความรับผิดชอบของใคร

บางทีคนบางคนอาจจะต้องตั้งคำถามตัวเองนะว่าทำไมจึงมีแนวโน้มที่มักจะมีอคติกับบริษัทยักษ์ใหญ่หลาย ๆ เรื่อง

เวลามีปัญหาสังคมเกิดขึ้น จะกล่าวหาบริษัทยักษ์ใหญ่ทันทีว่าเป็นต้นตอของปัญหาทั้งๆ ที่ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ

บริษัทยักษ์ใหญ่แทบทุกบริษัทเขามีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ทำประโยชน์กับสังคม

แทบทุกบริษัทดำเนินงานตามหลัก ESG คือ Environment, Society, และ Governance เป็นองค์กรเพื่อสังคม (Social Enterprise)

ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ใส่ใจสังคม และมีธรรมาภิบาล

เจ้าของบ่อ 'ปลากะพงขาว' โชว์ความดุดัน จับ 'หมอคางดำ' ทำเหยื่อ ไม่กี่นาทีเกลี้ยงไม่เหลือซาก

(17 ก.ค. 67) นายนิรันดร์ พรหมครวญ ประมงอาวุโสหัวหน้ากลุ่มงานบริหารจัดการด้านการประมงจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มีเจ้าของบ่อปลากะพงทั้งแบบเปิดและแบบปิดหลายบ่อในจังหวัดสมุทรสาคร หันมาเอาปลาหมอคางดำมาทำปลาเหยื่อ เพื่อลดต้นทุนในการเลี้ยงปลากะพง โดยการนำปลาหมอคางดำ มาให้ปลากะพงขาวกิน ซึ่งปลากะพงขาวถือเป็นปลานักล่ามีความดุดันมาก กินปลาหมอคางดำปลาเหยื่อแบบไม่เหลือซาก

ด้านเจ้าของบ่อปลากะพงขาว ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อปลากะพงขาวที่เลี้ยงไว้ได้ขนาดตัว 4 ถึง 5 นิ้ว จะมีการเปิดประตูบ่อให้ปลาหมอคางดำเข้ามาในบ่อ พอปลาหมอคางดำผ่านประตูบ่อเข้ามาก็ถูกปลากะพงขาวจัดการกินเรียบ จึงเชื่อว่าหากถึงวันที่มีการปล่อยปลากะพงขาว ปลานักล่า 90,000 ตัวลงในแม่น้ำจะสามารถกำจัดปลาหมอคางดำได้ไม่ยาก จะช่วยให้ปลาหมอคางดำลดปริมาณลงได้แน่นอน 

‘ชาวสมุทรสาคร’ เฮ!! พบฝูงปลากระบอกนับหมื่นตัวในแม่น้ำ เชื่อ!! ‘ปลาหมอคางดำ’ เริ่มน้อยลง-ระบบนิเวศกำลังฟิ้นกลับมา

(18 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร ได้ออกเรือตรวจผ่านมาบริเวณหน้าวัดกำพร้า อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร พบฝูงลูกปลากระบอกฝูงใหญ่จำนวนมากนับหมื่น ๆ ตัวว่ายล้อมโป๊ะหน้าวัดกำพร้า และว่ายลอยตัวอยู่ในแม่น้ำ สร้างความดีใจให้กับทุกคนที่ได้เห็นฝูงปลากระบอกกลับคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ

ลุงเล็ก ประธานประมงพื้นบ้าน บอกว่า การที่เห็นปลากระบอกจำนวนหลายหมื่นตัวว่ายให้เห็นแบบนี้ ชี้ให้เห็นว่าปลาหมอคางดำ ได้ลดน้อยเบาบางลงแล้ว เพราะถ้าปลาหมอคางดำ ยังมีจำนวนมากอยู่ปลากระบอกจะไม่ออกมาว่ายลอยให้เห็นอย่างนี้แน่นอน ปลากระบอกฝูงนี้ถือเป็นฝูงแรกที่กลับมาให้เห็นกัน เราไม่ได้เห็นอย่างนี้กันมานานแล้ว การที่ปลากระบอกเข้ามาอยู่บริเวณปากอ่าวนี้แล้ว อีกหน่อยก็จะกลับเข้าคืนสู่แม่น้ำลำคลองซอกซอยได้ต่อไประบบนิเวศก็จะได้กลับคืนมา

นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การที่เราได้พบฝูงปลากระบอกเป็นตัวบ่งชี้อย่างหนึ่งว่าความอุดมสมบูรณ์ส่วนหนึ่งที่เราพยายามทำมาตลอด 5-6 เดือนที่ผ่านมามันเริ่มกลับมาแล้วถ้าเราทำต่อเนื่องตนเชื่อนะว่าบ้านเราต้องกลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิมระบบนิเวศต้องกลับคืนมาโดยเร็ว

‘เกษตรกร’ โอด!! ‘ปลาหมอคางดำ’ บุกฟาร์มกุ้ง-หอย จับได้ 2 ตัน แต่ไม่มีที่ไหนรับซื้อ จึงโยนทิ้งลงทะเล

(19 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 67 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสมุทรปราการ หรือ ศรชล.จังหวัดสมุทรปราการ ศรชล.ภาค 1 น.อ.ทิฆัมพร สมนึก รอง.ผอ.ศรชล.จว.สป. เป็นประธานในการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เช่น ประมงจังหวัด, อบต.คลองด่าน, เทศบาลตำบลคลองด่าน และภาคประชาชน เช่น สมาคมประมง จ.สมุทรปราการ, สมาคมประมงคลองด่าน รวมถึงผู้แทน สส.สมุทรปราการ เขต 8 พรรคก้าวไกล

ก่อนหน้านี้ นายสมพร เกื้อสกุล ประมงจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางลงพื้นที่ไปดูจุดที่ชาวบ้านพบมีการระบาดของปลาหมอคางดำที่คลองตาเจียน หมู่ 6 ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อสำรวจพื้นที่จริงและนำกลับมาเป็นข้อมูลในการประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ตามสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งอาจไม่เหมือนกัน โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที จึงได้ข้อสรุปเบื้องต้น

ขณะที่ เกษตรกรวังกุ้งรายหนึ่ง หมู่ 9 บ้านขุนสมุทรจีน ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ นำคลิปวิดีโอปลาหมอคางดำที่ถ่ายไว้จากบ่อเลี้ยงกุ้งมาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเปิดเผยว่า ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำเมื่อปลายปี 2566 แต่มาหนักสุดเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา ปลาหมอคางดำกิน-ทำลายกุ้ง-หอยที่เลี้ยงไว้หมดทั้งบ่อ

เกษตรกรกล่าวอีกว่า จับปลาหมอคางดำได้รวมประมาณ 2 ตัน แต่เวลานั้นไม่มีที่ไหนรับซื้อ และไม่มีใครให้ข้อมูลใด ๆ จึงจำเป็นต้องนำปลาหมดคางดำทั้งหมดทิ้งลงทะเลไป และต้องหยุดทำธุรกิจบ่อกุ้งก่อนอย่างไม่มีกำหนด

เกษตรกรกล่าวต่อว่า ส่วนการมาประชุมวันนี้เริ่มมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพราะถ้าภาครัฐมีการรับซื้อที่ 15 บาทต่อกิโลกรัม คิดว่าน่าจะทำให้ปลาหมอคางดำมีปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว ก็จะกลับมาประกอบอาชีพได้อีกครั้ง

นายพิชัย แซ่ซิ้ม นายกสมาคมการประมง จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีชาวประมงพื้นบ้านจับปลาหมอคางดำได้นอกเขต 3 ไมล์ทะเล หลังผ่าท้องพบเคยจำนวนมาก กังวลว่าหากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดปัญหาหนักกับกลุ่มประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ อยากฝากถึงหน่วยงานภาครัฐช่วยเร่งดำเนินการหาวิธีแก้ไขอย่างรวดเร็ว

นายพิชัยกล่าวต่อว่า ขอให้ผ่อนผันกฎหมายการทำประมงขยายขนาดของเรือ จากไม่เกิน 3 ตันกรอส เป็นไม่เกิน 10 ตันกรอส พร้อมให้คณะกรรมการประมงประจำจังหวัด เป็นผู้กำหนดทั้งรูปแบบ เครื่องมือ พื้นที่และขนาดเรือ เพื่อความคล่องตัวและแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด

จากนั้นได้พาผู้สื่อข่าวไปดูบริเวณปลายแม่น้ำเจ้าพระยา ปากอ่าวไทย จุดที่ชาวประมงทอดแหครึ่งชั่วโมง สามารถจับปลาหมอคางดำได้ประมาณครึ่งถังพลาสติกเป็นประจำทุกวัน นำมาเลลงพื้นให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมตั้งข้อสังเกตความห่วงใยว่าปลาหมอคางดำอาจไปทำลายสัตว์น้ำต่าง ๆ ในทะเลอ่าวไทยจนหมด และอาจขยายวงกว้างไปสู่ทะเลของประเทศเพื่อนบ้าน สร้างปัญหาอย่างหนัก อาจทำให้สัตว์น้ำในทะเลลึกสูญพันธุ์ได้

นายสมพร เกื้อสกุล ประมงจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ยอมรับปัญหาเรื่องปลาหมอคางดำของ จ.สมุทรปราการ ระบาดอยู่ในขั้นวิกฤต มีประชาชนแจ้งเข้ามาว่านอกจากพบที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ และ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ แล้ว ยังพบอยู่ในพื้นที่ของ อ.เมืองสมุทรปราการ และที่ ต.เปร็ง อ.บางบ่อ เพิ่มอีก ดังนั้น จึงต้องการให้ความรู้ข้อมูลที่ถูกต้องกับทุกภาคส่วน จะได้เข้ามาร่วมกันจัดการกับปลาหมอคางดำให้หมดไป

นายสมพรกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องราคาที่รับซื้อตอนนี้มีความหลากหลายในแต่ละพื้นที่ ล่าสุด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายให้ภาครัฐช่วยรับซื้อในราคาที่เหมาะสม คือ 15 บาทต่อกิโลกรัม ขณะนี้รอคำสั่งอย่างเป็นทางการ และพร้อมดำเนินการในทันที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top