Wednesday, 23 April 2025
บางจากคอร์ปอเรชั่น

‘บางจาก’ ปิดดีลซื้อ ‘เอสโซ่’ เป็นที่เรียบร้อย ด้วยการถือครองหุ้นทั้งหมดจำนวน 76.34%

(16 ต.ค. 66) นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่บางจากฯ เข้าถือหุ้นร้อยละ 65.99 ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 และได้ยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือจำนวน 1,177,108,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 34.01 ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ เอสโซ่ (ประเทศไทย) ในราคา 9.8986 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566

ซึ่งการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ เอสโซ่ (ประเทศไทย) ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ โดยบางจากฯ ได้ชำระค่าหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นของ เอสโซ่ (ประเทศไทย) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ปัจจุบัน บางจากฯ ถือหุ้นเอสโซ่ (ประเทศไทย) เป็นจำนวน 2,642,157,198 หุ้น (หุ้นที่ถืออยู่เดิมรวมกับหุ้นที่มีผู้แสดงเจตนาขาย) หรือคิดเป็นร้อยละ 76.34 ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด

“จำนวนหุ้นที่ได้จากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ฯ คิดเป็นมูลค่า 3,547,729,490 บาทนี้ บางจากฯ ได้ใช้เงินกู้จากวงเงินสินเชื่อระยะยาวจาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่เป็นพันธมิตรสนับสนุนการเติบโตของ บางจากฯ มาอย่างต่อเนื่อง โดยภายหลังการใช้เงินกู้ครั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบางจากฯ ยังอยู่ในระดับไม่เกิน 1.1 เท่า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางฐานะการเงินของบางจากฯ ทั้งนี้ บางจากฯ พร้อมที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานต่างๆ เพื่อไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจร่วมกัน”

'บางจาก' หนุน!! นักกอล์ฟไทยสายเลือดใหม่ ลุยเวทีระดับโลก ต่อยอดโปรเจกต์เพาะเมล็ดพันธุ์ทางการกีฬา พาชื่อเสียงสู่ประเทศ

กลุ่มบริษัทบางจาก สนับสนุนนักกอล์ฟสายเลือดใหม่ ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, พชร คงวัดใหม่, อาภิชญา ยุบล, จารวี บุญจันทร์, วรรษวัลย์ สังขพงษ์ รวมถึงนักกอล์ฟสมัครเล่นอนาคตไกล แอลล่า แกลิทสกีย์ สู่เวทีระดับโลกตลอดฤดูกาล 2024 หลังทางกลุ่ม มองเห็นศักยภาพและเชื่อมั่นว่ากลุ่มนักกอล์ฟสายเลือดใหม่เหล่านี้จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน เมื่อ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา

(9 ม.ค.67) นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ และนายวิน อินธาระ 2 ตัวแทนฝ่ายดูแลนักกีฬา ร่วมกันเปิดเผยรายละเอียดการสนับสนุน ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, พชร คงวัดใหม่, อาภิชญา ยุบล, จารวี บุญจันทร์, วรรษวัลย์ สังขพงษ์ และ แอลล่า แกลิทสกีย์ ของกลุ่มบริษัทบางจาก เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติตลอดฤดูกาล 2024  

โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากฯ เผยว่า ตลอดเกือบ 4 ทศวรรษที่ผ่านมา บางจากฯ ให้ความสำคัญกับแนวทางการพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่นเดียวกับกลุ่มนักกอล์ฟที่เราเลือกสนับสนุนล้วนเป็นนักกอล์ฟสายเลือดใหม่ ที่บางจากฯ มองเห็นศักยภาพรวมถึงความมุ่งมั่น และเชื่อว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ทางการกีฬาที่จะเจริญเติบโตและสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า “บางจากฯ มีความภูมิใจที่ได้สนับสนุนนักกอล์ฟสายเลือดใหม่เหล่านี้ให้ยั่งยืนและเติบโตอย่างต่อเนื่องเหมือนอย่างที่เราเคยสร้างไว้แล้วกับวงการแบดมินตัน คำถามที่ว่าทำไมเราถึงเลือกสนับสนุนนักกอล์ฟเหล่านี้ เพราะเราต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่ หลายคนที่เซ็นเข้ามาถึงจะเป็นเด็กหน้าใหม่ แต่เราต้องการสื่อว่าถึงจะเป็นหน้าใหม่ก็สามารถสร้างชื่อเสียงได้ อย่างกรณี แอลล่า ที่ยังเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น เราต้องการปั้นเขาตั้งแต่เด็กเหมือนกรณีของ เมย์ รัชนก และ แอลล่า ก็มีแนวโน้มที่จะก้าวขึ้นไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้ไม่ต่างกัน”

ด้าน นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ และนายวิน อินธาระ 2 ตัวแทนที่ดูแลนักกีฬา ร่วมกันเปิดเผยว่า “ด้วยการสนับสนุนจากกลุ่มบางจาก ทางเราจะเป็นฝ่ายที่ขับเคลื่อนนักกีฬาเหล่านี้ให้มีโอกาส ส่งต่อทุกความพยายามของพวกเขาไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ เราต้องการสร้างคนในวงการกอล์ฟ และเริ่มต้นด้วยการพัฒนานักกอล์ฟระดับเยาวชน และตอนนี้ต่อยอดขึ้นมาในระดับนักกอล์ฟอาชีพ เป้าหมายของเราคือขับเคลื่อนบุคลากรวงการกอล์ฟของเราให้เติบโตอย่างถาวรและยั่งยืน ที่สำคัญคือพยายามพาพวกเขาไปสู่เป้าหมายที่วางไว้” 

สำหรับนักกอล์ฟที่กลุ่มบางจากให้การสนับสนุนในครั้งนี้ ประกอบด้วย พชร คงวัดใหม่ แชมป์เอเชียนทัวร์ 1 รายการวัย 24 ปีที่เคยได้รับเชิญเข้าไปเล่นในลิฟกอล์ฟมาแล้ว, ปาจรีย์ อนันต์นฤการ แชมป์แอลพีจีเอทัวร์ 2 รายการ, สองนักกอล์ฟในแอลพีจีเอ จารวี บุญจันทร์ กับ อาภิชญา ยุบล เจ้าของ 2 เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ประเทศจีน และ วรรษวัลย์ สังขพงษ์ ที่ซีซั่นที่ผ่านมาคว้าแชมป์ไทยแอลพีจีเอไป 2 รายการ รวมถึง แอลล่า แกลิทสกีย์ นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 17 ปี เจ้าของแชมป์วีเมนส์ อเมเจอร์ เอเชีย-แปซิฟิก 2023

พชร คงวัดใหม่ นักกอล์ฟวัย 24 ปีที่เป็นนักกอล์ฟอายุน้อยที่สุดที่ชนะรายการระดับอาชีพตอนที่เขาคว้าแชมป์ออลไทยแลนด์ที่หัวหิน เมื่อปี 2013 ด้วยวัยเพียง 14 ปี ก่อนจะตัดสินใจเทิร์นโปรในปี 2014 ตลอดอาชีพคว้าแชมป์ไปแล้ว 10 รายการ ที่โดดเด่นที่สุดคือแชมป์เอเชียนทัวร์ที่ภูเก็ตเมื่อปี 2021 และเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมาเคยเข้าไปร่วมเล่นในลิฟกอล์ฟลีกมาแล้ว 

“ต้องขอขอบคุณบางจากครับ สำหรับการสนับสนุนในครั้งนี้ ขอบคุณที่เชื่อมั่นในตัวผมให้ออกไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศไทย โดยมีสัญลักษณ์ของบางจากบนตัวผม นับเป็นเกียรติและภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบางจากครับ ส่วนเป้าหมายในปี 2024 นี้นอกจากจะพยายามหาแชมป์ต่อไปให้ได้ในเอเชียนทัวร์ ยังมีโอลิมปิกที่ปารีส ถ้าได้เป็นตัวแทนประเทศไทยจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ” พชร กล่าว

จารวี บุญจันทร์ นักกอล์ฟวัย 24 ปีอดีตผู้เล่นมหาวิทยาลัยดุ๊ก เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่เธอในเล่นแอลพีจีเอทัวร์แบบเต็มฤดูกาลเช่นเดียวกับ อาภิชญา ยุบล นักกอล์ฟสาววัย 21 ปีเจ้าของ 2 เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ประเทศจีน ส่วนในระดับอาชีพ อาภิชญา เคยชนะเลดีส์ ยูโรเปียน ทัวร์ เมื่อปี 2022 ในการแข่งขันที่สกอตแลนด์

โปรเปียโน อาภิชญา เปิดเผยว่า “ปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่เปียโนได้มีโอกาสออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในแอลพีจีเอทัวร์ในฐานะรุกกี้ ก็สามารถรักษาทัวร์การ์ดไว้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนในปี 2024 อยากขยับขึ้นไปติดท็อป 60 ได้เล่นรายการเมเจอร์มากขึ้น ถ้ามีโอกาสก็อยากชนะแอลพีจีเอ การได้รับการสนับสนุนครั้งนี้ ทำให้เปียโนมีกำลังใจที่จะออกไปสู้กับปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ ต่อไป เรายังไม่มีผลงานในระดับโลก แต่ยังมีคนเชื่อมั่นในตัวเรา รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวบางจาก ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ”

นอกจากนี้ยังมี ปาจรีย์ อนันต์นฤการ นักกอล์ฟสาววัย 24 ปี เจ้าของ 2 เหรียญทองซีเกมส์เมื่อปี 2016 ก่อนจะเทิร์นโปรในปี 2017 ด้วยวัย 18 ปี ปาจรีย์เข้าไปเล่นในแอลพีจีเอทัวร์ในปี 2019 และชนะครั้งแรกในรายการไอเอสพีเอส ฮันดะ เวิลด์ อินวิเตชั่นแนล เมื่อปี 2021 และเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมาเพิ่งคว้าแชมป์รายการที่สองในรายการแบงค์ ออฟ โฮป แอลพีจีเอ แมตช์เพลย์

ส่วน 'โปรมิ้ม' วรรษวัลย์ สังขพงษ์ ที่มีความสามารถในหลายประเภทกีฬาและสุดท้ายมาจบที่กีฬากอล์ฟที่ส่งเธอไปเป็นผู้เล่นมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา สเตต เคยเล่นในระดับเลดีส์ ยูโรเปียนทัวร์ หรือ แอลอีที แต่ผลงานที่เด่นเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมาคือการคว้าแชมป์ไทยแอลพีจีเอทัวร์ไปครอง 2 รายการ

สำหรับ แอลล่า แกลิทสกีย์ นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 17 ปี เจ้าของแชมป์วีเมนส์ อเมเจอร์ เอเชีย-แปซิฟิก 2023 ที่ประเทศสิงคโปร์ ที่ทำให้เธอเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้ นอกจากนั้นเธอยังเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมชาติไทยชุดเหรียญทองกอล์ฟประเภททีมหญิง ในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ประเทศจีน ปลายปีที่ผ่านมา

40 ปีบางจากโรงกลั่น-น้ำมันแลกข้าว สู่ธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน ตั้งเป้าปี 2023 โต 10 เท่าตัว

เป็นเรื่องที่น้อยคนนักจะทราบว่า ‘บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)’ จะมีจุดเริ่มต้นจาก ‘พลเอกเปรม ติณสูลานนท์’ 

เมื่อ พ.ศ. 2527 รัฐบาลของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้มีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาบริหารงานโรงกลั่นที่มีอยู่แล้ว  

จึงได้จัดตั้ง บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (ชื่อในขณะนั้น) ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายปิโตรเลียมแห่งชาติ โดยได้มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2527 โดยมี ‘เกษม จาติกวณิช’ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และโสภณ สุภาพงษ์ เป็นผู้จัดการใหญ่ 

ก่อนต่อมาในปี พ.ศ. 2533 บางจากได้ร่วมกับสหกรณ์การเกษตรศรีประจันต์ จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งสถานีบริการน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันชุมชนแห่งแรก และมีโครงการที่โดดเด่นอย่างน้ำมันแลกข้าว ถัดจากนั้นอีก 1 ปี ‘บางจาก’ ได้เป็นรายแรกของไทยที่ผลิตและจำหน่ายน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วและบางจากดีเซล 357 กำมะถันต่ำ

พ.ศ. 2558 บางจากได้พลิกโฉมผ่านการลงทุน ในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และเหมืองแร่ลิเทียม ก่อนได้มีการขายเหมืองแร่ลิเทียมในเวลาต่อมาโดยมีกำไรมากกว่า 4,000 ล้านบาท

พ.ศ. 2560 ‘บางจาก’ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท บางจาก คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 

และใน พ.ศ. 2566 ‘บางจาก’ ประกาศดีลใหญ่ด้วยการซื้อกิจการของเอสโซ่ประเทศไทย ทำให้บางจากมีโรงกลั่นน้ำมันระดับโลก 2 แห่ง สถานีบริการน้ำมันรวมมากกว่า 2,200 แห่งขึ้นเป็นแท่นจำนวนสถานีบริการน้ำมันเป็นเบอร์ 2 ของประเทศ

เจาะกลุ่มธุรกิจในมือ ‘บางจาก’

จากรายงานประจำปีและ Opportunity Day ในไตรมาสที่ 1 พบว่า บางจากมีการดำเนินกิจการใน 6 กลุ่ม ได้แก่ 

1. ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและการค้าน้ำมันดิบ ปัจจุบันมี 2 แห่ง ได้แก่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง และโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชาหรือโรงกลั่นน้ำมันของเอสโซ่เดิม มีกำลังการผลิตรวม 294,000 บาร์เรลต่อวันเป็นกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 

2. กลุ่มธุรกิจการตลาด มีสถานีบริการน้ำมันรวมมากกว่า 2,219 แห่ง มีส่วนแบ่งการตลาด 29 เปอร์เซ็นต์ ถ้านับเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ‘บางจาก’ จะมีปั๊มน้ำมันรวมอันดับ 1 นอกจากนี้ในกลุ่มธุรกิจนี้ยังมีร้านกาแฟอินทนิล ที่มีสาขาจำนวนมากถึง 1,020 สาขา 

3. กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด มีการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาดใน 7 ประเทศรวม มีกำลังการผลิตรวมมากกว่า 1,200 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 780 เมกะวัตต์

4. กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มีการผลิตธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพเอทานอล มีกำลังการผลิต 80 ตันต่อวัน 

5. กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ บริษัทได้มีการถือสิทธิ์โดยอ้อมในแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติและถือสิทธิ์การสำรวจปิโตรเลียมหลายแปลงผ่านสัมปทานทรัพยากรธรรมชาติในประเทศนอร์เวย์ 

6. ธุรกิจแห่งอนาคต กลุ่มนี้บางจากมี 2 ธุรกิจหลัก คือ  

ธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน หรือ SAF ธุรกิจส่วนนี้ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโรงงานภายใต้งบประมาณ 8.5 พันล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 หากเปิดให้บริการแล้วคาดว่าจะมีกำลังการผลิตถึง 1 ล้านลิตรต่อวัน 

โดยจะมีการใช้วัตถุดิบจำพวกไขมัน จากน้ำมันเหลือใช้ น้ำมันจากสัตว์ และอื่น ๆ เพื่อผลิต HEFA เพื่อผสมกับน้ำมันเจ็ท ซึ่ง ICAO ได้รับรองให้ HEFA นำมาผสมถึง 50%

ธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (CDMO) โดย BBGI ร่วมทุนกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Fermbox Bio บริษัทผู้นำด้านการวิจัยและผลิตผลิตภัณฑ์ชีววิทยาสังเคราะห์ด้วยกระบวนการหมักแม่นยำขั้นสูง และก่อตั้งบริษัทร่วมทุน BBFB (BBGI Fermbox Bio) ซึ่งเป็นโรงงานเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (Precision Fermentation) เชิงพาณิชย์แห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย โดยระยะแรกจะผลิตเอนไซม์ และขยายการผลิตไปยังผลิตภัณฑ์ด้านชีววิทยาสังเคราะห์ (Synbio) ที่ล้ำสมัยอื่น ๆ ต่อไป

ในเฟสแรกโรงงานมีกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ 2,000 ตันต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดแล้วเสร็จปลายปีนี้ และเริ่มผลิตช่วงต้นปี 2568 พร้อมขยายเป็นเฟสต่อเนื่องด้วยจุดแข็งคือ การมีพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่ง จะทำให้เราเติบโตในธุรกิจนี้ได้ และมีตลาดรองรับ พร้อมส่งออกไปจำหน่ายภายในภูมิภาค

เจาะลึกเป้าหมาย ธุรกิจในมือ ‘บางจาก’ ก่อนประกาศกลยุทธ์ 1 ก.ย. นี้ 

เป้าหมาย 10X New Growth Chapter 2023 คือมี EBITDA (กำไรก่อนภาษี ต้นทุนทางการเงิน ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์) ที่ 100,000 ล้านบาท จาก EBITDA เฉลี่ยในปี 2015-2021 คือช่วงปี 2558-2564 อยู่ที่ 12,000 ล้านบาท หรือโตขึ้น 10 เท่าตัว 

จากงบการเงินปี 2566 ทางบางจากมี EBITDA รวม 41,680 ล้านบาท มีที่มาของแหล่งกำไรตามกลุ่มธุรกิจ ดังนี้ 

45% Refinery and Oil Trading Business ที่ประกอบด้วยโรงกลั่น และธุรกิจการตลาดในเครือของบางจาก
43% Natural Resources จากกลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติที่มีแหล่งรายได้จาก OKEA ถือสัมปทานแหล่งทรัพยากรธรรมชาติในนอร์เวย์หลายแห่ง

10% Clean Power Business
2% Bio-Base Products Business

นอกจากการตั้งเป้าหมายให้ EBITDA เติบโต 10 เท่าตัวแล้ว เป้าหมายนี้ของบางจากยังจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ EBITDA เป็น 

49% Natural Resources สัดส่วนเพิ่มขึ้น 6%
36% Refinery and Oil Trading Business ลดสัดส่วนลง 9%
8% Clean Power Business ลดสัดส่วนลง 2%
4% Bio-Base Products Business เพิ่มสัดส่วนขึ้น 2%
4% New Business กลุ่มนี้จะมีอัตรา EBITDA ถึง 4%

'บางจากฯ' โชว์ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ด้าน 'ทริส เรทติ้ง' เพิ่มอันดับเครดิตเป็น A+

(30 ก.ย. 67) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับการปรับอันดับจาก ทริส เรทติ้ง เพิ่มเครดิตองค์กรขึ้นเป็น 'A+' จาก 'A' สูงสุดตั้งแต่บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเครดิต โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตที่ 'คงที่' ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2567

การปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างธุรกิจของบางจากฯ ที่ยกระดับขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมันและธุรกิจการตลาด หลังจากการรวมบริษัทบางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (BSRC) เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทบางจาก รวมถึงการขยายธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P) มีส่วนช่วยสร้างการเติบโต อีกทั้งความหลากหลายของธุรกิจยังช่วยลดความผันผวนของผลการดำเนินงาน จากราคาน้ำมันหรือค่าการกลั่นได้ดีขึ้น

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จและศักยภาพในการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากเข้าซื้อกิจการ BSRC ได้มีการรับรู้ผลประโยชน์จาก Synergy เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ ทำให้กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมันและกลุ่มธุรกิจการตลาดของบางจากฯ เติบโตและแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ลงทุนผ่านบริษัท OKEA ASA ที่ประเทศนอร์เวย์ ยังมีการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามเป้าหมายการผลิตที่วางไว้ ทำให้บางจากมีความสามารถในการแข่งขันและความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เรามุ่งมั่นที่จะรักษาวินัยทางการเงิน และพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนและมั่นคง”

>> เกี่ยวกับบางจากฯ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินงานใน 5 ธุรกิจหลัก คือ...

1) กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ผู้นำด้านการกลั่นน้ำมันของประเทศ ด้วยกำลังการผลิตรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน จากโรงกลั่นน้ำมันแบบ Complex Refinery มาตรฐานระดับโลก 2 แห่ง คือ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนงและโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ขยายสู่ธุรกิจการค้าน้ำมันผ่านบริษัทบีซีพี เทรดดิ้ง (BCPT) และต่อยอดเครือข่ายธุรกิจขนส่งเชื้อเพลิง ผ่านบริษัทกรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ (BFPL) รวมถึงลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF ผ่านบริษัทบีเอสจีเอฟ (BSGF) 

2) กลุ่มธุรกิจการตลาด ส่งมอบ Greenovative Experience ผ่านเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,200 แห่ง เสริมด้วยธุรกิจ non-oil เช่น กาแฟอินทนิล น้ำมันหล่อลื่น Furio EV Charger รวมทั้งความร่วมมือกับพันธมิตรด้านอาหารหลากหลายและนำระบบดิจิทัลมาส่งมอบประสบการณ์ทันสมัย สะดวก ปลอดภัย ให้กับผู้ใช้บริการ 

3) กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และการนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการการใช้พลังงานของผู้บริโภคและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดย บมจ. บีซีพีจี ผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค 

4) กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ของประเทศและขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง 

5) กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ ที่เป็นที่ยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และมีกลุ่มธุรกิจใหม่ (New Businesses) อาทิ ธุรกิจ Battery as a Service สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Winnonie และสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) เน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งช่วยสร้างระบบนิเวศสำหรับ นวัตกรรมสีเขียว

นอกจากนี้ ยังได้ก่อตั้ง Carbon Markets Club เพื่อส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับวิกฤตสภาวะภูมิอากาศและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต และร่วมก่อตั้งภาคีเครือข่ายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งอนาคต SynBio Consortium

บางจากฯ ได้รับการประเมินจาก S&P Global CSA ผู้จัดทำการประเมินความยั่งยืนดัชนี DJSI (ผลประเมินเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566) ได้คะแนนการประเมินสูงเป็น Top 5% ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refining and Marketing และเป็นบริษัทไทยรายเดียวที่ได้รับการประเมินความยั่งยืน MSCI ESG Ratings ระดับ AA สูงสุดในกลุ่ม Oil & Gas Refining, Marketing, Transportation & Storage ต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน

พร้อมกันนี้ บางจากฯ ตั้งเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2050

‘บางจาก’ ผนึกกำลัง ‘สปสช.’ ยกนวัตกรรมสุขภาพเข้าปั๊มน้ำมัน อำนวยความสะดวกให้คนสุขภาพดี

(1 ต.ค. 67) บางจากฯ จับมือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นำเสนอนวัตกรรมเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน ผ่านระบบ "One Stop Service ด้านสุขภาพและสาธารณสุข" ในสถานีบริการน้ำมัน บางจาก โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสุขภาพในสถานที่ที่คุ้นเคยและสะดวก ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง

นายปริญญา กิติการุณจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจค้าปลีก บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าความร่วมมือในครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบดูแลรักษาสุขภาพได้อย่างทั่วถึงและสะดวกสบาย โดยบางจากฯ และ สปสช. ได้สนับสนุนให้คู่ค้าของ บางจากฯ ที่เป็นหน่วยบริการสาธารณสุขเข้าร่วมโครงการ "30 บาทรักษาทุกที่" 

นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนบริการสาธารณสุขโดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้ประชาชนและลูกค้าของบางจากสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

บางจากฯ นำเสนอนวัตกรรมที่สำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ เครื่องตรวจสุขภาพ (Personal Health-Screening Kiosk) และการบำบัดด้วยออกซิเจนความดันต่ำ (Hyperbaric Oxygen Therapy) 

เครื่องตรวจสุขภาพนี้สามารถให้บริการในการวัดค่าพื้นฐานทางสุขภาพ เช่น ส่วนสูง น้ำหนัก อุณหภูมิ ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือด รวมถึงการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เพื่อวินิจฉัยโรคหัวใจเบื้องต้น การคำนวณค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เพื่อประเมินภาวะสุขภาพ การคัดกรองอาการเบื้องต้น การเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน และการให้คำแนะนำด้านสุขภาพเกี่ยวกับการออกกำลังกายและการดูแลตนเอง 

ในขณะที่เครื่องบำบัดด้วยออกซิเจนความดันต่ำ (Hyperbaric Oxygen Therapy) ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ให้ดีขึ้น โดยมีคุณสมบัติเด่นคือ ผู้รับบริการสามารถนั่งพักผ่อนและทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ในขณะบำบัด ช่วยฟื้นฟูอาการอ่อนล้าและบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ปรับปรุงระบบการนอนหลับและระบบไหลเวียนโลหิต อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังการผ่าตัด และเพิ่มการเผาผลาญและภูมิต้านทาน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บางจากฯ ได้เข้าร่วมงาน "คิกออฟ 30 บาท รักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า กรุงเทพมหานคร" และได้นำเครื่องมือและเทคโนโลยี Telehealth Screening และ Hyperbaric Oxygen Therapy ให้บริการแก่ผู้เข้าร่วมงานได้ทดลองใช้ โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าเยี่ยมชมบูธ และมีนายปริญญา ร่วมด้วย ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ พร้อมทีมงานร่วมต้อนรับ ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารบี ถ.แจ้งวัฒนะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top