Tuesday, 2 July 2024
นันทเดช

'อดีตบิ๊ก ศรภ.' ชี้!! กรุงศรีอยุธยา ไม่แตกแน่!! หากสลิ่ม 61-80 ปีแห่ใช้สิทธิ์เลือกผู้ว่าฯ กทม.

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ 'กรุงศรีอยุธยาจะแตกอีกครั้งใน 22 พฤษภานี้หรือไม่' ระบุว่า... 

กรุงศรีอยุธยาจะแตกอีกครั้งใน 22พฤษภานี้หรือไม่
ข้อเขียนทั้งหมดนี้ เป็นความจริง
แต่เพียงสถิติ จำนวนผู้มีสิทธิในการเลือกตั้งเท่านั้น เนื้อเรื่องนอกจากนั้น
ผมนึกฝันเอาเอง ดังนั้น สิทธิการลงคะแนนยังเป็นของ 
ท่านผู้อ่านทุกคนครับ 

1. กลุ่มเด็กอายุ 18-27🔹 
 กลุ่มนี้ มีประมาณ7แสนกว่าคน เป็นกลุ่มนิยมสลิ่ม ประมาณครึ่งหนึ่ง 
เท่า ๆ กับ  กลุ่มที่นิยมทักษิณ และ พวก3นิ้ว ซึ่งปะปนกันอยู่อีกครึ่งหนึ่ง 
แต่ละฝ่ายจึงมีคะแนนนิยม พอๆกัน ประมาณฝ่ายละ 3.5 แสน
ฝ่ายสลิ่ม มีตัวเก็ง4 คน ( คุณ อัศวิน,ดร.เอ้ และ คุณ สกลธี และ คุณรสนา) 3 คนแรกแบ่งกันไปคนละ1 แสน คุณรสนา
ได้ส่วนที่เหลือประมาณ 5 หมื่น 
อีกฝ่ายหนึ่งมีคู่แข่ง 3 คน คุณชัชชาติอย่างไรก็ได้ 
ประมาณ1.5 แสน คุณ วิโรจน์ได้ไป1.5แสนเท่า ๆ กัน 
ส่วนคุณ ศิธา ได้ไป5หมื่น 
สรุป คุณชัชชาติ กับ วิโรจน์นำในอายุรุ่นนี้ 

2. กลุ่มคนอายุ28-40 🔹 
มีอยู่ ประมาณ 1 ล้านกว่าคน คะแนนเสียง
ทั้ง 2 ฝ่าย ก็ยังสู่สีกันอยู่ แต่ฝ่ายสลิ่ม จะมากกว่าหน่อย 
ประมาณ 5.5 แสนคน เหนือฝ่ายนิยม ทักษิณ / 3นิ้ว 
ชึ่งมี ประมาณ 4.5 แสนคน 

ฝ่ายสลิ่มจึงแบ่งกันไปดังนี้ คุณ อัศวิน ได้ 2 แสน ส่วน 
 ดร.เอ้ ได้ไป 1.5 แสนคน สกลธี ได้น้อยหน่อย 1 แสนคน 

ส่วนคุณ รสนา นั้นรูปถ่ายกับ อ.สุลักษ์ ทำให้คะแนนเสียงฝ่ายสลิ่มที่เชียร์คุณรสน่าจะตกไปมาก ทั้ง ๆ ที่คะแนนเริ่มดีขึ้น 
จึงได้ไม่มากเท่าที่ควร ประมาณเกือบ 1 แสนคน 

ส่วนฝ่ายตรงข้ามกับสลิ่ม ในช่วงคนอายุนี้ 
คุณ ชัชชาติ น่าจะได้มากที่สุดเอาไป 2 แสนคน 
คุณวิโรจน์และคุณศิธาเอาไปคนละประมาฌ 1 แสนคน 

สรุปคนแนนรวม2รุ่นแรก 
 คุณ ชัชชาติ ได้ประมาณ 3.5 แสน 
คุณ วิโรจน์ 2.5 แสน 
คุณศิธาได้ 1.5 แสนคน 
 คุณ อัศวิน ได้ 3 แสน 
 ดร.เอ้ ได้ 2.5 แสน 
 คุณ สกลธี 2 แสน
 คุณ รสนา 1.5 แสน 
           **ไปดูต่อกันอีก3กลุ่ม** 

'อดีตบิ๊กศรภ.' ถาม "ทำไมต้องไล่ลุงตู่" ฟันเปรี้ยงยิ่งโหมยิ่งบ่งชี้ถึงความ ‘กลัว’

(9 สิงหาคม 2565) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2565 แสดงความคิดเห็นทางการเมือง ผ่านทางเฟซบุ๊ก “พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์” มีเนื้อหาดังนี้....

ทำไมต้องไล่ลุงตู่

ปัจจุบันไม่มีใครรู้อนาคตว่าเลือกตั้งครั้งใหม่นั้น ลุงตู่ จะกลับมาเป็นนายกฯได้อีกหรือเปล่า เพราะถ้าวิเคราะห์ตามคำทำนายของทั้งสื่อ ทั้งกลุ่มพลังต่าง ๆ รวมถึงโพลนิด้าเอง ก็ว่า ลุงตู่ ตกยุคไปแล้ว ประชาชนหมดความนิยมไปแล้ว 3ป. ก็แตกแยกกัน พรรค พปชร.ก็แตก ออกหลายส่วน

ดังนั้น ตามคำทำนายต่าง ๆ จะเห็นได้ชัดเจนว่า ลุงตู่ ไปไม่รอดแน่ ดังนั้นจะไปกลัวอะไรกับ ลุงตู่ อีก

นอกจากนั้นในแนวทางการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว ถ้า ลุงตู่ มีสิทธิที่จะไปต่อไป ก็ต้องให้แกลงสมัครแข่งขัน เป็น ส.ส. ต่อไป (คราวนี้ลุงตู่ลงสมัครรับเลือกตั้งแน่นอน)

จะไปขัดขวางไม่ได้ นอกจากนั้น กระแสข่าวที่ทุ่มเทกันออกมา ชี้ให้เห็นว่าประชาชนไม่เอา ลุงตู่ แล้ว แล้วจะไปกีดขวาง ขู่เข็ญ ลุงตู่ ให้เสียชื่อไปทำไม

การออกมาไล่ ลุงตู่ มากขึ้น ๆ แบบนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าทุกฝ่ายยังกลัว ลุงตู่ อยู่ จึงเท่ากับไปหาเสียงให้ ลุงตู่ ในทางอ้อม

ทำอย่างนี้เมื่อไร ลุงตู่ จะได้ไปอยู่บ้านเฉย ๆ ละครับ

ส่วนเรื่อง 8 ปีของ ลุงตู่ นับถึงวันไหนนั้น ผมยกข้อเขียนของคุณ สมชาย แสวงการ มาลงไว้ให้อ่านกัน เพื่อจะได้หาวิธีเคลื่อนไหวไล่ ลุงตู่ ให้เข้าตา “ศาลรัฐธรรมนูญ” บ้าง

คุณสมชาย ว่า ความเห็นทางกฎหมายเป็นได้แค่ 2 ทาง คือ

1.) แบบที่1 คือนายกลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ หัวหน้าคสช.ที่มาจากรัฐประหารและขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐถาธิปัตย์ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ตามมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เมื่อ (24 ส.ค. 2557) ไม่อาจนับเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาตามกรอบมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญ2560 ได้ เพราะไม่ได้มาจาการเลือกกันในรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

แต่หากยังต้องนำบทเฉพาะกาล มาตรา 264 มานับวันที่ให้ ครม. ที่บริหารราชการแผ่นดินก่อนรัฐธรรมนูญ2560 ทำหน้าที่เป็น ครม.ได้ต่อไป ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ด้วย ดังนั้นการนับครบ8ปีแบบนี้จึงต้องนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญ2560 ใช้บังคับคือ 6 เม.ย. 2560 และนับตามบทเฉพาะกาลมาตรา264

'พล.ท.นันทเดช' ฝัน!! 'ล่มสูตร 500 - 2 พรรคใหญ่ผนึกกำลัง' เพราะหวั่นก้าวหน้าหนุนเรื่องเสียว พาไทยเอี่ยวเรื่องยุ่ง ๆ

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'ใครได้ประโยชน์ จาก สูตรหาร 100' ว่า...

เมื่อเช้านี้ผมตื่นขึ้นมา ก็นั่งทบทวนความฝัน...

ผมฝันว่า ได้พบกับ นายอันโตนีโอ กรัมชี นักทฤษฎีการเมืองชาวอิตาเลียนแนวมาร์กซิสม์  ซึ่งเคยอยู่ในยุคศตวรรษที่ 18-19 ได้มาวิเคราะห์สถานะการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยให้ผมฟัง ซึ่งท่านบอกว่า ช่างน่าสนใจที่สุดในโลก ว่า...

1️⃣ การพิจารณา ร่าง พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการ เลือกตั้ง ส.ส. เกี่ยวกับสูตรคำนวนบัญชี ส.ส. ว่าด้วยการหาร 500 หรือ การหารด้วย 100 พรรคการเมืองไหนจะได้เปรียบ เสียเปรียบอย่างไร 

2️⃣ ในฝันมีอยู่ว่า ตอนแรกพรรค พปชร. และ พรรคเพื่อไทยเห็นพ้องกันเรื่อง สูตรหารด้วย 100 เพื่อกันคะแนนเสียงของพรรคก้าวไกล 

ต่อมาพรรคเพื่อไทยออกมาประโคมเรื่องจะแลนด์สไลด์อย่างใหญ่โต ถ้าใช้สูตรหารด้วย 100 ถึงขั้นอาจจะส่ง อุ๊งอิ๊ง ลงมาเป็นตัวแข่งนายกฯ อีกด้วย 

ทางพรรค พปชร. ซึ่งพ่ายการเลือกตั้งซ่อมมาถึง 3 ครั้งติดต่อกัน และ ยังมีเรื่อง 'ผู้กอง' ผสมเข้ามาอีก จึงหันกลับมาหนุนสูตร 500 แทน 

3️⃣ เวลาผ่านมาอีก หลังจากที่พรรคก้าวไกล ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ สนับสนุนนาโต้อย่างเปิดเผย ยาวถึงการอัดรัฐบาลพม่า ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องหวาดเสียวที่นักการเมืองไทยไม่เคยคิดจะทำ 

ทั้งพรรค พปชร และเพื่อไทย จึงเห็นสอดคล้องกันว่า ถ้าปล่อยให้ พรรคก้าวหน้ามาเป็นรัฐบาล มีหวังยุ่งแน่ อาจต้องรบกับหลาย ๆ ประเทศได้ง่าย ๆ ทั้งอาวุธก็ไม่ให้ซื้อ ทหารก็จะไม่ให้เกณฑ์ มันจะยุ่งกันไปใหญ่ 

จึงร่วมมือกันทำสภาล่มเพื่อให้ร่างหาร 500 ตกไป นอกจากนั้น ทั้ง 2 พรรคยังเห็นว่า การหารด้วย 100 ในแบบบัตร 2 ใบนั้น ต่างฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์พอๆกัน คือ พรรคเพื่อไทย ได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น ส่วนพรรค พปชร. ได้ แนวร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน จากพรรคภูมิใจไทย และพรรค ปชป.


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top