Tuesday, 2 July 2024
ดรนิว

'ดร.นิว' ซัด 'ปิยบุตร' ชอบปั้นวาทกรรมใส่ร้ายสถาบันฯ แถม ‘อำมหิต’ ชอบหลอกใช้คนรุ่นใหม่ไปติดคุก

‘ดร.นิว’ ซัด ‘ปิยบุตร’ หมกมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์วาทกรรมใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการโกหกบิดเบือน หลอกใช้คนรุ่นใหม่ติดคุกติดตะรางแทนตัวเองอย่างอำมหิต

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ‘ดร.นิว’ นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Suphanat Aphinyan ว่า ทำไม "ปิยบุตร แสงกนกกุล" หมกมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์วาทกรรมใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการโกหกบิดเบือน มโนขึ้นมาเองคนเดียวแบบมั่ว ๆ เพ้อเจ้อเหลวไหลไม่ต่างจากคนป่วยทางจิต

'ดร.นิว' เผย 10 เหตุผล 'ธนาธร' โดน ม.112-พ.ร.บ.คอมฯ ชี้!! มีเจตนาบิดเบือนข้อมูล-โจมตีกระทบถึงสถาบันฯ 

'ดร.นิว' ยกเหตุ 10 ข้อ ทำไม'ธนาธร'ถึงโดน ม.112-พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ชี้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลโจมตีบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ให้กระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ สอดรับการเคลื่อนไหวเครือข่ายม็อบสามนิ้วล้มล้างการปกครอง

13 เม.ย. 65 ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์รข้อความในเฟซบุ๊ก หัวข้อ ทำไมนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถึงโดน ม.112 พร้อมกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ? มีรายละเอียดดังนี้

1.) หัวข้อการไลฟ์สด "วัคซีนพระราชทาน: ใครได้-ใครเสีย?" ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นการประดิษฐ์วาทกรรม "วัคซีนพระราชทาน" เพื่อเชื่อมโยงและบิดเบือนให้ร้ายพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยที่วัคซีนดังกล่าวไม่ได้จัดว่าเป็นวัคซีนพระราชทานแต่ประการใด การแอบอ้างใช้คำว่า "พระราชทาน" ของนายธนาธรจึงเป็นข้อความอันเป็นเท็จ และเป็นการกระทำความผิดโดยเจตนา

2.) บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ (Siam Bioscience) เป็นบริษัทเดียวในภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นฐานในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ระดับโลกของประเทศอังกฤษ โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็น "...บริษัทที่มีในหลวง ร.10 ถือหุ้นอยู่ 100%..." ตามที่นายธนาธรพยายามเชื่อมโยงให้เกิดความเข้าใจผิด แต่ประการใด

(2.1.) บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ที่สามารถรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าได้

(2.2.) บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ มีโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลหลายรายการ เช่น PIC/S GMP, ISO9001, ISO17025 และ ISO13485

(2.3.) บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ มีกำลังการผลิตที่สูงถึง 200 ล้านโดสต่อปี สอดคล้องกับความต้องการผลิตวัคซีนจำนวนมากของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า

(2.4.) บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ดำเนินการผลิตวัคซีนโดยยึดนโยบาย "ไม่กำไร ไม่ขาดทุน" ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิดนี้ ซึ่งเป็นนโยบายเดียวกันกับของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า

3.) นายธนาธรกล่าวโกหกบิดเบือน "...ตั้งใจตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตยา ไม่ใช่ผลิตวัคซีนนะครับ..."
แม้ว่าบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์จะไม่ได้ผลิตวัคซีนโดยตรง แต่บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์มีเทคโนโลยีชั้นสูงที่ก้าวหน้าและทันสมัย สามารถผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) ซึ่งสามารถนำไปใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างกว้างขวาง รวมถึงนำมาใช้ผลิตวัคซีนโควิด-19 แบบไวรัสเวกเตอร์ (Viral vector) ของบริษัทแอสตร้าเซเนก้าได้อีกด้วย

4.) นายธนาธร กล่าวด้อยค่าโจมตี "...บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์และบริษัทในเครือ ตั้งแต่ตั้งขึ้นมา เมื่อปี 2552 ยังไม่เห็นบริษัทไหนเลยที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างชัดเจน ทุกบริษัทมียอดขาดทุนสะสมเกือบทั้งหมด..."
การขาดทุนของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์มาจากการลงทุนในเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) ซึ่งมีกำลังการผลิตที่สูงถึงหลายร้อยล้านโดสต่อปี จึงไม่แปลกที่จะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะก่อตั้งขึ้นใน ปี พ.ศ. 2552 โดยเริ่มการผลิตและการขายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2559 อีกทั้งยังมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะให้ประชาชนชาวไทยสามารถได้รับยาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงในราคาที่ถูกลง

นอกจากวัคซีนโควิด-19 แบบไวรัสเวกเตอร์ (Viral vector) ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) สำคัญที่ทางบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับการรับรองและผลิตอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ ยาฮอร์โมนอีริโทโพอิติน (Erythropoietin) สำหรับกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง รักษาภาวะโลหิตจางจากไตวายเรื้อรัง และยาฟิลกราสทิม (Filgrastim) สำหรับกระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวควบคู่กับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยให้ประชาชนชาวไทยสามารถได้เข้าถึงยาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงในราคาที่ถูกลง สร้างความมั่นคงทางยา และดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

'ดร.นิว' ซัดแรง!! แก๊งสหายใต้กระโปรงเด็ก ปลุกเร้าคนรุ่นใหม่ 'ออกหน้า - ติดคุกแทน'

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “ความเหมือนที่แตกต่างของลัทธิ 3 นิ้ว 3 รุ่น 3 ชนชั้น” ระบุว่า...

จรัล ดิษฐาอภิชัย อายุ 74 ปี
จรัลหนีคดีอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส เก่งแต่มุดหัวอยู่ใต้กระโปรงคนรุ่นใหม่ แล้วคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยก แก่จนอายุปูนนี้ แต่ก็ยังทำตัวเป็นคนรกโลก แถมยังหาความเป็นลูกผู้ชายไม่เจออีกต่างหาก สมเป็นต้นแบบของนักปฏิวัติใต้กระโปรงอย่างแท้จริง อีกอย่างจะเรียกว่า "นักปฏิวัติใต้กระโปรง" ก็ดูจะเป็นการให้เกียรติกันมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ เพราะจรัลเหมาะแก่การถูกขนานนามว่าเป็น "เห็บใต้กระโปรง" หรือ "ปรสิตใต้กระโปรง" เสียมากกว่า

ปิยบุตร แสงกนกกุล อายุ 42 ปี
ปิยบุตรวางตัวราวกับเป็นศาสดาใหญ่ แต่ที่ไหนได้ ที่แท้ก็สืบทอดวิชาปฏิวัติฉบับมุดหัวอยู่ใต้กระโปรงต่อมาจากจรัลนี่เอง เป็นได้แค่หมากตัวหนึ่งให้จรัลสนตะพายอีกที จนกลายเป็นทายาทนักสู้ใต้กระโปรงหมายเลขหนึ่งของจรัล แล้วปิยบุตรก็คอยชี้นำทางความคิดหลอกใช้คนอื่นต่ออีกเป็นทอดๆ แถมปิยบุตรยังเป็นซ้ายคาเวียร์ที่ไร้อุดมการณ์ มือข้างหนึ่งถือตำราคาร์ลมาร์กซ์-เลนิน ส่วนมืออีกข้างก็จิบไวน์ ใช้ชีวิตหรูอยู่สุขสบาย เคลื่อนไหวโดยอาศัยบารมีของนายทุนอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

เจ๊เขียว หรือ มิ้นท์ อายุ 29 ปี
มิ้นท์เป็นตัวอย่างของผลผลิตแห่งความย้อนแย้งขั้นสุด อ้างประชาธิปไตย แต่กลับติด #เยาวชนหญิงแดงรายงาน ตีตราให้ตัวเองราวกับว่าเป็นคอมมี่หลงยุคตามรอยของจรัลกับปิยบุตร อีกอย่างมิ้นท์อายุจะ 30 ปีแล้ว ไม่ใช่เยาวชนแล้วนะ อ้างความเท่าเทียม แต่กลับยอมออกหน้าชนแทนผู้ใหญ่สามนิ้วที่คอยหลบอยู่ข้างหลังอย่างเอารัดเอาเปรียบ สุดท้ายตัวมิ้นท์เองหรือเปล่าที่จะเดือดร้อนอย่างเดียวดาย อ้างอยากรับเสด็จ แต่กลับโพสต์ภาพกิโยตินแสดงถึงความอาฆาตมาดร้ายอย่างดุเดือด อ้างจะปฏิวัติโดยการประกาศแบบกร่างสุดๆ แต่กลับรีบลบโพสต์รูปกิโยตินหนีความผิดแบบปอดแหกสุดๆ เช่นกัน

อย่างไรก็ดี ถ้าให้เปรียบเทียบในเรื่องของความกล้าแล้ว นับว่ามิ้นท์มีความกล้ามากกว่าผู้ใหญ่สามนิ้วอย่างจรัลกับปิยบุตรอย่างเทียบกันไม่ได้ มิ้นท์กล้าออกมาชนอย่างทุ่มเท ในขณะที่จรัลกับปิยบุตรเอาแต่มุดหัวอยู่ใต้กระโปรงไปวันๆ ทำตัวเป็นเห็บหรือปรสิตใต้กระโปรง ที่ไม่มีแม้แต่ความรับผิดชอบต่อความคิดของตัวเอง คอยแต่ทำนาบนสมองคนอื่น เก่งแต่ปลุกเร้าให้คนอื่นออกหน้าทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเองอย่างน่ารังเกียจ

'ดร.นิว' ถาม 'ธนาธร' ไม่คิดกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ของนอร์เวย์หน่อยหรือ? หลัง 'นายกฯ-ครม.' ที่นั่น เข้าเฝ้าฯ สถาบันฯ ทุกสัปดาห์

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางไปพบคนไทยในประเทศนอร์เวย์ มีเนื้อหาดังนี้...

คุณธนาธรไปถึงราชอาณาจักรนอร์เวย์ แต่จะไม่กล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ของราชอาณาจักรนอร์เวย์ ประเทศที่ได้ชื่อว่ามีดัชนีประชาธิปไตยสูงที่สุดในโลกบ้างเลยหรือครับ? Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ทุกสัปดาห์นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีจะต้องเข้าเฝ้าฯ ประชุมเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายรายงานการทำงาน และรับฟังคำปรึกษาแนะนำจากองค์พระมหากษัตริย์นอร์เวย์ ตลอดจนการออกกฎหมายและการตัดสินใจใดๆ ในที่ประชุมแห่งนี้ จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากองค์พระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งการลงนามกำกับจากนายกรัฐมนตรี โดยมีองค์รัชทายาทเป็นผู้สังเกตการณ์ และจัดขึ้นเป็นประจำในทุกวันศุกร์ เวลา 11.00 น. ณ พระบรมมหาราชวัง

'ดร.นิว' ขอบคุณ 'สมศักดิ์เจียม' ช่วยฉีกหน้ากาก 'ปรีดี' หัวหอกคณะราษฎร ผู้วางฐานล้มเจ้าฯ อย่างมีระบบ

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีรายละเอียดดังนี้

ฉีกหน้ากากนายปรีดีหัวหอกคณะราษฎร

นอกจากคณะราษฎรจะเป็นเผด็จการลัทธิรัฐธรรมนูญหลอกลวงประชาชน และคอยขัดขวางการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงมาตั้งแต่ต้น คณะราษฎรยังมีเป้าหมายในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย

งานนี้ต้องขอบคุณนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่ได้นำบันทึกของนายปรีดี พนมยงค์ ออกมาตีแผ่ จนทำให้ประชาชนได้หูตาสว่าง และรับรู้รับทราบอย่างกระจ่างชัด คนอย่างนายปรีดีแท้จริงแล้วเป็นคนเช่นใด

จากบันทึกดังกล่าว พบว่านายปรีดีมีเจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน แถมยังเป็นรากฐานของขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน ยืนยันด้วยข้อความสำคัญตอนหนึ่งจากบันทึกของนายปรีดีในหน้าที่ ๑๙ ความว่า...

"แม้ว่ากษัตริย์ยังมีผู้นับถือ แต่กษัตริย์เปนตัวแทน
สำคัญของปฏิกิริยาและจักร. เม เราต้องสู้เพื่อจุดหมายปลางทาง
คือล้มระบบกษัตริย์ แต่วิธีสู้นั้นต้องใช้ให้เหมาะสม
แก่สภาพท้องที่

‘ดร.นิว’ ติง ‘บิ๊กตู่’ สอบตกด้านความมั่นคง หลังสิงคโปร์ ‘เจอ-จับคนผิด’ วันเดียวเลี้ยวคุก

(9 ..65) เว็บไซต์ นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอข่าว Man arrested for threatening PM Lee Hsien Loong on social media, following shooting of Japan's ex-PM Abe ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 .. 2565 ตำรวจควบคุมตัวชายวัย 45 ปี หลังสืบทราบว่าชายคนดังกล่าวแสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะข่มขู่คุกคามให้ใช้ความรุนแรงกับ ลีเซียนลุง (Lee Hsien Loong) นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ซึ่งวันดังกล่าวเป็นวันเดียวกับที่ ชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลอบยิงเสียชีวิต

โดยเกรียนคีย์บอร์ดคนดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในเวลา 15.10 . และถูกจับกุมได้ในอีก 5 ชั่วโมงต่อมา โดยตำรวจได้ยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถืออีก 4 เครื่องไปตรวจสอบ เบื้องต้นยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ซึ่งหากถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ใช้ความรุนแรง และศาลตัดสินว่าผิดจริงในจ้อหาดังกล่าว อาจถูกจำคุกได้สูงสุดถึง 5 ปี รวมถึงยังมีโทษปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับด้วย

สืบเนื่องจากเรื่องดังกล่าว ทางด้าน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เรามีนายกอดีตทหารที่สอบตกด้านความมั่นคง

ประเทศสิงคโปร์สามารถรวบตัวคนที่โพสต์หมิ่นประมาทข่มขู่คุกคามนายกรัฐมนตรีได้ภายในวันเดียว อีกทั้งมีกระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วในการตัดสินคดีความที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง

เมื่อมองกลับมาที่ประเทศไทย เรามีนายกรัฐมนตรีที่เคยเป็นถึงอดีตผู้บัญชาการทหารบก แต่กลับไม่เคยสร้างอธิปไตยไซเบอร์ (Cyber Sovereignty) ปล่อยให้ประเทศชาติถูกรุกรานทางไซเบอร์มาโดยตลอด

นอกจากนายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้ตัวเองถูกด่าแบบสาดเสียเทเสีย ยังไม่สามารถปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ปล่อยให้มีการหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายกันอย่างเสรี

แม้คุณ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha จะมีผลงานในด้านต่างๆ จำนวนไม่น้อย แต่กลับสอบตกด้านความมั่นคงอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะไร้สติปัญญาในการสร้างอธิปไตยไซเบอร์ และไม่มีน้ำยาในการผลักดันให้เกิดกระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วในการตัดสินคดีความที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง

ขณะที่ประเทศสิงคโปร์สามารถรวบตัวผู้กระทำความผิดด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะบนท้องถนนหรือในโลกออนไลน์ได้ภายในวันเดียว แล้วนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วได้ในทันที

แต่ประเทศไทยกลับปล่อยให้มีการทำผิดกฎหมายและบ่อนทำลายความมั่นคงได้อย่างเสรี ตลอดจนมีกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า แถมยังถูกแทรกแซงโดยขบวนการบ่อนทำลายความมั่นคงอีกเสียด้วย

อย่างที่บอกไปแล้ว คุณประยุทธ์มีผลงานไม่น้อยก็จริง แต่ผลงานด้านความมั่นคงและการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นสอบตกอย่างน่าอับอายที่สุด ไม่สมกับการเป็นชายชาติทหารเลยแม้แต่นิดเดียว

ถ้าประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างผมหรือใครก็ได้ที่รู้หลักวิชา นั่งอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีในวันนั้น แล้วทำการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ระบอบประชาธิปไตยตามแนวทางที่ถูกต้องและมีความเป็นธรรม

นำไปสู่การทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนชาวไทยตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เราคงมีอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนอย่างแท้จริง อีกทั้งมีความมั่นคงแห่งรัฐที่แข็งแกร่งตามไปด้วย

'ดร.นิว' จี้ 'ผู้ว่าฯ ชัชชาติ' หารือสภากทม. ลงมติขับ ส.ก. คุกคามทางเพศ พ้นตำแหน่ง

'ดร.นิว' จี้ 'ชัชชาติ' ฟัน ส.ก.พรรคก้าวไกลที่มีพฤติกรรมล่อลวงและคุกคามทางเพศเยาวชน ชี้ในฐานะเป็นหัวหน้าการปกครองส่วนท้องถิ่นจะนิ่งเฉยไม่ได้ ควรหารือกับสภา กทม. และให้มีมติ 2 ใน 3 ขับออกตามกฎหมาย

(15 ก.ค. 65) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า...

ท่าน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะนิ่งเฉยไม่ได้เด็ดขาด เมื่อสีดาไม่มาลุยไฟ ท่านชัชชาติต้องไปลุยมัน

ประชาชนชาวกรุงเทพมหานครคงได้แต่ฝากความหวังไว้กับท่านชัชชาติ ผู้เป็นหัวหน้าการปกครองส่วนท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร สืบเนื่องจากกรณีที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครคนหนึ่งจากพรรคก้าวไกล มีพฤติกรรมล่อลวงและคุกคามทางเพศเยาวชนจนปรากฏเป็นเรื่องฉาวโฉ่ต่อสาธารณชน

ดร.นิว ถาม 'สามนิ้วแรงงาน' จะตาสว่างตอนไหน ปล่อยให้ 'สามนิ้วศักดินา' ฉกฉวยเอาเปรียบอยู่ได้

วานนี้ (16 ก.ค. 65) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า...

สามนิ้วศักดินา vs สามนิ้วแรงงาน ขณะที่ 'สามนิ้วแรงงาน' ต้องบากหน้าไปให้คนจัดงานกรุงเทพกลางแปลงปฏิเสธการเข้าร่วมงานอย่างไร้เยื่อใย อีกทั้งยังถูกชาวบ้านโห่ไล่อย่างไร้ที่ยืน

แต่ 'สามนิ้วศักดินา' กลับอาศัยชายกระโปรงฉกฉวยการเคลื่อนไหวของพวกแรงงานมาเป็นเครื่องมือในการปั่นกระแสทางโซเชียลมีเดียอย่างเอารัดเอาเปรียบ

‘ดร.นิว’ ไขความกระจ่าง กรณีพระบรมวงศานุวงศ์ไทย ไม่ได้เข้าร่วมงานพระราชพิธีพระบรมศพ ควีนเอลิซาเบธที่ 2

‘ดร.นิว’ โชว์เอกสารเทียบเชิญจากสหราชอาณาจักร ยืนยันไทยได้รับเชิญร่วมงานพระราชพิธีพระบรมศพ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมไขข้อข้องใจ เหตุใดพระบรมวงศานุวงศ์ไทยไม่ได้เข้าร่วมพระราชพิธี

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ‘ดร.นิว’ นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงข้อถกเถียงของคนบางกลุ่มกรณีสงสัยเหตุใดสหราชอาณาจักร ไม่เชิญพระบรมวงศานุวงศ์ไทยเข้าร่วมในพิธีพระบรมศพ สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 โดยได้นำเอกสารเทียบเชิญมาเผยแพร่ พร้อมระบุว่า 

เชิญหรือไม่เชิญก็เบิกตากว้างๆ ดูเอาเองเลยครับ

มีผู้เกี่ยวข้องท่านหนึ่งที่กรุงลอนดอน รู้สึกทนไม่ได้กับการที่พวกสามนิ้วออกมาปั่นกระแสบิดเบือน ให้ร้ายว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทยไม่ได้รับเชิญให้มาร่วมพระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 

จึงได้ส่งข้อความมาหลังไมค์บอกว่าผมเขียนวิเคราะห์ได้ค่อนข้างถูกต้องและมีความใกล้เคียงมาก พร้อมทั้งได้แนบเอกสารตัวจริงหน้านี้มาให้ดูเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์อีกด้วย พวกสามนิ้วจะได้หยุดโกหกบิดเบือนให้ร้ายแบบมั่วๆ เสียที

ในความเป็นจริงนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนาแห่งสหราชอาณาจักร หรือ Foreign, Commonwealth & Development Office (FCDO) ได้ส่งเอกสารเทียบเชิญไปยังสถานเอกอัครราชทูตของประเทศต่างๆ ทั่วโลก

โดยจะมีการแบ่งกลุ่มประเทศตามระดับความสัมพันธ์และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น ประเทศที่เคยตกเป็นเมืองขึ้นในอดีตหรือยังอยู่ภายใต้เครือจักรภพในปัจจุบัน ก็อาจเจาะจงให้ระดับประมุขหรือผู้นำสูงสุดมาเองเท่านั้น 

สำหรับประเทศไทย ปรากฏว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกับ บาห์เรน, ภูฏาน, กัมพูชา, ญี่ปุ่น, จอร์แดน, คูเวต, ลิกเตนสไตน์, ลักเซมเบิร์ก, โมนาโก, โมรอคโค, นอร์เวย์, โอมาน, กาตาร์, ซาอุดิอาระเบีย, สวีเดน, ไทย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการส่งเทียบเชิญของสหราชอาณาจักรมายังประเทศในกลุ่มนี้รวมถึงประเทศไทย มีลักษณะเป็นทางเลือก โดยทางประมุขแห่งรัฐที่เป็นพระมหากษัตริย์จะเสด็จฯ มาเอง หรือส่งเอกอัครราชทูตมาร่วมแทนก็ได้ 

เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขของการเทียบเชิญในข้างต้น นับได้ว่าประเทศไทยก็ได้ปฏิบัติตามกรอบของการเทียบเชิญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ไม่ได้เป็นปัญหากับทางสหราชอาณาจักรแต่อย่างใด มีแต่พวกสามนิ้วเท่านั้นที่เป็นเดือดเป็นร้อน 

ปัญหาจึงอยู่ที่พวกสามนิ้วเองต่างหาก ที่คอยจ้องหาแต่เรื่องโกหกบิดเบือนให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยไปเรื่อยเปื่อย ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีสาระอะไรที่มากไปกว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยไปวันๆ เท่านั้นเอง

โดยก่อนหน้านี้ ดร.ศุภนัฐ ได้วิเคราะห์ว่า ทำไมสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยไม่ได้เสด็จฯ ไปเยือนสหราชอาณาจักร เพื่อร่วมพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ?

ถ้าลองสังเกตดูดีๆ จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ประมุขหรือผู้นำสูงสุดของประเทศส่วนใหญ่ที่เดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักร เพื่อร่วมพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 จะเป็นประเทศจำนวนมากที่เคยตกเป็นเมืองขึ้นในอดีต หรือยังอยู่ภายใต้เครือจักรภพในปัจจุบัน [1]

สำหรับการที่สถาบันพระมหากษัตริย์ในยุโรปเกือบทั้งหมดได้เสด็จฯ ไปเยือนสหราชอาณาจักร เพื่อร่วมพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 เป็นเพราะล้วนแต่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกันมาแต่เก่าก่อน เมื่อสืบสายไล่เรียงก็จะพบว่าทรงเป็นพระญาติของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 ทั้งสิ้น [2]

ส่วนการเชิญแขกอื่นๆ จากประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีงามทั่วไป ก็จะเป็นการเชิญตามมารยาทโดยผ่านสถานเอกอัครราชทูต ไม่ได้มีหนังสือเชิญโดยตรงมายังประมุขประเทศต่างๆ แต่อย่างใด ดังนั้นประเทศส่วนใหญ่ในโลกก็จะส่งเอกอัครราชทูตไปเข้าร่วมโดยมารยาทตามปกติ สำหรับประเทศไทยเองก็จัดได้ว่าอยู่ในประเทศกลุ่มนี้ (ภูฏานกับญี่ปุ่นก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าประมุขจะไปเองหรือจะส่งเอกอัครราชทูตไปร่วมแทน)

แถมในสถานการณ์ปัจจุบันก็ยังมีสถานการณ์ทางการเมืองโลกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเป็นต้น ส่งผลให้สหราชอาณาจักรไม่อนุญาตให้บางประเทศเดินทางเข้ามาถวายความเคารพพระบรมศพในการนี้ด้วย

อย่างไรก็ดี พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยไปยังสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรพระองค์ใหม่ ในการที่สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 [3]

อีกทั้งพระบรมวงศานุวงศ์องค์สำคัญอย่างสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ได้เสด็จฯ เยือนสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อทรงลงพระนามาภิไธยถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2565 [4] 

แม้แต่องค์พระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันอย่างสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ก็ถือปฏิบัติในทำนองเดียวกันกับพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยการส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยไปยังสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 อีกทั้งส่งตัวแทนของรัฐเข้าร่วมแทนพระองค์ [5]

สำหรับประเทศไทยที่มีความสัมพันธ์อันดีอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักรในกาลก่อน อีกทั้งมีจุดยืนในการรักษาความเป็นกลางทางการเมืองโลกมาโดยตลอด การแสดงออกของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในระดับนี้จึงจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไป และเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

ดร.นิว ซัด ‘ลัทธิสามนิ้ว’ อ้างปชต.พร่ำเพรื่อ ที่ไหนได้ กลายเป็นด้อยค่าประชาธิปไตยเสียเอง!

(7 พ.ย. 65) - ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan โดยมีเนื้อหาดังนี้

การแอบอ้างคำว่าประชาธิปไตยอย่างพร่ำเพรื่อและฟุ่มเฟือยของลัทธิสามนิ้ว กลับกลายเป็นการด้อยค่าประชาธิปไตยเสียเองด้วยความมักง่าย คำว่าประชาธิปไตยจึงถูกลดทอนกลายเป็นเพียงแค่คำพูดดาษดื่นแบบกลวง ๆ ตามแฟชั่น

บ้างก็หลงผิดว่าการใช้สิทธิเสรีภาพตามอำเภอใจแบบอนาธิปไตยเป็นประชาธิปไตย ทั้ง ๆ ที่การใช้สิทธิเสรีภาพตามแบบประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องรับผิดชอบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เคารพต่อกฎหมายและประโยชน์สุขของสังคม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top