Sunday, 20 April 2025
ซินเคอหยวน

‘เอกนัฏ’ เอาจริงปิดยาว ‘รง. ซิน เคอ หยวน’ หลังเกิดเหตุไฟไหม้ พบบกพร่องหลายจุดจนเกิดเหตุระเบิด ส่อโดนฟันมาตรฐานเพิ่มเติม

‘เอกนัฏ’ ส่ง ‘ทีมสุดซอย’ ตรวจเข้ม ‘รง. เหล็กซิน เคอ หยวน’ ที่เกิดเหตุไฟไหม้ เผยไม่แจ้งย้ายถังก๊าซจนเกิดเรื่อง สั่งปิดยาวปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย ‘ฐิติภัสร์’ เผย สมอ.พบผลิตเหล็กไม่ทำตามหลักเกณฑ์สั่งแก้ไขทันที ส่อโดนยึดใบอนุญาต จ่อฟันข้อหาเพิ่มหากผลตรวจเหล็กตกเกรด

เมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ภายใน บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ตั้งอยู่ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จากการรั่วไหลของถังก๊าซ LPG ขนาด 110,000 ลิตร ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 5 คน เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 ว่า ได้ส่งชุดตรวจการสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงาน รมว.อุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายนนทิชัย ลิขิตาภรณ์ ผอ.กองตรวจการมาตรฐาน 1 เจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด มีการเคลื่อนย้ายถังก๊าซ LPG โดยไม่แจ้งขออนุญาตจากสำนักงานพลังงานจังหวัดระยอง ซึ่งในส่วนนี้สำนักงานพลังงานจังหวัดระยองได้สั่งระงับไม่ให้ใช้งานภายในบริเวณถังก๊าซที่เกิดเหตุ สั่งห้ามนำถังก๊าซที่เกิดเหตุกลับมาใช้ใหม่และต้องแก้ไขพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุให้กลับอยู่สภาพเดิมตามที่เคยขออนุญาตไว้ โดยต้องมีวิศวกรควบคุม พร้อมปรับเงินจำนวน 5 หมื่นบาท ในส่วนของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้สั่งให้ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในทั้งหมด ตรวจสอบสภาพถังก๊าซให้เป็นไปตามมาตราฐานทั้งโรงงาน ตรวจสอบสภาพอาคารภายในโรงงานทั้งหมดว่าแข็งแรงปลอดภัยหรือไม่

“อุตสาหกรรมจังหวัดระยองได้สั่งให้ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด หยุดประกอบกิจการเป็นระยะเวลา 30 วัน และต้องแก้ไขตามข้อสั่งการ รวมถึงแก้ไขสิ่งแวดล้อมภายในโรงงานทั้งหมด โดยต้องมีวิศวกรเฉพาะด้านรับรอง และแจ้งให้อุตสาหกรรมจังหวัดระยองร่วมตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยก่อนจึงจะพิจารณาอนุญาตให้ประกอบกิจการอีกครั้ง” นายเอกนัฏ กล่าว

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวเสริมว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ร่วมตรวจสอบสายการผลิตและผลิตภัณฑ์เหล็กของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ด้วย โดยพบว่า ผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ สมอ. โดยมีการซื้อวัตถุดิบจากผู้ขายที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอยู่ในระบบทะเบียนของบริษัท ไม่กำหนดเกณฑ์ตัดสินความสามารถของผู้ขายวัตถุดิบ กำหนดเกณฑ์การตัดสินทางเคมีไม่สอดคล้องกับมาตรฐานที่ มอก. กำหนด สมอ.จึงสั่งให้แก้ไขปรับปรุงภายใน 15 วัน หากไม่แจ้งกลับมาจะถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการ

“สมอ.ยังได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เหล็กไปตรวจสอบว่าเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์หรือไม่ด้วย คาดว่าจะได้ผลในสัปดาห์หน้า และหากพบว่าไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” น.ส.ฐิติภัสร์ ระบุ

ชุดปฏิบัติการสุดซอยลุยตรวจโรงงานผลิตเหล็ก ‘ซิน เคอ หยวน’ หวังไขปมเหล็กล็อตไหนถูกใช้สร้างอาคาร สตง. รอเฉลยภายใน 7 วัน

(2 เม.ย. 68) นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายนนทิชัย ลิขิตาภรณ์ ผู้อำนวยการกองตรวจการมาตรฐาน 1 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้เข้าตรวจสอบโรงงานผลิตเหล็ก บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง

โดยโรงงานผลิตเหล็ก บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ถูกสั่งให้ ปิดกิจการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2567 แต่ก็มีชาวบ้านในพื้นที่แจ้งว่า “ที่โรงงานยังมีคนเข้าออกอยู่เลย” ส่งผลให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องบุกไปดูโรงงานซินเคอหยวน ให้เห็นกับตา 

การตรวจสอบดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้นำตัวอย่างเหล็กจากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาตรวจสอบคุณภาพ และพบว่าเหล็กข้ออ้อยขนาด 20 มิลลิเมตร และ 32 มิลลิเมตร ไม่ได้มาตรฐาน จึงต้องเข้าตรวจสอบของกลางที่ถูกยึดอายัดไว้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม จำนวน 2,441 ตัน มูลค่าราว 50.1 ล้านบาท

จุดแรกที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ คือ บริเวณโกดังเก็บเหล็กเส้นของกลางที่ถูกอายัด เพื่อตรวจสอบว่ามีการนำเหล็กออกไปจากที่เก็บหรือไม่ จากนั้นจุดที่สองคือโรงงานผลิตเหล็ก เพื่อดูว่ามีการเปิดเตาหลอมเหล็กดำเนินกิจการต่อหรือไม่

ก่อนเข้าตรวจสอบภายในโรงงาน หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้พูดคุยกับตัวแทนบริษัท พร้อมทั้งตรวจสอบบิลค่าไฟของโรงงานในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยพบว่าก่อนถูกอายัด โรงงานแห่งนี้มีค่าไฟสูงถึง 130 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ในเดือนมกราคม ค่าไฟลดลงเหลือ 1.2 ล้านบาท และในเดือนกุมภาพันธ์ ค่าไฟลดลงเหลือ 6.4 แสนบาท

นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้ขอเอกสารบันทึกการขายเหล็ก เพื่อตรวจสอบว่าเหล็กล็อตใดถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างอาคาร สตง. ซึ่งตัวแทนบริษัทเปิดเผยว่า บริษัทไม่ได้ขายเหล็กให้กับ สตง. โดยตรง แต่ขายผ่านบริษัทตัวกลางก่อนส่งต่อให้กับผู้รับเหมาที่ก่อสร้างอาคารดังกล่าวอีกทอดหนึ่ง

เบื้องต้น ตัวแทนบริษัทรับปากว่าจะจัดส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อตรวจสอบภายใน 7 วัน นับจากวันที่ 2 เมษายน 2568

สำหรับการเข้าตรวจสอบครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมมาตรฐานอุตสาหกรรมของภาครัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้เหล็กไม่ได้มาตรฐานถูกนำไปใช้ในงานก่อสร้างที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในอนาคต

‘เอกนัฏ’ ลงนามขอยื่นถอดถอนสิทธิ BOI 'ซินเคอหยวน' หลังตรวจพบเหล็กของบริษัทฯ ตกมาตรฐานหลายรอบ

(4 เม.ย.68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ส่งหนังสือด่วนยื่นถอดถอนสิทธิประโยชน์การลงทุน BOI ของ 'ซินเคอหยวน' บริษัทสัญชาติจีน จังหวัดระยอง เหตุผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นตกมาตรฐาน หวั่นกระทบความปลอดภัยประชาชนคนไทย หลังมีเหตุตึก สตง. ถล่ม เนื่องจากบริษัทไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงงาน จนต้องปิดชั่วคราวตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 และยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านมาตรการความปลอดภัยในโรงงานได้เสร็จสิ้น รวมถึงเรื่องมาตรฐานเหล็กเส้นข้ออ้อยของบริษัทที่ตกมาตรฐานการทดสอบโดยสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยถึง 2 ครั้ง ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และมีหนังสือแจ้งเตือนให้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน ตามหนังสือเลขที่ อก0706/12709 ลงวันที่ 27 ธ.ค. 2567 ซึ่งยังไม่สามารถปรับปรุงได้และหนังสือแจ้งเตือนยังมีผลอยู่

ส่วนประเด็นหนังสือแจ้งเตือนเรื่องระบบควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์บกพร่อง ลงวันที่ 23 ธ.ค. 2567 ที่ปรากฏในข่าวนั้น ทางรัฐมนตรีฯ เอกนัฏ ได้มีคำสั่งให้ทีมตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการดำเนินการที่ถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้จะไม่กระทบต่อการระงับการประกอบการ การจำหน่าย หรือการยื่นเพิกถอนและประโยชน์การส่งเสริมการลงทุน 

ส่วนกรณีประเด็นเอกสารของกระทรวงอุตสาหกรรมไม่สมบูรณ์ จนทำให้มีการยกเลิกการประชุมถอนสิทธิการส่งเสริมการลงทุนได้นั้น ข้อเท็จจริงคือในวันนี้ (4 เมษายน2568) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการลงนามการถอดสิทธิประโยชน์การลงทุนของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เพื่อเสนอเข้าบอร์ด BOI ต่อไป

“กระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันจะปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กไทยให้มีคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานวัสดุก่อสร้าง เพราะการรักษาความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” นายพงศ์พลกล่าว

โฆษกอุตสาหกรรมชี้แจง ไม่มีการต่ออายุ มอก. ให้ ‘ซินเคอหยวน’ เตือนผู้เผยแพร่ข่าวสารปลอม สร้างความสับสนให้สังคม

(6 เม.ย. 68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกมาชี้แจงกรณีข่าวที่กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ทำการต่ออายุ มอก. ให้กับบริษัทเหล็กสัญชาติจีน “ซินเคอหยวน” เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

โดยยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และขอชี้แจงว่า บริษัทซินเคอหยวนยังคงถูกสั่งพักใบอนุญาตผลิตและจำหน่ายสินค้าเหล็กเส้นที่ทดสอบไม่ผ่านมาตรฐาน ตามมาตรา 40 ของหนังสือเลขที่ อก 0706/1943 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568

นายพงศ์พล กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่เผยแพร่เกี่ยวกับการต่ออายุ มอก. ให้บริษัทซินเคอหยวนนั้นไม่เป็นความจริง และกล่าวว่า “ไม่เข้าใจว่าผู้ปล่อยข่าวมีเจตนาอันใด หรือเป็นผู้ไม่หวังดี ที่นำข้อมูลบางส่วนจากหนังสือแก้ไขความบกพร่องในระบบควบคุมคุณภาพ (QC) ลงวันที่ 23 มกราคม 2568 มาผสมโยงกับเรื่องมาตรฐานผลิตภัณฑ์ จนทำให้เกิดความสับสนแก่ประชาชน”

โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวย้ำว่า นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ทำงานอย่างต่อเนื่องและจริงจังในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหามาตรฐานอุตสาหกรรมเหล็กศูนย์เหรียญ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำลายรายได้ของประเทศ แต่ยังเป็นอันตรายต่อชีวิตประชาชนและสิ่งแวดล้อม 

ล่าสุด ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน และได้ลงนามเสนอปลดสิทธิประโยชน์ BOI ให้กับโรงงานเหล็กสัญชาติจีนเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568

“ขอให้ทุกฝ่ายติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศ” นายพงศ์พลกล่าวทิ้งท้าย

เตรียมชง DSI รับกรณี ‘ซินเคอหยวน’ เป็นคดีพิเศษ พร้อมส่งทีมงานเก็บตัวอย่างเหล็กตึก สตง. ตรวจสอบเพิ่ม

(10 เม.ย.68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการตรวจสอบกรณีเหล็กตกมาตรฐานที่อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกรณีการครอบครองฝุ่นแดง ของ บริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด อย่างถึงที่สุดและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ โดยหลังจากนี้จะเข้าเก็บตัวอย่างเหล็กอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568 นี้ หลังได้เข้าหารือและร่วมวางแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าพื้นที่เพื่อให้เกิดความเป็นระบบและตรงตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด โดยในวันนี้ (10 เมษายน 2568) ได้มอบหมายให้ นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม แถลงผลดำเนินการตรวจสอบที่ผ่านมา 

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย และนางวิรงรอง พรพิมลเทพ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย (สมอ.) ร่วมแถลงข้อเท็จจริงในการตรวจสอบเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกรณีการครอบครองฝุ่นแดงของ บริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด 

"หน้าที่เราคือตรวจสอบว่าได้มาตรฐานหรือไม่ เราบอกไม่ได้ว่าที่ตึก สตง. ถล่มเป็นเพราะเหล็กหรือไม่ เพราะจะมีหน่วยงานที่ตรวจสอบมาประกอบการพิจารณา จะบอกว่าเกิดจากเหล็กไม่ได้มาตรฐานอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ ดังนั้น พรุ่งนี้ (11 เม.ย. 2568) ตนและเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตึก สตง. เพื่อเก็บตัวอย่างเหล็กเพิ่มเติม เพื่อให้มีความรัดกุมและรอบคอบที่สุดมากยิ่งขึ้น ส่วนเหล็กที่เคยตรวจแล้วยืนยันว่าจะไม่ตรวจซ้ำรอบแน่นอนตามมาตรฐาน สมอ. ไม่สามารถเปิดให้ทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก" 

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบข้อผิดปกติอีกบางอย่าง อาทิ ค่าไฟฟ้าจากเดิมจ่ายที่เดือนละ 130 ล้านบาท แม้จะลดลงเหลือหลักล้านบาท และหลักแสนบาท แต่ที่พบคือค่าน้ำที่ลดลงน้อยมาก จึงเป็นคำถามที่บริษัทต้องชี้แจงเพิ่มเติม

“ในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 – มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทีมสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการยึดอายัดเหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ที่ไม่ได้มาตรฐาน จากโรงงานผู้ผลิตในจังหวัดชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี นครราชสีมา และสระแก้ว จำนวน 7 ราย ซึ่งเป็นโรงงานร่วมทุนกับต่างชาติ 4 ราย และโรงงานไทย 3 ราย รวมมูลค่ายึดอายัด 361,413,115 บาท” 

“ก่อนหน้านี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ทำหนังสือเพื่อขอข้อมูลชี้แจงข้อเท็จจริงจากซินเคอหยวนว่าได้ขายเหล็กล็อตที่มีปัญหาให้แก่ตัวแทนจำหน่ายรายใดไปบ้างหรือไม่ แต่กลับได้คำตอบเพียงแค่ว่าไม่ได้ขายเหล็กให้โครงการก่อสร้างตึก สตง. โดยตรง จึงไม่สามารถตอบได้ ซึ่งเท่ากับกระทรวงอุตสาหกรรมไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใด ๆ ต่อประชาชน เพราะประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย ว่ามีเหล็กเส้นที่มีปัญหาอยู่ในอาคารอื่น ๆ อีกหรือไม่ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะมอบหมายให้ สมอ. พิจารณาต่อไปว่าในกรณีนี้ถือว่าสามารถเอาผิดฐานไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลตามมาตรา 56 พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมได้หรือไม่ ส่วนเรื่องการครอบครองฝุ่นแดง ที่ได้ทำหนังสือไปสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจาก ซินเคอหยวนเช่นกัน” 

“ในส่วนของ มอก.20 เหล็กเส้นกลม และ มอก. 24 เหล็กข้ออ้อยที่ผลิตจากเตาหลอมเหล็กชนิด IF (Induction Furnace) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลอมเหล็กแบบเก่า ซึ่งมีเสียงวิจารณ์วงกว้างถึงปัญหาเรื่องคุณภาพและความบริสุทธิ์ของเหล็ก รัฐมนตรีเอกนัฏ ได้สั่งการให้ สมอ. ศึกษาแนวทางแก้ไข หรือ ยกเลิก มอก. เหล็กเส้นจากเตาหลอมเหล็ก IF ชนิดนี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสม่ำเสมอของมาตรฐานผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นไทยในอนาคต” นายพงศ์พล กล่าว

“สำหรับกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่า สมอ. ได้ต่ออายุใบอนุญาต มอก. ให้กับ บริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด เมื่อเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมานั้น ขอยืนยันอีกครั้งว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง โดยข้อเท็จจริงคือ บริษัทดังกล่าว ปัจจุบันยังถูกแจ้งเตือนก่อนสั่งพักใช้ใบอนุญาตฯ ตามมาตรา 40 กรณีผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐานห้ามผลิต ห้ามจำหน่าย สินค้าเหล็กเส้นที่ทดสอบไม่ผ่านมาตรฐาน ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ตามการยืนยันของ สมอ. ซึ่งสินค้าไม่ได้มีการต่ออายุใบอนุญาต มอก. ตามข่าวที่เผยแพร่ไปแต่อย่างใด”

ทั้งนี้ วานนี้ (9 เม.ย. 68) นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย สมอ. ได้เข้าพบ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ร่วมหารือกันเพื่อวางแนวทางในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเข้าที่เกิดเหตุอย่างเป็นระบบ และกำหนดหน้างานให้ชัดเจน เพื่อให้ใช้เวลาน้อยในการทำงาน ได้ตามวัตถุประสงค์ให้มากที่สุด ซึ่งหลังจากที่ได้แบ่งหน้าที่กันและเข้าไปดูหน้างานจริงในที่เกิดเหตุ จึงได้กำหนดเรียงลำดับหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยคิวแรกเป็นของกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่ง สมอ.  มีกำหนดจะเข้าไปเก็บตัวอย่างเหล็กในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม ในวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568 

หลังจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะบูรณาการแลกเปลี่ยนและสนับสนุนข้อมูลร่วมกันเพื่อเอาผิดกับโรงงานผลิตเหล็กดังกล่าวตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน ซึ่ง DSI สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ เนื่องจากมีความซับซ้อนและกระทบต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวม กรณีนี้นับเป็นต้นแบบของการทำงานของหน่วยงานรัฐเพื่อสู้กับธุรกิจศูนย์เหรียญในประเทศไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการกับโรงงานดังกล่าวตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ หากตรวจสอบพบว่ามีการผิดกฎหมายข้อใดจะดำเนินการให้ถึงที่สุด

‘โอ๋ สุดซอย’ นำ!! ‘DSI – ตำรวจสอบสวนกลาง - คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า’ บุกทลายโกดัง ‘ซินเคอหยวน’ ค้นยึด เอกสาร เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ กล้องวงจรปิด

(12 เม.ย. 68) นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ ‘หัวหน้าทีมสุดซอย’ ได้โพสต์ข้อความ ถึงกรณี ‘ซินเคอหยวน’ โดยมีใจความว่า ...

ร่วมภารกิจสุดซอย ตรวจค้นและยึดเอกสาร คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ - กล้องวงจรปิดของ SKY และตรวจสอบเพิ่มเติมในส่วนของโกดังที่อยู่ด้านหลังที่ปิดตาย ยังพบฝุ่นแดงที่ซ่อนไว้อีกกว่า 13,000 ตัน หากรวมกับของเดิมที่พบก่อนหน้า 43,000 ตัน ก็เท่ากับว่ามีฝุ่นแดงที่พบทั้งหมด 56,000 ตัน…ยิ่งตรวจยิ่งเจอ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องขยายผลตรวจสอบต่อไป

ขอขอบคุณความร่วมมือในการปฏิบัติภารกิจจาก DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปทส.) คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) และสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ร่วมภารกิจสุดซอยในครั้งนี้ และยังมีอีกหลายภารกิจร่วมกันต่อจากนี้

และที่สำคัญขอขอบคุณ #ทีมสุดซอย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่ทำงานกันอย่างหนักตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเตรียมข้อมูล สืบค้น ตรวจหน้างานเพื่อหาหลักฐานบนข้อเท็จจริง

หลังจากนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะส่งข้อมูล เอกสาร เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์-กล้องวงจรปิดทั้งหมด ให้กับ DSI เพื่อตรวจสอบและขยายผลต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top