Wednesday, 23 April 2025
ซินหัว

จีน ปรับมาตรการสู้โควิด เน้นสกัดอาการรุนแรง หันพึ่งพา ‘ยาแผนจีน’ ช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้น

ปักกิ่ง, 4 ม.ค. (ซินหัว) — ปัจจุบันจีนได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เป็น 'คุ้มครองสุขภาพ สกัดอาการรุนแรง' โดยยุทธศาสตร์ส่วนหนึ่งอาศัยจุดแข็งอันมีลักษณะเฉพาะของการแพทย์แผนจีน (TCM)

กลไกร่วมป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แห่งคณะรัฐมนตรีจีน ได้จัดงานแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร (3 ม.ค.) โดยมีคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารการแพทย์แผนจีนแห่งชาติจีน และทีมผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนจีน ร่วมตอบประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้อง

หมี่เฟิง โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน กล่าวว่า จีนส่งเสริมการบูรณาการแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตกในการรับมือโรคโควิด-19 เพื่อเพิ่มอัตราการรักษา ลดอัตราการป่วยหนักและการเสียชีวิต รวมถึงกระตุ้นการหายดีโดยเร็วของผู้ติดเชื้อ

จางจงเต๋อ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน เผยว่ายาแพทย์แผนจีนสามารถช่วยบรรเทาอาการที่เด่นชัด เช่น มีไข้สูง ท้องอืด และท้องผูก ในผู้ติดเชื้ออาการหนัก

หลิวชิงเฉวียน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนปักกิ่ง สังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์นครหลวง ระบุว่าปกติผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาด้วยยาแพทย์แผนจีนตั้งแต่เนิ่น ๆ จะมีไข้ลดลงจนอุณหภูมิร่างกายกลับสู่ระดับปกติภายในระยะเวลา 2-3 วันหากมีอาการเจ็บคอ ไอ เสียงแหบ และอื่นๆ สามารถรับประทานยาแพทย์แผนจีนตำรับบำรุงทางเดินหายใจ (ซวนเฟ่ยจื่อเขอ) หากมีอาการเจ็บคอหนักมากสามารถรับประทานยาตำรับขับพิษและบรรเทาการเจ็บปวด (ลี่เยี่ยนเจี่ยตู๋จื่อท้ง) หากมีอาการอ่อนเพลีย อาเจียน และท้องเสีย สามารถรับประทานยาตำรับขจัดความชื้นและพิษ (ฮว่าซือเจี่ยเปี่ยวเล่ย)

‘ไทย’ ครองอันดับหนึ่งตัวเลือกของ นทท.จีน จุดหมายปลายทางต่างประเทศช่วงตรุษจีน

หางโจว, 25 ม.ค. (ซินหัว) — “วันแรกที่มาถึงกรุงเทพฯ ฉันไปเที่ยวตลาดกลางคืนค่ะ ทันทีที่ได้กลิ่นหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย ก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าชีวิตก่อนเกิดโรคระบาดได้กลับมาแล้ว” อู๋ นักท่องเที่ยวชาวจีนจากนครหางโจว เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีน บอกเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวในไทยผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมเปิดเผยความประทับใจของตนให้ผู้ติดตามชาวจีนได้ฟัง

หลังจากจีนปรับเปลี่ยนนโยบายการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ตลาดการเดินทางขาออกของจีนซึ่งซบเซาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อชาวจีนอย่างประเทศไทย กลายเป็นที่หมายปองอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลล่าสุดจากซีทริป (Ctrip) บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของจีน ชี้ว่าในช่วง 4 วันก่อนถึงวันหยุดตรุษจีน นักท่องเที่ยวจีนจองตั๋วเครื่องบินขาออกสู่กรุงเทพฯ มากที่สุด เป็นรองเพียงเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าของจีน ตามมาด้วยภูเก็ตในอันดับที่ 5

ขณะฟลิกกี้ (Fliggy) แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวอีกราย เผยว่าจำนวนผู้ยื่นขอวีซ่าไทยในจีนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวของไทยก็เพิ่มขึ้น 10 เท่า เมื่อเทียบปีต่อปี

ชุยเยี่ยน ผู้จัดการทั่วไปของซีทริป ไทยแลนด์ (Ctrip Thailand) ประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่าภาคการท่องเที่ยวของไทยมีการ เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยโรงแรมยอดนิยมในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เกาะสมุย ภูเก็ต และสถานที่อื่น ๆ ต่างถูกจองจนเต็มอย่างรวดเร็ว

ชุยแสดงความเห็นว่านโยบายการเดินทางของจีน ทำให้นักท่องเที่ยวจีนมีความเชื่อมั่นในการเดินทางไปต่างประเทศ บวกกับนโยบายต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เป็นมิตรของไทย ทำให้ไทยเป็นประเทศที่เนื้อหอมสำหรับนักท่องเที่ยวจีน

ไต้ปิน ประธานสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน วิเคราะห์ว่านับตั้งแต่วันปีใหม่จนถึงเทศกาลตรุษจีน ตลาดการท่องเที่ยวจีนกำลังส่งสัญญาณเชิงบวก 2 ประการ หนึ่งคืออุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวของชาวจีนได้เปลี่ยนจากใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมาสู่การใช้จ่ายอย่างอิสระ สองคือด้านโครงสร้างการท่องเที่ยว โดยคนหนุ่มสาวและการท่องเที่ยวแบบระยะกลาง-ไกล กลายมาเป็นตัวขับเคลื่อนการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยว

‘นักท่องเที่ยวจีน’ หวนเยือน ‘ไทย’ จุดประกายความหวังท่องเที่ยวคึกคัก

กรุงเทพฯ, 26 ม.ค. (ซินหัว) — หลังจากเผชิญภาวะหยุดชะงักนาน 3 ปี ไทยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนกลับสู่หาดทรายสีทอง วัดวาอารามงามงด และศูนย์การค้าสุดหรูอีกครั้ง โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนที่หลั่งไหลเข้าประเทศจะช่วยฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

หลิวหลิงหลิง นักท่องเที่ยวจากนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน ซึ่งวางแผนใช้เวลาช่วงวันหยุดตรุษจีนในไทย กล่าวว่าการเดินทางครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของครอบครัวตั้งแต่มีการระบาดใหญ่ โดยทุกคนตื่นเต้นและมีความสุขมาก รวมทั้งรู้สึกได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในไทยด้วย

หลิวมีแผนเดินทางไปภาคใต้ของไทยพร้อมกับครอบครัวเพื่อพักที่รีสอร์ตริมทะเล หลังจากใช้เวลาในกรุงเทพฯ 2-3 วัน โดยเธอเป็นหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก นับตั้งแต่ยุทธศาสตร์การรับมือโรคโควิด-19 ฉบับปรับปรุงของจีนมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 8 ม.ค.

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่สองหลังจากการปรับยุทธศาสตร์ของจีน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของไทย พร้อมเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่น ๆ ร่วมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มแรกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยดอกไม้และของขวัญ

บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่าการจัดงานระดับสูงนี้สะท้อนความสำคัญที่ไทยมีต่อการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับสู่ประเทศ เพื่อช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน บรรยากาศช่วงเทศกาลตรุษจีนแผ่อบอวลทั่วย่านใจกลางกรุงเทพฯ โดยห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ พร้อมใจประดับประดาสิ่งตกแต่งกลิ่นอายเทศกาลตรุษจีน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่หลั่งไหลเข้าไทยในช่วงวันหยุด 'สัปดาห์ทอง' (Golden Week) ครั้งแรก หลังจากจีนปรับมาตรการรับมือโรคโควิด-19

ถนนเยาวราชความยาว 200 เมตร ถูกประดับประดาด้วยแสงสีและโคมไฟหลายรูปแบบ เพื่อเฉลิมฉลองวันตรุษจีนซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 22 ม.ค. และเป็นวันแรกของปีเถาะหรือปีกระต่าย ซึ่งณัฐพร เชฟร้านอาหารบนถนนเยาวราช เชื่อว่าจะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความคึกคักและเจริญรุ่งเรือง

ณัฐพรบอกเล่าว่าทางร้านกักตุนวัตถุดิบอาหารสำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีนแล้ว ซึ่งมักเป็นเวลาที่ดึงดูดลูกค้าต่างชาติจำนวนมาก พร้อมเสริมว่านักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของไทย พวกเขากลับมาแล้วในปีนี้ และผมคิดว่าธุรกิจของเราจะกลับมาดีเหมือนช่วงก่อนการระบาดใหญ่

ด้านกลุ่มสายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร และผู้ประกอบการการท่องเที่ยวอื่น ๆ ต่างเฝ้ารอต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นในปีนี้เช่นกัน

วิชัย (Wichai Kinchong Choi) รองประธานอาวุโสของธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนได้เพิ่มความหวังต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไทยและนานาประเทศทั่วโลก

ปิติ ดิษยทัต เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าภาคการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวรวดเร็วขึ้นเพราะการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ขณะเศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงสนับสนุนจากการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเยือนประเทศระหว่าง 7-10 ล้านคนในปี 2023 โดยแบ่งเป็น 300,000 คนในช่วงไตรมาสแรก

รัสเซียเริ่มสร้าง 'กล้องโทรทรรศน์สุริยะ' ใหญ่สุดในยูเรเซีย ใช้งบราว 1.3 หมื่นล้านบาท คาดเปิดใช้ได้ภายในปี 2030

วลาดิวอสตอก, 6 ส.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันเสาร์ (5 ส.ค.) สถาบันฟิสิกส์สุริยะ-โลก (Institute of Solar-Terrestrial Physics) สังกัดสถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซีย (RAS) สาขาไซบีเรีย ในสาธารณรัฐบูเรียเตีย หนึ่งในเขตการปกครองรัสเซีย ได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างกล้องโทรทรรศน์สุริยะ (solar telescope) หรือกล้องโทรทรรศน์ดูดวงอาทิตย์ ขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยูเรเซีย
กล้องโทรทรรศน์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนและราคาแพงที่สุดของโครงการเนชันแนล เฮลิโอจีโอฟิสิคัล คอมเพล็กซ์ (National Heliogeophysical Complex) โดยจะตั้งประจำการอยู่ที่หอสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ ซายัน (Sayan Solar Observatory) สังกัดสถาบันฟิสิกส์ฯ ใกล้กับหมู่บ้านมันดาในบูเรียเตีย โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3.6 หมื่นล้านรูเบิล (ราว 1.3 หมื่นล้านบาท) และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2030

วัตถุประสงค์หลักของกล้องโทรทรรศน์ตัวนี้คือใช้ในการศึกษาธรรมชาติของสนามแม่เหล็กและวัฏจักรกิจกรรมดวงอาทิตย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกในแง่มุมต่างๆ กล้องโทรทรรศน์ฯ จะช่วยให้คณะนักวิทยาศาสตร์ทำการสำรวจโครงสร้างของชั้นบรรยากาศโฟโตสเฟียร์ (photosphere) อันเป็นชั้นพื้นผิวของดวงอาทิตย์ที่สามารถมองเห็นได้ ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งชั้นผิวนี้กล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็กและอุปกรณ์สังเกตการณ์ในวงโคจรจะไม่สามารถเข้าถึงได้

ขณะเดียวกัน กล้องโทรทรรศน์ฯ จะสามารถวิเคราะห์สเปกตรัมและรับข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กและการเคลื่อนที่ของสสาร ตลอดจนช่วยศึกษาสาเหตุการเกิดเปลวสุริยะ (solar flare) การพ่นมวลโคโรนา (coronal mass ejection) และปรากฏการณ์อื่นๆ บนดวงอาทิตย์ นอกจากนี้จะยังช่วยแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์พื้นฐานและการประยุกต์ใช้ในฟิสิกส์สุริยะ (solar physics)

ทั้งนี้ กลไกทางแสงของกล้องโทรทรรศน์ดังกล่าวจะประกอบด้วยกระจก 13 ชิ้น โดยกระจกหลักมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เมตร ทำขึ้นมาจากแอสโตรทอล วัสดุกลาสเซรามิกแบบพิเศษชนิดหนึ่ง โดยความสูงของโครงสร้างกล้องโทรทรรศน์ฯ ทั้งหมดจะอยู่ที่ 42 เมตร และมีน้ำหนักรวม 120 ตัน

ญี่ปุ่นเล็งทิ้ง 'น้ำเสียปนเปื้อนนิวเคลียร์' จากโรงไฟฟ้า ลงสู่ทะเล แม้จะมีกระแสต้าน จากประเทศเพื่อนบ้าน-ชาวประมงท้องถิ่น

โตเกียว, 7 ส.ค. (ซินหัว) -- วันจันทร์ (7 ส.ค.) เกียวโด นิวส์ สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่น รายงานว่าญี่ปุ่นกำลังพิจารณาการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่ทะเลในช่วงระหว่างปลายเดือนสิงหาคมและต้นเดือนกันยายน

รายงานระบุว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเตรียมจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับวันเวลาที่แน่ชัดของการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตรังสีลงสู่มหาสมุทร หลังจากฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางเยือนสหรัฐฯ  โดยมีการคาดการณ์ช่วงเวลาไว้ระหว่างปลายเดือนสิงหาคมและครึ่งแรกของเดือนกันยายน

อนึ่ง ญี่ปุ่นได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายในการปล่อยน้ำเสียฯ นับตั้งแต่ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ระบุในรายงานฉบับสุดท้ายเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมว่าแผนการปล่อนน้ำเสียดังกล่าว "เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ตกลงกันไว้"

แม้มีการคัดค้านรุนแรงจากประเทศเพื่อนบ้านและประเทศเกาะแปซิฟิก รวมถึงจากชาวประมงท้องถิ่น ซึ่งกังวลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลและสาธารณสุข แต่รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงผลักดันการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และสึนามิที่ตามมาในเดือนมีนาคม 2011

'นายกฯ ฝรั่งเศส' ทัก "หนีห่าว" ต้อนรับ 'สีจิ้นผิง' พร้อมพิธีอันสมเกียรติ สะท้อน!! การทูตที่ฝรั่งเศสให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับการมาเยือนนี้

(6 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัว รายงาน สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้เดินทางถึงกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.67) เพื่อการเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ โดยมีแกเบรียล อัททาล นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ให้การต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานปารีส ออร์คลีย์ พร้อมกล่าวคำทักทายเป็นภาษาจีนว่า "หนีห่าว" หรือ "สวัสดี"

ทั้งนี้ ท่าอากาศยานฯ ได้ติดธงชาติจีนและธงชาติฝรั่งเศสที่โบกสะบัดตามสายลม พร้อมปูพรมแดงต้อนรับผู้นำจีน โดยมีคณะผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลฝรั่งเศสเฉกเช่นอัททาลยืนรอต้อนรับการมาถึงของสีจิ้นผิง ซึ่งพิธีการทูตนี้สะท้อนว่าฝ่ายฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับการมาเยือนครั้งนี้อย่างยิ่งยวด

อนึ่ง การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 3 และการเยือนยุโรปครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี ของสีจิ้นผิง ขณะความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ฝรั่งเศส จะครบรอบ 60 ปี ในปีนี้

รายงานระบุว่าสีจิ้นผิง พร้อมด้วยเผิงลี่หยวน ผู้เป็นภริยา ก้าวออกจากห้องโดยสารของเครื่องบินและโบกมือให้กับฝูงชนที่มารอต้อนรับ ด้านอัลทาลก้าวเข้าหาสีจิ้นผิงที่เดินลงมาจากบันไดเทียบเครื่องบิน และกล่าวทักทายผู้นำจีนว่า "หนีห่าว" โดยทั้งสองฝ่ายได้เดินเคียงและพูดคุยขณะอัททาลนำพาผู้นำจีนขึ้นรถลีมูซีน

อัลทาลเผยกับสีจิ้นผิงว่าเขาเคยเดินทางเยือนจีนครั้งหนึ่งเมื่อยังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติ รวมถึงเรียนภาษาจีนมานานหนึ่งปีแล้ว ด้านสีจิ้นผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่าอัลทาลพูดภาษาจีนได้ดีตามมาตรฐาน และแสดงความยินดีต้อนรับอัททาลเยือนจีน

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงยังเป็นผู้สนใจวัฒนธรรมฝรั่งเศส โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ ปรัชญา วรรณคดี และศิลปะของฝรั่งเศส เมื่อครั้งเยาว์วัย โดยสีจิ้นผิงระบุในบทความที่เผยแพร่ผ่านเลอ ฟิกาโร  (Le Figaro) สื่อฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.67) ว่าฝรั่งเศสมีมนต์เสน่ห์พิเศษอันน่าหลงใหลในสายตาชาวจีน

สหราชอาณาจักร ขึ้นค่าเทอมมหาวิทยาลัย ในรอบ 8 ปี หลังเงินเฟ้อพุ่ง ส่งผลให้ค่าเรียนต่อปีทะลุ 9.5 พันปอนด์

(5 พ.ย. 67) ลอนดอน, 5 พ.ย. สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า - บริดเจ็ท ฟิลลิปสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสหราชอาณาจักร ประกาศว่า ค่าธรรมเนียมการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในอังกฤษจะปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ในปี 2025 ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016

การปรับเพิ่มครั้งนี้เป็นผลพวงมาจากภาวะเงินเฟ้อ โดยจะทำให้ค่าธรรมเนียมการศึกษารายปีสูงสุดอยู่ที่ 9,535 ปอนด์ (ราว 4.2 แสนบาท) ขณะที่สินเชื่อเพื่อการดำรงชีพสำหรับนักศึกษาจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ฟิลลิปสัน เน้นย้ำถึงความท้าทายทางการเงินในระดับอุดมศึกษา และกล่าวเป็นนัยถึงการปฏิรูปที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งมีเป้าหมายขยายการเข้าถึงสำหรับนักศึกษาที่ด้อยโอกาสอีกด้วย

ด้านลอรา ทรอทต์ รัฐมนตรีเงาว่าการกระทรวงฯ ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยเสนอให้เพิ่มนักศึกษาเข้าในรายชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจด้านงบประมาณครั้งล่าสุด

สนามบินในเซินเจิ้น ทดลองบริการ 'จอดรถอัตโนมัติ' ชูจุดเด่น สั่งงานง่ายผ่านแอปฯ ช่วยนักเดินทางประหยัดเวลา

(14 ม.ค. 68) เซินเจิ้น เมืองศูนย์กลางทางวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีและการผลิตขั้นสูงในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน ได้เปิดให้บริการจอดรถอัตโนมัติที่สนามบิน โดยนักเดินทางสามารถเคลื่อนย้ายรถจากพื้นที่รับรองผู้โดยสารไปยังลานจอดโดยอัตโนมัติด้วยการกดสั่งผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือเท่านั้น

สำหรับการบริการจอดรถอัตโนมัติ ในระยะทดลอง ได้เริ่มต้นให้บริการที่ท่าอากาศยานนานาชาติเซินเจิ้น เป่าอัน เมื่อวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา และจัดการโดยกลุ่มผู้ประกอบการอย่างหัวเหวย (Huawei) และบริษัท เซินเจิ้น เออร์เบิน ทรานสปอร์ต แพลนนิง เซนเตอร์ จำกัด (SUTPC)

ผู้ขับขี่สามารถเลือกช่องจอดที่กำหนดไว้ ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางวิ่ง สภาพแวดล้อมโดยรอบ และตำแหน่งของรถยนต์แบบเรียลไทม์ รวมถึงสามารถเรียกรถยนต์ที่จอดอยู่มายังพื้นที่รับรองผู้โดยสารโดยอัตโนมัติ โดยยานยนต์ที่วิ่งอัตโนมัติสามารถหลีกทางให้ยานยนต์ที่วิ่งสวนมาและหลีกเลี่ยงคนเดินเท้า

อนึ่ง การทดลองนี้ใช้ได้เฉพาะยานยนต์ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนขั้นสูงจากหัวเหวยเท่านั้น ด้านจิ้นอวี่จื้อ ซีอีโอหน่วยธุรกิจโซลูชันยานยนต์อัจฉริยะของหัวเหวย ได้อธิบายเหตุผลว่าทำไมเลือกท่าอากาศยานนานาชาติเซินเจิ้น เป่าอัน เป็นพื้นที่ทดลองการบริการจอดรถอัตโนมัตินี้

จิ้น กล่าวว่า ระบบขับขี่และจอดรถอัตโนมัติสามารถประหยัดเวลาของนักเดินทางที่ต้องรีบขึ้นเครื่อง โดยปริมาณผู้คนและยานยนต์ที่ท่าอากาศยานแห่งนี้อยู่ในระดับสูง ทำให้ต้องมีข้อกำหนดเข้มงวดในการควบคุมยานยนต์อย่างแม่นยำเพิ่มขึ้น ซึ่งการทดลองที่นี่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเทคโนโลยี

หลินเทา ประธานบริษัท เซินเจิ้น เออร์เบิน ทรานสปอร์ต แพลนนิง เซนเตอร์ จำกัด กล่าวว่าการทดลองที่ท่าอากาศยานนี้จะเป็นต้นแบบในการขยายการบริการสู่สถานที่อื่นๆ เช่น โรงพยาบาล จุดท่องเที่ยว และห้างสรรพสินค้า

จีนส่งตัว 200 ผู้ต้องสงสัยฉ้อโกงกลับจากเมียนมา เปิดฉากล่าต่อเนื่องขบวนการโกงข้ามพรมแดน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนได้นำตัวพลเมืองจีน 200 ราย ซึ่งต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง กลับสู่จีนเมื่อวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.68) หลังจากถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา  

ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายระหว่างจีน เมียนมา และไทย โดยผู้ต้องสงสัยทั้งหมดถูกส่งตัวมายังประเทศไทยก่อน จากนั้นจึงขึ้นเที่ยวบินเช่าเหมาลำหลายเที่ยวเพื่อเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติหนานจิงลู่โข่ว ในนครหนานจิง มณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน  

กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนเปิดเผยว่า การส่งตัวครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในการต่อสู้กับอาชญากรรมทางโทรคมนาคม ซึ่งกำลังเป็นปัญหาระดับภูมิภาคและต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายประเทศ  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top