Sunday, 20 April 2025
คุณครู

โซเชียลแห่ชม ‘ครูต้นแบบ’ มีศิษย์เพียงหนึ่งคน แต่พร่ำสอนจนจบ ป.6 เป็น ‘ที่หนึ่งของรุ่นตัวจริง’

โรงเรียนเล็กๆแต่อบอุ่นหัวใจ! คุณครูขอเก็บไว้เป็นความทรงจำ ถ่ายรูปกับลูกศิษย์จบชั้น ป.6 เพียง 1 คน

(30 มี.ค.66) ภาพความประจำใจเกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยผู้ใช้ TikTik ชื่อว่า w.landaaaaaaaaaaa โพสต์ภาพความประทับใจถึงลูกศิษย์ที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพียง 1 คน โดยคุณครูท่านนี้ระบุว่า

"โรงเรียนไหนถ่ายรูปแบบนี้บ้าง ถึงจะไม่ค่อยสวยแต่ก็ขอถ่ายไว้เป็นความทรงจำ ตอนถ่ายรูปก็ใจหายนะ แอบน้ำตาไหลอยู่ ขอกำลังใจน้องที่จบหน่อยนะทุกคน"

"จบแล้ว พี่ ป.6 โรงเรียนขนาดเล็ก มีแค่ 1 คน โรงเรียนไหนเป็นแบบเราบ้างไหม ขอกำลังใจให้เด็กๆที่จบ"

‘ครูใหม่’ ได้บรรจุที่โรงเรียนในชุมชนไร้แผ่นดิน-น้ำประปาไม่มี แต่จะสู้ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู เพื่อนักเรียน 28 ชีวิต

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้งาน TikTok บัญชี kongphop_q แชร์เรื่องราวของคุณครูบรรจุใหม่ท่านนึง ที่ได้เล่าเรื่องราวการบรรจุครูครั้งแรกของตัวเอง ซึ่งขอบอกเลยว่า การมาบรรจุและสอนที่นี่เป็นอะไรที่มีความท้าทายมากๆ เรียกว่าเป็นคุณครูที่มี ‘จิตวิญญาณเต็มเปี่ยม’ ถึงเส้นทางจะดูไม่เรียบหรู ออกแนวจะต้องมีความลำบากในการใช้ชีวิต แต่คุณครูก็พร้อมที่จะสู้ไปพร้อมกับเด็กนักเรียนเลยทีเดียว

โดยคุณครูได้บรรยายคลิปเพิ่มเติมว่า “เมื่อเราได้บรรจุเป็นครูโรงเรียนกลางน้ำ นี่มันคิดถึงวิทยาชัดๆ”

ซึ่งในคลิปคุณครูได้เล่าว่า ได้บรรจุที่โรงเรียนวัดบางชัน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่บนชุมชนไร้แผ่นดิน ซึ่งคุณครูหาที่ติดต่อทางโรงเรียนไม่ได้ ไม่มีข้อมูลพื้นฐานบนโลกออนไลน์เลยด้วย โดยคุณครูได้ทำการติดต่อที่พักโฮมสเตย์ในพื้นที่ และขอข้อมูลติดต่อผู้ใหญ่บ้าน และก็ได้รู้ว่า ที่นั่นไม่มีน้ำประปา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวย มีเรือขายน้ำจืด ที่พักเสียค่าน้ำและค่าไฟเอง แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่สละสิทธิ์ โดยคุณครูคิดว่าถ้าสละสิทธิ์แล้วเด็กนักเรียนที่นั่นจะมีครูสอนมั้ย เพราะเด็กที่นั่นมีนักเรียนเพียงแค่ 28 คน มีครูอยู่ 4 คน

หลังจากที่คลิปของคุณครูได้ถูกแชร์ออกไป ก็เรียกว่ากลายเป็นคลิปไวรัลที่มียอดเข้าชมมากกว่า 3.1 ล้านครั้ง ยอดไลก์มากว่า 326,000 ครั้ง และยังมีคอมเมนต์อีกมากมายที่เข้ามาชื่นชมและเป็นกำลังใจให้กับคุณครูกันอย่างล้นหลาม เช่น

“เชื่อว่าครูที่มีแพชชั่นในการสอนมีเยอะมาก แต่สิ่งที่ขาดคือการสนับสนุนด้านศึกษาทั้งฝ่ายผู้เรียนและผู้สอนจากรัฐบาล”
“ขอให้เป็นที่รักของเด็กๆและผู้ปกครองนะ”
“จันทบุรียินดีต้อนรับค่ะ ถึงจะลำบากหน่อย แต่คนที่นี่น่ารักนะคะ”

โซเชียลชม!! ‘ครูหนุ่ม’ จ.เชียงใหม่ ขี่รถส่ง นร.หญิงกลับบ้าน ฝ่าดินโคลนขึ้น-ลงเขา คาดใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 66 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อ ‘Kan mail’ ซึ่งเป็นคุณครูจากโรงเรียนบ้านห้วยไม้หก ตำบลม่อนจอง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมกับคลิปวิดีโอ เผยให้เห็น ‘ครู’ และ ‘นักเรียน’ กำลังขี่รถ จูงรถ ท่ามกลางถนนที่เป็นดินโคลน พร้อมด้วยข้อความว่า…

“ขี่รถ 4 ชั่วโมง เดินเท้า 4 ชั่วโมง คิดถึงบ้านเหรอ ‘ครู’ ไปส่งเอง ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน”

ทั้งนี้ การเดินทางของนักเรียนหญิงรายนี้ค่อนข้างลำบาก ต้องเดินขึ้นเขา ประกอบกับอยู่ในช่วงหน้าฝนการเดินทางจึงยิ่งลำบากมากขึ้น คาดว่าการเดินทางแต่ละครั้งคงต้องใช้เวลาในการเดินทางหลายชั่วโมง

‘หนูน้อย ป.1’ รีบหอบหนังสือมาอ่านให้คุณครูฟัง หลังรู้ข่าวว่าครูจะย้ายไปสอนที่อื่น ทำครูสาวน้ำตาซึม

สุดซึ้ง!! หนูน้อย ป.1 รีบหอบหนังสือมาอ่านให้ครูฟัง ก่อนครูจะย้ายไปสอนที่อื่น ทำคุณครูน้ำตาซึม ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็น “นี่คือผลลัพธ์ของครูครับ”

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 66 ไวรัลคนดู 1.9 แสนครั้ง ผู้ใช้ Tiktok ชื่อ @w.landaaaaaaaaaaa ได้โพสต์คลิปเรื่องราวทำเอาคุณครูและชาวเน็ตน้ำตาซึม หลังจากที่หนูน้อยชั้น ป.1 เมื่อรู้ว่าคุณครูจะย้ายไปสอนที่โรงเรียนอื่น ได้รีบหอบหนังสือมาอ่านให้คุณครูฟัง โดยรายละเอียดระบุว่า…

“อยากอ่านหนังสือให้คุณครูฟังก่อนคุณครูจะไปอยู่ที่อื่น #มันคือความรู้สึก #ครูประถมศึกษา #ผมอยากอ่านหนังสือให้คุณครูฟังทุกวัน,คุณครูหญิงจะไปบรรจุโรงเรียนอื่นน้องเด็กป.1 อยากอ่านหนังสือให้คุณครูฟังก่อน”

หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปมีชาวเน็ตเข้าชมคลิปแล้วกว่า 1.9 แสนครั้ง พร้อมแสดงความคิดเห็นระบุว่า “ตั้งแต่ดูมา คลิปนี้ทัชใจสุด อะไรจะดีไปมากกว่า ทำให้ครูดูว่าที่ผ่านมา ครูทำได้ดีแค่ไหนและนี่คือผลลัพธ์ ของครูครับ,เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากเลยค่ะ แสดงว่าเด็กๆ รักครูมากเลยค่ะ ขนาดครูจะไป รร. อื่นแล้ว ยังมาอ่านหนังสือให้ฟัง, ครูคือความหวังและเป็นพลังให้เด็กๆหลายต่อหลายคน คุณก็เคยผ่านความรู้สึกนี้มา, แล้ววันหนึ่งมันจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีที่สุด”

‘ครูสาว’ เห็นกระเป๋า ‘นร.’ จะขาด เด็กบอกจะทนใช้จนถึง ม.2 ครูเลยซื้อให้ใหม่ ทำเอา นร.ดีใจ กลั้นยิ้มไม่อยู่ สัญญาตั้งใจเรียน

(2 พ.ย. 66) กระแสไวรัลในโลกออนไลน์กำลังอมยิ้มอย่างอบอุ่นหัวใจกับคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ในโลกโซเชียล หลังคุณครูท่านหนึ่งแอบสังเกตเห็นนักเรียนสะพายกระเป๋าที่มีลักษณะใกล้ขาด ไม่ยอมซื้อใหม่เพราะคิดว่ายังใช้งานได้ แต่คุณครูทนไม่ไหว ขอซื้อให้แทน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่อุดรธานี โดยผู้ใช้ติ๊กต็อก nong_janji4 หรือ ‘ครูน้อง’ ลงคลิปวิดีโอ ระบุว่า “ฉันแพ้อะไรแบบนี้มาก ไปเยี่ยมบ้านบางคนมีชุด นร.ชุดเดียวนี่ก็ไปซื้อมาให้ มันก็คือความสุขของเรานะ”

พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเปิดเทอมได้ 2 – 3 วัน ขณะกำลังยืนเวรหน้าโรงเรียนเหลือบไปเห็นสายกระเป๋านักเรียนจึงเข้าแอพฯ เลือกซื้อกระเป๋าให้นักเรียนทันที

กระเป๋ามาถึง ครูน้องจึงเรียกน้องนักเรียนมาคุยด้วย สอบถามเรื่องครอบครัวซึ่งนักเรียนคนดังกล่าวอยู่กับพ่อและย่า แต่พ่อติดยา บางวันเมายามาก็ขี่รถมาตามหาลูกที่โรงเรียน ซึ่งเด็กก็แอบไปหลบกับคุณครู ปัจจุบัน นักเรียนเผยว่าพ่อโดนจับแล้วเลยอยู่กับย่าแค่ 2 คน

นักเรียนคนดังกล่าว เรียนดี เขียนตัวหนังสือสวย ส่งงานตลอด เมื่อถามถึงว่าทำไมกระเป๋าขาดจัง น้องตอบกลับมาว่า อีกเทอมหรือม.2 ค่อยซื้อใหม่มันใช้ได้อยู่ ซึ่งกระเป๋าดังกล่าวซื้อมาตั้งแต่ป.6 ต่อมาวิดีโอแสดงภาพนักเรียนสัญญากับคุณครูว่าจะเข้าเรียนตรงเวลา

และเมื่อลองแกะกล่องพัสดุ น้องก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณคุณครูถึง 2 รอบพร้อมระบุว่า ดีใจมาก นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ก็มีผู้คนเข้ามารับชมวิดีโอถึง 2.3 ล้านวิว รวมถึงมีคนใจดีมากมายติดต่อเข้ามาเพื่อจะขอส่งของให้เด็ก ๆ นักเรียน

ใจฟู!! ‘ครูสาว’ คอยส่งจังหวะให้ ‘นักเรียนหูหนวก’ รำโปงลาง โซเชียลแห่ชมในความรัก-ความพยายาม-มุ่งมั่นทำเพื่อเด็กๆ

(21 ม.ค. 67) เรียกเสียงชื่นชมสนั่นโซเชียล เมื่อติ๊กต็อก ‘@teacher_hope’ โพสต์คลิปใจฟู หลังได้เห็นครูสาวรายหนึ่งจากโรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดชัยภูมิ กำลังทำท่ารำให้สัญลักษณ์และส่งจังหวะ แก่นักเรียนผู้บกพร่องทางการได้ยินของตน ที่กำลังแสดงรำโปงลางอยู่บนเวที

โดยในคลิปมีข้อความว่า “ใจฟูมาก เห็นถึงความพยายามอดทนของคุณครู และน้องๆ นักเรียนมากครับ”

พร้อมเล่าความประทับใจผ่านแคปชันอีกว่า “#เทรนด์วันนี้ พอได้เห็นการแสดงชุดนี้แล้วใจฟูมาก นี่น้องที่รำไม่ได้ยินเสียงดนตรี ยังทำได้ขนาดนี้ มันไม่ใช่แค่ความสวยงามบนเวที แต่มันยังมีความสวยงามที่ด้านล่างเวทีอีกด้วย คุณครูน่ารักมากครับ มันแสดงให้เห็นถึง ความพยายามความอดทนเป็นอย่างมาก มันเห็นถึงความสุข ความรัก ที่คุณครูคอยส่งสัญลักษณ์และจังหวะต่างๆ ให้น้องๆ ที่แสดงบนเวที น้องก็จะคอยสังเกตคุณครูอยู่ตลอดการแสดง ขอชื่นชมมากๆ ครับ”

หลังคลิปเผยแพร่มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ชมอย่างล้นหลาม อาทิ
- “สุดยอดขนาดคนปกติก็ต้องซ้อมนาน แต่น้องเป็นผู้บกพร่องทางการได้ยิน แต่กลับรำได้เข้าจังหวะขนาดนี้ ครุ/ครู ผู้เสียสละ”
- “ไม่บอกจะไม่รู้เลยว่าคือการแสดงของน้องๆที่บกพร่องทางการได้ยิน น้องๆ เก่งมากค่ะ คุณครูผู้สอนก็น่ารักและเก่งมากๆ เลย ชื่นชมนะคะ”
- “ขอชื่นชมคุณครูและน้องๆ ค่ะ”
- “ตอนแรกนึกว่าวงโปงลางนางรำโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง จนพิธีกรพูดว่าเป็นโรงเรียนโสตศึกษา โอ้โหเก่งมากเลย”
- “ครูการศึกษาพิเศษ ทำได้ทุกอย่างจริงๆ”
- “ดูแล้วน้ำตาไหลเลย แง… ชื่นชมมากๆ ทั้งคุณครูและคนแสดง ต้องใช้ความอดทนและความพยายามมากๆ”

'ครู' ระบาย!! นักเรียนเจอร้อนแค่นี้ 'ทนไม่ได้-จะทำอะไรกิน' ลั่น!! เป็นห่วงอนาคตเด็กไทย ไม่รู้โตขึ้นจะเป็นยังไง

กลายเป็นกระแสร้อนในโลกออนไลน์ หลังเพจ ‘สมัครงาน สอบราชการ’ มีการเปิดเผยข้อความครูท่านหนึ่งได้ระบายความในใจถึงนักเรียนว่า…

“งง เด็กนักเรียนสมัยนี้มันเป็นอะไร เข้าแถวตากแดดร้องเพลงชาติ สวดมนต์ และฟังครูให้โอวาส บ่นกันว่าร้อน ถ้าเข้าแถวตากแดดฝึกความอดทนแค่นี้ ยังไม่ได้ โตขึ้นพวกเธอจะเรียนจบสูง ๆ หรือทำงานดี ๆ ได้ยังไง

สมัยครูเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แดดแรงกว่านี้อีกยังทนกันได้ แต่สมัยนี้ โดนแดดนิด ๆ หน่อย ๆ บ่นว่าร้อน ตำหนิติติงอะไรก็ไม่ค่อยได้ ผู้ปกครองก็เรื่องเยอะ ถ้าเรื่องเยอะกันนักทำไมไม่สอนเองจะส่งให้เข้าโรงเรียนทำไม เป็นห่วงอนาคตเด็กไทยสมัยนี้ ไม่รู้โตขึ้นจะเป็นยังไง”

งานนี้เมื่อข้อความดังกล่าวแชร์ออกไป ทำเอาชาวเน็ตจำนวนไม่น้อย เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์สนั่น ถึงประเด็นดังกล่าว โดยคอมเมนต์บางส่วน ดังนี้

-แดด 40° ให้บ่นหน่อยค่าาา
-ครูไม่รู้จักภาวะโลกเดือดเหรอครับ
-ตากแดด จะทำให้เรียนจบสูง ๆ ได้ทำงานดี ๆ หรอคะ

-การอดทนกับความร้อน ไม่ได้เกี่ยวกับการทำงานเลย
-แดดสมัยก่อนกับแดดสมัยนี้ มันคนละเรื่องกันนะค่ะครู

-1. ตัวเองลำบาก ไม่จำเป็นที่คนต้องลำบากแบบตัวเอง
2. เด็กที่อื่นที่ไม่เข้าแถวกลางแดด แต่ประสบความสำเร็จ มีเยอะแยะ แดดไม่ใช่ปัจจัยต่อความสำเร็จ
3. การถูกบังคับ ไม่ใช่ หนทางที่ดีเสมอไป
4. ถ้าตากแดดดีจัง ทำไมครูไปลงมาตากแดดด้วยกัน
5. แดดยุคนี้ 40 องศา + ฝุ่น pm อันตรายต่อสุขภาพ
6. แจ้งข่าวผ่าน homeroom ได้ครับ

สิ่งที่ท้ายที่อยากจะพูดคือ เด็ก ๆ ไปโรงเรียน เพื่อหาความรู้ครับ ไม่ได้ไปเพื่อโดนอำนาจนิยมกดขี่ ถ้าระบบการศึกษาที่ผ่านมา พาประเทศมาได้แค่นี้ เปลี่ยนบ้างก็ดีครับ ให้โรงเรียนเป็นที่ปลอดภัยของเด็ก ๆ เถอะ

นอกจากการเปรียบเทียบยุคสมัยของครูและเด็ก บางคนก็มองไปถึงการยกเลิกการเข้าแถวร้องเพลงชาติ รวมไปถึงเครื่องแบบนักเรียน ที่ไม่สัมพันธ์กับสภาพอากาศร้อนของบ้านเรา

ขณะเดียวกัน หลายคนยังตั้งคำถามถึงมาตรการการดูแลของโรงเรียน ในขณะที่โรงเรียนอื่น ๆ หรือหลายประเทศ เริ่มผ่อนคลาย คำนึงถึงความปลอดภัย ผลกระทบต่อสุขภาพของนักเรียน โดยการยกเลิกการเรียน ในช่วงร้อนระอุไปแล้วด้วย

‘ครูเกาหลีใต้’ รับศึกหนัก ‘เด็กก้าวร้าว-ผู้ปกครองกดดันรุนแรง’ ส่งผล ‘ยอมลาออก-ฆ่าตัวตายพุ่ง-คนรุ่นใหม่เมินอาชีพครู’

อาชีพครูในบ้านเรามักถูกเปรียบเทียบดั่ง ‘เรือจ้าง’ ที่ช่วยประสิทธิ์ประสาทวิชาพาลูกศิษย์ไปจนถึงฝั่ง แม้คำเปรียบเทียบจะฟังดูต้อยต่ำไปนิด แต่ก็คือว่า ‘ครู’ เป็นหนึ่งในอาชีพที่ได้รับความเคารพจากผู้คนในสังคมไทยแม้ในปัจจุบัน

แต่ใน ‘เกาหลีใต้’ ค่านิยมที่สังคมมองอาชีพครู กลับเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา จนตอนนี้อาจอยู่ในสถานะที่เรียกได้ว่า ‘ต้อยต่ำยิ่งกว่าเรือจ้าง’ เสียอีก 

และล่าสุดเมื่อราวเดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ก็ปรากฏคลิปที่กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียลของเกาหลีใต้ เผยแพร่โดยกลุ่มสหภาพครูชอนบุก เมื่อมีเด็กนักเรียนชายชั้นประถม 3 คนหนึ่ง แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ตะโกนด่าครูชายท่านหนึ่งด้วยคำพูดที่ดูถูกและหยาบคาย ที่ภายหลังทราบว่าครูในคลิปเป็นถึงระดับรองผู้อำนวยการของโรงเรียน

และช็อกยิ่งกว่านั้น คือเด็กชายถึงขั้น ‘ตบหน้าครู’ และใช้กระเป๋าเป้ฟาดใส่ครูหลายครั้ง โดยที่ครูได้แต่ยืนนิ่งเฉย เอาแขนไขว้หลัง และไม่ตอบโต้ใด ๆ เหตุเกิดเพียงเพราะว่าครูชายพยายามห้ามนักเรียนไม่ให้ออกจากโรงเรียนก่อนเวลาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่สุดท้ายก็ห้ามไม่ได้ เด็กก็เดินผ่านครูออกจากโรงเรียนไปอยู่ดี

หลังเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็เกิดกระแสวิพากษ์ วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่แสดงความเห็นในเชิงตำหนิครู ว่าทำไมไม่จับตัวเด็กไว้? ทำไมดูแลเด็กให้อยู่ในโรงเรียนไม่ได้? และทำไมถึงจัดการพฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนไม่ได้?

ด้าน คิม ดง-ซุก ผู้อำนวยการฝ่ายสิทธิครูของสมาพันธ์ครูแห่งเกาหลี แสดงความเห็นว่า การตอบสนองต่อพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กเกาหลีใต้ในลักษณะนี้ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ส่วนผู้ที่ออกมาวิจารณ์ตำหนิครูในคลิป แสดงว่าพวกเขาไม่ได้เข้าใจเลยว่าทุกวันนี้ครูเกาหลีใต้ต้องเจอกับอะไรบ้าง 

นายคิมกล่าวว่า "การที่ครูต้องเอามือไขว้หลัง แล้วปล่อยให้ลูกศิษย์ตบหน้า โดยไม่ตอบโต้ หรือดุด่า ทำโทษเด็ก เพราะถ้าเมื่อใดก็ตามที่เด็กมีรอยแผลบนร่างกาย ครูจะถูกร้องเรียนในความผิดฐานทำร้ายร่างกายเด็ก และหลายกรณีดังกล่าวมักต้องไปจบที่ศาล ซึ่งไม่มีครูคนไหนอยากเสี่ยงถูกดำเนินคดี เพราะบรรทัดฐานสังคม และกฎหมาย มักปกป้องเด็กก่อนเสมอ" 

ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ครูเกาหลีใต้จำต้องอดทนต่อพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็ก ๆ ที่นับวันยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

คิม ดง-ซุก ยังกล่าวอีกว่า "นักเรียนสมัยนี้จำนวนไม่น้อยแสดงพฤติกรรมไร้ความเคารพยำเกรงครู พวกเขาจะปิดประตูเสียงดังใส่ หรือแสดงท่าทางลามกใส่ครูเมื่อพวกเขาไม่พอใจ ถ้าครูทุกคนต้องรายงานความประพฤติของนักเรียนในเรื่องเหล่านี้ คงส่งเรื่องกันไม่หวาด ไม่ไหว ที่ส่วนมากมักไม่มีใครสนใจ ครูเกาหลีจึงทำได้แต่เพียงอดกลั้น และแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นต่อพฤติกรรมเลวร้ายเหล่านั้น”

ดังนั้น เหตุการณ์ทำร้ายร่างกายครู ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ จึงเกิดขึ้นบ่อยราวเป็นเรื่องปกติในสังคมโรงเรียนเกาหลีใต้ อีกทั้งยังถูกกดดันจากผู้ปกครอง ที่คาดหวังการใส่ใจของครูต่อบุตรหลานของพวกเขาในระดับสูง

และหากย้อนไปเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 เคยมีข่าวใหญ่ในแวดวงการศึกษา เมื่อครูสาววัยเพียง 26 ปี ของโรงเรียนประถม Seoi Elementary School ในย่านกังนัม ของกรุงโซลฆ่าตัวตาย โดยทิ้งสมุดบันทึก และข้อความไว้มากมายเป็นหลักฐานว่าเธอถูกผู้ปกครองนักเรียนทำร้ายจิตใจอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายเดือน เกินกว่าใจจะรับไหว 

จากข้อมูลของรัฐบาลเกาหลีใต้ พบว่าในช่วงปี 2561 - 2566 มีครูโรงเรียนรัฐกว่า 100 คนฆ่าตัวตาย ส่วนใหญ่เป็นครูในระดับประถมศึกษา ซึ่งการฆ่าตัวตายของครูสาววัย 26 ปีคนล่าสุด ก่อให้เกิดการประท้วงจากนักการศึกษาทั่วประเทศต่อเนื่องยาวนานถึง 9 สัปดาห์เพื่อเรียกร้องให้มีมาตรการปกป้องสิทธิของครูในโรงเรียนบ้าง

จนนำไปสู่การแก้กฎหมายที่ครูจะได้รับการคุ้มครองสิทธิ์กรณีถูกร้องเรียนเรื่องการทำร้ายร่างกายเด็กจนกว่าจะมีการสอบหลักฐาน และเข้ากระบวนการสืบสวนอย่างรอบคอบ และให้สิทธิ์ครูนำนักเรียนที่มีพฤติกรรมก่อกวนออกจากชั้นเรียนได้ นอกจากนี้ยังระบุให้มีการบันทึกการสนทนาเมื่อมีการประชุมระหว่างครู และผู้ปกครอง

กรณีที่เกิดการร้องเรียน และเป็นคดีความ ผู้อำนวยการโรงเรียนจะต้องเป็นผู้ดูแล ที่จะมีงบสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้ โดยผู้ปกครองจะไม่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของครู อาทิ ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวอีกต่อไป 

แม้ว่าคำร้องเรียนของผู้ปกครองต่อครูในโรงเรียนจะลดลง หลังรัฐบาลออกกฎหมายใหม่ได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงค่านิยมของครอบครัวเกาหลีที่มีต่อครูในโรงเรียนได้ 

จุง แจ-ฮุน ศาสตราจารย์ด้านสวัสดิการสังคมจากมหาวิทยาลัยสตรีโซล กล่าวว่า สังคมเกาหลีใต้มีทัศนคติที่มีครอบครัวเป็นศูนย์กลางอย่างเข้มข้นมาก ซึ่งจะให้ความสำคัญกับครอบครัวของตนเป็นหลักเท่านั้น อีกทั้งอัตราเด็กเกิดใหม่ในเกาหลีใต้ลดลงอย่างมาก ทำให้พ่อแม่ชาวเกาหลีใต้ยอมลงทุนมหาศาลกับลูก ๆ และจะไม่ยอมทนหากลูกของตนถูกกระทำ จนนำไปสู่การปกป้องลูกมากเกินไป โดยไม่สนใจว่าจะละเมิดสิทธิ์ครูหรือไม่

ทุกวันนี้ จะพบเห็นพ่อแม่ชาวเกาหลีใต้ทะนุถนอมลูกมาก และพร้อมจะบุกถึงโรงเรียน แม้มีปัญหาเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ความเกรี้ยวกราดของพ่อแม่ จึงปลูกฝังความก้าวร้าวให้แก่ลูก ๆ ที่มองครูเป็นเพียงลูกจ้างของพ่อแม่ที่มีหน้าที่ให้บริการด้านการศึกษา ไม่ใช่ผู้ให้การอบรมสั่งสอนวิชาความรู้ดั่งค่านิยมในสมัยอดีต

เมื่อความเคารพสูญหายไป การต่อต้านจึงรุนแรงขึ้น และครูกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำโดยไม่สามารถร้องเรียนกับใครได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่มีครูเกาหลีใต้ถูกกดดันจนลาออก หรือฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมาก หนุ่ม-สาว รุ่นใหม่สนใจอาชีพครูน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะคงไม่มีใครอยากทำงานที่ถูกมองว่าต้อยต่ำยิ่งกว่าเรือจ้างอีกแล้ว

‘ครูสาว’ รังสรรค์อาหารกลางวันให้ ‘นร. 17 คน’ ด้วยงบ 504 บาท เมนูครบทั้ง ‘คาว-หวาน’ รับ!! มีเข้าเนื้อ-เหนื่อย แต่ทิ้งเด็กไม่ได้

(22 ส.ค.67) ผู้ใช้ติ๊กต็อก @kruduen245 ซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนบ้านดงดิบ ได้โพสต์วิดีโอขณะลงมือทำอาหารกลางวันให้นักเรียนจำนวน 17 คน ในงบประมาณ 504 บาท ด้วยตัวเอง พร้อมระบุว่า “ครูที่หมายถึงผู้ทำทุกอย่าง“ ซึ่งเมนูอาหารก็ครบทั้งอาหารคาว และของหวาน อาทิ ผัดเต้าหู้หมูสับ ผัดผักบุ้งหมูสับ และสาคูน้ำกะทิข้าวโพด เป็นต้น

ซึ่งก็มีคนเข้ามาถามว่า "มีโครงการแปลงเกษตรเพื่ออาหารกลางวันไหม ราคาวัตถุดิบค่อนข้างสูงเลยทุกวันนี้ ถ้ามีแปลงเกษตรของเด็ก ๆ น่าจะช่วยได้ระดับนึงค่ะ เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ให้เด็ก ๆ ด้วยค่ะ" ซึ่งคุณครูตอบว่า ได้พยายามปลูกแปลงเกษตรแล้วแต่ที่ดินตรงนี้ปลูกอะไรไม่ค่อยติด ตอนนี้เลยหันมาปลูกกล้วยแทน 

ส่วนประเด็นที่มีคนถามว่าเข้าเนื้อคุณครูไหม เหนื่อยไหม เจ้าตัวก็ตอบว่า “เข้าค่ะ เมื่อวานตอนเก็บของ ล้างถ้วยแล้วลื่นล้มใส่โคลน ยอมรับค่ะว่าเหนื่อย แต่ก็ทิ้งเด็กไม่ได้ค่ะ”

ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีเสียงชื่นชมครูสาวในการบริหารและลงมือทำอาหารได้น่ากิน

'โซเชียล' แห่แชร์!! เด็ก ป.1 ถูกครูทำโทษตีขา 25 ครั้งจนบวม เดือด!! ตีเหมือนระบายอารมณ์ ถาม? ไม่มีวิธีทำโทษอื่นแล้วหรือ?

ไม่นานมานี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Tananya Jantaraphitak' ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพเด็กซึ่งเป็นหลานของตนโดนลงโทษด้วยการตีที่ขา 25 ครั้ง สาเหตุที่ตีเพราะไม่มีอุปกรณ์การเรียน ว่า...

เด็กชั้น ป.1

เมื่อเช้า อาบน้ำให้หลาน เห็นแบบนี้ สงสารจับใจ 
ถามว่า ครูตีใช่มั้ย น้องตอบแบบเสียงสั่นเครือ...
"หนูไม่มีอุปกรณ์การเรียน เลย โดนตี 25 ครั้ง"

คำถามคือ ตีสั่งสอนเด็ก 
#ต้องตีจนบวม ขนาดนี้เลยหรือ ??
ไม่เหมือนตีสั่งสอน แต่เหมือนระบายอารมณ์มากกว่า‼️

และการทำโทษเด็ก ด้วยวิธีอื่น ไม่มีแล้วหรือ?  

แค่สงสัย..
แม่ ๆ ผู้ปกครองท่านอื่นว่ายังงัย ขอความเห็นด้วยค่ะ

นอกจากนี้ยังได้โพสต์ต่ออีกว่า "ขอบคุณทุกความเห็นโพสต์เรื่องเด็กโดนทำโทษ เราไม่มีเจตนาทำร้ายใคร แค่อยากปกป้องสิทธิให้หลาน และไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครเราได้คุยกับทาง รร.แล้ว หวังว่าเด็กจะไปเรียนได้ปกติ ขอจบเรื่องนี้ ใว้เพียงเท่านี้ค่ะ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top