Monday, 21 April 2025
Travel

ถนนอย่างโล่งงงง! เช็กพิกัดย่านน่าเที่ยวช่วงปีใหม่

หยุดยาวแบบนี้แต่แพลนเที่ยวต่างจังหวัดเป็นต้องพับเก็บเพราะเจ้าโควิดตัวร้าย  ถ้าจะให้อยู่บ้านเฉย ๆ ก็เฉาแย่ มองออกไปเห็นถนนโล่ง ๆ เพราะมีหลายคนทยอยเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดไปแล้ว ทำให้กรุงเทพฯอยู่ในช่วงเวลาที่หาดูได้ยาก เป็นภาพเมืองหลวงที่เงียบสงบ วันนี้เราขออาสาพาทุกคนที่ยังไม่รู้จะไปไหน ลองออกไปเที่ยวย่านกรุงเทพฯแบบฉบับรถไม่ติดกันดีกว่า

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

ช่วงปีใหม่นี้ถ้าได้ไปไหว้พระขอพรเพื่อเสริมสิริมงคล ก็ถือว่าเริ่มต้นปีได้อย่างสวยงาม เราขอแนะนำให้ไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต วัดคู่บ้านคู่เมือง ที่บอกได้เลยว่าสวยงามตระการตามาก หากเป็นช่วงเวลาปกติจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าได้ไปช่วงที่ไม่ค่อยมีคนก็ถือว่าโชคดีสุด ๆ แถมบริเวณแถวนั้นยังมีวัดที่น่าสนใจอีกมากมาย ถ้ามีเวลาก็อยากแนะนำให้ไปเดินเที่ยวกันดูน้า

ที่ตั้ง ถนน หน้าพระลาน แขวง พระบรมมหาราชวัง เขตพ ระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

ภาพ: ไทยรัฐออนไลน์

.

สำเพ็ง-เยาวราช

สำเพ็ง แหล่งรวมของราคาส่งที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ถูกใจขาช้อป ยิ่งช่วงเทศกาลแบบนี้บอกเลยว่าใครกำลังหาที่ซื้อของขวัญปีใหม่ ที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งกิฟต์ช็อป เครื่องเขียน แฟชั่น เครื่องสำอาง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ตุ๊กตา ของเล่น เครื่องประดับ และอีกมากมาย แถมราคาก็แสนถูก ถ้าไม่มีแพลนไปไหนลองชวนเพื่อนหรือแฟนมาเดินช้อปที่สำเพ็งได้ พอตกเย็นก็สามารถแวะเดินเยาวราช มีร้านอาหารรสชาติอร่อยมากมายให้ได้ลิ้มลองกัน แถมแถวนั้นยังมีวัดใกล้ ๆ เรียกว่าไปที่เดียวได้เที่ยวคุ้มเลย

ที่ตั้ง ตลาดสำเพ็ง ถนนราชวงศ์ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100,

ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100

ภาพ: ไทยรัฐออนไลน์

ภาพ: 77kaoded

.

ท่ามหาราช

สายถ่ายรูปห้ามพลาดกับที่เที่ยวริมน้ำสุดชิคในกรุงเทพฯ ที่ผสมผสานทั้งความอาร์ท ความฮิปสเตอร์ สามารถมาเดินเที่ยว ทานอาหาร ช้อปปิ้ง หรือถ่ายรูปเล่นก็ได้ บอกเลยว่าบรรยากาศดีมากเพราะทำเลที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และการจัดตกแต่งพื้นที่ ถือเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หนุ่มสาวเมืองกรุงสุด ๆ

ที่ตั้ง 1/11 ตรอกมหาธาตุ ถนนมหาราช เขตพระนคร กรุงเทพฯ

ภาพ: Traveloka Blog

.

บางกระเจ้า

ถึงจะไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯแต่ก็ใกล้นิดเดียว สำหรับบางกระเจ้า สมุทรปราการ ที่ถูกเรียกว่าเป็นปอดสีเขียวของกรุงเทพฯ เพราะแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ บรรยากาศดี กิจกรรมยอดฮิต คือ การปั่นจักรยาน นอกจากนี้บริเวณรอบ ๆ ยังมีสถานที่เที่ยวอีกมากมาย อาทิ ตลาดน้ำ คาเฟ่ และวัด ใครกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนแบบธรรมชาติบอกเลยว่าต้องไปสักครั้ง

ที่ตั้ง คุ้งบางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

ภาพ: filmpyada1999

.

สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)

สวนวชิรเบญจทัศ หรืออีกชื่อคือ สวนรถไฟ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ โดยที่สวนแห่งนี้มีกิจกรรมให้ทำมากมาย แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือการปั่นจักรยาน โดยภายในสวนจะมีบริการจักรยานให้เช่า ค่าเช่าเพียง 30-60 บาท สามารถปั่นได้ทั้งวันโดยไม่จำกัดเวลา บอกเลยว่าคุ้มมาก นอกจากนี้ภายในสวนรถไฟยังมีอุทยานผีเสื้อและแมลงที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามและเป็นธรรมชาติ เปิดให้เข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

ที่ตั้ง สวนวชิรเบญจทัศ ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

ภาพ: songlor.com

.

สำหรับใครที่ยังไม่มีแพลนไปไหนในวัดหยุดนี้ ก็สามารถออกไปเที่ยวตามสถานที่ที่เราแนะนำไว้ข้างต้นได้นะคะ จะไปคนเดียว หรือจะชวนเพื่อน ชวนคนรู้ใจไปด้วยก็ได้น้า ลองออกไปเที่ยวกรุงเทพฯในฝันแบบที่รถไม่ติดกันเถอะ!

'เด็กจีน' ผนึกกำลังจัดงาน China Fair ครั้งแรกในไทย สานสัมพันธ์ไทย-จีนรอบทิศ 'การศึกษา-โอกาสธุรกิจ'

เมื่อวันที่ 19 - 20 ส.ค. ที่ผ่านมา  สมาคมนักเรียนไทย-จีน ได้จัดงานกิจกรรม China Fair 2023 by TCSA : Study - Work - Travel : The 10th anniversary of BRI โดยการจัดงานในครั้งนี้ เป็นการทำงานของคนรุ่นใหม่ ที่เป็นนักเรียนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในประเทศจีน ร่วมกับ ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง , CAS INNOVATION COOPERATION CENTER (BANGKOK) (CAS-ICCB) และได้รับการสนับสนุนโดย สถานเอกอัครราชทูตเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําราชอาณาจักรไทย

ภายในงาน ได้มีการจัดแสดงบูธส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน รวมทั้งการเปิดรับสมัครงานจากบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการบุคคลากรที่มีความสามารถด้านภาษาจีน รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายสำหรับบริษัทในภาคบริการการท่องเที่ยว อาทิ สายการบิน ประกันภัย และบริการด้านเอกสารวีซ่า

ภายในงาน China Fair 2023 นอกจากการออกบูธโดยองค์กรและบริษัทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ยังมีการจัด Session การบรรยาย และการเสวนาในหัวข้อต่าง ๆ ตั้งแต่การปฐมนิเทศผู้ที่กำลังเตรียมตัวไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน การให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการยื่นเอกสาร การใช้จ่ายแบบไร้เงินสด การเตรียมตัวในเบื้องต้น การใช้ชีวิต และการแนะแนวเกี่ยวกับคณะและสาขาที่น่าสนใจในมหาวิทยาลัยในประเทศจีน

นอกจากในประเด็นการศึกษาแล้ว ยังมี Session การแชร์ประสบการณ์การทำงานจากผู้นำระดับประเทศ และผู้บริหารระดับ CEO ชั้นนำในวงการการค้าขายไทย-จีน ไม่ว่าจะเป็น คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย , ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน , คุณปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ , คุณคมสันต์ แซ่ลี CEO of Flash Express และ คุณบุญชัย ลิ่มอติบูลย์ ผู้ก่อตั้ง Moomall และ PUNDAI

สำหรับพิธีเปิดในช่วงเช้าของวันที่ 19 ส.ค. 66 นั้น ทางสมาคมฯ ได้รับเกียรติจาก นางเฝิง จวิ้นอิง อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการศึกษา สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําราชอาณาจักรไทย ม รองศาสตราจารย์ ดร.โภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน และ ศ.ดร.ริชาร์ด หวัง ผู้อํานวยการสํานักงานนวัตกรรมและความร่วมมือสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน กล่าวสุนทรพจน์ และร่วมทำพิธีเปิดงาน China Fair ครั้งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก เกิดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อนักเรียนนักศึกษา และการ matching ทางธุรกิจขององค์กรบริษัท และบุคคลต่าง ๆ ที่มาเข้าร่วม ทั้งยังมีการจัดการแสดงด้านวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นการแสดงกังฟูเส้าหลินโดยเยาวชน การรำไทย และการร้องเพลงฉ่อยด้วยภาษาจีน เป็นภาพของการรวมตัวกันในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษา และจะเป็น “อนาคตของความสัมพันธ์ไทย-จีน” ตรงกับวัตถุประสงค์ของการจัดงาน China Fair และวัตถุประสงค์ของสมาคมนักเรียนไทย-จีน ในการรวมนักเรียนนักศึกษาไทยในจีน และจีนในไทยเป็นหนึ่ง เพื่ออนาคตความสัมพันธ์ไทย-จีน

ส่อง 15 อันดับ ‘เมืองท่องเที่ยวสุดโปรดในเอเชีย 2024’

ในแต่ละปี Travel + Leisure สื่อท่องเที่ยวยอดนิยมเบอร์ต้น ๆ ของโลก จะทำการสำรวจรางวัลยอดนิยมจากการผู้อ่าน โดยแชร์ประสบการณ์การเดินทางทั่วโลกและจัดทำโหวตตามเกณฑ์ตัดสินในปัจจัยด้านต่าง ๆ ล่าสุด ผลโหวต 15 เมืองท่องเที่ยวสุดโปรดในเอเชียประจำปี 2024  เผยผลการจัดอันดับที่น่าสนใจ ผู้อ่าน Travel + Leisure ยกให้ประเทศอินเดียเป็นอันดับ 1 โดยมีเมืองที่ติดอันดับ 4 เมือง

Travel + Leisure  ระบุว่า ผู้อ่านต่างชื่นชอบความหลากหลายของเอเชียในการเลือกเมืองโปรด ตั้งแต่มหานครอันทันสมัยไปจนถึงเมืองหลวงโบราณ เมืองที่ได้รับคะแนนสูงเหล่านี้ ล้วนมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมาเยือนอีกครั้งด้วยวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และอาหารอันยอดเยี่ยม

การสำรวจรางวัลยอดเยี่ยมแห่งโลกในทุกปี  T+L ขอให้ผู้อ่านร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์การเดินทางทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท เมือง เกาะ เรือสำราญ สปา สายการบิน และอื่นๆ อีกมากมาย  ผู้อ่าน T+L มากกว่า 186,000 คน เข้าร่วมการสำรวจประจำปี 2024 โดยมีการโหวตมากกว่า 700,000 ครั้ง ครอบคลุมสถานที่ต่างๆ (โรงแรม เมือง สายการเดินเรือ ฯลฯ) มากกว่า 8,700 แห่ง โดยมีเกณฑ์การตัดสินเมืองพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่

1. สถานที่ท่องเที่ยว/แลนด์มาร์ค
2. วัฒนธรรม
3. อาหาร
4. ความเป็นมิตร
5. การช้อปปิ้ง
6. ความคุ้มค่า

>> จัดอันดับ 15 เมืองท่องเที่ยวสุดโปรดในเอเชียประจำปี 2024

1. อุทัยปุระ, อินเดีย (คะแนนผู้อ่าน: 91.75)
2. เกียวโต, ญี่ปุ่น (ได้รับเกียรติยศ WBA Hall of Fame, คะแนนผู้อ่าน: 91.49)
3. ฮอยอัน, เวียดนาม (คะแนนผู้อ่าน: 90.67)
4. เชียงใหม่, ไทย (คะแนนผู้อ่าน: 90.64)
5. กรุงเทพ, ไทย (คะแนนผู้อ่าน: 90.27)
6. โตเกียว, ญี่ปุ่น (คะแนนผู้อ่าน: 90.04)
7. จูบุด, อินโดนีเซีย (คะแนนผู้อ่าน: 90.00)
8. โกลกาตา, อินเดีย (คะแนนผู้อ่าน: 88.60)
9. ชัยปุระ, อินเดีย (คะแนนผู้อ่าน: 88.23)
10. โซล, เกาหลีใต้ (คะแนนผู้อ่าน: 87.85)
11. เสียมราฐ, กัมพูชา (คะแนนผู้อ่าน: 87.31)
12. เซียงไฮ้, จีน (คะแนนผู้อ่าน: 87.30)
13. สิงคโปร์ (คะแนนผู้อ่าน: 87.21)
14. มุมไบ, อินเดีย (คะแนนผู้อ่าน: 87.18)
15. ไทเป, ไต้หวัน (คะแนนผู้อ่าน: 86.86)

บุกตลาดลักซ์ชูรีรีสอร์ทแดนภารตะ ‘เดวาราณา – ดุสิต รีทรีตส์’ กำหนดเปิด มีนาคม 2571

(7 พ.ย. 67) กลุ่มดุสิตธานีเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่องประกาศลงนามในข้อตกลงการบริหารจัดการโรงแรมเชิงกลยุทธ์กับบริษัทชราวันตี โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ไพรเวท จำกัด ผู้พัฒนาโรงแรมและรีสอร์ทระดับลักซ์ชูรีชั้นนำในประเทศอินเดีย เพื่อดำเนินกิจการ เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์ โดยมีกำหนดเปิดตัวในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2571 ซึ่งถือเป็นโครงการ “เดวาราณา –ดุสิต รีทรีตส์” แห่งแรกที่ลงนามนอกประเทศจีน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานีในการขยายแบรนด์รีสอร์ทระดับลักซ์ชูรีไปยังจุดหมายปลายทางสุดพิเศษทั่วโลก 

มร. จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์ เป็นการให้บริการภายใต้แบรนด์ “เดวาราณา-ดุสิต รีทรีตส์” ซึ่งกลุ่มดุสิตธานีวางตำแหน่งแบรนด์ในระดับลักซ์ชูรี โดยเป็นการให้บริการครั้งแรกในประเทศอินเดีย และเป็นครั้งแรกที่มีการลงนามความร่วมมือนอกประเทศจีน เนื่องจากความสอดคล้องอย่างลงตัวระหว่างความงามตามธรรมชาติอันเงียบสงบของเมืองสากเลศปุระ กับแก่นแท้อันสมบูรณ์แบบของ เดวาราณา – ดุสิต รีทรีตส์ ทำให้จุดหมายปลายทางอันงดงามแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ระดับลักซ์ชูรีของกลุ่มดุสิตธานี เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์

ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่มีความหมายให้กับนักเดินทางทั้งในอินเดียและจากต่างประเทศ โดยที่พักประกอบด้วยวิลล่าและห้องสวีท 75 ห้องขนาดตั้งแต่ 47 ถึง 90 ตร.ม. โดยจะมี 25 ยูนิตที่มาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวผู้เข้าพักจะได้เพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสุขภาพ รวมถึง เดวาราณา เวลเนส เซ็นเตอร์ ที่มีทั้งคลับสุขภาพ สปา ห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ และซาวน่า นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมไว้บริการ

ได้แก่ สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ ห้องอาหารที่ให้บริการอาหารอินเดียและห้องอาหารเพื่อสุขภาพที่เปิดตลอดทั้งวัน โดยเน้นไปที่การรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน สากเลศปุระ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาฆาฏตะวันตก อยู่ห่างจากบังกาลอร์ เมืองหลวงของรัฐกรณาฏกะประมาณ 4 ชั่วโมงโดยรถยนต์ มีชื่อเสียงในเรื่องการทำไร่กาแฟ ชา และเครื่องเทศอันอุดมสมบูรณ์รวมถึงศาสนสถานโบราณ และเส้นทางเดินป่าอันงดงามโดยจะผ่านป่าสงวนไบเซิล ซึ่งเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่อยู่ไม่ไกล ได้แก่ ป้อมปราการมัญจาราบัดที่สร้างเป็นรูปดาว สามารถมองเห็นวิวเทือกเขาได้แบบพาโนรามา
และยอดเขาเจนุกัลลู กุดดา ที่สามารถมองเห็นทะเลอาหรับได้จากจุดนี้ สำหรับสนามบินนานาชาติมังกาลอร์ ตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 130 กม. และสถานีรถไฟสากเลศปุระ อยู่ห่างจากที่พักเพียง 20 กม.

“เรามีความยินดีที่จะนำการต้อนรับอันอบอุ่นแบบไทยมาสู่เมืองสากเลศปุระและมีความมุ่งมั่นที่ปรารถนาสร้างประสบการณ์เพื่อการบำบัดและการเปลี่ยนแปลง ผ่านกิจกรรมต่างๆ ซึ่งคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากทั่วโลก เรามุ่งหวังที่จะมอบการเข้าพักเพื่อสุขภาวะที่ดีอย่างไม่มีใครเหมือนให้กับทุกท่านที่มาเยือน ซึ่งจะเสริมสร้างทั้งจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ
รวมถึงยังได้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์และมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ของรัฐกรณาฏกะอีกด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.ดุสิตธานี กล่าว

มร. ซานโตช บาลากฤษณะ กรรมการบริหาร บริษัท ชราวันตี โฮเทล แอนด์รีสอร์ท ไพรเวท จำกัด กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มดุสิตธานีเพื่อเปิดตัวแบรนด์ เดวาราณา – ดุสิต รีทรีตส์ ในประเทศอินเดียด้วยความมุ่งมั่นของดุสิตฯ ในการสร้างประสบการณ์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมให้ดียิ่งขึ้นนั้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราเพื่อสร้างโครงการพิเศษนี้ด้วยความเชี่ยวชาญของดุสิตฯ เรามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า เดวาราณา สากเลศปุระ, กรณาฏกะ – อะ ดุสิต รีทรีตส์ จะมอบประสบการณ์เหนือระดับผสมผสานความหรูหราและความเป็นอยู่ที่ดีเข้าด้วยกันเพื่อเชื่อมโยงผู้มาเยือนสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างมีคุณค่าซึ่งจะดึงดูดนักเดินทางผู้ที่กำลังแสวงหาแรงบันดาลใจจากความงามอันเงียบสงบของเทือกเขาฆาฏตะวันตก ในรัฐกรณาฏกะแห่งนี้”

ปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 301 แห่ง เปิดให้บริการใน 18 ประเทศ แบ่งเป็นโรงแรม 57 แห่งซึ่งดำเนินงานภายใต้ ดุสิต โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท และวิลล่าหรู 244 แห่งภายใต้แบรนด์อีลิท เฮเวนส์ ผู้ให้บริการเช่าวิลล่าระดับลักซ์ชูรีทั่วเอเชีย ซึ่งรวมถึงวิลล่าหรูหลายแห่งในรัฐกัวด้วย โดยในเดือนธันวาคมนี้ กลุ่มดุสิตธานีจะกลับมาให้บริการในประเทศอินเดียอีกครั้งด้วยการเปิดโรงแรมดุสิต ดีทู ฟากู ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาหิมาลัยอันอุดมสมบูรณ์ ใกล้กับเมืองชิมลา นอกจากนี้ กลุ่มดุสิตธานียังมีแผนเปิดโรงแรมอีก 4 แห่งในรัฐกรณาฏกะ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงกลางปี ​​พ.ศ. 2569

นิตยสาร Travel + Leisure ยกย่อง ธรรมชาติสวย - 4 ภาคเอกลักษณ์เด่น

(13 พ.ย. 67) ไทยคว้ารางวัลจุดหมายปลายทางแห่งปี 2025 จาก Travel + Leisure - ประกาศศักยภาพ Soft Power สู่สายตาชาวโลก

ประเทศไทยได้รับรางวัล “จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวแห่งปี 2025” (Destination of the Year 2025) จากนิตยสาร Travel + Leisure สื่อท่องเที่ยวทรงอิทธิพลระดับโลก โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้ว่า นี่เป็นสัญญาณเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาการท่องเที่ยวในปีหน้า

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า Travel + Leisure เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกสำหรับปี 2025 ด้วยความครบครันในด้านแหล่งท่องเที่ยว ทั้งความงามตามธรรมชาติอย่างอ่าวพังงา การอนุรักษ์ช้างไทย และเสน่ห์ของกรุงเทพฯ เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสีสัน ทั้งด้านวัฒนธรรม อาหารอันเลื่องชื่อ และการเปิดกว้างสำหรับชุมชน LGBTQ+

การได้รับตำแหน่งนี้จาก Travel + Leisure ซึ่งจัดอันดับจุดหมายปลายทางแห่งปีมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลก โดยในอดีตประเทศที่ได้รับรางวัลนี้ เช่น คอสตาริกา อิตาลี และญี่ปุ่น ต่างก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

นิตยสาร Travel + Leisure ประเมินว่าประเทศไทยโดดเด่นด้วยความผสมผสานของความเป็นไทยและความทันสมัยได้อย่างลงตัว ฌัคกี กิฟฟอร์ด บรรณาธิการใหญ่ของ Travel + Leisure กล่าวว่า “การประกาศให้ไทยเป็นจุดหมายแห่งปี 2025 เป็นความตื่นเต้นสำหรับเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการชิมอาหารในกรุงเทพฯ พักผ่อนบนเกาะงดงามกว่า 1,430 เกาะ หรือสัมผัสการบริการระดับโลก เมืองไทยมีทุกสิ่งให้คนทุกสไตล์ได้ค้นพบ”

นอกจากนี้ แต่ละภูมิภาคของไทยยังมีเอกลักษณ์เฉพาะที่น่าประทับใจ ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม และการผจญภัย อย่างกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารชั้นเลิศและชุมชน LGBTQ+ ที่มีชีวิตชีวา ขณะเดียวกัน เกาะสมุยยังเป็นจุดถ่ายทำซีรีส์ดังอย่าง *The White Lotus* ของ HBO ซึ่งต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรีสอร์ตหรูและบรรยากาศอันเงียบสงบ และอ่าวพังงาก็มีทัศนียภาพเขาหินปูนที่งดงามเป็นเอกลักษณ์

ททท. มองว่าการได้รับรางวัลครั้งนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งต่อเป้าหมายการท่องเที่ยวในปี 2025 โดยนโยบายภายใต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ 3.4 ล้านล้านบาท และยกระดับประเทศไทยให้เป็น “ปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬายิ่งใหญ่” (Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025)

ประเทศไทยยังดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า โดยเฉพาะการดูแลช้างไทยที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งสามารถเยี่ยมชมได้ตามศูนย์อนุรักษ์ช้างทั่วประเทศ 

การคว้าตำแหน่งจุดหมายปลายทางแห่งปี 2025 แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ Soft Power ของไทยที่ยังคงตรึงใจนักเดินทางทั่วโลกและตอกย้ำภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางที่น่าค้นหาในปีหน้า

บริษัททัวร์หัวใสจัดทริปเอาใจอเมริกัน ใช้ชีวิตกลางทะเลหนีเงารัฐบาลทรัมป์

(18 พ.ย. 67) บริษัทวิลลา วี เรสซิเดนซ์ในรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ เปิดตัวโปรแกรมท่องเที่ยวเอาใจชาวอเมริกันที่ไม่พอใจกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา หลัง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 และต้องการหลีกหนีจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วง 4 ปีข้างหน้า โดยโปรแกรมนี้จะพาลูกค้าเดินทางล่องเรือสำราญเป็นเวลา 4 ปี ท่องเที่ยวไปยัง 425 เมืองในกว่า 140 ประเทศ

ราคาค่าทริปเริ่มต้นที่ 160,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.5 ล้านบาท) สำหรับห้องพักเดี่ยวตลอด 4 ปี หรือห้องพักคู่เริ่มต้นที่ 320,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 11 ล้านบาท) รวมบริการอาหาร เครื่องดื่ม ไวไฟ และบริการทางการแพทย์บนเรือ พร้อมทั้งแม่บ้านทำความสะอาดห้องและบริการซักรีด

โปรแกรมท่องเที่ยวมีให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ "หนีจากความเป็นจริง" ล่องเรือ 1 ปี, "เลือกตั้งกลางเทอม" เดินทาง 2 ปี, "ที่ใดก็ได้ที่ไม่ใช่บ้าน" ล่องเรือ 3 ปี, และ "ข้ามเวลา 4 ปี" ที่ท่องเที่ยว 4 ปีเต็ม ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวอเมริกันอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดตัวทริป 

ญี่ปุ่นเล็งใช้รถรางไฮโดรเจนจากจีน ขึ้นภูเขาฟูจิ เมินบริษัทในประเทศ หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อม

(19 พ.ย.67) รัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดยามานาชิ เปิดเผยว่า กำลังพิจารณาใช้ระบบขนส่งพลังงานไฮโดรเจนจากบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ วีฮิเคิลส์ ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐจากจีน เพื่อพัฒนาระบบขนส่งแทนการเดินเท้าขึ้นภูเขาไฟฟูจิ แทนการใช้ระบบรถรางจากบรรดาบริษัทในท้องถิ่นของญี่ปุ่น เนื่องจากบริษัทผู้วางระบบรถรางในญี่ปุ่นยังไม่สามารถตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการของรถรางบนภูเขาไฟฟูจิได้เท่ากับระบบของทางจีน

ระบบขนส่งรถไฟอัจฉริยะไร้รางของจีน หรือ Autonomous Rail Rapid Transit (เออาร์ที) มีลักษณะคล้ายกับรถรางและรถบัส โดยเคลื่อนที่ด้วยล้อยางและวิ่งบนถนนแทนการใช้ราง ขับเคลื่อนด้วยการใช้พลังไฮโดรเจนเป็นหลัก ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบทั้งในช่วงการวางระบบ และการให้บริการ ต่างจากบรรดาผู้พัฒนารถรางญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่เสนอให้ใช้รถรางระบบไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบในช่วงการก่อสร้างและระหว่างการให้บริการ

นายโคทาโร นางาซากิ ผู้ว่าราชการจังหวัดยามานาชิ กล่าวว่า 'โครงการรถรางฟูจิ' จะช่วยลดต้นทุนในการก่อสร้างได้มาก และยังสามารถช่วยลดความแออัดในช่วงฤดูร้อน รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนจากจีน แต่เขาหวังว่า บริษัทญี่ปุ่นจะเข้ามามีส่วนร่วมและรับผิดชอบโครงการนี้ พร้อมเสริมว่า การตั้งฐานการผลิตของบริษัทที่ได้รับสัมปทานในจังหวัดยามานาชิจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ทางการจังหวัดยามานาชิได้ประกาศแผนการสร้างระบบขนส่งรางเบาไปยังสถานีที่ 5 บนภูเขาฟูจิซึ่งอยู่ที่ระดับความสูง 2,305 เมตร ตั้งแต่ปี 2021 โดยปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นทางด่วนไปยังจุดดังกล่าวแล้วเดินเท้าต่อไปยังยอดภูเขาฟูจิที่อยู่สูง 3,776 เมตร

มีการประเมินว่าต้นทุนการก่อสร้างอาจอยู่ที่ 140,000 ล้านเยน (ราว 31,000 ล้านบาท) ในขณะที่รายงานระหว่างกาลเมื่อเดือนที่แล้วได้เน้นย้ำถึงความท้าทายทางเทคนิคต่าง ๆ รวมถึงเบรกและแบตเตอรี่ที่ทำงานได้ในสภาพอากาศหนาวเย็น หากมีการเลือกใช้ระบบรถรางไฟฟ้าจากผู้ผลิตในประเทศ

โครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มใช้งานได้ในปี 2034 โดยรถรางจะเชื่อมต่อภูเขาฟูจิกับสถานีระดับภูมิภาค และในระหว่างนี้จะมีการศึกษาความเป็นไปได้ในทุกมิติ รวมถึงการทำประชาพิจารณ์เกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

คู่รักสิงคโปร์โวยเครื่องเพชรของขวัญแต่งงานหาย หลังเช็คเอาท์โรงแรมหรู 5 ดาว ย่านนานา

(20 ธ.ค.67) กลายเป็นประเด็นร้อนในต่างประเทศ เมื่อคู่สามีภรรยาชาวสิงคโปร์เปิดเผยผ่านสื่อออนไลน์ในท้องถิ่นว่า เครื่องประดับมูลค่า 30,000 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 760,000 บาท) ของพวกเขาได้สูญหายระหว่างการเข้าพักที่โรงแรมหรู 5 ดาว ย่านนานา ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งคู่ระบุว่าลืมเครื่องประดับไว้ในห้องพักหลังเช็คเอาท์ไปเพียง 30 นาที เมื่อกลับมาตรวจสอบกับพนักงานโรงแรมกลับได้รับแจ้งว่าไม่มีสิ่งของหลงเหลืออยู่ในห้องพัก พวกเขาจึงให้เพื่อนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยช่วยแจ้งความก่อนบินกลับสิงคโปร์

นายเจิ้ง ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เครื่องประดับที่หายไปมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นของขวัญแต่งงานที่เพิ่งมอบให้กันเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ของที่หายประกอบด้วยแหวนแต่งงานจากแบรนด์ทิฟฟานี แหวนเพชร 2 วง และสร้อยข้อมือ 1 เส้น เขาเล่าว่าหลังจากเช็คเอาท์เวลา 14.30 น. ทั้งสองรอรับกระเป๋าเดินทางที่ล็อบบี้นานกว่า 15 นาที แต่เมื่อกระเป๋ายังมาไม่ถึงจึงออกไปชอปปิ้งก่อนกลับมาอีกครั้ง ภรรยาจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมเครื่องประดับไว้ในห้องพัก แต่เมื่อขอให้พนักงานช่วยตรวจสอบ กลับไม่พบสิ่งของดังกล่าว

ทั้งคู่ได้แจ้งให้โรงแรมตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งพบว่าพนักงานยกกระเป๋าคนหนึ่งมีพฤติกรรมที่ดูผิดปกติ โดยเฉพาะการมองไปที่กล้องในลักษณะที่น่าสงสัย ทำให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของพนักงานรายนี้

โฆษกของกลุ่มแบรนด์ดัง ยืนยันว่า โรงแรมรับทราบเหตุการณ์และกำลังดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด พร้อมติดต่อผู้เสียหายโดยตรงเพื่อให้ความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเพิ่มเติมไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวและมาตรฐานภายในของโรงแรม

ขณะนี้ทางตำรวจไทยอยู่ระหว่างการสืบสวน โดยคู่สามีภรรยาหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้เข้าพักระมัดระวังทรัพย์สินของตนมากขึ้น ทั้งนี้ผลการสอบสวนจะต้องรอติดตามความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top