Thursday, 24 April 2025
TodaySpecial

วันคล้ายวันเกิด “เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์” หรือ “อัลเฟร็ด” อดีตดาวยิงช้างศึกยุคดรีมทีม เคยลงเล่นให้กับทีมชาติไทยเป็นเวลา 3 ปี และแขวนสตั๊ดในวัย 25 ปี

เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ หรือชื่อเล่น อัลเฟร็ด เกิดวันที่ 8 กันยายน 2515 ปัจจุบันอายุ 49 ปี อดีตกองหน้าทีมชาติไทย ลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสและเวียดนาม ลงเล่นให้กับทีมชาติไทยเป็นเวลา 3 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2538 ถึง พ.ศ. 2540 เลิกเล่นฟุตบอลให้กับทีมชาติไทยขณะมีอายุได้เพียง 25 ปีเท่านั้น ทำสถิติเล่นไป 55 นัด ทำประตูได้ 25 ประตู โดยเนติพงษ์นั้นได้แขวนสตั๊ดในอีก 2 ปีต่อมาก่อนที่จะหันไปเล่นกอล์ฟ 

ทั้งนี้ เนติพงษ์เริ่มหวนคืนสู่วงการลูกหนังไทย โดยเข้ารับงานเป็นผู้ฝึกสอนกองหน้าให้กับทีมชาติหญิงไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2559-2560 เข้าสู่วงการฟุตบอลไทยลีกเต็มตัวด้วยการเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน (Head Coach) ให้กับทีมกาฬสินธุ์ เอฟซี (Kalasin FC) ที่รั้งอันดับ 8 ของ Thai League 3 โซนบนในปี 2560 และเนติพงษ์ เคยรับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนให้กับทีมสโมสรฟุตบอลราชนาวีสโมสร (Royal Thai Navy F.C.) ของไทยลีก

เนติพงษ์เคยให้สัมภาษณ์ผ่าน ‘โกล ประเทศไทย’ ว่าจิตใจของเขา มีความไทยร้อยเปอร์เซนต์ แม้เลือดครึ่งกายของเขาจะเป็นฝรั่งเศส เขาชื่นชมในพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงเป็นผู้พระให้ และทรงทำงานหนักเพื่อพสกนิกรตลอดการครองราชย์

“การตัดสินใจกลับมาครั้งนี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมรู้สึกว่าในหลวงทำให้คนไทยมาตลอด โดยไม่เคยต้องการคำชมจากใคร แต่สิ่งที่ทำให้คือการเสียสละจากพระองค์ท่าน”

“เมื่อก่อนผมทำเพื่อตัวเองมาตลอด แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมพร้อมแล้ว และมันถึงเวลาที่ผมจะต้องเป็นผู้ให้บ้าง ผมเริ่มจากการสอนในเรื่องที่ผมรู้นั่นคือเรื่องโภชนาการต่าง ๆ และผมก็มีความสุขที่ทำให้คนอื่นดีขึ้น” จากประสบการณ์ที่เคยเป็นผู้ฝึกสอนคนเล่นกีฬากอล์ฟ ทำให้เขาเริ่มมีความอยากใช้พรสวรรค์ด้านลูกหนังให้กับเด็กรุ่นต่อไป เพื่อที่จะได้เห็นทีมชาติไทยต่อจากนี้ ก้าวไปสู่ในระดับสากล

“สิ่งผมอยากให้เกิดขึ้นที่สุดก็คงเหมือนแฟนบอลชาวไทยทุกคนคือการได้เห็นฟุตบอลไทยไปบอลโลก ผมเองก็อยากทำให้ได้สมัยเป็นนักเตะ ผมไม่ได้เสียดายหรอก เมื่อมองย้อนกลับ เพราะเราแก้ไขอดีตไม่ได้”

“แต่วันนี้ ผมเองก็อยากมีส่วนรวม ไม่ว่าจะะอยู่ส่วนไหนก็ได้ จะฟุตบอลชายหรือฟุตบอลหญิง ผมพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ฟุตบอลไทยพัฒนาไปให้ได้ไกลที่สุด อีกหนึ่งความฝันส่วนตัว ผมก็อยากเป็นโค้ชฟุตบอลในสโมสรไทยลีกนะ เพราะจะได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง และพิสูจน์ตัวเองว่าผมสามารถสอนคนได้ขนาดไหน”


ที่มา: https://www.goal.com/th/news


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครบรอบ 73 ปี ‘วันสถาปนาเกาหลีเหนือ’ อย่างเป็นทางการโดย ‘คิม อิลซุง’ เป็นผู้นำสูงสุดคนแรก และส่งต่ออำนาจถึง ‘คิม จองอึน’ ผู้นำประเทศคนปัจจุบัน

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือชื่อโดยทั่วไปว่า เกาหลีเหนือ เป็นรัฐคอมมิวนิสต์ ภายใต้การปกครองโดยพรรคแรงงานแห่งเกาหลี มีประธานคณะกรรมาธิการป้องกันประเทศเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบันคือนาย ‘คิม จองอึน’ เป็นผู้นำประเทศ

เกาหลีเหนือปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ตามแนวทางของอดีตสหภาพโซเวียต ระบบการเมืองของเกาหลีเหนือตั้งอยู่บนพื้นฐานของลัทธิจูเช (Juche) ซึ่งอดีตประธานาธิบดี คิม อิลซุง ได้บัญญัติขึ้นเมื่อ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2498 ประกอบด้วยหลักการสำคัญ คือเอกราชทางการเมืองอย่างแท้จริง การพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ และการป้องกันประเทศด้วยตนเอง

มีการปกครองระบบพรรคเดียวมาโดยตลอด นับตั้งแต่มีการก่อตั้งประเทศเมื่อ 9 กันยายน พ.ศ. 2491 โดยมีพรรคแรงงานแห่งเกาหลี (Workers Party of Korea) เป็นองค์กรที่มีบทบาทและอิทธิพลสูงสุดในทางการเมืองที่คอยควบคุมหน่วยงานของรัฐบาลในการบริหารประเทศ ตามที่รัฐธรรมนูญปกครองประเทศของเกาหลีเหนือบัญญัติไว้ว่า อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศเป็นของสมัชชาประชาชนสูงสุด ซึ่งมีสมาชิก 687 คน มาจากการเลือกตั้งและมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี

สถานการณ์การเมืองภายในของเกาหลีเหนือได้เข้าสู่ความไม่แน่นอน ภายหลังจากการถึงแก่อสัญกรรมของประธานาธิบดี คิม อิลซุง ในปี พ.ศ. 2537 ซึ่งทำให้ประชาคมระหว่างประเทศกังวลว่าเกาหลีเหนือจะประสบปัญหาวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม การเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศของนายคิม จองอิล ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2541 แสดงให้เห็นว่านายคิม จองอิล สามารถกุมอำนาจการปกครองประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยนายคิม จองอิล ก็ได้มีท่าทีที่ต้องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศในโลกเสรีมากขึ้น คาดว่าเพราะต้องการได้รับเงินตราต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับปรุงและฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อ 5 กันยายน พ.ศ. 2541 การประชุมสภาประชาชนสูงสุดครั้งที่ 10 มีมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า

>> นายคิม อิลซุง เป็นผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ และเป็นบรรพบุรุษแห่งสังคมนิยมของเกาหลี ดังนั้น จึงยกย่องให้เป็นประธานาธิบดีตลอดกาล (Eternal President)
>> ยกเลิกระบบประธานาธิบดีเป็นประมุข ให้ประธานคณะกรรมการป้องกันประเทศ (Chairman of the National Defense Commission) เป็นตำแหน่งสูงสุดของประเทศ โดยมีอำนาจปกครองด้าน การเมือง การทหาร และเศรษฐกิจ
>> ให้สภาบริหารสูงสุด (Presidium) ของสภาประชาชนสูงสุดเกาหลีเหนือ (Supreme People's Assembly) เป็นองค์กรนิติบัญญัติสูงสุดของประเทศ

อนึ่ง สภาประชาชนสูงสุดมีมติแต่งตั้งนายคิม ย็องนัม ให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาบริหารสูงสุดของสภาประชาชนสูงสุดเกาหลีเหนือ รับผิดชอบงานด้านการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตกับต่างประเทศ ได้แก่ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพิธีการทูต การให้และยกเลิกสัตยาบัน การแต่งตั้งและเรียกกลับผู้แทนทางการทูตในต่างประเทศ การรับสาส์นตราตั้งทูตต่างประเทศ การเป็นผู้แทนประเทศพบบุคคลสำคัญจากต่างประเทศที่ไปเยือนเกาหลีเหนือ รวมทั้งเป็นผู้แทนประเทศเดินทางไปเยือนประเทศอื่น ๆ เมื่อ 3 กันยายน พ.ศ. 2546 ได้มีการประชุมสภาประชาชนสูงสุดของเกาหลีเหนือ โดยที่ประชุมฯ มีมติดังนี้

นาย คิม จองอิล ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกลาโหม (Chairman of the National Defense Commission)

นาย คิม ย็องนัม ดำรงตำแหน่งประธานสภาบริหารสูงสุดของสภาประชาชนสูงสุด (President of the Presidium of the DPRK Supreme People's Assembly)

นาย ปาร์ก ปงจู รมว.อุตสาหกรรมเคมี ดำรงตำแหน่ง นรม. สืบแทนนาย Hong Song Nam

นาย แพ็ก นัมซุน ดำรงตำแหน่ง รมว.กต.ต่อไป ทั้งนี้ นรม.คนใหม่มีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของประเทศให้มากยิ่งขึ้น สนับสนุนด้านการทหารอย่างเต็มที่ และส่งเสริมการรวมประเทศเกาหลีทั้งสอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554 นายคิม จองอิล ได้ถึงแก่อสัญกรรมขณะอยู่บนขบวนรถไฟเตรียมเดินทางไปตรวจพื้นที่ภาคสนาม จากอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย และหัวใจวายในที่สุด ทำให้นาย คิม จองอึน บุตรชายคนที่ 3 จะขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือในฐานะทายาททางการเมืองต่อไป


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเกาหลีเหนือ


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9
 

วันคล้ายวันเกิด “แจ็ก หม่า” มหาเศรษฐีชาวจีน ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท อาลีบาบา ยักษ์ใหญ่ในวงการอีคอมเมิร์ซระดับโลก ความโดดเด่นทั้งด้านธุรกิจ และการใช้ชีวิต จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก

แจ็ก หม่า (Jack Ma) หรือชื่อจริงว่า หม่า หยุน เกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2507 (1964) เป็นเจ้าสัวธุรกิจและผู้ใจบุญชาวจีน เป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของกลุ่มอาลีบาบาซึ่งประสบความสำเร็จในธุรกิจอินเทอร์เน็ต เขาเป็นผู้ประกอบการจีนคนแรกที่ปรากฏบนหน้าปกของนิตยสารฟอร์บ ในเดือนมิถุนายน 2018 เขาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศจีน และเป็นบุคคลรวยที่สุดอันดับที่ 11 ของโลก โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 50.3 พันล้านดอลลาร์ตาม Bloomberg Billionaires Index (ดัชนีมหาเศรษฐีบลูมเบิร์ก)

หม่าเกิดที่เมืองหางโจว ในมณฑลเจ้อเจียง เป็นหลานชายของนักธุรกิจเจ้าของที่ดินรายใหญ่ในหางโจว และเป็นลูกชายของศิลปินที่ทำการแสดงท้องถิ่นโบราณ หลังการถึงแก่อสัญกรรมของเหมา เจ๋อตุง ประเทศจีนได้เปิดประเทศ มีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวตะวันตกหลั่งไหลมามากขึ้น โดยเฉพาะที่หางโจว ซึ่งเป็นเมืองที่สวยงาม มีทะเลสาบซีหูที่ขึ้นชื่ออยู่ ณ ที่นี่เองที่หม่าได้ฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษจนเชี่ยวชาญกว่าเพื่อนร่วมรุ่น เขาขี่จักรยานเป็นเวลา 45 นาทีทุกเช้า เพื่อไปยังโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียงและพูดคุยกับชาวต่างชาติ โดยจะทำหน้าที่เป็นไกด์พาพวกเขาไปรอบเมืองให้ฟรีเพื่อที่จะฝึกฝนและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของเขา 

ในวัยหนุ่ม แม้ว่าเขาจะประสบความล้มเหลวในการสอบเข้าถึงสองครั้ง แต่แล้วเขาก็ได้เข้าศึกษาต่อที่สถาบันครูหางโจว และสำเร็จการศึกษาในปี ค.ศ. 1988 ด้วยวุฒิปริญญาตรีสาขาวิชาภาษาอังกฤษ หลังจากนั้น เขาก็กลายเป็นอาจารย์ผู้สอนในวิชาภาษาอังกฤษและการค้าระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยหางโจวเตี้ยนจื่อ ในการเป็นอาจารย์นั้น หม่าได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ที่ไม่สอนตามตำราหรือระเบียบวิธีการสอนทั่วไป ไม่เคยแม้แต่จะเตรียมตัวการสอนด้วยซ้ำ เขามักใช้วิธีด้นสด แต่นั่นก็ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของเหล่านักศึกษาอย่างยิ่ง หม่าเป็นอาจารย์อยู่ 5 ปี จึงลาออก เนื่องจากเขาเห็นว่าสมควรได้เวลาที่ตนเองจะทำธุรกิจ

ไม่เพียงแค่ความสามารถในการสร้างธุรกิจให้ใหญ่โตเท่านั้น แต่เขายังเป็นที่ยอมรับในเรื่องของการแบ่งปันเพื่อสังคม โดยเขาเคยได้รับการจัดอันดับเป็นบุคคลที่ใจบุญที่สุดของจีน ประจำปี 2558 จากการที่เขาบริจาคหุ้นอาลีบาบา 2% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ก่อตั้งกองทุนและมูลนิธิที่มีเป้าหมายแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการศึกษา และสุขภาพประชาชนจีน ฮ่องกง และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ ในทุก ๆ ปี จะนำกำไร 0.3% ของอาลีบาบา บริจาคเพื่อช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม และเขายังช่วยเหลือการกุศลด้านอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กรุ่นใหม่ ช่วยพัฒนาระบบการศึกษาในพื้นที่ชนบทของจีน รวมถึงบริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลในบ้านเกิด

เมื่อในวันที่ 10 กันยายน 2562 ซึ่งตรงกับวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 55 ของเจ้าตัว และยังตรงกับวาระครบรอบ 20 ปีการก่อตั้งบริษัท เขาได้ขึ้นเวทีแสดงคอนเสิร์ตในแบบชาวร็อกพร้อมประกาศอำลาตำแหน่งประธานฝ่ายบริหาร ณ สำนักงานใหญ่ของอาลีบาบาที่เมืองหางโจวประเทศจีน

ให้เหตุผลที่เกษียณอายุก่อนกำหนดว่าเป็นเพราะต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เนื่องจากโลกใบนี้ยังมีความดีงาม ยังมีโอกาสอีกมากมาย และตัวเขาก็รักความตื่นเต้นที่จะแสวงหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายบริหารแล้ว แต่เขาก็ยังมีฐานะเป็นที่ปรึกษาอาวุโสในฐานะหุ้นส่วนของอาลีบาบา


ที่มา: https://money.kapook.com/view99134.html


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วันนี้เมื่อ 10 ปีก่อน นักวิจัยกรมประมง ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ “ปลาทู” เป็นครั้งแรกของโลก! หลังจากใช้เวลา 2 ปีในการทดลอง

“ปลาทู” เป็นสัตว์น้ำซึ่งเป็นอาหารที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยมาช้านาน ในแต่ละปีชาวประมงต้องจับปลาทูจากท้องทะเลไทยมากถึง 6 หมื่นตัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค จึงต้องมีการออกไปจับเพิ่มจากน่านน้ำของประเทศเพื่อนบ้าน

ดร.วิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากความต้องการปลาทูจำนวนมหาศาลนี้ ทำให้ชาวประมงมีการพัฒนาเครื่องมือการทำประมงปลาทูให้มีประสิทธิภาพในการจับที่สูงขึ้น จนเกินกำลังการผลิตของธรรมชาติ ส่งผลให้แนวโน้มของประชากรปลาทูในปัจจุบันเริ่มลดน้อยลง และยังมีความพยายามในการศึกษาวิจัยการเพาะขยายพันธุ์ปลาทูเพื่อทดแทนการจับจากธรรมชาติอีกด้วย

แต่เนื่องจากปลาทูเป็นปลาที่มีความอ่อนแอ ใจเสาะ จึงเป็นเรื่องยากที่จะนำขึ้นจากทะเลมาเพาะเลี้ยง จึงต้องเริ่มดำเนินการจากการรวบรวมข้อมูลทางด้านชีววิทยา ฤดูกาลวางไข่ และประยุกต์ในการผลิตปลาทูเชิงพาณิชย์ ด้วยการพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ด้วยการให้อาหารที่มีคุณภาพ และใช้ระบบน้ำหมุนเวียน 

น.ส.พรรณติยา ใจอ่อน นักวิชาการประมงปฏิบัติการ และทีมเพาะเลี้ยงปลาทู ศูนย์วิจัยและพัฒนาชายฝั่งสมุทรสาคร กรมประมง บอกว่า เลี้ยงปลาทูพ่อแม่พันธุ์ที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงที่ได้มาจากทะเลในกระชังที่ขึงไว้ในบ่อดินนาน 6 เดือน จนปลาเติบโตถึงวัยเจริญพันธุ์ จึงย้ายปลาขึ้นมาเลี้ยงในถังเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ในโรงเพาะฟัก โดยให้อาหารสูตรเฉพาะของศูนย์ฯ และเลี้ยงในระบบกรองน้ำแบบชีวภาพด้วยเครื่องโปรตีนสกิมเมอร์ เพื่อให้ได้คุณภาพน้ำที่เหมาะสมปราศจากเมือกโปรตีนที่ตกค้าง มีการควบคุมความเค็มที่ระดับ 27-30 ส่วนใน 1,000 และควบคุมอุณหภูมิให้มีค่าคงที่อยู่ระหว่าง 29-32 องศา

ซึ่งจากความพยายามมานานกว่า 2 ปี ก็ได้เกิดผลสำเร็จขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2554 โดยปลาทูได้วางไข่และสามารถอนุบาลในระบบปิดได้สำเร็จ นับเป็นความสำเร็จในความพยายามเพาะพันธุ์ปลาทูจากพ่อแม่พันธุ์ที่เลี้ยงในระบบปิดครั้งแรกของโลก หลังจากที่นักวิจัยศูนย์ฯ สมุทรสาครได้ใช้ระยะเวลากว่า 2 ปี


ที่มา: https://www.voicetv.co.th/read/27580


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9
 

วันคล้ายวันเกิด ‘ทวีพร คลังพลอย’ นางสาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกผู้ชมโห่ร้องและกังขาในความ ‘สวย’

ทวีพร คลังพลอย เกิดเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2507 ณ จังหวัดนครสวรรค์ โดยเธอมีตำแหน่งเป็นถึง นางสาวไทยประจำปีพุทธศักราช 2529 โดยในปีนั้นนางสาวไทยจัดประกวด ณ ห้องบางกอกคอนเวนชัน เซนเตอร์ เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว

โดยการประกวดในปีนั้นถือเป็นที่กล่าวถึงในสื่อมวลชนอย่างมาก เนื่องจากผู้ชมต่างเก็งกันไว้ว่า รองอันดับหนึ่ง คือ สรารัตน์ หรุ่มเรืองวงศ์ จะต้องได้เป็นนางสาวไทย แต่เมื่อผลประกาศว่า ทวีพร คลังพลอยได้เป็นนางสาวไทยจึงมีเสียงโห่จากผู้ชมในคอนเวชัน เซ็นเตอร์ และในการประกวดครั้งนี้เองเธอถึงกับได้ฉายาว่า ‘นางสาวไทยที่ขี้เหร่ที่สุดในประวัติศาสตร์’

โดยในปีนั้น ธารทิพย์ พงษ์สุข นางสาวไทย 2528 เป็นผู้สวมมงกุฎให้ นับเป็นปีแรกและปีเดียวที่นางสาวไทยในปีที่ผ่านมาสวมมงกุฎให้ผู้ที่ได้รับตำแหน่ง ทวีพรเป็นตัวแทนสาวไทยไปประกวดนางงามจักรวาล 1986 ณ กรุง ปานามาซิตี ประเทศ ปานามา และไม่สามารถผ่านเข้ารอบใด ๆ 

ในขณะที่รองอันดับ 1 สรารัตน์ ที่เป็นตัวเต็งในการประกวดนางสาวไทยในครั้งนั้น ได้ไปประกวดมิสเอเชียแปซิฟิกอินเตอร์เนชันแนล ที่ฮ่องกง ได้รองอันดับ 2 ส่วนรองอันดับสี่ในปีนั้น คือ นางสาวพัชรีพร จันทร์สว่าง

ต่อมาหลังจากพ้นวาระ ข่าวคราวของ ทวีพร คลังพลอย ก็ได้เงียบหายไปจากวงการนางงามและแวดวงบันเทิงไป แต่เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากพ้นจากตำแหน่งเธอได้ทำงานประจำอยู่ที่บริษัทการบินไทย ในส่วนของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และยังคงติดตามข่าวสารในแวดวงบันเทิงอยู่ตลอด อีกทั้งในขณะนี้เธอมีความสุขทั้งกับงานและครอบครัว และยังมีลูกสาวที่น่ารักอีก 1 คน อีกด้วย


ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ทวีพร_คลังพลอย


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

วันนี้เมื่อ 36 ปีที่แล้ว ‘ซูเปอร์มาริโอบราเธอส์’ เกมที่ดีที่สุดตลอดกาล ออกจำหน่ายครั้งแรกในญี่ปุ่นบนเครื่องแฟมิลีคอมพิวเตอร์

วิดีโอเกมยอดฮิต ที่เมื่อพูดถึงใครหลาย ๆ คนก็ต้องร้องอ๋อ! กับเกม ‘ซูเปอร์มาริโอบราเธอส์’ (Super Mario Bros.) เป็นวิดีโอเกมแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดยนินเทนโด อีเอดี และจัดจำหน่ายโดยนินเทนโด

โดยวิดีโอเกมนี้ ได้ออกจำหน่ายครั้งแรกในญี่ปุ่นบนเครื่องแฟมิลีคอมพิวเตอร์ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1985 และแฟมิคอมในอเมริกาเหนือในปี ค.ศ. 1985 ยุโรปในวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1987 และออสเตรเลียในปี ค.ศ. 1987 

แต่ความเจ๋งของเกมนี้ คือ เป็นวิดีโอเกมแรกของชุดซูเปอร์มาริโอ ในเกมซูเปอร์มาริโอบราเธอส์ ที่ผู้เล่นจะได้ควบคุมมาริโอ ในโหมดเล่นสองคน โดยผู้เล่นคนที่สองจะได้ควบคุมน้องชายของมาริโอชื่อ ลุยจิ ขณะที่เขาเดินทางฝ่าอาณาจักรเห็ดเพื่อช่วยเหลือเจ้าหญิงพีชจากตัวร้าย ชื่อบาวเซอร์ หรือ ราชาคุปปะ

โดยในปี ค.ศ. 2005 ผลสำรวจไอจีเอ็นตั้งชื่อให้เกมนี้เป็นเกม "บุกเบิก" และ "มีอิทธิพลสูง" ทั้งยังเป็น "เกมที่ดีที่สุดตลอดกาล" โดยมองว่าเป็นเกมที่ฟื้นฟูยุคตกต่ำของตลาดวิดีโอเกมอเมริกันในยุค 1980 และทำให้เกมประเภทจอเลื่อนไปด้านข้าง (side-scrolling) ได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก 

อีกทั้ง ‘ซูเปอร์มาริโอบราเธอส์’ ยังเป็นเกมที่มียอดจำหน่ายถล่มทลาย จนครองตำแหน่งเกมที่ขายดีที่สุดเป็นเวลากว่า 3 ทศวรรษ จนกระทั่งโดนเกมวีสปอร์ตโค่นไป 

ด้วยความสำเร็จของเกมซูเปอร์มาริโอบราเธอส์ จึงทำให้เกมได้ลงเครื่องเล่นหลักของนินเทนโดเกือบทุกเครื่อง ซึ่งนินเทนโดได้ปล่อยเครื่องเล่นวี และนินเทนโด ดีเอสไอ ขนาด XL เวอร์ชันพิเศษสีแดงลายมาริโอ เป็นเวอร์ชันจำกัดจำนวนในปลายปี ค.ศ. 2010 เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปีของการจำหน่ายเกมอีกด้วย


ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ซูเปอร์มาริโอบราเธอส์


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

14 กันยายน ‘วันบุรฉัตร’ น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ‘พระบิดาแห่งรถไฟไทย’

พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินทรงเป็น พระราชโอรสองค์ที่ 35 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กับเจ้าจอมมารดาวาด พระองค์ประสูติ เมื่อวันจันทร์ เดือน 3 ขึ้น 4 ค่ำ ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2424 ทรงมีพระนามเดิมว่า “พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร"

เมื่อทรงพระเยาว์ทรงศึกษาที่โรงเรียน พระตำหนักสวนกุหลาบในพระบรมมหาราชวัง และเสด็จออกไปทรงศึกษาวิชาในประเทศฝรั่งเศส และไปศึกษาที่โรงเรียนแฮร์โรว์ในประเทศอังกฤษ ต่อมาได้ทรงเข้าศึกษาวิชาวิศวกรรมที่ตรินิตี้คอลเลจแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ตามที่สมเด็จพระบรมชนกนาถกำหนดไว้สำหรับพระองค์ เพื่อให้กลับมารับราชการสนองคุณประเทศชาติในสาขานี้ 

แล้วทรงศึกษาวิชาทหารช่างต่อที่โรงเรียนวิศวกรรมทหาร ที่แชทแฮมหลังสำเร็จการศึกษาทรงได้รับพระราชทานยศเป็น นายร้อยตรี นอกกองประจำการกองร้อยปี 2 กองทหารอินยิเนียร์ (กองทหารอินยิเนียร์ เปลี่ยนเป็น กรมทหารช่าง ในเวลาต่อมา) กรมบัญชาการทหารบก มณฑลกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 06 พฤศจิกายน พ.ศ. 2444 แล้ว เสด็จไปทรงศึกษาวิชาวิศวกรรมชั้นสูงจากประเทศฝรั่งเศส 

เมื่อสำเร็จการศึกษาได้ประทับทอดพระเนตรงาน และทรงศึกษาหาความชำนาญอยู่ในประเทศอังกฤษ และได้เป็นสมาชิกสถาบันวิศวกรรมช่างโยธาแห่งประเทศอังกฤษ M.I.C.E.(Member of the Institute of Civil Engineers) นับว่าพระองค์ทรงเป็นคนไทยคนแรกที่เป็นสมาชิกของสถาบันนี้ (เทียบเท่า วิศวกรรมสถาน) และพระองค์ทรงรับสัญญาบัตรเป็น ‘นายพันตรีกรมยุทธนาธิการทหารบก’

พระองค์เจ้าชายบุรฉัตรไชยากร นอกจากจะทรงรับราชการทหารแล้ว ยังทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณ และทรงวางฐานในกิจการด้านอื่น ๆ เช่น การส่งวิทยุกระจายเสียง การออมสิน การโรงแรม การสหกรณ์ การพาณิชย์ การท่องเที่ยว การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การบินทหารบก และการคมนาคมโดยเฉพาะกิจการรถไฟที่พระองค์ทรงริเริ่มขยาย ปรับปรุงให้มี ความเจริญรุดหน้าทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ

โดยในพ.ศ. 2460 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าให้รวมกรมรถไฟสายเหนือกับสายใต้เข้าเป็นกรมเดียวกัน เรียกว่า กรมรถไฟหลวง โดยให้ กรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้บัญชาการรถไฟอีกตำแหน่งหนึ่ง นอกเหนือจากหน้าที่ทางราชการทหารในระหว่างที่ทรงบังคับบัญชากิจการรถไฟนั้น พระองค์ได้บริหารงานด้วยพระปรีชาสามารถทรงนำวิชาการสมัยใหม่เข้ามาใช้ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่กิจการรถไฟอย่างมาก จนได้รับการขนานพระนามว่า ‘พระบิดาแห่งกิจการรถไฟสมัยใหม่’

เนื่องจากเมื่อพระองค์ท่านเสด็จมาเป็นผู้บัญชาการรถไฟใหม่ ๆ กิจการรถไฟมีคนไทยอยู่น้อยมาก จึงได้ทรงฝึกฝนคนไทยให้มีความสามารถในกิจการรถไฟด้วยการแนะนำสั่งสอนด้วยพระองค์เอง และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตส่งนักเรียนไทยไปศึกษาในต่างประเทศ เพื่อศึกษาวิชาการรถไฟและการพาณิชย์ เพื่อกลับมารับราชการในกรมรถไฟหลวง ทำให้กิจการรถไฟเจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้

พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ได้ทรงนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนากิจการรถไฟให้บังเกิดผลดีรวดเร็ว และสะดวกในการปฏิบัติงาน ทรงปรับปรุงสัญญาณประแจกลและโทรคมนาคมของกรมรถไฟหลวงใหม่หมด โดยเริ่มใช้โทรศัพท์ทางไกล โทรศัพท์อัตโนมัติ และเครื่องตราทางสะดวกแทนการขอทางด้วยเครื่องโทรเลข 

ทรงวางแผนและดำเนินนำรถจักรดีเซลมาใช้แทนรถจักรไอน้ำ โดยมุ่งเน้นการนำรถจักรดีเซลไฟฟ้ามาใช้การ เพราะได้ทรงวางแผนและศึกษาต่อไปถึงความเป็นไปได้ถึงการนำรถจักรดีเซลทำการลากจูงขบวนรถหมดแล้ว นับว่าพระดำริของพระองค์ในเรื่องนี้ก่อให้เกิดคุณประโยชน์อย่างมหาศาล พระกรณียกิจและพระดำริของพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ได้ก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าแก่กิจการรถไฟและบังเกิดคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชนไทยอย่างมหาศาล


ที่มา : https://procurement.railway.co.th/main/profile/burachut.html


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

วันคล้ายวันพระราชทานนาม “สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” โดย “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม จึงถือวันดังกล่าวเป็น “วันราชมงคล”

ในปี พ.ศ. 2531 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อนักเรียนอาชีวศึกษา เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อให้วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาใหม่ว่า “สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” มีหมายความว่า สถาบันเทคโนโลยีอันเป็นมิ่งมงคลแห่งพระราชา เมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2531 ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยได้ถือเอาวันที่ 15 กันยายนของทุกปีเป็น “วันราชมงคล”

สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล จึงมีภารกิจหลักคือ จัดการศึกษาด้านวิชาชีพและเทคโนโลยี (ระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ระดับปริญญาตรี และระดับประกาศนียบัตรบัณฑิต) สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลได้ทำการเรียนการสอนควบคู่กับทำการวิจัยสิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม ให้บริการทางวิชาการแก่สังคม เรื่อยมา อีกทั้งยังทำนุบำรุงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ให้จัดตั้งวิทยาเขต จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ จังหวัดนครพนม จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดปัตตานี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีการดำเนินการแต่อย่างใด

สืบเนื่องจากแนวทางการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ที่มุ่งเน้นการกระจายอำนาจ การบริหารจัดการสู่สถานศึกษาระดับอุดมศึกษา เพื่อให้สถานศึกษาของรัฐดำเนินการโดยบริหารจัดการได้โดยอิสระ และมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการภายใต้การกำกับดูแลของสภาการศึกษาแห่งชาติ ดังนั้นเพื่อให้สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการและยกระดับสถานะสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เน้นทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อีกทั้งสามารถจัดการศึกษาได้ถึงระดับสูง ปริญญาโท เอก จึงได้มีการยกร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทั้ง 9 แห่งขึ้น โดยมีการรวมวิทยาเขตที่อยู่ใกล้เคียงกันจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จำนวน 9 แห่ง

จากพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. 2548 ซึ่งได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 มีผลให้สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลเดิม ตามพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. 2518 ปรับเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่ง

1.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
2.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
3.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
4.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
5.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์
6.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
7.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
8.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ
9.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ปัจจุบันมีจำนวน 9 แห่งทั่วประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ จึงนับได้ว่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เป็นอาณาจักรทางการศึกษาที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตบัณฑิตมากว่าหลายหมื่นคนต่อปี เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่า กลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เน้นการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดแรงงานอย่างแท้จริง โดยที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ได้ดำรงภารกิจในการผลิตบัณฑิตที่อยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผลิตบัณฑิตในสายวิชาชีพเพื่อออกมารับใช้ประเทศชาติ พัฒนาประเทศชาติมาเนิ่นนานกว่าสามทศวรรษแล้ว สมดังคำนิยามที่ให้ไว้กับบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ว่า “บัณฑิตนักปฏิบัติ”


ที่มา: https://th.wikipedia.org/วันราชมงคล


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9
 

วันนี้ในอดีต “นายซีอุย แซ่อึ้ง” ผู้ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็น "มนุษย์กินคน" ได้ถูกประหารชีวิต ฐานฆ่าเด็กและกินศพเป็นอาหาร เมื่อปี พ.ศ. 2502 ณ เรือนจำบางขวาง

“ซีอุย” มีชื่อจริงว่า “หลีอุย แซ่อึ้ง” แต่คนไทยเรียกเพี้ยนเป็น ซีอุย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2470 ในตำบลฮุนไหล จังหวัดซัวเถา ประเทศจีน โดยเป็นลูกคนสุดท้องจากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 4 คน ของนายฮุนฮ้อกับนางไป๋ติ้ง แซ่อึ้ง ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ และมีฐานะยากจน เขาตระเวนตามที่ต่าง ๆ อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง มักถูกเด็กด้วยกันทำร้ายและเอาเปรียบ

จุดเริ่มต้นของซีอุย ในประเทศไทยเกิดขึ้นที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะนั้น ซีอุย มีอายุ 25 ปี เป็นหนึ่งในจำนวนคนนับแสนคนที่เดินทางเข้าประเทศไทยมาเพื่ออาศัยและหางานทำ หลังจากเสร็จการสู้รบสงครามโลกครั้งที่ 2 จากเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ ปากต่อปาก รุ่นส่งต่อรุ่น พูดถึงซีอุยว่า มีบุคลิกเป็นคนยิ้มเก่ง ใจดี เรียบร้อย มีรอยยิ้มให้คนทั่วไปตลอดเวลาที่ได้ทักทาย แต่ก็กลัวคนแปลกหน้า ทำให้ชีวิตทั่วไปของซีอุย เป็นที่จดจำของคนในยุคนั้น

ในระยะ 8 ปีแรกที่พำนักในประเทศไทย ซีอุยไม่ได้ก่อคดีร้ายแรงใด ๆ นอกจากคดีทะเลาะวิวาทบ้างเป็นบางครั้ง แต่เงื่อนงำที่สำคัญก็คือ เส้นทางและแหล่งพักพิงของซีอุย ตรงสถานที่เกิดเหตุของคดีทั้ง 7 อย่างเหลือเชื่อ คือ ประจวบคีรีขันธ์ 5 คดี กรุงเทพฯ นครปฐม และระยอง แห่งละ 1 คดี

ซีอุยถูกจับในคดีเด็กชายสมบุญ ที่ระยอง คดีดังกล่าวถูกเชื่อมโยงเข้าคดีเก่าอีก 2 คดี คือ คดีฆาตกรรมที่สถานีรถไฟสวนจิตรลดา เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 ที่จังหวัดพระนครศีอยุธยา และคดีฆาตกรรมที่องค์พระปฐมเจดีย์ ที่จังหวัดนครปฐม เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 โดยรูปแบบและการฆาตกรรมลักษณะเดียวกัน ตำรวจจึงมุ่งเป้าไปที่ซีอุย ซีอุยถูกนำตัวมาสอบสวนตั้งแต่คืนวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2501 มีการบันทึกคำเป็นหลักฐานลงในวันที่ 30 มกราคม เนื่องจากซีอุยพูดและอ่านเขียนไทยไม่ได้การสอบสวนแต่ละครั้งจึงมีล่ามจีนอยู่เสมอ เนื้อหาของบันทึกปากคำฉบับวันที่ 30 มกราคม มี 3 เรื่องใหญ่ ๆ คือ ยอมรับคดีที่ระยอง และปฏิเสธข้อกล่าวหาคดีพระนครฯ และคดีนครปฐม ซีอุยยอมรับคดีที่ระยองว่าเป็นการกระทำผิดครั้งแรก โดยกล่าวนัยว่า "ไม่เคยฆ่าคนเพื่อจะเอาตับและหัวใจมากินเลย"

และคดีที่กรุงเทพ ซีอุยได้กล่าวทำนองว่า "ที่กรุงเทพฯ ข้าฯ เคยได้ยินคนพูดกันว่ามีคนฆ่าเด็กแล้วเอาสมอง เมื่อประมาณ 1 ปีเศษ ๆ ขณะนั้น ข้าฯ พักอยู่จังหวัดพระนคร โดยอยู่บ้านนายบักเทียม แซ่ไล้ แต่ข้าฯ ไม่ได้ไปดู” และซีอุยยังให้การปฏิเสธในบันทึกปากคำครั้งนี้ “การฆ่าเด็กรายนี้ ข้าฯ ไม่ได้ทำร้าย ใครทำร้าย ข้าฯ ไม่ทราบ…" และ "ในการที่มีคนฆ่าเด็กแล้วผ่าท้องที่นครปฐมนั้นทราบข่าวเหมือนกัน โดยขณะนั้นอยู่ที่จังหวัดนครปฐม โดย ข้าฯ ค้างที่นครปฐม 1 คืน ได้ยินชาวบ้านพูดกัน แต่ไม่ได้ไปดูเพราะรอรถไฟด่วนจะกลับทับสะแก แต่ใครจะเป็นคนฆ่า ข้าฯ ไม่ทราบ…"

เริ่มการพิจารณาคดีซีอุยเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2501 เขารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา มีน้องของผู้เสียหายที่มีอายุ 6 ขวบให้การว่าเห็นเขาพาน้องสาวจากงานตรุษจีนในไชนาทาวน์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นคืนก่อนพบศพเธอ การพิจารณาคดีเขากินเวลา 9 วัน ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตเพราะจำเลยยอมรับสารภาพ แต่ตำรวจอุทธรณ์เพราะเห็นว่ามีหลักฐานเพียงพอ เขาจึงถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ประหารชีวิต ซีอุยถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2502 และหลังจากถูกประหารชีวิต ศพของซีอุยถูกนำมาดองเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ภายในโรงพยาบาลศิริราชนับแต่นั้น

ศาสตราจารย์นายแพทย์สงกรานต์ นิยมเสน หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ขอรับศพซีอุยมาผ่าตรวจสมอง ส่วนร่างถูกเก็บรักษาในลักษณะดองแห้งโดยการฉีดฟอร์มาลินเข้าหลอดเลือด แช่น้ำยารักษาทั้งร่างไว้ 1 ปี และทำการทาขี้ผึ้งทุก ๆ 2 ปี เพื่อป้องกันเชื้อรา ร่างของซีอุยยังถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช "พิพิธภัณฑ์ซีอุย" หลังจากนั้นคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้รับมอบร่างนายซีอุยมาจัดแสดง โดยเขียนข้อความว่า "นายซีอุย แซ่อึ้ง (มนุษย์กินคน)" ศาสตราจารย์พิเศษ นายแพทย์สรรใจ แสงวิเชียร อดีตหัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์ไว้เมื่อปี พ.ศ. 2552 ว่า "ถ้าอาจารย์หมอสงกรานต์ไม่ขอมาไว้ที่นี่ ก็จะไม่มีใครทำบุญให้เขาเลย มาอยู่ที่นี่มีการทำบุญให้อาจารย์ใหญ่ทุกปี อวัยวะ ร่าง โครงกระดูกทุกชิ้นถือเป็นอาจารย์ใหญ่"

วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 มีข่าวว่าโรงพยาบาลศิริราชปลดป้าย "มนุษย์กินคน" ออกไปแล้ว พร้อมทั้งเตรียมจัดทำบอร์ดให้ความรู้แก่สาธารณะเกี่ยวกับคดี ด้านฟาโรห์ จักรภัทรานน เจ้าของเว็บไซต์ Change.org ที่รณรงค์เรื่องซีอุย ให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้ฌาปนกิจร่าง แล้วอาจจะนำหุ่นขี้ผึ้งมาจัดแสดงแทน และมีความเห็นว่า "ไม่ได้ตัดสินว่าซีอุยไม่ได้เป็นมนุษย์กินคน แต่อยากให้ประชาชนที่มาอ่านข้อมูลได้ตัดสินเองว่าซีอุยเป็นมนุษย์กินคนหรือไม่" และในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ทำพิธีฌาปนกิจร่างนายซีอุย แซ่อึ้ง ที่วัดบางแพรกใต้ จังหวัดนนทบุรี


ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ซีอุย


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

สยามประกาศใช้ ‘เงินเหรียญบาท’ ในวันนี้เมื่อปี พ.ศ. 2403 โดย ‘พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว’ รัชกาลที่ 4 ให้มีการผลิตโดยเครื่องจักรออกใช้แทนเงินพดด้วง นับเป็นการปฏิวัติระบบเงินตราครั้งสำคัญของไทย

ก่อนที่จะมีธนบัตรและเหรียญมาใช้ในระบบเงินตราในวันนี้ ไทยเราได้ใช้หอยเบี้ย ประกับ คือดินเผาที่มีตราประทับ เงินพดด้วง และปี้จากบ่อนการพนัน มาใช้ในการแลกเปลี่ยนมาก่อน

ในสมัยกรุงสุโขทัย ที่มีการค้าขายกว้างขวางกับอาณาจักรในลุ่มแม่น้ำเพระยาแล้ว ทางด้านเหนือยังไปถึงล้านช้าง ยูนนาน และน่านเจ้า ส่วนทางทะเลไปถึงจีน อินเดีย เปอร์เซีย และอาหรับ โดยผลิตเงินตราขึ้นมาใช้ในระบบเศรษฐกิจ คือ เงินพดด้วง และใช้หอยเบี้ยเป็นเงินปลีกสำหรับซื้อขายสินค้าราคาต่ำ

เงินพดด้วง ทำจากแท่งเงินทุบปลายให้งอเข้าหากัน แล้วตอกประทับตราประจำแผ่นดิน เนื่องจากมีรูปร่างกลมคล้ายตัวด้วง จึงเรียกกันว่าเงินพดด้วง เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนเงินตราสกุลใดในโลก ซึ่งใช้กันในย่านนี้มาก่อนกรุงสุโขทัยแล้ว และใช้ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
เงินพดด้วงในสมัยกรุงสุโขทัย มีตราประทับอย่างน้อย 2 ดวง เป็นรูปสัตว์ชั้นสูง เช่น วัว ควาย กระต่าย หอยสังข์ และราชสีห์ เป็นต้น

เงินพดด้วงในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีลักษณะคล้ายของกรุงสุโขทัย แต่ตรงปลายที่งอจดกันไม่แหลมเหมือนของกรุงสุโขทัย ตราที่ประทับส่วนใหญ่จะเป็นตราจักรและตราประจำรัชกาล เช่น ครุฑ ช้าง ราชวัตร พุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นต้น ส่วนในกรุงธนบุรี ยังคงใช้เงินพดด้วงของกรุงศรีอยุธยา และผลิตขึ้นใช้เอง 2 ชนิด คือประทับตราตรีศูล และตราทวีวุธ 

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ยังคงใช้เงินพดด้วงต่อมา โดยประทับตราจักร ซึ่งเป็นตราประจำแผ่นดิน พร้อมกับตราประจำรัชกาล คือรัชกาลที่ 1 เป็นตราบัวอุณาโลม รัชกาลที่ 2 เป็นตราครุฑ รัชกาลที่ 3 เป็นตราปราสาท รัชกาลที่ 4 เป็นตรามงกุฎ รัชกาลที่ 5 เป็นตราพระเกี้ยว

ในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อมีการเปิดประเทศด้วยสนธิสัญญาเบาริ่ง ทำให้การค้าขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พ่อค้าต่างประเทศได้นำเงินเหรียญของตนมาแลกเงินพดด้วงกับรัฐบาล เพื่อเอาไปซื้อสินค้าจากประชาชน จนเงินพดด้วงซึ่งต้องผลิตด้วยมือไม่พอใช้ เกิดความไม่สะดวกในการค้าขึ้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระราชดำริที่จะทำเงินเหรียญขึ้นมาใช้แทนเงินพดด้วง

ใน พ.ศ.2400 โปรดเกล้าฯให้คณะทูตไทยไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักอังกฤษ สมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรียได้จัดเครื่องทำเหรียญเงินขนาดเล็กเข้ามาถวายเป็นราชบรรณาการ จึงโปรดเกล้าฯให้ทำเหรียญกษาปณ์จากเครื่องนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก เรียกว่า “เหรียญเงินบรรณาการ” ขณะเดียวกันคณะทูตก็ได้สั่งซื้อเครื่องจักรทำเหรียญเงินจากบริษัทในอังกฤษเข้ามาในปลายปี 2401 จึงโปรดฯให้ตั้งโรงงานผลิตเหรียญกษาปณ์ขึ้นที่หน้าพระคลังมหาสมบัติ ในพระบรมมหาราชวัง พระราชทานนามว่า “โรงกระสาปน์สิทธิการ” จึงถือว่ามีการใช้เงินเหรียญแบบสากลขึ้นป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้ประกาศเลิกใช้เงินพดด้วง เพียงแต่ไม่ทำเพิ่มขึ้นอีก

เหรียญกษาปณ์ที่ผลิตเป็นครั้งแรกนี้ ผลิตโดยเครื่องจักรที่สั่งจากประเทศอังกฤษ ออกใช้แทน เงินพดด้วง ด้านหน้าเป็นรูปพระมหามงกุฎ มีฉัตรกระหนาบทั้ง 2 ข้าง ด้านหลังเป็นรูปช้าง อยู่กลางพระแสงจักร เหรียญเนื้อเงินแท้ ราคา 1 บาท น้ำหนัก 15.33 กรัม เส้นผ่าศูนย์กลางเหรียญ 31 มิลลิเมตร และเหรียญชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วยเหรียญเงินราคา 1 บาท กึ่งบาท สลึง เฟื้อง กึ่งเฟื้อง และเหรียทองพัดดึงส์อีกจำนวนหนึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2403


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000010739


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top