Sunday, 15 June 2025
TheStatesTimes

กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา เปิดเวทีถกแถลงสถานการณ์ทางทหารและความมั่นคงบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ประเด็น 'เราจะรักษาแผ่นดินไทยอย่างไร' เพื่อเสนอแนวทางรัฐบาลเป็นข้อมูลในการแก้ปัญหาอย่างรอบคอบ

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย. 68) เวลา 09.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม หมายเลข 406-407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (ฝั่ง สว.) คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำโดย พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ จัดประชุมถกแถลงอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์ทางทหารและความมั่นคงบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ประเด็น “เราจะรักษาแผ่นดินไทยอย่างไร” เพื่อแสวงหาข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับให้รัฐบาลนำไปใช้แก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ที่เกิดกรณีข้อพิพาทอยู่ในขณะนี้ โดยมีกรรมาธิการ นักวิชาการ และสื่อมวลชน เข้าร่วม

การแถลงอภิปรายและแสดงความคิดเห็นหัวข้อ “เราจะรักษาแผ่นดินไทยอย่างไร” มีคณาจารย์ และผู้ทรงคุณวุฒิมาให้ความรู้และแสดงความคิดเห็นในขอบข่ายความเชี่ยวชาญ ประกอบด้วย นายวีรพันธุ์ มาไลยพันธุ์ อดีตคณบดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ประเด็น” ปราสาททั้งหลายในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา” นายคำนูญ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ประเด็น “มุมมองข้อกฎหมายและกระบวนการของศาลโลก” และรองศาสตราจารย์ ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์สาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประเด็น “ปัญหาและการแก้ไขปัญหาชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน” โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ดำเนินรายการถกแถลง การอภิปราย และแสดงความคิดเห็น สำหรับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ อาทิ ไทยควรเตรียมข้อมูลให้พร้อมในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ซึ่งต้องอาศัยความชัดเจนและความหนักแน่นบนโต๊ะเจรจา

ฝากรัฐบาล วุฒิสภา หรือรัฐสภา ว่าจะต้องร่วมมือกันตอบโต้กัมพูชาเท่าที่ทรัพยากรของเราและความตั้งใจของเราที่มีอยู่ เพราะโจทก์วันนี้คือกัมพูชาใช้ยุทธศาสตร์กดดันไทยในหลายมิติ แนวรบการต่อสู้ไม่ใช่สถานที่เพียงอย่างเดียวแต่คือการปฏิบัติการทางวัฒนธรรม การช่วงชิงความหมายเชิงสัญลักษณ์ความเป็นชาตินิยมที่เข้มข้นเกินไปของกัมพูชา

พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา แถลงว่า คณะกรรมาธิการได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มาตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยประณามการกระทำอันไร้ความจริงใจในฐานะเพื่อนบ้านของกัมพูชา และเรียกร้องให้รัฐบาลต้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย ต่อมาในวันที่ 9-10 มิถุนายน 2568 ได้เดินทางไปพื้นที่ปฏิบัติการของกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ที่เคยเกิดกรณีพิพาทในเขตจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี เพื่อรับทราบข้อมูลแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจพี่น้องทหารหาญที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง อดทน โดยหลังจากที่พิจารณารอบด้านแล้วพบว่า สถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นประเด็นที่มีความซับซ้อนและสะสมความตึงเครียดมาเป็นระยะเวลายาวนาน จึงได้เชิญคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมาให้ความรู้ ด้วยการถกแถลงและแสดงความคิดเห็นมุมมองในประเด็นที่อยู่ในความเชี่ยวชาญของแต่ละท่าน โดยการจัดกิจกรรมในวันนี้เป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและเป็นข้อมูลสำหรับรัฐบาลสำหรับนำไปใช้แก้ไขปัญหาสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อไป

ททท. ผนึก อสส. ส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ลงนามความร่วมมือเพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

(13 มิ.ย. 68) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดย นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด และองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ZPOT) โดย นางสมรัก  บุษปธำรง รองผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (สายปฏิบัติการและพัฒนาธุรกิจ) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ “การดำเนินการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวประเทศไทย” เพื่อกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศและผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุมศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่าง ททท. และ อสส. จะช่วยส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในสวนสัตว์ 6 แห่ง และ 1 โครงการ ทั่วประเทศไทย ประกอบด้วย สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์อุบลราชธานี สวนสัตว์ขอนแก่น สวนสัตว์สงขลา และโครงการคชอาณาจักร จ.สุรินทร์ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจและประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว โดยทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันผลักดันกิจกรรมด้านประชาสัมพันธ์และและส่งเสริมการตลาดที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับการเรียนรู้  ทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านอนุรักษ์ การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวในพื้นที่สวนสัตว์ ตลอดจนการใช้สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อเพิ่มการรับรู้ในวงกว้างและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง

นางสมรัก บุษปธำรง รองผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (สายปฏิบัติการและพัฒนาธุรกิจ) กล่าวว่า ความร่วมมือกับ ททท. ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมบทบาทของสวนสัตว์ในฐานะพื้นที่เรียนรู้ควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์และสร้างสรรค์กิจกรรมที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพิ่มมูลค่าให้กับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งร่วมกันยกระดับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวของไทยให้เชื่อมโยงกับแนวคิดด้านธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคมในระยะยาว

ทั้งนี้ ภายหลังจากพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือฯ ผู้แทนจากทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันเยี่ยมชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียวเพื่อสำรวจพื้นที่และศึกษาการบริหารจัดการสวนสัตว์ที่เน้นการอนุรักษ์และส่งเสริมการเรียนรู้ด้านธรรมชาติอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาและจัดกิจกรรมท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยถึงการใช้เทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลเพื่อขยายการเข้าถึงข้อมูลและเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้น

บันทึกความเข้าใจความร่วมมือฯ นี้มีระยะเวลา 1 ปี โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันขับเคลื่อนกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การผลิตเนื้อหาประชาสัมพันธ์ทางการท่องเที่ยวร่วมกัน รวมถึงการจัดกิจกรรมทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยเริ่มต้นด้วยสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก อ.ส.ท.คลับ จะได้รับส่วนลด 20% สำหรับการเข้าชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียว, สวนสัตว์เชียงใหม่, สวนสัตว์ขอนแก่น, สวนสัตว์นครราชสีมา, สวนสัตว์อุบลราชธานี และสวนสัตว์สงขลา จากอัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 200 บาท เหลือ 160 บาท จำกัดจำนวน 2,000 สิทธิ์ ขณะที่สมาชิกสโมสรผู้รักสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (ผู้ถือบัตร Zoo Lover Society) สามารถซื้ออนุสารอ.ส.ท.ในราคาเล่มละ 70 บาท จาก 85 บาท (ไม่รวมค่าจัดส่ง) ในช่วงเดือนเมษายน - ธันวาคม 2568 จำกัดจำนวน 1,500 สิทธิ์ โดยสามารถสั่งซื้อได้ผ่านช่องทาง https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSff0BDqIjhoXiwFYdcntDIRe45uDLnDxQokTOAQWI9o180bOw/viewform นอกจากนี้จะร่วมกันดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวรูปแบบต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ขยายกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ และการจัดกิจกรรม CSR (Corporate Social Responsibility) สนับสนุนแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความยั่งยืนและความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยในระยะยาว

สล.พมพ.ทรภ.1 จัดกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากร เสริมทักษะช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล

ระหว่างวันที่ 11 – 13 มิถุนายน 2568 สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ในเขตทัพเรือภาคที่ 1 (สล.พมพ.ทรภ.1) จัดกิจกรรม “เพิ่มประสิทธิภาพบุคลากร” ณ ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด (ฐตร.ทรภ.1) ตำบลคลองใหญ่ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด เพื่อเสริมสร้างทักษะในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลให้แก่กำลังพล

กิจกรรมดังกล่าวได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือเกาะช้าง (ศรภ.ทร.เกาะช้าง) พร้อมด้วยอาสาสมัครจากกลุ่ม “ใจถึงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” โดยมี นายฝันเด่น จรรยาธนากร (พี่เล็ก) ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ตรงแก่ผู้เข้าร่วม มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 80 นาย ประกอบด้วยกำลังพลจากฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราดและหมู่เรือลาดตระเวนชายแดน การฝึกอบรมประกอบด้วยทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ พร้อมทั้งจัดฝึกภาคสนามในทะเลจากสถานการณ์จำลองจริง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และฝึกฝนอย่างใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากที่สุด

กิจกรรมครั้งนี้นับเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลในพื้นที่รับผิดชอบของทัพเรือภาคที่ 1 โดยเฉพาะใน ฐตร.ทรภ.1 และหมู่เรือลาดตระเวนชายแดนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดการประสานงานที่มีประสิทธิภาพระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลอย่างรวดเร็วและเป็นระบบ

‘นิพนธ์’ เปิดบ้าน!! ต้อนรับกงสุลใหญ่จีนประจำสงขลา เดินหน้า!! ส่งเสริมความร่วมมือเศรษฐกิจ ‘ไทย–จีน’

(14 มิ.ย. 68) นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 8 สมัย เปิดบ้านพักที่เขารูปช้าง ให้การต้อนรับ นายวัง จื้อเจียน กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา พร้อมด้วยคณะผู้แทนจากสมาคมจีนสงขลา หาดใหญ่ และผู้นำเยาวชนในพื้นที่จังหวัดสงขลา

การพบปะครั้งนี้เป็นการหารืออย่างไม่เป็นทางการ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างไทย–จีน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยที่มีศักยภาพสูงในการเป็นฐานอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ในระดับภูมิภาค

ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับการเตรียมการต้อนรับ คณะนักธุรกิจจากมณฑลเสฉวน ที่จะเดินทางมาศึกษาดูงานในจังหวัดสงขลา โดยจะเยี่ยมชมพื้นที่เป้าหมายสำคัญ อาทิ นิคมอุตสาหกรรมยางพารา อำเภอหาดใหญ่ พื้นที่ศักยภาพการลงทุนในอำเภอสะเดา ใกล้ชายแดนไทย–มาเลเซีย 

นายนิพนธ์กล่าวว่า “สงขลามีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน แรงงาน และทำเลที่ตั้ง ซึ่งสามารถรองรับการลงทุนจากจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการพัฒนาและวางแผนร่วมกันอย่างจริงจัง จะสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน”

บรรยากาศของการพบปะเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นมิตร โดยทั้งสองฝ่ายได้มอบของที่ระลึก และแสดงความมุ่งมั่นที่จะสานต่อความร่วมมือไทย–จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต

‘มูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ’ เดินหน้าสานต่อ ภารกิจตอบแทนสังคม เพิ่มโอกาสทางการศึกษา ส่งต่อคอมพิวเตอร์ ให้วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร

(14 มิ.ย. 68) มูลนิธอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ เดินหน้าสานต่อภารกิจตอบแทนสังคม โดยมี กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK พร้อมด้วย กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ร่วมกันผนึกกำลัง ตามเจตนารมณ์ที่เป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของพันธกิจ ผ่านโครงการ “ITEL I GIVE คอมเก่า สร้างอนาคตใหม่” เพื่อตอบแทนสังคม สนับสนุนการศึกษา และพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทย ซึ่งเกิดจากความตั้งใจของมูลนิธิฯ จัดขึ้นผ่านโครงการ “ITEL I GIVE” โดยเป็นการส่งมอบคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ก และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ให้แก่ แผนกวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร จำนวน 40 เครื่อง ณ อาคาร อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอมฯ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา 

การส่งมอบในครั้งนี้ ดำเนินงานภายใต้การขับเคลื่อนของ มูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ ซึ่งเป็นองค์กรสำคัญของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ (ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Import & Distribution Business) ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ (Turnkey Engineering Business) และธุรกิจโทรคมนาคม และดาต้าเซ็นเตอร์ (Telecom Business & Data Center) ที่มุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรม เพื่อสังคม ผ่านการระดมจิตอาสา (CSR) ดำเนินกิจกรรมอาสาสมัครด้านการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทฯ ในการสร้างประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคมไปพร้อมกัน

สำหรับพิธีส่งมอบในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร.ชลิดา อนันตรัมพร ประธานมูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ และ ดร.ณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอมฯ ร่วมเป็นผู้แทนมอบ ให้กับ ดร.ชัยณรงค์ คัชมาตย์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร โดยส่งต่อคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ก และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบรนด์ Acer และ Dell รวมทั้งสิ้น 40 เครื่อง

โดยโครงการ 'ITEL I GIVE คอมเก่า สร้างอนาคตใหม่' เป็นกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) หลักของ ITEL ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ที่มาจากภายใต้โครงการ “ITEL I GIVE” โดยมุ่งใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ด้วยการส่งต่อคอมพิวเตอร์ให้เยาวชนไทยที่ขาดแคลนอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะในยุคดิจิทัล โดย ITEL มุ่งมั่นขยายโครงการนี้ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม และยั่งยืนอีกด้วย

นับว่า มูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ ซึ่งอยู่ในภายใต้การสนับสนุนของ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันผสานรอยต่อ โดยมี ความตั้งใจตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา และบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศในกระบวนการเรียนการสอน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน ตลอดจนการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้อย่างเท่าเทียม และเพิ่มขีดความสามารถของเยาวชนไทยให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล 

อีกทั้ง ยังสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาองค์กรของกลุ่มบริษัทฯ ที่ยึดมั่นในแนวทาง "นำเทคโนโลยี มาพัฒนาประเทศไทย" ไปพร้อมกับสนับสนุนการศึกษา เพื่อพัฒนาเยาวชนไทยให้เป็น 'คนดี คนเก่ง' ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของความเจริญก้าวหน้าในอนาคตของประเทศ ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต และยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ในการเตรียมความพร้อมเดินหน้าโครงการตอบแทนสังคมในหลากหลายมิติ ทั้งด้านการศึกษา เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืนแบบมีคุณภาพต่อไป

‘เบนซ์ไพรม์มัส’ เปิดมิติใหม่!! สุดลักชูรีย์ ในงาน Mercedes-Benz Driving Events

(14 มิ.ย. 68) 'เบนซ์ไพรม์มัส' เปิดมิติแห่งความหรูหราครั้งใหม่ กับ 2 กิจกรรมสุดลักชูรีย์ 'ล่องเรือยอร์ช ปล่อยปลาฉลาม' ผสาน “ขับสปอร์ตหรู บนสนามแข่งระดับตำนาน 'พีระ เซอร์กิต' พัทยา ในงาน Mercedes-Benz Driving Events” 

จิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด และบริษัทในเครือ ไพรม์มัส กรุ๊ป กล่าวว่า “ด้วยนโยบายของ 'เบนซ์ไพรม์มัส' ที่มุ่งตอบรับความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ทั้งด้านงานขายและบริการหลังการขาย รวมถึงการมอบประสบการณ์ที่แตกต่างเหนือระดับ พร้อมการดูแลเอาใจใส่ระดับลักชูรีย์ เพื่อตอบสนองความชื่นชอบของลูกค้าอย่างแท้จริง” 

ล่าสุด 'เบนซ์ไพรม์มัส' ได้ร่วมกับ 'เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)' ชวนลูกค้าคนสำคัญร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 'ล่องเรือยอร์ช ปล่อยปลาฉลาม' พร้อมสัมผัสความท้าทายกับสปอร์ตตัวแรงจากยานยนต์ระดับโลก Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG บนสนามแข่งรถแห่งแรกของประเทศไทย 'พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต' ในงาน 'Mercedes-Benz Driving Events' พัทยา จ.ชลบุรี 

วันแรก นัดรวมพลกันที่โชว์รูมรถยนต์ Mercedes-Benz สาขาไพรม์มัส พัทยา โดยมี ผู้บริหารระดับสูง 'จิระพล รุจิวิพัฒน์' ให้การต้อนรับและกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ ก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังท่าเรือ Ocean Marina Yacht Club เพื่อร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยการปล่อยปลาฉลามคืนสู่ท้องทะเลไทย บนเรือยอร์ชสุดหรูลำใหญ่ ที่พาชมความงดงามของธรรมชาติทะเลอ่าวไทย โดยมุ่งหน้าไปยังเกาะครามน้อย เกาะที่มีหาดทรายขาวละเอียดทอดตัวยาวขนานกับเส้นขอบฟ้าอย่างสวยงาม

จากนั้นเข้าสู่ช่วงสำคัญ นั่นคือ การปล่อย 'ปลาฉลาม' กลับสู่ท้องทะเล เพื่อร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติและรักษาระบบนิเวศของทะเลไทย โดยมีวิทยากร บรรยายความรู้เกี่ยวกับปลาฉลาม และสัตว์น้ำทะเล พร้อมวิธีการปล่อยปลาฉลามให้ถูกวิธี จากนั้นแต่ละครอบครัวได้ร่วมปล่อย 'ปลาฉลาม' กลับคืนสู่ท้องทะเลไทย ด้วยความสนุกสนาน และอิ่มเอมใจที่ร่วมปล่อยนักอนุรักษ์ตัวน้อยกลับคืนสู่ธรรมชาติเสร็จสมบูรณ์

ต่อด้วยการเดินทางเข้าสู่ที่พัก Melia Pattaya Hotel โรงแรมหรูระดับดาว 5 ใหม่ล่าสุด เพื่อเช็กอิน และพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนเข้าสู่ช่วงงานเลี้ยง 'Exclusive Dinner Party' ร่วมลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มที่จัดสรรมาอย่างดี พร้อมเพลิดเพลินกับเสียงเพลงที่สนุก เร้าใจ ทำให้ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแห่งความสุขของทุกคน

วันที่ 2 เริ่มต้นกิจกรรมความตื่นเต้นกับการขับสปอร์ตตัวแรงของ Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG ที่บริษัทแม่ 'เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)' คัดสรรมาอย่างเต็มพิกัดเกือบ 20 คัน อาทิ Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG SL 43, Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLE 53 Hybrid 4MATIC+ เป็นต้น เพื่อเปิดบทพิสูจน์สมรรถนะความเร็ว และความแรง ในสนาม 'พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต' พัทยา

เมื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่ ทางทีมงาน Driving Instructor ได้ให้คำแนะนำด้านเทคนิคการขับรถยนต์เบื้องต้น เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงสนามจริง เริ่มตั้งแต่การจับพวงมาลัย การวางตำแหน่งมือ การปรับเบาะ และการใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของอุปกรณ์ภายในรถยนต์ 

ส่วนการทดลองขับแบ่งออกเป็น 4  สถานี ได้แก่ สถานีการขับขี่บนถนนเปียก, การขับขี่แบบสลาลอม, การเบรกหลบสิ่งกีดขวาง, การขับขี่แบบ HOT LAP ที่เน้นเวลาและความเร็วสูงสุดในการขับรอบสนาม รวมทั้งการขับขี่บนท้องถนนจริง ทำให้ผู้ร่วมกิจกรรมสัมผัสสมรรถนะของรถยนต์ที่ชื่นชอบทั้งในสนามแข่งและนอกสนามแข่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพิ่มเติมความรู้และทักษะการควบคุมรถยนต์ในสถานการณ์ต่างๆ ทำให้ขับขี่รถยนต์ด้วยความมั่นใจ ปลอดภัยสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน

ปิดท้ายกิจกรรม ด้วยการมอบประกาศนียบัตรแห่งความภาคภูมิใจให้แก่ลูกค้าคนสำคัญ ในการเปิดประสบการณ์ที่แตกต่าง เหนือระดับกับครอบครัว “เบนซ์ไพรม์มัส ” ในงาน Mercedes-Benz Driving Events ครั้งนี้ ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าและความประทับใจ

‘ใบตองแห้ง’ ลั่น!! ‘ทหาร’ มีหน้าที่ตายตามคำสั่ง ‘รัฐบาล’ ชี้!! ไม่มีอำนาจ หน้าที่ กำหนดเส้นเขตแดนของประเทศ

(14 มิ.ย. 68) นายอธึกกิต แสวงสุข หรือที่หลายคนรู้จักในนาม 'ใบตองแห้ง' คอลัมนิสต์ที่คร่ำหวอดในแวดวงสื่อมวลชนมานาน ได้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า ...

ทหารไม่มีอำนาจหน้าที่กำหนดเส้นเขตแดน

ว่าตรงไหนเป็น 'แผ่นดินกู'

เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาล ภายใต้สนธิสัญญา ข้อตกลง ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ที่จะกำหนดเส้นเขตแดน

จากนั้น ถ้ามีการรุกล้ำ ทหารจึงมีหน้าที่สู้รบตามคำสั่งรัฐบาล

มีหน้าที่ตายตามคำสั่งอะ ไม่ได้มีอำนาจสั่ง!!

‘ดร.ไชยันต์’ โพสต์ย้ำ!! วิทยานิพนธ์มีปัญหา ‘จุฬาฯ’ ไม่เปิดเผยผลตรวจสอบ ลั่น!! ‘สกว.’ ให้ทุน จากภาษีปชช. ไปค้นคว้า แต่กลับมาเขียนปั้นเรื่อง บิดเบือน

(14 มิ.ย. 68) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ระบุว่า …

โพสต์ทุกวัน กัน (สภาจุฬาฯ) ลืม!!

(วันที่ยี่สิบแปด 28)

วิทยานิพนธ์ที่มีปัญหา และจุฬาฯไม่เปิดเผยผลตรวจสอบ!!

‘สกว.’ ให้ทุนกาญจนาภิเษก (ภาษีประชาชน) แก่นิสิตนักศึกษาปริญญาเอกไปค้นคว้าทำวิจัยในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ณัฐพล ใจจริง ได้ทุนดังกล่าวไปค้นข้อมูลที่หอจดหมายเหตุในต่างประเทศ

แต่กลับมาเขียนปั้นเรื่อง บิดเบือนแหล่งอ้างอิง หลอกประชาชนที่เสียภาษี โดยแหล่งอ้างอิงต่างประเทศนั้น คนที่ไม่มีโอกาสไปต่างประเทศ ไม่สามารถตรวจสอบได้ อย่างนี้ ประชาชนผู้เสียหายและเสียภาษี ไม่เรียกร้องอะไรเลยหรือครับ ??

เพื่อประโยชน์สาธารณะ ความรับผิดชอบและความถูกต้องทางวิชาการ ผมขอนำจุดต่างๆที่มีปัญหาในวิทยานิพนธ์ของณัฐพล ใจจริง มาให้สังคมได้รับรู้ จะได้ไม่มีส่วนในการอ้างอิง และ เผยแพร่ จุดผิดพลาดให้ขยายวงต่อ ๆ ไป สร้างความเข้าใจผิด เกิดความเสียหายต่อบุคคลต่าง ๆ

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกิจกรรมเก็บขยะชายหาดกับกลุ่ม “ใจถึงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” ในโอกาสครบรอบการจัดตั้ง  กลุ่มอาสาสมัครใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกันครบ 11 ปี  ต่อเนื่องจากกิจกรรมเก็บขยะชายหาดครั้งที่ 10 เนื่องในวันทะเลโลก

(14 มิ.ย. 68) ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกำลังพลร่วมกับอาสาสมัครจากกลุ่ม “ใจถึงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” โดยมี นายฝันเด่น จรรยาธนากร (พี่เล็ก) นำทีมเก็บขยะและเคลียร์พื้นที่บริเวณชายหาดหน้าหมู่เรือรักษาการณ์วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากกิจกรรมเก็บขยะชายหาดครั้งที่ 10 เนื่องในวันทะเลโลก จากการเก็บขยะทั้งสองครั้ง มีปริมาณขยะรวมกว่า 6 ตัน สะท้อนถึงปัญหาขยะทะเลที่ยังคงทวีความรุนแรง และต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขอย่างจริงจัง

ทัพเรือภาคที่ 1 ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยให้การสนับสนุนหน่วยงานและเครือข่ายจิตอาสาอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลให้ยั่งยืน

 

เชียงใหม่-กองบิน 41 จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อในรั้วกองทัพอากาศ และให้ความรู้พิษภัยยาเสพติด ประจำปี 2568

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย. 68) กองบิน 41 จัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาของกองทัพอากาศ และกิจกรรมบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด ประจำปี 2568 เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาและสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชนจากภัยยาเสพติด โดยมี นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 เป็นประธานในพิธี ซึ่งมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรม 200 กว่าคน ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

กิจกรรมในครั้งนี้ จัดขึ้นมีวัตถุประสงค์ เพื่อแนะแนวการศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาของกองทัพอากาศ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์แนวทางการศึกษาต่อในโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช, โรงเรียนจ่าอากาศ, และสถาบันการศึกษาอื่นๆ ภายใต้สังกัดกองทัพอากาศ โดยมี นักบินจากฝูง 411 กองบิน 41, รองผู้บังคับกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41, แพทย์ พยาบาล จากโรงพยาบาลกองบิน 41 และเจ้าหน้าที่แผนกกำลังพล ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบ, หลักสูตรการเรียนการสอน, โอกาสในการทำงานในอนาคต และชีวิตการเป็นนักเรียนทหารอากาศ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและทางเลือกให้กับเยาวชนที่มีความใฝ่ฝันอยากรับใช้ชาติในรั้วกองทัพอากาศ

อีกทั้งมีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงพิษภัยและผลกระทบของยาเสพติดในรูปแบบต่างๆ ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม โดยได้รับเกียรติจาก คุณทิพากร  ชีวสกุลยง  นักวิเคราะห์นโยบายและแผน หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ และคุณเอมอัจฉรา คำเวียง นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ชำนาญการ มาให้ความรู้เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของยาเสพติดชนิดใหม่, ช่องทางการเข้าถึง, อาการของผู้เสพ, ผลกระทบทางกฎหมาย และแนวทางการป้องกันตนเองจากยาเสพติด ตลอดจนให้คำแนะนำหากพบเห็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

กองบิน 41 เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต จึงได้จัดกิจกรรมในลักษณะนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา สร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมให้ห่างไกลจากยาเสพติดได้อย่างยั่งยืน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top