Tuesday, 22 April 2025
TheStatesTimes

‘เจ โชติกา’ จากธิดาช้าง สู่ตัวแทนโคราชลุ้นมงนางสาวไทย 2568 เปลี่ยนชีวิตจากน้ำหนัก 115 กก. เหลือ 64 กก. เพราะฝันต้องไปให้สุด

(22 เม.ย. 68) ‘เจ’ โชติกา ดอกแก้วกลาง หญิงสาวผู้มีความฝันอันแรงกล้าและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น นางสาวไทยนครราชสีมา ประจำปี 2568 พร้อมเป็นตัวแทนชาวโคราชเข้าประกวดเวที นางสาวไทยระดับประเทศ ซึ่งจะมีรอบตัดสินในวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ณ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2563 ‘น้องเจ’ เคยคว้าตำแหน่ง “ธิดาช้างเมืองย่าไทยแลนด์ 2020” พร้อมมงกุฎ สายสะพาย ถ้วยรางวัล และเงินรางวัล 10,000 บาท สร้างเสียงปรบมือและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนจำนวนมากในวันนั้น

และจากวันนั้นถึงวันนี้ น้องเจได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการลดน้ำหนักจาก 115 กิโลกรัม เหลือเพียง 64 กิโลกรัม โดยมีเป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่ 58 กิโลกรัม เพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตใหม่ที่สดใสยิ่งขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มาพร้อมการผ่าตัดกระเพาะที่ทำภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรักษาโรคเรื้อรังทั้งเบาหวาน ความดัน หัวใจ และไขมันในเลือด

“น้องเจคือภาพแทนของความไม่สมบูรณ์แบบ ที่ยืนอยู่ตรงนี้เพื่อบอกกับทุกคนว่า ความไม่สมบูรณ์แบบไม่เคยพรากคุณค่าจากตัวเราไปได้เลย และความฝันมีไว้ลงมือทำ” เจ โชติกา นางสาวไทยนครราชสีมา 2568 กล่าว 

จากตำแหน่ง "ธิดาช้าง" สู่นางสาวไทยเวทีระดับชาติ เรื่องราวของเธอเป็นเครื่องยืนยันว่า ความสวยไม่ได้วัดที่รูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ใจ ความกล้า และความพยายามไม่หยุดยั้ง

นักเทนนิสยูเครน ฟ้อง WTA และประธานสมาคม ‘สตีฟ ไซมอน’ ฐานก่อให้เกิดความเครียดทางอารมณ์ ปมปล่อยนักกีฬาสนับสนุนสงครามร่วมแข่ง

(22 เม.ย. 68) เลเชีย ซูเรนโก้ (Lesia Tsurenko) นักเทนนิสหญิงชาวยูเครนวัย 35 ปี ได้ยื่นฟ้อง สมาคมเทนนิสหญิงโลก (WTA) และ ประธานสมาคม สตีฟ ไซมอน (Steve Simon) โดยกล่าวหาว่า ละเมิดสัญญา ประมาทเลินเล่อ และก่อให้เกิดความเครียดทางอารมณ์ จากการที่ WTA อนุญาตให้นักกีฬาจากรัสเซียและเบลารุสที่แสดงการสนับสนุนสงครามในยูเครนสามารถลงแข่งขันในรายการระดับนานาชาติได้

โดยกรณีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังดำเนินอยู่ และลุกลามเข้าสู่วงการกีฬา โดยเฉพาะในระดับนานาชาติที่องค์กรต่างๆ ถูกตั้งคำถามเรื่องจุดยืนต่อผู้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง

ซูเรนโก้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 239 ของโลก ระบุว่า การต้องเผชิญหน้ากับนักกีฬาจากประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรุกรานบ้านเกิดของเธอ ส่งผลรุนแรงต่อสุขภาพจิตและฟอร์มการเล่น โดยเธอเคยถอนตัวจากการแข่งขันเนื่องจากอาการตื่นตระหนก และมักจะ “ตกรอบแล้วตกรอบอีก” เพราะความกดดันทางอารมณ์ที่ต้องแบกรับ

ซูเรนโกเปิดเผยว่าในปี 2023 ลินด์เซย์ แบรนดอน ผู้อำนวยการฝ่ายคุ้มครองความปลอดภัยของ WTA ได้แจ้งกับเธอว่า สตีฟ ไซมอน จะถูกสอบสวนในข้อหาละเมิดจรรยาบรรณขององค์กร อย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน WTA ได้แจ้งผลสอบสวนว่า ไซมอนไม่ได้ละเมิดจรรยาบรรณขององค์กรหรือข้อกำหนดใดๆ ในคู่มือพนักงาน และเมื่อซูเรนโกพยายามยื่นอุทธรณ์ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

“ซีอีโอขององค์กรได้กระทำการล่วงละเมิดทางศีลธรรมต่อฉัน นำไปสู่อาการตื่นตระหนก และฉันไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้” ซูเรนโกโพสต์ข้อความแสดงความรู้สึกผ่านโซเชียลมีเดีย 

ด้าน WTA ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ข้อกล่าวหาโดยยืนยันจุดยืนอย่างชัดเจนต่อสงคราม ระบุว่า 

“ยืนกรานและชัดเจนในการประณามสงครามของรัสเซียต่อยูเครน และการกระทำของรัฐบาลรัสเซียต่อประชาชนชาวยูเครน”

“WTA ได้ดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อช่วยเหลือสมาชิกผู้เล่นชาวยูเครนของเรา ซึ่งเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในฐานะนักกีฬาอาชีพ”

“องค์กรยึดหลักการของความเท่าเทียมและการไม่เลือกปฏิบัติ โดยการแข่งขัน WTA เปิดให้นักเทนนิสหญิงทุกคนที่ผ่านเข้ารอบตามผลงานสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ นักกีฬาแต่ละคนไม่ควรถูกลงโทษจากการกระทำของรัฐบาล”

นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิจารณ์จากนักกีฬายูเครนต่อการมีส่วนร่วมของนักเทนนิสชื่อดัง เช่น อารีน่า ซาบาเลนก้า (Aryna Sabalenka) มือหนึ่งของโลกจากเบลารุส และ เมียร์ร่า อันเดรเยว่า (Mirra Andreeva) ดาวรุ่งจากรัสเซียที่ไต่ขึ้นสู่อันดับ 7 ของโลก ซึ่งยังคงได้รับสิทธิ์แข่งขันภายใต้ธงกลางในรายการ WTA

ซูเรนโก้ย้ำว่า การดำเนินการทางกฎหมายครั้งนี้ไม่ใช่การโจมตีบุคคลใดโดยเฉพาะ แต่เป็นความพยายามที่จะ เรียกร้องความยุติธรรมและจุดยืนทางจริยธรรมของวงการกีฬา โดยเชื่อว่า “กีฬาไม่ควรเงียบเฉยต่อความรุนแรงและการรุกรานทางการเมือง”

สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระอนุเคราะห์ กรณีสามเณรถูกเหตุร้ายในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา จนทำให้มีสามเณรถึงมรณภาพ 1 รูป และอาพาธ 1 รูป

ตามที่ เกิดเหตุคนร้ายประทุษร้ายสามเณร ณ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อวันอังคาร ที่ 22 เมษายน 2568 ทำให้มีสามเณรถึงมรณภาพ 1 รูป และอาพาธ 1 รูป ความทราบตามข่าวสารที่ปรากฏแล้ว นั้น

เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงปลงธรรมสังเวชและโปรดประทานผ้าไตร 1 ไตร พร้อมไม้จันทน์ 1 ช่อ สำหรับการฌาปนกิจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เจ้าภาพศพสามเณรพงษ์กร ชูมาปาน เพื่อช่วยการบำเพ็ญกุศล

อนึ่ง โปรดประทานเหรียญพระรูปแก่สามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป์ เพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เป็นคิลานปัจจัย

ทั้งนี้ มีพระบัญชาโปรดให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้เชิญสิ่งของและกัปปิยภัณฑ์ประทานไปถวายแด่เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เพื่อมอบแก่เจ้าภาพศพและสามเณรผู้อาพาธตามพระประสงค์

อนึ่ง มีรับสั่งประทานกำลังใจแก่ครอบครัว ญาติมิตรของผู้ถึงมรณภาพ ให้ทุเลาความโศก และความหม่นหมอง อีกทั้งโปรดประทานพรให้เจ้าหน้าที่ ผู้ประสบเหตุ และผู้ตระหนกเสียขวัญจนถึงพร้อมด้วยขันติ สติ และปัญญาอันเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ความสงบร่มเย็นของชาติ และความสถาพรของพระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทยให้ดำรงมั่นคงอยู่สืบไป

ภาษีคือภาษี ความผิดคือความผิด เสียงสะท้อนถึง…พี่ชาย ‘ดร. พอล แชมเบอร์ส’ ปมขอให้สหรัฐฯ กดดันไทย

(22 เม.ย. 68) จากกรณีที่ คิท แชมเบอร์ส (Kit Chambers) พี่ชายของ ดร. พอล แชมเบอร์ส (Dr. Paul Chambers) นักวิชาการชาวอเมริกันซึ่งกำลังเผชิญคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ ในประเทศไทย ได้เผยแพร่บทความผ่าน The Oklahoman สื่อท้องถิ่นของรัฐโอคลาโฮมา เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ระงับการเจรจาการค้าด้านภาษีกับไทยจนกว่า “น้องชายของเขาจะได้กลับบ้าน”

ในบทความดังกล่าว คิท แชมเบอร์ส กล่าวหาว่าการกักขังน้องชายของตนนั้น “ไม่เป็นธรรม” และยืนกรานว่านี่ไม่ใช่ปัญหาทางการค้า แต่คือ “เรื่องสิทธิมนุษยชน”

ล่าสุด “ปราชญ์ สามสี” ได้ออกมาโพสต์แสดงความเห็นถึงกรณีนี้ว่า

คำถามคือ — แล้วการกระทำผิดกฎหมายในประเทศหนึ่ง สามารถกลายเป็น "ของต่อรอง" ได้จริงหรือ?

ถ้าคนไทยสักคนเดินทางไปสหรัฐฯ แล้วไปละเมิดกฎหมายของอเมริกา เช่น ละเมิดสัญลักษณ์ทางการเมือง ข่มขู่บุคคลสาธารณะ หรือทำผิดทางไซเบอร์ ประเทศไทยควรจะ "ขู่ขึ้นภาษีสินค้าอเมริกัน" เพื่อให้สหรัฐฯ ยอมปล่อยตัวกลับบ้านหรือไม่?

การใช้ข้อเรียกร้องทางอารมณ์ มาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของรัฐอื่น นอกจากจะบ่อนทำลายหลักนิติธรรมแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจในอธิปไตยของแต่ละประเทศอย่างร้ายแรง

ไทยไม่ได้กักขังพอลเพราะเขาเป็นอเมริกัน แต่เพราะเขาทำผิดกฎหมายไทย และกระบวนการที่เกิดขึ้น ก็อยู่ภายใต้สิทธิในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ไม่ต่างจากประชาชนไทยทั่วไป

การเจรจาภาษีควรเดินหน้าอย่างอิสระ เพราะเศรษฐกิจคือผลประโยชน์ของคนทั้งชาติ ไม่ใช่เวทีต่อรองเพื่อปล่อยตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง อย่าเอาน้ำหนักของ “สายเลือด” ไปทับถม “หลักนิติธรรม” ที่ประเทศอื่นพยายามรักษาไว้ด้วยความยากลำบาก

โลกจะอยู่ไม่ได้ หากอำนาจทางการค้าใหญ่กว่าหลักแห่งความยุติธรรม

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเดินสายซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ - เยียวยาผู้ประสบภัยอัคคีภัย ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และ มอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง

(22 เม.ย.68) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ซอยโรงธูป อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี  รวมจำนวน 49 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รวมจำนวน 17 ชุด รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งสิ้น 214,000 บาท  โดยมี นายนรสิงห์ อรุณบรรเจิดกุล ปลัดเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองบ้านโป่ง พร้อมด้วย คณะมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี และ คณะอาสาสมัครเฉพาะกิจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ เทศบาลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี   หลังจากนั้น นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว จำนวน 7 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 140,000 บาท 

รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั้งสองเหตุเป็นเงินทั้งสิ้น 354,000 บาท (สามแสนห้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอแสดงความเสียใจและอาลัยอย่างสุดซึ้ง และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทุกท่านมา ณ ที่นี้

เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ดำเนินการเชิงรุกอย่างบูรณาการร่วมกันทั้งด้านงานบรรเทาสาธารณภัย และงานสังคมสงเคราะห์ ดังเช่น เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ได้จัดส่งทีมสาธารณภัย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลที่ทำการอพยพและเปิดรับบริจาคสิ่งของ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ ทั้งชาวไทยและเมียนมา รวมมูลค่าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวจนถึงปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังคงติดตามและเข้ามอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้ประสบเหตุดังกล่าวต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป ท่านสามารถติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

กว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

'นายกฯ อิ้งค์' ส่งสัญญาณการเมืองนิ่ง ย้ำทีมเวิร์กสำคัญ – ยังไม่คิดสลับขั้ว ครม.

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ว่า ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทราบว่ามีเรื่องของโพลที่ทุกคนให้ความสนใจ ก็พร้อมรับฟังทุกฝ่าย รวมถึงโพลที่สำรวจความเห็นประชาชนก็จะนำไปคิด

"และที่จริง ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง ไม่ว่าตำแหน่งอะไร ตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ก็เช่นกัน ไม่ใช่แค่ตำแหน่งของใครคนใดคนหนึ่ง เราควรทำใจให้นิ่งไว้"

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะปรับพรรคภูมิใจไทย ออกและนำพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาแทน นายกรัฐมนตรี กล่าวย้อนว่า คำถามนี้แรงขึ้นมาเลย ต้องบอกว่ายังไม่มีอย่างนั้น ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

เมื่อถามย้ำว่าในอนาคตจะมีทางเอาพรรคพลังประชารัฐเข้ามาร่วมรัฐบาล หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้นายกฯเคยระบุให้ดูหน้าของนายกฯเอาไว้ และพูดว่าจะไม่จับมือกับคนทำรัฐประหาร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ใช่ ที่บอกว่าให้ดูหน้าของดิฉันไว้จะไม่จับมือกับคนทำรัฐประหาร แต่นี่เป็นเรื่อง 2 ปีที่แล้ว และเผอิญคะแนนไม่ถึง ก็เลยต้องจับกันอยู่แล้ว และจับกันมาสักพักแล้ว ทำไมคำถามนี้ดีเลย์จัง“

เมื่อถามว่าถ้ายังเป็นอย่างนี้ จะไม่มีผลอะไรกับรัฐบาลใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แล้วจะมีอะไรอีกหรือไม่ ขอสื่อเล่าให้ฟังบ้าง ดูๆให้หน่อย

ส่วนกรณีที่นายกฯระบุว่าให้ทำใจให้นิ่ง หมายถึงจะสื่อสารไปถึงรัฐมนตรีคนอื่นด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคน ทุกอย่าง ต้องทำใจให้นิ่งไว้ วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่ได้คิดจะปรับอะไร เมื่อมีความเห็นอะไรก็มาดูว่ามีอะไรบ้าง เพราะตนชอบทำงานเป็นทีมและทำงานแบบไม่ต้องสู้กัน สามารถทำงานด้วยกันไม่ต้องไฟท์กันแต่ละกระทรวง ไม่ชอบการแตกความสามัคคี และดูว่าต้องทำดีที่สุดจะเป็นอย่างไร ถ้าสมมุติว่าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆเราจะไปปรับแก้ตอนนั้น แต่เวลานี้ยังไม่ได้เป็นอะไร ต้องรอดูแล้วคุยกันก่อน

23 เมษายน พ.ศ. 2159 ‘วิลเลียม เชกสเปียร์’ เกิดและจากไปในวันเดียวกัน ราวกับบทละคร วันแห่งการระลึกถึงผู้ฝากผลงานอันเป็นนิรันดร์ ‘โรมิโอและจูเลียต’

วันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1616 (พ.ศ. 2159) ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลกวรรณกรรม เนื่องจากเป็นวันที่ วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) นักเขียนบทละครและกวีผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ ได้เสียชีวิตลง ณ เมืองสแตรตฟอร์ด ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง โดยมีอายุ 52 ปี แม้สาเหตุการเสียชีวิตจะไม่ปรากฏแน่ชัด แต่มีบันทึกระบุว่าเขาถูกฝังในวันที่ 25 เมษายน ณ โบสถ์ โฮลี ทรินิตี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเดียวกัน

ทั้งนี้ วิลเลียม เชกสเปียร์ เกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1564 หมายความว่าเขาเกิดและเสียชีวิตในวันเดียวกัน โดยเชกสเปียร์ในตอนที่ยังมีชีวิตเป็นนักเขียนที่มีผลงานที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในวงการวรรณกรรมโลก ผลงานสุดยอดของเขาได้แก่การประพันธ์ บทละคร (plays) บทกวี (poems) และ โคลง (sonnets) ที่ได้รับการแปลและแสดงในทั่วโลก ซึ่งผลงานของเชกสเปียร์ยังคงมีอิทธิพลต่อวรรณกรรมสมัยใหม่และมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อวงการละครและการแสดง

สำหรับผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเชกสเปียร์คือ “โรมิโอและจูเลียต” (Romeo and Juliet), “แฮมเลต” (Hamlet), “แม็คเบธ” (Macbeth) และ “มคธ” (Macbeth) ที่มีเนื้อหาที่ลึกซึ้งและการพัฒนาอักขระในผลงานของเขาได้สะท้อนถึงชีวิตและสังคมมนุษย์ในยุคของเขาได้อย่างมีเสน่ห์ ซึ่งยังคงเป็นที่รู้จักและถูกแสดงจนถึงปัจจุบัน 

การจากไปของวิลเลียม เชกสเปียร์ในวันที่ 23 เมษายน สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการวรรณกรรมโลก ถึงแม้ว่าจะมีความไม่แน่ชัดเกี่ยวกับเหตุผลที่แท้จริงของการเสียชีวิต แต่การจากไปของเขาในวันเดียวกับ ‘มิเกล เด เซร์บันเตส’ นักเขียนชาวสเปน นับเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวงการวรรณกรรมโลก ทั้งสองคนถือเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีผลกระทบอย่างมากในวงการวรรณกรรมของแต่ละประเทศ

ททท. จับมือ สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ส่ง ‘มวยและอาหารไทย’ บุก ‘คิงเพาเวอร์ สเตเดียม’ โชว์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ (Leicester City Football Club หรือ LCFC) เดินหน้าขยายโอกาสประชาสัมพันธ์เสน่ห์ไทยสู่สายตาชาวโลก ด้วยการจัดกิจกรรมนำเสนอศิลปวัฒนธรรมมวยไทยและอาหารไทยในช่วงระหว่างการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญ ระหว่างทีมเลสเตอร์ซิตี้และทีมลิเวอร์พูล ในวันที่ 20 เมษายน 2568 ณ คิงเพาเวอร์ สเตเดียม ณ เมืองเลสเตอร์ สหราชอาณาจักร มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกีฬาของตลาดยุโรป คาดสร้างการรับรู้รวมไม่ต่ำกว่า 5,000,000 คน-ครั้ง 

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า ททท. และสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ร่วมกันส่งเสริมประชาสัมพันธ์ประเทศไทยผ่านพลังของกีฬา และสร้างโอกาสในการเผยแพร่ Soft Power ของไทยสู่ระดับโลกภายใต้แนวคิด '5 MUST DO IN THAILAND' โดย ททท. ได้จัดเตรียมกิจกรรมที่สะท้อนเสน่ห์อัตลักษณ์ไทย ได้แก่ Must Try - มวยไทย และ Must Taste - อาหารไทย เพื่อนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจในแมตช์ฟุตบอลสำคัญของโลกระหว่างทีมเลสเตอร์ซิตี้และทีมลิเวอร์พูล ณ คิงเพาเวอร์ สเตเดียม ณ เมืองเลสเตอร์ สหราชอาณาจักร ให้แก่ผู้เข้าร่วมชมฟุตบอลในสนามและผู้ติดตามทั่วโลก 

โดยกิจกรรมประชาสัมพันธ์แบบ On Ground Activity ในครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในระดับนานาชาติ ผ่านการบูรณาการการท่องเที่ยวและกีฬา (Tourism and Sports) โดยมุ่งขยายผลของแคมเปญ 'Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025' ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในตลาดยุโรป ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูง ททท. มุ่งมั่นที่จะใช้พลังของกีฬาเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยว พร้อมสร้างการรับรู้ในวงกว้าง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม Sport and Entertainment ให้เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทย 

สำหรับกิจกรรมไฮไลต์ที่ ททท. จัดขึ้น บริเวณด้านหน้าคิงเพาเวอร์ สเตเดียม สหราชอาณาจักร ได้แก่ Must Try: การแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะ 'มวยไทย' ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยนำเสนอผ่านการแสดงรำไหว้ครูมวยไทยโชว์ในรูปแบบร่วมสมัย ผสานความแข็งแกร่งและความงดงามของท่วงท่าการต่อสู้แบบดั้งเดิม ซึ่งได้นำนักมวยชื่อดัง ได้แก่ ชาโด้ สิงห์มาวิน และ อเล็กซ์ สิงห์มาวิน มาร่วมแสดง พร้อมถ่ายทอดเสน่ห์และจิตวิญญาณของมวยไทยสู่สายตาชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทดลองการรำไหว้ครูมวยไทยเพื่อลุ้นรับเสื้อพร้อมลายเซ็นนักฟุตบอลของสโมสรฯ และกางเกงช้างจาก ททท. Must Taste: โดยการนำเสนอ 'ข้าวแต๋น' ขนมพื้นบ้านของไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยกรรมวิธีการทำแบบดั้งเดิมที่ผสมผสานรสชาติกรุบกรอบของข้าวพองกับความหวานหอมของน้ำตาลอ้อยและน้ำแตงโม โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้ทดลองชิมขนมไทยแท้ และเรียนรู้เรื่องราววัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นของไทย 

ทั้งนี้ ททท. ได้ร่วมมือกับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ หนึ่งในสโมสรฟุตบอลระดับพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษที่ได้รับความนิยมสูงและมีผู้ติดตามชมการแข่งขันจำนวนมากในระดับโลก ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ ททท. ได้ดำเนินกิจกรรมประชาสัมพันธ์ประเทศไทยร่วมกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ยังได้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โฆษณา Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ผ่านสื่อของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ทั้งบริเวณหน้าจอ LED ภายในสนามคิงเพาเวอร์ สเตเดียม และช่องทางออนไลน์ อาทิ Lcfc.com และช่องทาง Facebook หรือ X ของเลสเตอร์ซิตี้ ซึ่งมีผู้ติดตามรวมจำนวนกว่า 10 ล้านคน รวมถึงที่ผ่านมา ททท. ได้จัดทำคลิปประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์ พร้อมให้แฟนฟุตบอลชาวสหราชอาณาจักร ร่วมตอบคำถามเพื่อลุ้นรับบัตรเข้าชมฟุตบอลนัดสำคัญนี้ จำนวนกว่า 10 ที่นั่ง โดยการแข่งขันฟุตบอลของทั้งสองทีมพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมการแข่งขันในสนามจำนวนกว่า 30,000 คน และผู้สนใจติดตามชมการแข่งขันหลายพันล้านคนทั่วโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top