Tuesday, 8 July 2025
TheStatesTimes

ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนอย่าให้ผู้อื่นยืมรถไปขับ โดยเฉพาะผู้ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เจ้าของรถมีความผิดตามกฎหมาย

วันนี้ (4 ม.ค. 68) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ในเรื่องการเกิดอุบัติเหตุอันจะทำให้สูญเสียชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินได้ อีกประการหนึ่งคือการให้ผู้อื่นยืมรถไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ทุกประเภท ผู้ขับขี่ที่ยืมรถไปใช้ต้องมีใบอนุญาตขับรถประเภทนั้นๆด้วย ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบ เจ้าของรถจะมีความผิดด้วย

ตัวอย่างจากกรณีเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2567 เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกัน 2 คัน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บริเวณถนนหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จากการตรวจสอบทราบว่าหนึ่งในผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ ได้ยืมรถจักรยานยนต์จากเพื่อนสนิทมาขับขี่ แล้วเป็นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุ ในทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ได้ดำเนินการติดตามตัวเจ้าของรถจักรยานยนต์ดังกล่าวมาดำเนินคดี ในความผิด พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522

ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 56 ภายใต้บังคับมาตรา 43 และมาตรา 57 ห้ามมิให้เจ้าของรถหรือคนขับรถยินยอมให้ผู้ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถ หรือมีใบอนุญาตขับรถประเภทอื่นที่ใช้แทนกันไม่ได้ เข้าขับรถของตนหรือรถที่ตนเป็นคนขับ ผู้ใดฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 2,000 บาท และผู้ใดฝึกหัดขับรถยนต์ ต้องมีผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ควบคุมอยู่ด้วย 

กรณีที่ผู้ขับรถเป็นคนต่างด้าว ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ผู้ขับรถซึ่งเป็นคนต่างด้าวนั้นจะใช้ใบอนุญาตขับรถ ตามมาตรา 42 ทวิ ขับรถในราชอาณาจักรได้ และจะต้องมีใบอนุญาตขับยืรถดังกล่าวพร้อมแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วย หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนว่าความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ฯ นี้ ไม่สามารถยอมความได้ ดังนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าของรถจึงไม่ควรให้ผู้อื่นที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ยืมรถไปขับ รวมทั้งผู้ปกครองไม่ควรปล่อยปละบุตรหลานซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับขี่ให้นำรถไปแข่งรถในทางด้วย เพราะถือว่ามีความผิดในกฎหมายหลายข้อหา รวมทั้ง พ.ร.บ.รถยนต์ฯ ที่เจ้าของรถจะต้องรับโทษตามกฎหมายด้วย

ผบ.ตร. สั่งทุกหน่วยและจเรตำรวจ ตรวจสอบการแสวงหาความร่วมมือภาคประชาชน ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย กำชับต้องไม่มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง และห้ามมิให้มีลักษณะช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก เอื้อประโยชน์ในทางที่มิชอบให้กับผู้ใดโดยเด็ดขาด

 

วันนี้ (4 ม.ค. 68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข้อมูลในสื่อโซเชียลต่าง ๆ ว่ามีการจัดฝึกการอบรมหรือการแต่งตั้งที่ปรึกษา โดยอาจมีลักษณะที่เอื้อประโยชน์ หรือไม่เป็นไปตามกฎหมายนั้น ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และจเรตำรวจ ตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ความเป็นมาของโครงการ การดำเนินการ ผู้มีอำนาจในการดำเนินการ และมีลักษณะที่แอบแฝงใดหรือไม่ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ทั้งนี้ หากพบว่ามีมูลที่เข้าไปเกี่ยวข้อง พัวพันในทางที่น่าจะมิชอบด้วยกฎหมาย ในเบื้องต้นให้ใช้มาตรการทางปกครองโดยทันที และพิจารณาตามข้อกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้เกิดความชัดเจนและโปร่งใสในการทำงาน แล้วรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบทันที

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ำชัดว่า แม้ว่าการแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ได้กำหนดไว้เป็นแนวทางตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 และในระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการส่งเสริมให้ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่นและองค์กรมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ พ.ศ.2551 โดยกำหนดรูปแบบ ลักษณะความร่วมมือด้านต่าง ๆ และการติดตามและประเมินผลในระดับสถานีตำรวจ ประกอบกับกรณีคนต่างด้าว ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ข้อห้าม และการปฏิบัติตนสำหรับคนต่างด้าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งให้ทุกหน่วยตรวจสอบการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ไม่มีผลประโยชน์หรือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใด เป็นการแอบแฝง และกำชับการใช้เครื่องหมายราชการ ตราสัญลักษณ์ต่าง ๆ จะต้องเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย หากพบบุคคลใดแสดงตน แอบอ้างการเป็นเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือนำเครื่องแบบหรือเครื่องหมายราชการไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ทุกหน่วยตรวจสอบและดำเนินคดีทุกราย ทั้งนี้ ให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ทุกหน่วย ลงพื้นที่ตรวจสอบหน่วยในสังกัด หากพบว่าหน่วยใดปล่อยปละละเลย จะพิจารณาข้อบกพร่องทั้งทางวินัย อาญา และทางปกครองโดยทันที

ตำรวจแห่งชาติประสานเมียนมา บินด่วนรับ 151 คนไทยกลับประเทศ เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่เป็นเหยื่อ และขยายผลเพื่อจับกุมแก๊งพนันออนไลน์ รวมทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันนี้ (4 ม.ค. 68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วีรชน บุญทวี ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท , พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท และ พล.ต.ต.ธนรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.รรท รอง ผบช.ภ.5 นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ไปรอรับการปล่อยตัวคนไทยจากทางการเมียนมาจำนวน 151 คน เป็นชาย 74 คน และหญิง 77 คน ณ ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งคาดว่าจะเดินทางมาถึงในช่วงค่ำวันนี้

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้มาติดตามและดำเนินการจากกรณีที่ทางการไทยได้มีความร่วมมือกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา กระทรวงมหาดไทย และกองบัญชาการตำรวจเมียนมา ในการปราบปรามและจับกุมแก๊งพนันออนไลน์ ซึ่งคนไทยกลุ่มนี้ถูกจับกุมใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ข้อหาเรื่องการพนันออนไลน์ และ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง แต่ว่าในส่วนของไทยนั้นมีข้อมูลเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็จะมีการขยายผลเรื่องนี้ด้วย ซึ่งผู้ที่ถูกจับกุมจำนวน 154 คน ถูกส่งตัวไปยังสถานีตำรวจท่าขี้เหล็ก และศาลเมียนมาได้ตัดสินจำคุกทั้งหมดเป็นเวลา 2 ปี ได้รับการลดโทษ คงเหลือจำคุก 10 เดือน แต่ในจำนวนนี้มีเยาวชน 2 คนถูกส่งกลับก่อนหน้านี้แล้ว และมีผู้เสียชีวิต 1 คน จึงเหลือ 151 คนดังกล่าว 

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้นำหน่วยงานต่างๆ คือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.เชียงราย , ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.เชียงราย และทีมสหวิชาชีพ เตรียมรับตัวเพื่อคัดกรองตามกลไก NRM ว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์หรือไม่ โดยมีการเปิดศูนย์บูรณาการคัดแยกเอาไว้ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.เชียงราย ที่ 1 , มูลนิธิศูนย์ชีวิตใหม่ และมูลนิธิ Destiny Rescue ใช้เวลาคัดแยกไม่เกิน 15 วัน โดยเมื่อคนไทยทั้ง 151 คนกลับถึงประเทศไทยแล้วจะเข้าสู่กระบวนการคัดแยก จะต้องมีการคัดกรองว่าใครตกเป็นเหยื่อ หลังจากนั้นจะเป็นการสืบสวนขยายผล ซึ่งข้อมูลพยานหลักฐานที่เป็นเครื่องบ่งชี้ต่างๆ จะเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญที่จะใช้ประกอบในการดำเนินคดี โดยหากคัดกรองแล้วพบว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ก็จะให้การช่วยเหลือตามขั้นตอน แต่หากใครที่คัดกรองแล้วเป็นกระทำความผิดใด ๆ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งได้สั่งการให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบว่าใครที่มีการเดินทางเข้าออกไปประเทศเพื่อนบ้านบ่อยครั้ง ซึ่งเบื้องต้นในเรื่องของการข้ามแดน จาการตรวจสอบพบว่ามี 4 คน เดินทางโดยไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นการเข้าออกช่องทางธรรมชาติ ซึ่งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็จะมีการดำเนินคดี 4 คนนี้เมื่อกลับมาถึงไทยด้วย

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสคุยกับ พล.ต.ท.วิน ส่อ โม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเมียนมา ขณะเดินทางไปประชุมที่กรุงเนปิดอร์ เมื่อต้นปี 2567 ได้มีการพูดคุยในเรื่องของคนไทยทั้ง 151 คนที่ถูกจับกุมและควบคุมตัว รวมทั้งการรวบรวมพยานหลักฐาน การช่วยเหลือในเรื่องการส่งกลับ ประกอบกับเนื่องในโอกาสวันชาติของสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา หรือวันประกาศอิสรภาพ ซึ่งตรงกับวันที่ 4 มกราคม 2568 จนเป็นที่มาในการส่งตัวคนไทยทั้งหมดกลับประเทศไทยในวันนี้ และในส่วนของปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นเรื่องหลักที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ ได้มีการพูดคุยกันและจะได้มีการร่วมมือกันต่อไป 

พระราชทานเพลิง ตชด.พลีชีพ จากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด มอบธงไตรรงค์ สดุดีความกล้าหาญและเสียสละเพื่อประเทศชาติ

วันที่ (4 ม.ค. 68) เวลา 14.00 น. ที่วัดวังก์พง อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ  สิบตำรวจโท สรวิศ ฉ่ำชื่น ผบ.หมู่ กก.ตชด.44 (ร้อย ตชด.448) ปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ ร้อย ฉก.ตชด.441 ซึ่งพลีชีพจากเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง พร้อมทั้งใช้อาวุธปืน ไม่ทราบชนิดและขนาด ซุ่มยิง ขณะเดินทางโดยใช้รถยนต์บรรทุกหุ้มเกราะ เพื่อไปยังกองร้อย ตชด.441 ( วัดบันนังกระแจะ ) จ.ยะลา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยมี พลตำรวจโท นิตินัย หลังยาหน่าย ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.) พลตำรวจตรี บรรพต มุ่งขอบกลาง รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (รอง ผบช.ตชด.) ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ทหาร ส่วนราชการในพื้นที่ ข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดนและพี่น้องประชาชนร่วมพิธีจำนวนมาก

สำหรับพิธีพระราชทานเพลิงศพในครั้งนี้ จัดขึ้นอย่างสมเกียรติเพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ยังความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อครอบครัวของสิบตำรวจโท สรวิศ ฉ่ำชื่น อย่างหาที่สุดมิได้ โอกาสนี้ พลตำรวจโท สำราญ ได้พูดคุยให้กำลังใจแก่ครอบครัว พร้อมมอบธงไตรรงค์ เพื่อแสดงความกล้าหาญและเสียสละต่อประเทศชาติ  และมอบเงินสวัสดิการ เงินบำรุงขวัญและเงินช่วยเหลือให้แก่ทายาท

การเสียชีวิตของสิบตำรวจโท สรวิศ นับว่าเป็นความสูญเสียของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งเป็นการสละชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาเลื่อนขั้นสูงขึ้น เป็น พันตำรวจตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว และขอสดุดีในคุณงามความดีของ สิบตำรวจโทสรวิศ ฉ่ำชื่นที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญและเสียสละตนเพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชนจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต 

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ พักค้างแรมฐานปฏิบัติการ สร้างขวัญกำลังใจกำลังพล สร้างบรรยากาศจากเจาะไอร้อง เป็น เจาะไอรัก 

เมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ม.ค. 67) พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภาคในภาค 4 และคณะ เดินทางไปยังค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เพื่อลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม พักค้างแรมระลึก 21 ปี เหตุการณ์ “ปล้นปืนค่ายปิเหล็ง” สร้างขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ จับมือก้าวผ่านคืนวันอันขื่นขม ท่ามกลางความมุ่งมั่นที่จะนำสันติสุขกลับคืนมาในพื้นที่ 

ทั้งนี้ ย้อนไปเหตุการณ์ปล้นปืน เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547  มีผู้ก่อเหตุ 140 -150 คน บุกปล้นปืน 413 กระบอก จากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ "ค่ายปิเหล็ง" อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส  โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย  และสร้างความตื่นตกใจ สร้างบาดแผลและความบอบช้ำทางจิตใจให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างมาก ผ่านมา 21 ปี 
พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงและคณะ ได้ลงพื้น เพื่อสร้างขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดย เดินทางไปเยี่ยมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน บ้านตาโง๊ะ หมู่ที่ 2 พร้อมพบปะกับผู้นำชุมชนตลอดจนเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ซึ่งผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหมู่บ้านนั้น  จากนั้นได้ไปเยี่ยม ชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4812  สอบถามความเป็นอยู่ รวมไปถึงปัญหาข้อขัดข้องต่าง ๆ เพื่อรับทราบถึงปัญหา และให้ข้อเสนอแนะ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป และในโอกาสนี้คณะแม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้ร่วมวงทำอาหาร และทานข้าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำฐานปฏิบัติการอีกด้วย 

ต่อมาได้ เดินทางต่อไปติกตามการปฏิบัติงานของชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ กองร้อยทหารพรานที่ 4812 โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ต้องมีความพร้อมในทุกสถานการณ์ ทุกภารกิจ และต้องไม่ประมาท หมั่นซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน รวมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจถึงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ที่พร้อมจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทุกโอกาส ก่อนจะร่วมพักแรมร่วมกับเจ้าที่ชุดปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4812 

โดย กล่าวกับกำลังพลว่า  “ในวันนี้ตั้งใจว่าจะมา ร่วมอยู่ ร่วมกิน ร่วมนอนกันในที่แห่งนี้ เพื่อที่จะเป็นขวัญและกำลังใจให้พวกเราทุกคนได้เห็นว่า ในวงรอบ ในช่วงเวลาที่มันถูกจารึกไว้ จะต้องไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นมาอีก”
ข่าว.แวะดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

เชียงใหม่-ช่างฟ้อนกว่า 500 คน ฟ้อนเล็บ“อัตลักษณ์แบบคุ้มเจ้าหลวงพระราชชายาเจ้าดารารัศมี”ถ่ายทำ VTR

การถ่ายทำ VTR ฟ้อนเล็บ“แบบคุ้มเจ้าหลวงพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ” ในครั้งนี้มี แม่ครู ผู้นำหน่วยงาน ช่างฟ้อน และประชาชนเข้าร่วมการถ่ายทำกว่า 500 คน เพื่อประชาสัมพันธ์งานเฉลิมฉลอง สมโภชเชียงใหม่ อายุ 729 ปี 

วันเสาร์ที่ (4 ม.ค. 68) สมาคมสตรีนครเชียงใหม่ โดยคุณวรัญญา เลิศวรกิจพิพัฒน์ นายกสมาคมสตรีนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยดร.พิทักษ์ กาวีวน รองศึกษาธิการ จ.เชียงใหม่ เจ้าวันเพ็ญ ณ เชียงใหม่ ตัวแทนสภาวัฒนธรรม จ.เชียงใหม่ นายภูธาดล ธีรอธิยุต รองผู้อำนวยการอุทยานหลวงราชพฤกษ์ แถลงข่าว ภายหลังเสร็จสิ้นการถ่ายทำ VTR งานฟ้อนเล็บอัตลักษณ์ สมโภช 729 ปี เชียงใหม่ โครงการ สมโภชเชียงใหม่ 729 ปี “นครเชียงใหม่เมืองแห่งความสุขด้วยวิถีวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน” ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่

คุณวรัญญา เลิศวรกิจพิพัฒน์ นายกสมาคมสตรีนครเชียงใหม่  กล่าวว่า สมาคมสตรีนครเชียงใหม่ ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ ,องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ,วัฒนธรรม ,สภาวัฒนธรรม,ศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ ,องค์กรเครือข่ายวัฒนธรรมอำเภอทุกอำเภอจังหวัดเชียงใหม่ และ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ได้ถ่ายทำวิดีทัศน์ประชาสัมพันธ์  ฟ้อนเล็บอัตลักษณ์แบบคุ้มเจ้าหลวงพระราชชายาเจ้าดารารัศมี โดยในครั้งนี้มีแม่ครู ผู้นำหน่วยงาน ช่างฟ้อน และประชาชน เข้าร่วมการถ่ายทำกว่า 500 คน เพื่อประชาสัมพันธ์งานเฉลิมฉลอง สมโภชเชียงใหม่ อายุ 729 ปี ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ 

การถ่ายทำวิดีทัศน์ประชาสัมพันธ์ เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานสมโภชเชียงใหม่ 729 ปี"นครเชียงใหม่เมืองแห่งความสุขด้วยวิถีวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน" ที่จะจัดขึ้น ในวันที่ 18-20 เมษายน 2568 ณ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ และบริเวณรอบคูเมืองด้านใน ได้แก่ ประตูช้างเผือก ประตูท่าแพ ประตูเชียงใหม่ ประตูสวนปรุง ประตูสวนดอก 

นอกจากนี้ ในวันที่ 19 เมษายน 2568 ยังมีการจัดพิธีมหามงคลบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายบูรพกษัตริย์ และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ร่วมทำบุญตักบาตร พระภิกษุสงฆ์สามเณร 729 รูป พิธีบวงสรวงถวายบูรพกษัตริย์ และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ตามแบบประเพณีล้านนา พิธีถวายสักการะโดยจัดขบวนแห่เครื่องราชสักการะตามแบบประเพณีล้านนา รวมถึงขบวนฟ้อนเล็บอัตลักษณ์ แบบคุ้มเจ้าหลวงพระราชชายาเจ้าดารารัศมี เพื่อถวายและเฉลิมฉลองเมืองเชียงใหม่ เป้าหมาย ผู้เข้าร่วมฟ้อนเล็บอัตลักษณ์เชียงใหม่ จำนวน 19,901 คน จากประตูเมืองทั้ง 4 ทิศ สู่บริเวณพิธี

นอกจากนี้ยังได้มีการจัดนิทรรศการ และการแสดงเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ล้านนาระหว่าง วันที่ 18-20 เมษายน 2568

นภาพร/เชียงใหม่

ขอนแก่น - "เหล่ากาชาด" มอบผ้าห่มกันหนาวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว

(4 ม.ค. 67) เหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น มีกำหนดมอบผ้าห่มกันหนาวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากภัยหนาวในพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,000 ผืน

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า  ที่สำนักงานเทศบาลตำบลพระ ลับ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น นายชินกร แก่นคง นายอำเภอเมืองขอนแก่น  ร่วมมอบผ้าห่มกันหนาวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว โดยมี นางกรรณิกา กองฉลาด  นายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น มอบผ้าห่มกันหนาวแก่ประชาชนผู้ประสบภัยหนาว ในพื้นที่ตำบลพระลับ จำนวน 211 คน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง ที่มีฐานะยากจน โดยเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น  มีกำหนดมอบผ้าห่มกันหนาวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากภัยหนาวในพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,000 ผืน

ด้าน นางกรรณิกา กองฉลาด นายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่าที่ผ่านมา เหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น ได้จัดกิจกรรมของเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น ภายในงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว งานกาชาดจังหวัดขอนแก่น และงานขอนแก่นซอฟต์พาวเวอร์ ประจำปี 2567 เพื่อเชิญชวนประชาชนจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมกิจกรรมมหากุศล เพื่อเป็นการระดมเงินทุนให้กับเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น เพื่อจะได้นำเงินเหล่านั้นไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบสาธารณภัย ผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ การรับบริจาคโลหิต การส่งเสริมคุณภาพชีวิต และกิจกรรมสาธารณกุศลต่างๆ ของเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น

“อลงกรณ์”หนุน”พีระพันธุ์”ขจัดผูกขาดพลังงาน โพสต์วาทะดัง”คุณไม่ได้เดินเดียวดายคนเดียว-You will never walk alone”

หลังจากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานโพสต์ข้อความว่ามีขบวนการปั้นข่าวรุมถล่ม โดยระบุกลุ่มทุนพลังงานไม่พอใจการทำงานของนายพีระพันธุ์ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อวานนี้

ปรากฎว่า วันนี้(5 ม.ค.)นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีและส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ปัจจุบันเป็นประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์(FKII Thailand)
และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ได้โพสต์ในเฟสบุ้คส่วนตัวถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคโดยมีข้อความดังต่อไปนี้

“….ถึง คุณพีระพันธุ์
“You will never walk alone”

ขอให้รู้ว่า คุณไม่ได้เดินเดียวดายคนเดียว
แต่มีผมและพวกเราอีกไม่น้อยที่พร้อมสนับสนุนและเป็นกำลังใจ ไม่ใช่เพียงเพราะความเป็นเพื่อนหรือคนที่เคยทำงานใต้ชายคาเดียวกันคือพรรคประชาธิปัตย์มาเกือบ30ปีแต่เพราะตรงกันในจุดยืนขจัดการผูกขาด(Anti-Monopoly)โดยเฉพาะการผูกขาดด้านพลังงาน ประเทศของเรายังมีการผูกขาดทางเศรษฐกิจที่ต้องช่วยกันทลายให้หมดไปเพราะเป็นสาเหตุของปัญหาความเหลื่อมล้ำและการคอรัปชั่นที่ทำให้ประเทศล้าหลังและประชาชนยากจนมาอย่างยาวนาน ขอให้การผูกขาดจบในรุ่นของเราด้วยเจตจำนงทางการเมือง(Political will)ร่วมกันที่แน่วแน่เพื่อส่งต่อประเทศไทยที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของเรา

ทำดีไม่มีพังครับ

อลงกรณ์ พลบุตร
5 มกราคม 2568..”

‘มาดามแป้ง’ ขอบคุณสโมสรไทยลีก นักกีฬา ทีมงานผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ทีมทุกคน ที่ร่วมลุยศึกอาเซียน คัพ 2024 แม้จะจบแค่รองแชมป์

(5 ม.ค.68) นางนวลพรรณ ล่ำซำ หรือ มาดามแป้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Madam Pang - มาดามแป้ง - นวลพรรณ ล่ำซำ’ หลังจากทัพช้างศึก พลาดท่าพ่ายให้กับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ทีมชาติเวียดนาม 2-3 (สกอร์รวมสองนัด 3-5) จบด้วยการเป็นรองแชมป์อาเซียน คัพ 2024 โดยระบุว่า

“Thank You สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ขอขอบคุณสโมสรไทยลีก นักกีฬา ทีมงานผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ทีมทุกคน ที่พยายามและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทำหน้าที่ในนามทีมชาติไทยได้อย่างสมศักดิ์ศรี ในศึกฟุตบอล Asean Mitsubishi Electric Cup 2024

ขอน้อมรับทุกคำติชมจากแฟนบอลผู้ปรารถนาดีทุกท่านจากหัวใจ และขอบคุณทุกกำลังใจผ่านทุกข้อความ ทุกช่องทาง”

'ทักษิณ' ดับกระแส ปลด 'พีระพันธุ์' พ้น ครม. ย้ำ เป็นคนตั้งใจทำงาน - คุยกันรู้เรื่อง เล็งรีดไขมันลดค่าไฟ

(6 ม.ค. 68) ‘ทักษิณ’ ยัน ไม่มีการปรับ ‘พีระพันธุ์’ ออกจากครม. บอกวันก่อนคุยกันเรื่องลดค่าไฟ คุยกันรู้เรื่อง เล็งเดินหน้าปรับลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาท

ที่จ.เชียงราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการปราศรัยหาเสียงเพื่อช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย หาเสียงเลือกตั้ง ถึงการลดค่าไฟให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วยว่า ตนดูแล้วว่าสามารถรีดไขทันจากค่าไฟได้ และสามารถลดค่าไฟได้อีก ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ พิจารณาแล้วและจะเรียกทุกคน รวมถึงภาคเอกชน ประชุม เพื่อให้ทุกคนเต็มใจยอมรับกับการรีดไขมันครั้งนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายช่วยกัน หากประชาชนจน เอกชนไม่มีรวย ถ้าอยากรวย ต้องให้ชาวบ้านหายจน ทั้งนี้ตนได้นั่งคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงานแล้วเมื่อวันก่อนเพื่อหาทางช่วยกัน

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่านายพีระพันธุ์จะถูกปรับออกจากรัฐบาล นายทักษิณ กล่าวว่า  "อ๋อ ไม่มี คุยกันรู้เรื่องไม่มีอะไรเลย พีระพันธุ์เขาเป็นคนตั้งใจ รู้จักกันมานาน เคยมีความคุ้นเคยกัน รู้เรื่องทุกเรื่อง"

เมื่อถามย้ำว่า น.ส.แพทองธาร เปรยเรื่องของการปรับคณะรัฐมนตรี ในช่วงนี้ใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า "ไม่มีเลย วันนั้นคุยกัน เขาบอกว่า อิ๊งค์ ยังสบาย ๆ ถ้าทำงานกับ ครม. ชุดนี้ ไม่มีปัญหา ยังไปกันได้ดี"

เมื่อถามว่ายังอยู่ยาวได้ใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ยังไม่มีเหตุปัจจัย

นายทักษิณ ยังกล่าวย้ำด้วยว่าในปี2568 รัฐบาลต้องทำงานอย่างหนัก โดยต้องมองโครงสร้างของปัญหาเศรษฐกิจ และเร่งแก้ไข เช่นเม็ดเงินที่ไม่ได้อยู่ในระบบ ทำให้หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไม่ได้ ขณะเดียวกันต้องพัฒนาคนในระบบเศรษฐกิจว่าจะส่งเสริมความรู้ความสามารถ ที่มีอยู่ รวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

"เมื่อเม็ดเงินมีคนรองรับ ระบบไปได้ ก็ต้องทำพร้อม ๆ กัน พร้อมยอมรับว่าอาจจะต้องมีเรื่องของการใช้จ่ายภาครัฐเมกกะโปรเจคบ้าง โดยนายกฯกำลังเรียกประชุมหลายฝ่าย เพื่อที่จะตกผลึกในวิธีการทำงาน ให้บรรลุเป้าหมาย และต้องยอมรับว่ากลไกของรัฐปัจจุบัน เปลี่ยนไปจากเดิมอุ้ยอ้ายขึ้น และอำนาจไปอยู่กับราชการ ต้องอาศัยความร่วมมือ" นายทักษิณ กล่าว

ขณะที่ในช่วงกล่าวปราศรัยหาเสียงบนเวที นายทักษิณ กล่าวว่า เดิมตนไม่ค่อยเท่าไหร่กับการเมืองท้องถิ่นเพราะเคยเป็นรัฐบาลจากพรรคการเมืองใหญ่ แต่เมื่อได้กลับมาก็มุ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ให้ประชาชน จึงอยากให้ประชาชนเลือกนางสลักจฤฎดิ์ให้เข้าไปทำงานประสานกับนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนของรัฐบาลจะมีการจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทั่วประเทศประมาณ 3 ล้านคน คนละ 10,000 บาทในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งยังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างการผ่อนบ้านและรถด้วย

อดีตนายกรัฐมนตรีที่พ้นโทษกลับประเทศไทยกล่าวต่อว่าตนไม่อยู่บ้านนานถึง 17-18 ปี เมื่อกลับมาพบว่าระบบที่เคยทำไว้เสียหายหมด จึงกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรและเห็นว่าการฟื้นเศรษฐกิจต่างจังหวัดสำคัญ ถ้าคนชนบทมีกินมีใช้เศรษฐกิจประเทศก็จะเดินหน้า เพราะทุกวันนี้ประชาชนไม่มีเงินใช้ ขาดสภาพคล่อง ร้านค้าปลีกต่างจังหวัดก็แย่ เพราะมีแต่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านใหญ่ที่มาจากกรุงเทพฯ เงินก็ไหลเข้าสู่ส่วนกลางหมด สินค้าเกษตรขายไม่ได้ ฯลฯ

ดังนั้นตนจึงตั้งใจแก้ปัญหาโดยพัฒนาในสิ่งที่ชาวบ้านเก่งอยู่แล้ว เช่น งานหัตถกรรม ดนตรี เกษตรกรรม ฯลฯ รัฐบาลจะนำมหาวิทยาลัยเชื่อมกับ อบจ.สร้างงานสร้างรายได้ จะมีการเจียระไนหาคนไทยที่เก่งๆ ทั่วประเทศ ทั้งที่มีบุคลิกเป็นนางแบบ ทำอาหารเก่ง เป็นนักศิลปะ มีฝีมือหัตถกรรม ฯลฯ สิ่งนี้เกิดขึ้นในปีนี้ ปี 2568 นี้ กลไกสำคัญอยู่ที่ อบจ. จึงขอให้เลือกนางสลักจฤฎดิ์เพื่อให้ค้นหาเพชรเม็ดงามในเชียงรายต่อไป

นายทักษิณกล่าวว่ายามว่างได้เข้าไปดูโซเชียลมีเดียได้เห็นบางคนชีวิตน่าจะเหลือน้อยลงไปทุกที เดี๋ยวก็จะแขวนคอตายแล้ว เพราะชีวิตมองโลกแย่หมด อีกไม่กี่วันตนจะเอาเชือกไปให้มัน เพราะเช้าและสายก็ด่ารัฐบาลหมด มีอยู่แค่ 4-5 ตัว พวกนี้สงสัยอยากได้เชือก

อย่างไรก็ตาม เราจะทำในสิ่งสร้างสรรค์มากกว่าโดยใช้โซเชียลอย่างติ๊กต็อกมาขายของให้ชาวบ้าน โซเชียลจึงควรใช้ในทางสร้างสรรค์ แต่มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เข้ามาแล้วก็ด่าอย่างเดียวทำไมไม่ด่าพ่อแม่มันบ้าง ตนจึงรู้สึกสมเพชเพราะลักษณะพวกนี้เหมือน "แตงไม่ขึ้นซ้าง" (แตงไม่เลื้อยขึ้นนั่งร้าน)

นายทักษิณยังกล่าวต่อด้วยว่า เมื่อครั้งตนยังไม่เล่นการเมืองก็สบายดีอยู่ กระทั่งปี 2536 ก็มีเงินถึง 6 หมื่นล้านแล้ว พอเล่นการเมืองจึงหมดไปเรื่อย ๆ พวกควายยังมาด่าตนอีก พ่อมึงไม่รู้หรือไง ตนรวยมาตั้งแต่ปี 2535-36 แล้ว ตนคิดแบบคนสมัยใหม่แต่คนรุ่นเก่ากลับด่าตนสารพัด มีอยู่คนบอกว่าตนสร้างความวุ่นวายเพราะแค้นตนมาตั้งแต่ปี 44 ที่บ้านของเขาหน่วยเลือกตั้งมี 450 คน เลือกเขาเพียงแค่ 47 คน ประชาชนยังไม่เลือกเลย

นายทักษิณกล่าวด้วยว่าตนได้ตั้งตำแหน่งให้ตัวเองคือ สทร.หมายถึง “เสือกทุกเรื่อง” เมื่อไปพบปัญหาที่ไหนก็จะส่งให้รัฐบาล พอดีมีนายกรัฐมนตรีที่เคยตามตนมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ขณะหาเสียงตอนตั้งพรรคไทยรักไทยก็ยังยืนดูตนอยู่ ตอนไปประชุมเอเปกที่ชิลีก็ไปด้วย ซึมซับการเมืองและรักพี่น้องประชาชน จึงเข้ามาทำงานทั้ง ๆ ที่เขาก็สบายอยู่แล้ว

“ผมจึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยโดยการนำของนายกฯ อุ๊งอิ๊งจะแก้ไขปัญหาประเทศได้ โดยตั้งเป้าว่าปี 2568 ทุกฝ่ายจะทำงานให้หนักและเศรษฐกิจดีขึ้น และปี 2569 เปรียบเหมือนเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ จากนั้นขอเวลาอีก 2 ปีหนี้ประเทศจะลดลง”

นายทักษิณกล่าวถึงเรื่องยาเสพติดว่าเกิดจากในเมียนมามีการสู้รบกัน บางกลุ่มจึงขายยาเสพติดเพื่อนำเงินไปซื้ออาวุธและมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว ดังนั้นในปี 2568 นี้จะจัดการให้เรียบ ส่วนเรื่องการพนันออนไลน์นั้นมีคนเข้าไปเล่นมากมาย บางครั้งหลายล้านคนซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคนเหล่านี้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีหรือไม่ ดังนั้นจึงถึงเวลาจะเอาสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ขึ้นมาบนดิน เพราะถ้าถูกกฎหมายจะเก็บภาษีได้ โกงไม่ได้ อายุต่ำกว่า 20 ปีเล่นไม่ได้ คนที่ติดงอมแงมก็ส่งให้หมอบำบัดได้

“ปัญหายาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ การผูกขาด ต้องเอาให้เกลี้ยงหมด”

นายทักษิณพูดถึงเรื่องการใช้พลังงานไฟฟ้าว่าในปี 2568 นี้จะต้องเอาตัวเลขการใช้ไฟให้เหลือเลข 3 ดูแล้วน่าจะให้ถึง 3.70 น่าจะได้ ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กผฟ.) เป็นองค์กรผลิตไฟฟ้าเพื่อขายเอากำไรส่วนหนึ่ง และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และเอกชน ก็จะนำมาจ่ายต่อสุดท้ายประชาชนก็ตายกันพอดี จึงต้องแก้ไขปัญหาและยืนยันให้ค่าไฟฟ้าลดลง เมื่อนั้นสินค้าอื่นๆ ก็จะลดลงตาม เพราะธุรกิจย่อมหวังผลกำไรแต่ไม่ใช่ได้กำไรแล้วอยู่อย่างสุขสบาย สุดท้ายขอให้ประชาชนได้เลือกนางสลักจฤฎดิ์เป็นนายก อบจ.เชียงราย และไปบอกคนอื่นๆ ว่าตนขอให้ช่วยเลือกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top