Monday, 23 June 2025
TheStatesTimes

‘อุ๊งอิ๊ง’ พาไทยผงาด ในเวทีประชุม ‘สุดยอดผู้นำอาเซียน’ ลั่น!! พร้อมเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมแก้ปัญหา ในเมียนมา

(12 ต.ค. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ ‘เสียงจากใจ…ไทยคู่ฟ้า’ ทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย  สรุปภาพรวมภารกิจของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางเยือนสปป.ลาว ในช่วงระหว่างวันที่ 8-11 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และกำลังจะมีสมาชิกใหม่คือ ติมอร์เลสเต การเดินทางครั้งนี้ มีส่วนราชการ นักธุรกิจไปร่วม การประชุมเพื่อรวมประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวม700ล้านคน จะทำให้มีพลังและอำนาจต่อรอง โดยการประชุมได้พูดคุยกรอบร่วมมือด้านต่างๆ ทั้งยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และค้ามนุษย์ น้ำท่วม หมอกควัน PM2.5 โดยในวันแรกเป็นการเยือนสปป.ลาว ในฐานะแขกของสปป.ลาว อย่างเป็นทางการ ได้รับการต้อนรับจากนายกรัฐมนตรีลาว และผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลลาวอย่างสมเกียรติ และที่ประชุมหารือปัญหาสำคัญของประเทศไทย-ลาว ที่ได้ร่วมกันจับมือแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ปัญหาหมอกควันและยาเสพติดระหว่างชาติ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาแม่น้ำโขงเพื่อป้องกันอุทกภัยระหว่างกันในอนาคต

จากนั้นในวันที่ 9-11 ต.ค.นายกฯได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44-45 และการประชุมอื่น รวมทั้งการพบปะผู้นำแต่ละชาติที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้นกว่า20การประชุม อาทิ การประชุมแบบเต็มคณะ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนอกจากนี้ยังมีการประชุมครั้งที่ 45 ซึ่งเป็นการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน ซึ่งผลของการประชุมเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจาอย่างยิ่ง การประชถมอาเซียนบวกสาม

นายจิรายุ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีความหลากหลาย อาทิการประชุมสุดยอดอาเซียน - จีน ครั้งที่ 27 และการประชุมสุดยอดอาเซียน - เกาหลีใต้ ครั้งที่ 25 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียน กับเกาหลีใต้และการประชุมสุดยอดอาเซียน - ญี่ปุ่น ครั้งที่ 27 และการประชุมสุดยอดอาเซียน - อินเดีย ครั้งที่ 21 และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 19  นอกจากนี้นายกฯ ของไทย ได้หารือทวิภาคีเพื่อแนะนำตัว และสร้างความคุ้นเคยกับผู้นำ 12 ประเทศ ได้แก่ บรูไนฯ กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา รวมทั้ง  รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯและนาย Klaus Schwab ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร WEF ที่เชิญนายกรัฐมนตรีไปร่วมการประชุม WEF ที่ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี2568 รวมถึงพูดคุยกับนายกฯแคนาดา 

นายจิรายุ กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ ถือว่าประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการนำเสนอและผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน รวมทั้งการส่งเสริมความเชื่อมโยง ซึ่งนายกฯ ได้หยิบยกเรื่องการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างกัน และการขยายระยะเวลาการยกเว้นวีซ่า การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน 

ส่วนในหลายเวทีการประชุมและการหารือกับประเทศต่าง ๆ ไทยและประเทศคู่เจรจา ยังตอบรับที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการลักลอบค้ายาเสพติด และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การรับมือภัยพิบัติ การบริหารจัดการน้ำ และการแก้ไขปัญหาหมอกควันและ PM2.5 รวมทั้งการรับมือ การเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศจากทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจา และจะเป็นประโยชน์การส่งเสริมการกินดีอยู่ดี และความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน 

ขณะที่นายกฯกล่าวในเวทีอาเซียนวันสุดท้ายของการประชุมว่า จะส่งเสริมสันติภาพ ในภูมิภาคนี้ซึ่งในส่วนของเมียนมา ไทยเสนอตัวเป็นสถานที่จัดการประชุมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในเดือนธันวาคมปีนี้ เพื่อส่งเสริมความพยายามของอาเซียนในการช่วยกันแก้ไขปัญหาในเมียนมาโดยสันติด้วย 

นายจิรายุ กล่าวสรุปว่าการประชุมทั้ง 4 วันครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงามสื่อมวลชนต่างชาติ และประเทศคู่เจรจาให้ความสำคัญกับประเทศไทย และได้นำปัญหาและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน มาพูดคุยกันจนเป็นรูปธรรมเพื่อนำไปสู่ การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของแต่ละประเทศต่อไป โดย โดยในปีหน้าประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียนครั้งที่ 46 ต่อไป

‘กันต์ กันตถาวร’ เผย เป็นแค่ผู้รับจ้างทำงานใน ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ รู้สึกเสียใจ!! พร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยื่นเอกสารให้ตรวจสอบ

(12 ต.ค. 67) หลังเป็นกระแสข่าวฮอต กรณีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ซึ่งมีดาราระดับท็อปเป็นบอส และมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนว่าถูกขายฝันให้ร่วมลงทุน แต่สุดท้ายไม่เป็นอย่างนั้น ทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก สูญเงินก้อนสุดท้ายของชีวิต สิ้นเนื้อประดาตัว บางรายเครียดถึงขั้นจบชีวิตตัวเอง โดยเหยื่อทยอยเข้าแจ้งความต่อเนื่อง ทั้งนี้มีดารา นักแสดง ที่เกี่ยวข้องบางท่านออกมาชี้แจงไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (12 ต.ค. 67) ที่ ห้อง Hole in one สนามกอล์ฟ Phothalai กันต์ กันตถาวร พิธีกรและนักแสดงชื่อดัง อีกหนึ่งคนดังที่นั่งแท่นตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ในเครือ ดิไอคอนกรุ๊ป ออกมาแถลงชี้แจงต่อประเด็นร้อนดังกล่าว

กันต์ กันตถาวร กล่าวว่า ขอพูดจากความรู้สึก ขอแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เริ่มแรก ที่มีข่าวว่าผู้เสียหายเกิดขึ้น มีความเสียหายเกิดขึ้น ตนตกใจมาก เพราะไม่เคยรับข้อมูลแบบนี้มาก่อนตลอดเวลาที่เป็นผู้รับจ้างในดิไอคอนกรุ๊ป

ผมมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ สิ่งที่ได้ยินกระแสสังคม ที่ทุกคนคิดว่าผมมีส่วนร่วมในครั้งนี้ ผมไม่ได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของบริษัท หรือการลงทุน หรืออะไรก็แล้วแต่ตามกระแสสังคม

เป็นเพียงคนที่รับจ้างมาเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ ดิไออนกรุ๊ป ที่ให้ตัวแทนจำหน่ายเอาไปใช้กัน เชื่อมั่นมาเสมอว่าการตรวจเช็กตามมาตรฐานดีแล้ว

ข้อมูลที่ได้ตรวจเช็กในเรื่องจดทะเบียนก็ถูกต้อง สินค้าก็มีการนำมาลองใช้ก่อนทุกครั้ง ก่อนนำมาโปรโมท มีอย. สำหรับสินค้าทุกตัว เป็นโฆษกในกับสินค้านั้น ผมเป็นแค่ผู้รับจ้าง โปรโมตสินค้าให้ผู้บริโภคและตัวแทนจำหน่ายเอาไปใช้

ผมได้แสดงความรับผิดชอบ ตอนนี้ได้ยกเลิกสัญญากับดิไอคอนกรุ๊ปเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายทุกอย่างต้องอยู่ในมาตรฐานของความถูกต้อง

‘เทศกาลวัฒนธรรมรัสเซีย’ เตรียมจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ 3 พ.ย. นี้ ที่โรงละครอักษรา ฉลอง!! วันเอกภาพแห่งชาติ โชว์ระบำพื้นบ้าน เชื่อมสัมพันธ์ ‘รัสเซีย-ไทย’

(12 ต.ค. 67) เทศกาลทางด้านวัฒนธรรมของชาวรัสเซียจะจัดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ณ จังหวัดกรุงเทพมหานคร เนื่องในโอกาสวันเอกภาพแห่งชาติ ในงานนี้จะมีนักแสดงหนุ่มสาวจากคณะการแสดง ระบำพื้นบ้าน Katyusha ขึ้นทำการแสดงบนเวทีของโรงละครอักษรากรุงเทพฯโดยงานนี้จะมีการจัดแสดงระบำพื้นบ้าน การเต้นรำและการแสดงอื่น ๆ ตามความหลากหลายของวัฒนธรรม รัสเซียให้ผู้ชมได้รับชมในงานได้เตรียมชุดแต่งกายกว่า500ชุด เพื่อใช้ในงานนี้โดยเฉพาะซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองและความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมของประเทศรัสเซีย 

นอกจากนั้นเรายังมีคณะนักแสดงจากประเทศรัสเซีย เข้าร่วมแสดงในงานนี้ด้วย ได้แก่คณะเต้นรำจาก Buryatia และ Yakutia โดยจะยิ่งเพิ่มความน่ารักสดใสให้กับเมืองหลวงของประเทศไทยผู้ชมงาน จะได้สัมผัสวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมจากหลายภูมิภาคในประเทศรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐกาตาร์สถาน บัชคอร์โตสถาน ชูวาเชีย มอร์โดเวีย คาเรเลีย คัลมึกเกีย นอร์ทออสซีเชีย ดาเกสถาน และอื่น ๆ อีกมากมาย 

คณะระบำพื้นบ้าน Katyusha ได้จัดตั้งขึ้นมานานกว่า15ปีแล้วซึ่ง แต่เดิมมีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรม ให้แพร่หลายขึ้นในประเทศไทย และการจัดแสดงครั้งนี้เป็นปีแรกที่เราได้นำคณะนักเต้น ระบำพื้นบ้านของเราเข้าร่วมการแสดงร่วมกับคณะนักเต้นจาก ประเทศรัสเซีย โดยเราได้ศึกษาลักษณะการเต้นระบำพื้นบ้านที่เป็น ส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของการเต้นรำจากดาเกสสถานเลสกินก้า และอาวาร์โดยในงานนี้เราจะจัดแสดงการเต้นรำที่มาจาก 15 ภูมิภาค แม้จะยังน้อยนักเมื่อเทียบกับวัฒนธรรมการแสดงของชาวรัสเซียทั้งประเทศ ดังนั้นในปีหน้าเราจะมีการแสดงอีกครั้งเพื่อจัด แสดงการเต้นระบำจากภูมิภาคอื่น ๆ ในประเทศรัสเซีย

ผู้อำนวยการเยคาเทอรินน่า อเล็กเซเยวา ของคณะ Katyusha ได้ กล่าวไว้ เทศกาลทางด้านวัฒนธรรมของชาวรัสเซียจะจัดขึ้นในช่วง ก่อนสิ้นปี 2567 ซึ่งปีนี้เป็นปีแห่งการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวระหว่างรัสเซีย-ไทย ซึ่งจะทำให้ทั้งสองชาติมีความสัมพันธ์ฉันมิตร และเชื่อมมรดกทางด้านวัฒนธรรมของทั้งสองชาติ การแสดงเต้นระบำครั้งนี้จะปลุกความสนใจของชาวไทยที่สนใจในวัฒนธรรมของชาวรัสเซีย 

อีกทั้งยังได้ความสามัคคีและ ความเข้าใจต่อความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมของโลก เราขอเรียนเชิญทุกท่านเพื่อรับชมและเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมอันยอดเยี่ยมนี้

‘อ.สุวินัย’ ชี้ ‘ทำใจดีสู้เสือ’ เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้ของ 'บอสพอล ดิไอคอน' รีบเข้าพบตำรวจ เข้าสู่กระบวนการให้เร็วที่สุด แล้วลากยาวในชั้นศาล จนสังคมลืม

(12 ต.ค. 67) รองศาสตราจารย์ ดร. สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับกรณี ‘บอสพอล ดิไอคอน’ โดยมีใจความว่า ...

‘ทำใจดีสู้เสือ’ เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้ของ 'บอสพอล'

วันนี้เกมชิงไหวชิงพริบระหว่างฝ่ายตำรวจ กับฝ่าย ‘ผู้ร้าย’ (ในสายตาสังคม) ได้เริ่มต้นยกใหม่แล้ว

วันนี้ 'บอสพอล' ชิงเข้าพบตำรวจก่อนถูกออกหมายจับ เขาชิงเล่นถือหมาก ‘มือนำ’ (先手) เพื่อคุมเกมและเล่นเกม 'คดีความ' นี้เพื่อเอาตัวเองให้รอด เคล็ดและยุทธศาสตร์ในการสู้คดีของ 'บอสพอล' ชัดเจนมาก ...เขาต้องการให้คดีของเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วที่สุด และปล่อยให้กระบวนการสู้คดีในชั้นศาลของเขาลากยาวออกไปให้นานที่สุด จนกระทั่งกระแสสังคมอ่อนแรงลง จนกระทั่งถูกกลบลืมในที่สุด

ใครที่ติดตามตำนาน ‘อายุน้อยพันล้านของบอสพอล’ มาตั้งแต่ต้น ต้องยอมรับว่า 'บอสพอล' ผู้นี้เป็นคนที่ฉลาดอย่างแยบยลในทุกขั้นตอน แผนรับมือวิกฤตทางคดีความของ The Icon ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ น่าจะอยู่ในหัวของ 'บอสพอล' ตั้งแต่แรก และเขาได้เตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้าตั้งนานแล้ว

บอสพอล สามารถควบคุมสติของตนได้ ในการมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยเขาน่าจะให้ปากคำกับตำรวจ ตามสคริปต์ที่เตรียมไว้แล้วกับทนาย ....

มีข้อสังเกตว่า พวกบอสดาราขาใหญ่ที่ออกมาเปิดใจกับสื่อเมื่อวานนี้และวันนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ตรรกะเดียวกัน วาทกรรมเดียวกัน ราวกับตระเตรียมกันมาล่วงหน้าจาก ‘ผู้กำกับ’ คนเดียวกันก็ไม่ปาน

การให้พวกบอสดาราขาใหญ่ ออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าไม่รู้เรื่อง แค่รับจ้างมาเป็นพรีเซนเตอร์ของบริษัทเท่านั้น ... น่าจะเป็นข้อตกลงลับ ๆ ร่วมกันระหว่างบอสพอลกับพวกบอสดาราขาใหญ่ เพราะการปล่อยให้บอสพอลรับมือคนเดียว หรือรับผิดชอบคนเดียวต่อความเสียหายที่เกิดจากบริษัท ... มันเป็นเรื่องง่ายกว่าในการสู้คดีความทางกฎหมายสำหรับบอสพอล เพราะมีโอกาสรอดคดีสูงมาก

ในขณะที่ พวกบอสดาราขาใหญ่ก็สามารถหา 'ทางลง' กลับคืนสู่อ้อมอกของประชาชนได้ไม่ยาก

วันนี้ 'บอสพอล' ได้ดำเนินแผนคู่ขนานสองแผนไปพร้อม ๆ กัน

แผนที่หนึ่ง ‘เอาน้ำเย็นเข้าลูบ’ ... 'บอสพอล' ยอมรับว่า หลังเกิดเรื่องจนถูกสังคมต่อว่า ตนได้ออกมาชี้แจงช้ามาก ซึ่งตอนนี้มีความตั้งใจจะ ‘เยียวยา’ และ 'ช่วยเหลือ' ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนผู้ที่สูญเสียคนในครอบครัว ทางบริษัทจะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหาแนวทางแก้ไขช่วยเหลือ โดยจะมีบุคคลตัวกลาง ที่เป็นบุคคลที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นมาช่วยเหลือ ให้เกิดความยุติธรรมมากที่สุด 

ส่วนแผนที่สอง 'ยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ผิดกฎหมาย' ... 'บอสพอล' บอกว่าความเสียหายทั้งหมดที่อ้างว่าเกิดขึ้นจากทางบริษัทของตน ต้องขอพิสูจน์ทราบและปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการสอบปากคำทางบริษัทและผู้เสียหายทั้งหมดให้ปรากฏข้อเท็จจริง และเชื่อว่าประชาชนจะสามารถตัดสินใจได้ว่า ใครผิดใครถูก

บอสพอล ระบุว่า บริษัทตั้งมา 6 ปี แล้ว ไม่เคยคิดว่าการขายของออนไลน์ลักษณะนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย เพราะตนเองก็ไม่ใช่เจ้าแรกที่ประกอบธุรกิจนี้ จะเห็นว่ารุ่นพี่ในธุรกิจขายของออนไลน์ที่ทำและเติบโต ประสบผลสำเร็จก็ยัง ‘ไม่ผิดกฎหมาย’

ขอสรุปแบบฟันธงว่า ... วันนี้ ยกนี้ ฝ่ายบอสพอลเป็นฝ่ายได้คะแนนนำ จากนี้ไปสังคมต้องจับตาดูว่า ฝ่ายตำรวจจะแก้เกมอย่างไร ถึงจะจัดการ ‘ผู้ร้ายหน้าหยก’ ที่ฉลาดเป็นกรดรายนี้ได้

เหตุการณ์นี้ ผู้ชมอย่างเราเหมือนได้ดูซีรีส์อาชญากรรมของเกาหลี ในชีวิตจริงก็ไม่ปาน

‘คณะกรรมการโนเบล’ มอบ ‘รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ’ ให้องค์กรในญี่ปุ่น เพื่อเชิดชูความพยายาม ในการผลักดันโลก ให้ปลอดจาก ‘อาวุธนิวเคลียร์’

(12 ต.ค. 67) คณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลมีมติเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ประกาศให้ สมาพันธ์ผู้ประสบภัยจากระเบิดปรมาณูและไฮโดรเจนแห่งญี่ปุ่น หรือ ‘นิฮง ฮิดันเกียว’ (Nihon Hidankyo) ซึ่งเป็นองค์กรของผู้รอดชีวิตในญี่ปุ่นจากระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับ "รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ" ประจำปีนี้ เพื่อเชิดชูความพยายามในการผลักดันโลกให้ปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์

คณะกรรมการฯ ระบุว่า นิฮง ฮิดันเกียว ซึ่งเป็นองค์กรรากหญ้าที่มีการก่อตั้งขึ้นในปี 1956 หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิในเดือนส.ค. 1945 ได้ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบที่ร้ายแรงต่อมนุษยชาติจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์

แม้เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการทำสงครามเป็นเวลาเกือบ 80 ปีแล้ว แต่เป็นเรื่องน่าวิตกที่ในปัจจุบัน แนวคิดในการไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์กำลังถูกกดดัน

สำหรับพิธีมอบรางวัลโนเบลจะมีขึ้นที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ในวันที่ 10 ธ.ค. โดยบุคคลหรือองค์กรที่คว้ารางวัลจะได้รับเงินจำนวน 11 ล้านโครนาสวีเดน (1.06 ล้านดอลลาร์) หรือราว 35 ล้านบาท

สำนักข่าววีโอเอระบุว่า สหรัฐทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูกใส่ญี่ปุ่นในปี 1945 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 120,000 คนทันที และมีประชาชนจำนวนเท่าๆ กันเสียชีวิตในเวลาต่อมาจากแผลไหม้และผลกระทบของกัมมันตภาพรังสี ขณะที่มีผู้รอดชีวิตอยู่ราว 650,000 คนที่มีชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า ฮิบากูชะ (Hibakusha)

แถลงการณ์ของคณะกรรมการโนเบลระบุว่า ชะตาชีวิตของผู้รอดชีวิตเหล่านั้นถูกปกปิดไว้หรือไม่สังคมก็ไม่ยอมรับรู้ และในปี 1956 สมาคมฮิบาคุชะหลายแห่งในญี่ปุ่นมารวมตัวกันกับเหยื่อของการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อสร้างกลุ่ม Nihon Hidankyo ขึ้นมา

คณะกรรมการรางวัลโนเบลระบุว่า กลุ่มดังกล่าวได้รับรางวัลสันติภาพจาก ‘ความพยายามที่จะให้โลกปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ และจากการแสดงให้เห็นผ่านคำให้การของพยานผู้รอดชีวิตว่า จะต้องไม่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์อีกต่อไป’

"ผมไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง" โทชิยูกิ มิมากิ ประธานร่วมของนิฮง ฮิดันเกียว กล่าวโดยกลั้นน้ำตาและบีบแก้มตัวเองไว้ ในการแถลงข่าวที่เมืองฮิโรชิม่า ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุระเบิดปรมาณูเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 ในช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง

มิมากิซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตกล่าวว่า รางวัลนี้จะช่วยผลักดันความพยายามในการแสดงให้เห็นว่า การยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์เป็นสิ่งจำเป็นและเป็นไปได้ และตำหนิรัฐบาลต่างๆ ที่ยังเดินหน้าทำสงครามแม้ว่าประชาชนจะโหยหาสันติภาพก็ตาม

ด้านยอร์เกน วัตเน ฟรีดเนส ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบลของนอร์เวย์ กล่าวเตือนโดยไม่ได้ระบุชื่อประเทศใดประเทศหนึ่งว่า ประเทศที่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ไม่ควรคิดที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์

‘ทนายเชาว์ มีขวด’ ฟันธง!! 3 บอสดาราซุปตาร์ ไม่รอดคุก ข้อแก้ตัวฟังไม่ขึ้น ชี้!! ฉ้อโกงประชาชน ‘กินหรู-อยู่สบาย’ เพราะเห็นแก่ได้ ปกปิดความจริง

(13 ต.ค. 67) ‘ทนายเชาว์ มีขวด’ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ธุรกิจ ‘ดิ ไอคอน กรุ๊ป’ และ ‘เหล่าบรรดาบอส’ โดยมีใจความว่า ...

บทสรุป 3 บอสดารา เตรียม ‘ร้องเพลงข้ามกำแพงคุก’

กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกออนไลน์ กรณีธุรกิจ ‘ดิ ไอคอน กรุ๊ป’ ที่บริหารโดย ‘บอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล’ รวมไปถึงดาราดังที่มีชื่อเสียง คือ ‘กันต์ กันตถาวร’, ‘แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี’ และ ‘มิน-พีชญา วัฒนามนตรี’ เป็นบอสในโครงการ มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนว่าถูกขายฝันให้มาร่วมลงทุน แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอย่างที่พูดเอาไว้ ได้สร้างความเสียหายให้ประชาชนเป็นจำนวนมาก ว่าเข้าข่าย หลอกลวง อันเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ 

ล่าสุดแม้จากการ ชี้แจง 3 บอสดาราว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น เป็นเพียงผู้ช่วยการตลาด ไม่ได้มีส่วนตัดสินใจในทางธุรกิจ หรือมีอำนาจลงนาม ก็คงจะฟังไม่ขึ้น เพราะ การพิจารณาว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่ ให้ดูที่ พฤติการณ์ ถ้อยคำพูด คำประกาศ โฆษณา คำรับรอง หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่า จะได้รับ สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อเป็นการตอบแทน จากการเข้าร่วมธุรกิจ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองรู้อยู่แล้ว ว่าข้อความ ที่สื่อสารออกไปเป็นเท็จ หรือเป็นไปไม่ได้ โดยสภาพของความเป็นจริง หรือ รู้ข้อเท็จจริงแต่กลับ ปกปิดความจริง เหล่านั้นไว้ ก็จะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน 

ซึ่งถ้าดูพฤติการณ์ ที่มีการขุดคุ้ย แต่ละการกระทำหรือถ้อยคำพูด ของ 3 บอสดารา แล้ว ผมคิดว่าคงดิ้นไม่หลุด คดีนี้เป็นคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นบทหนักตามกฎหมายยอมความกันไม่ได้ด้วย

ดาราเกิดได้จากความรัก ความชื่นชมของประชาชน มีกินมีใช้ ใช้ชีวิตได้อย่างหรูหราอู้ฟู่ก็ล้วนมาจากความนิยมที่ประชาชนมอบให้ทั้งสิ้น แต่พวกท่านกลับตอบแทนความรักความไว้ใจของแฟนคลับด้วยการเห็นแก่ได้ มองแต่ประโยชน์เฉพาะหน้าของตน จนลืมประชาชนที่เขาเป็นคนปลุกปั้นพวกคุณขึ้นมา ถึงตอนนี้บอกเสียใจมันสายไป ก่อนทำไม่คิดถึงประชาชน คนเขาได้รับความเสียหายแล้วบอกจะมายืนเคียงข้าง สุดท้ายไปร้องเพลงข้ามกำแพงคุก ก็อย่าโทษใครเลยครับ นอกจากความโลภของตัวเอง ส่วนผู้เสียหายรวมถึงประชาชนทั่วไปต้องตระหนักเสมอลงทุนน้อยกำไรงามไม่มีอยู่จริง ไม่โลภไม่ตกเป็นเหยื่อ

‘อ่าวประทับ’ จุดเริ่มต้น สะพานเชื่อมเกาะสมุย ในเขต อ.ขนอม เดินทางสะดวก พร้อม!! รองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

(13 ต.ค. 67) เพจ ‘โครงสร้างพื้นฐานประเทศไทย’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘โครงการพัฒนาเกาะสมุย’ และ ‘อ่าวประทับ’ จุดเริ่มต้น สะพานเชื่อมเกาะสมุย ในเขต อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช โดยมีใจความว่า …

อ่าวประทับ จุดเริ่มต้น สะพานเชื่อมเกาะสมุย ในเขต อ.ขนอม

พร้อมจุด เข้า-ออก 2 จุด ในเขต ดอนสัก สุราษฎร์ธานี และ ขนอม นครศรีธรรมราช เปิดโอกาสใหม่ในการท่องเที่ยว

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ผมไปนครศรีฯ ขากลับเลยแวะเยี่ยมชมพื้นที่ก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุย ฝั่งขนอม ซึ่งจากการศึกษาล่าสุด ได้เลือกตำแหน่ง อ่าวประทับ เป็นจุดเริ่มต้นของสะพานเพื่อข้ามไปสมุย

ซึ่งจริงๆโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาเกาะสมุย โดยจะไปสนับสนุนโครงการท่าเรือสำราญ เกาะสมุย ที่อนาคตจะรองรับปริมาณผู้โดยสารเที่ยวในเกาะอีกมหาศาล

หลายๆ คงทราบกันอยู่แล้วว่าปัจจุบัน การเดินทางไปเกาะสมุย เดินทางด้วยรถยนต์ ผ่านเรือเฟอร์รี่ เท่านั้น ทำให้มีปัญหาในด้านจราจรก่อนข้ามเกาะ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการรอข้ามเกาะ

โดยปัจจุบัน เรือเฟอร์รี่ จะเริ่มต้นที่ท่าเรือดอนสัก สุราษฎร์ธานี ข้ามไปที่ เกาะสมุย ใช้เวลาประมาณ 1:30 ชั่วโมง รวมถึงมีปัญหา เรื่องมรสุม ที่ต้องเจอในช่วงฤดูฝน 

ทำให้รัฐบาลมีแนวคิดในการจะก่อสร้าง สะพานเชื่อมเกาะสมุย โดยมอบหมายให้ การทางพิเศษฯ เป็นคนศึกษาความเป็นไปได้ และความคุ้มค่า ของโครงการ

ซึ่งปัจจุบัน ผ่านการประชุมมา 2 ครั้งแล้ว ทำให้ได้ตำแหน่งและเส้นทางของสะพาน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

รายละเอียดและตำแหน่งของสะพานเชื่อมเกาะสมุย

แนวทางที่เลือก เป็นเส้นทางที่ 6 

สะพานเริ่มต้นจาก ริมฝั่งอ่าวประทับ อ.ขนอม นครศรีธรรมราช วิ่งออกไปทางทิศเหนือ แล้วเลี้ยวเล็กน้อยมุ่งหน้าไปทางเกาะสมุย แล้วเลี้ยวอีกครั้งใกล้เกาะแตน ก่อนเข้าพื้นที่เกาะสมุย บริเวณหาดท้องกรูด เชื่อมต่อกับทางหลวง 4170

รูปแบบสะพาน จะมี 2 ลักษณะ
- สะพานทั่วไป ช่วงน้ำตื้น และไม่มีเรือผ่าน จะเป็นสะพานช่วงเสา 60 เมตร ท้องคานถึงระดับน้ำ 15 เมตร
- สะพานหลัก เพื่อให้เรือขนาดใหญ่ผ่านได้ มีช่วงเสากว้างที่สุด 250-300 เมตร ท้องคานถึงระดับน้ำ 50 เมตร เป็นรูปแบบสะพานขึง
สะพานจะมีขนาด 4 เลน + ไหล่ทางกว้าง 1 เมตร ทั้ง 2 ข้าง
ช่วงระดับดิน จะมีทางพิเศษ เชื่อมจาก จุดเริ่มต้นของสะพาน ไปยังทางเข้า-ออก ทั้ง 2 จุด เป็นถนนหลัก 4 เลน และถนนบริการเชื่อมโยงชุมชนโดยรอบ ข้างละ 2 เลน

จุดตัดทางเข้า-ออก โครงการ มี 2 จุด คือ
1. จุดตัดถนน 4142 กม.35 ซึ่งอยู่ฝั่ง อ.ขนอม 
2. จุดตัดถนน 4142 กม.14 ซึ่งอยู่ฝั่ง อ.ดอนสัก ซึ่งเป็นเส้นหลักเข้า ดอนสัก และทางไปท่าเรือเฟอร์รี่

ส่วนตัวผมมองว่า ตำแหน่งก่อสร้างเหมาะสม และผลกระทบกับแหล่งท่องเที่ยวบริเวณอ่าวประทับก็ต่ำ 

แต่ก็ต้องฝากให้ทีมงานช่วยวางแผนฟื้นฟูป่าชายเลนที่จะต้องมีการตัดเพื่อก่อสร้างด้วยครับ โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ ‘โกรธไหมถ้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ไม่ตรงปก’ ปชช. ชี้!! รับได้ หากแบ่งจ่าย 5,000 บาท 2 งวด แต่โกรธมาก หากยกเลิก

(13 ต.ค. 67) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘โกรธไหมถ้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ไม่ตรงปก’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาคระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อรูปแบบการจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0 

จากการสำรวจเมื่อถามถึงสถานะการได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ของประชาชน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 56.95 ระบุว่า อยู่ในกลุ่มที่จะได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต ในเฟสที่ 2 รองลงมา ร้อยละ 23.95 ระบุว่า อยู่ในกลุ่มที่จะไม่ได้รับเงินใด ๆ ร้อยละ 17.00 ระบุว่า อยู่ในกลุ่มที่ได้รับเงินสด 10,000 บาท ไปเรียบร้อยแล้ว และร้อยละ 2.10 ระบุว่า ไม่แน่ใจ 

เมื่อสอบถามผู้ที่ระบุว่าอยู่ในกลุ่มที่จะได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ต ในเฟสที่ 2 และผู้ที่ระบุว่าไม่แน่ใจ (จำนวน 1,181 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อรูปแบบการจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ดังนี้ 

รัฐบาลตัดสินใจยกเลิกโครงการ ไม่มีการจ่ายเงินไม่ว่าจะเป็นเงินสดหรือเงินดิจิทัล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.58 ระบุว่า โกรธมาก รองลงมา ร้อยละ 34.38 ระบุว่า ไม่โกรธเลย ร้อยละ 14.56 ระบุว่า ค่อนข้างโกรธ ร้อยละ 9.14 ระบุว่า ไม่ค่อยโกรธ และร้อยละ 0.34 ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 

หากเป็นการจ่ายในรูปของเงินดิจิทัลวอลเล็ต แต่น้อยกว่า 10,000 บาท เช่น จ่ายแค่ 5,000 บาท พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.30 ระบุว่า 
ไม่โกรธเลย รองลงมา ร้อยละ 24.47 ระบุว่า โกรธมาก ร้อยละ 21.25 ระบุว่า ค่อนข้างโกรธ ร้อยละ 13.64 ระบุว่า ไม่ค่อยโกรธ และร้อยละ 0.34 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 

หากเป็นการจ่ายในรูปของเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 60.54 ระบุว่า ไม่โกรธเลย รองลงมา ร้อยละ 17.53 ระบุว่า ไม่ค่อยโกรธ ร้อยละ 12.11 ระบุว่า ค่อนข้างโกรธ ร้อยละ 9.31 ระบุว่า โกรธมาก และร้อยละ 0.51 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 

หากเป็นการแบ่งจ่ายในรูปของเงินดิจิทัลวอลเล็ต เช่น งวดละ 5,000 บาท จำนวนสองงวด พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 60.88 ระบุว่า ไม่โกรธเลย รองลงมา ร้อยละ 20.07 ระบุว่า ไม่ค่อยโกรธ ร้อยละ 10.58 ระบุว่า ค่อนข้างโกรธ ร้อยละ 8.30 ระบุว่า โกรธมาก และร้อยละ 0.17 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 

ท้ายที่สุดเมื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ระบุว่าอยู่ในกลุ่มที่จะไม่ได้รับเงินใด ๆ (จำนวน 479 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับการแจกเงิน 10,000 บาท ของรัฐบาล พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 29.44 ระบุว่า รัฐบาลควรแจกเงินให้กับทุกกลุ่ม ไม่ว่ากลุ่มนั้นจะมีรายได้หรือทรัพย์สินเท่าไรรองลงมา ร้อยละ 25.47 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินให้แก่กลุ่มใด ๆ ร้อยละ 25.25 ระบุว่า เห็นด้วยเฉพาะการแจกเงินสด 10,000 บาทแก่กลุ่มผู้เปราะบาง ผู้พิการ เท่านั้น ร้อยละ 15.66 ระบุว่า เห็นด้วยกับการแจกเงินทั้งแบบเงินสดแก่ผู้เปราะบาง ผู้พิการ และแบบเงินดิจิทัลวอลเล็ต ในเฟสที่ 2 ร้อยละ 2.30 ระบุว่า เห็นด้วยเฉพาะการแจกเป็นรูปแบบเงินดิจิทัลวอลเล็ต ในเฟสที่ 2 เท่านั้น และร้อยละ 1.88 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

‘วินทร์ เลียววาริณ’ เล่าความประทับใจ สุดซึ้ง ‘หลวงพ่อคูณ - ในหลวงรัชกาลที่ 9’ เคยถวายเงิน 72 ล้าน แต่พระองค์ทรงพระราชทานคืน เพื่อนำไปแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน

(13 ต.ค. 67) วินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 และนักเขียนรางวัลซีไรต์ ชาวอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้เล่าถึงเหตุการณ์ความประทับใจ ระหว่าง ‘หลวงพ่อคูณ - ในหลวงรัชกาลที่ 9’ ในหนังสือเรื่อง ‘ท่ามกลางประชาชน : เรื่องเล็ก ๆ ในรัชสมัยอันยิ่งใหญ่’ โดยมีใจความว่า …

ตามกำหนด หลวงพ่อจะถวายเงิน 72 ล้านบาทตามตัวเลขพระชนมายุของในหลวง

ตามกำหนด หลวงพ่อจะเข้าเฝ้าฯในหลวงและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธียกมณฑปพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานบนบุษบกเหนืออุโบสถ

ก่อนวันงาน คนรอบตัวสอนหลวงพ่อวิธีใช้ราชาศัพท์ เพราะรู้กันดีว่าหลวงพ่อพูดสรรพนามว่า ‘กู-มึง’ มาตลอดชีวิต

“ต้องระวังนะ หลวงพ่อ”

หลวงพ่อตอบว่า “เออ! กูรู้น่ะว่าต้องพูดอะไร”

หลุดปาก “กู” อีกแล้ว!!

ทางที่ดีที่สุดก็คือไม่ต้องพูด!!

ถึงเวลาเข้าเฝ้าฯ ทรงสนทนากับหลวงพ่อหลายเรื่อง หลวงพ่อทูลตอบเท่าที่จำเป็น

แล้วหลวงพ่อก็ทูลเกล้าฯถวายเงินให้พระองค์ แต่พระองค์กลับพระราชทานเงินทั้งหมดคืนให้กับวัด เพื่อให้ใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่ ทรงทราบว่าพื้นที่นี้
ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำทุกปี การแก้ปัญหาของชาวบ้านสำคัญกว่า

ก่อนเสด็จกลับ หลวงพ่อจับพระหัตถ์ของในหลวง

นึกในใจ ค่อนข้างกระด้างนะ... นี่เป็นมือคนทำงานหนักชัด ๆ!!

แต่ไม่ได้พูดออกมา

หลวงพ่อคูณ ราษฎรในรัชกาลที่ 9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top