Sunday, 22 June 2025
TheStatesTimes

เมื่อ iPhone ไม่ใช่แค่มือถือล้ำยุค ทำความรู้จักกับ iPhone Index ดัชนีที่จะอธิบายว่าทำไมราคา iPhone ในเเต่ละประเทศถึงไม่เท่ากัน 

(7 ต.ค. 67) เคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมราคาของ iPhone รุ่นล่าสุดในแต่ละประเทศนั้นไม่เท่ากันเลย ทั้งๆ ที่มันเป็นสินค้าที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัทเดียวกัน และทุกเครื่องก็มีฟังก์ชันเหมือนกันทุกประการ เช่น ที่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ iPhone ราคาของ iPhone 16 อยู่ที่ประมาณ $1,000 ดอลลาร์ ที่สวิสเซอร์แลนด์กลับอยู่ที่ราวๆ เกือบ $1,400 ดอลลาร์เพียงเพราะสกุลเงินฟรังก์สวิส มีมูลค่ามากกว่าดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่อินเดียกลับวางขายอยู่ที่ประมาณ $1,300 ดอลลาร์

นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิดที่พัฒนาขึ้นโดยนักวิเคราะห์การเงินและเทคโนโลยีหลายคน ซึ่งได้นำเสนอในสื่อต่างๆ เช่น The Economist เพื่อเปรียบเทียบความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ (Purchasing Power Parity - PPP) ในประเทศต่างๆ โดยใช้ราคาของ iPhone เป็นตัวชี้วัด และ iPhone เป็นผลิตภัณฑ์สำคัญจาก Apple ซึ่งถูกขายในกว่า 100 ประเทศ ความสม่ำเสมอของมาตรฐานในแต่ละตลาดทำให้ iPhone เป็นเครื่องมือที่ดีในการเปรียบเทียบความแตกต่างของราคาทั่วโลก

iPhone Index มักจะถูกมองว่าเป็นภาพสะท้อนของสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องของ นโยบายภาษี อัตราแลกเปลี่ยน และความแข็งแรงของสกุลเงินท้องถิ่น ประเทศที่มีราคา iPhone สูงมักจะบ่งบอกถึงค่าเงินที่อ่อนหรือภาษีที่สูง ในขณะที่ประเทศที่มีราคาต่ำกว่าอาจสะท้อนถึงกำลังซื้อที่สูงขึ้น ราคาของ iPhone ในแต่ละประเทศจึงไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ของมูลค่าสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่มันยังสะท้อนถึงปัจจัยต่างๆ เช่น

- ภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): ในบางประเทศ เช่น อินเดียและบราซิล ภาษีนำเข้าและ VAT ทำให้ราคาของ iPhone สูงกว่าที่อื่นมาก ในขณะที่ประเทศอย่างสหรัฐฯ มีภาษีต่ำกว่า ทำให้ราคาถูกกว่า ทำให้ประเทศอย่างบราซิลเป็นประเทศที่มีราคาของ iPhone สูงที่สุดในโลก เนื่องจากภาษีนำเข้าที่สูงมาก ซึ่งอาจสูงถึง 60% ของมูลค่าเครื่อง รวมถึง VAT ด้วย ส่งผลให้ iPhone ในบราซิลมีราคาแพงกว่าสหรัฐฯ ถึง 2 เท่า

- ค่าครองชีพและกำลังซื้อของประชาชน: ในประเทศที่ค่าครองชีพสูง เช่น สวิตเซอร์แลนด์และญี่ปุ่น ราคาสินค้าก็จะสูงขึ้นตาม เพราะคนในประเทศเหล่านี้มีกำลังซื้อที่สูงกว่า รวมถึง Apple เองก็มักจะปรับราคาของ iPhone ในตลาดต่างๆ ตามภาวะเศรษฐกิจท้องถิ่น 

- การปรับอัตราแลกเปลี่ยน: ค่าเงินของแต่ละประเทศมีผลต่อราคาของสินค้าโดยตรง เช่น หากค่าเงินของประเทศหนึ่งมีมูลค่าต่ำกว่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ราคาของ iPhone เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินท้องถิ่นจะสูงขึ้น เช่น หากเงินปอนด์ของอังกฤษหรือเงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ iPhone จะมีราคาสูงขึ้นในประเทศเหล่านั้น ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นสินค้าระดับโลกที่มีความอ่อนไหวต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงิน

iPhone Index ถูกนำมาใช้งานก็จริงแต่ก็เป็นไปในแง่มุมขำขันเพื่อใช้เป็นวิธีการวิเคราะห์เศรษฐกิจแบบซับซ้อนให้สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ ผ่านสินค้าที่คนรู้จักและใช้งานทุกวัน แม้ว่าตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอย่าง GDP และ CPI จะให้ข้อมูลเชิงกว้างเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ แต่ iPhone Index ให้ข้อมูลในระดับผู้บริโภคที่แสดงให้เห็นถึงการค้าโลก ภาษี และความผันผวนของสกุลเงิน ความเรียบง่ายของมันทำให้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเข้าใจง่ายในการมองเห็นความแตกต่างของกำลังซื้อทั่วโลก

แม้ว่ามันจะไม่ใช่การวัดทางวิทยาศาสตร์ที่แม่นยำและเเน่นอนที่สุด เพราะในหลายประเทศ iPhone ถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยมันจึงไม่ได้สะท้อนรูปแบบการบริโภคในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ 

ดังนั้นมันอาจไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือเปรียบเทียบค่าครองชีพได้อย่างตรงไปตรงมา เเละราคาของ iPhone อาจเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่น การอุดหนุนจากผู้ให้บริการโทรศัพท์ และการแข่งขันในท้องถิ่น ซึ่งอาจทำให้ดัชนีนี้ถูกบิดเบือนได้ 

อีกทั้งในบางประเทศ Apple อาจถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการบ่งบอกสถานะ ทำให้ราคาสูงขึ้นจากกลยุทธ์การตั้งราคาพรีเมียมในตลาดที่ผู้บริโภคพร้อมจะจ่ายมากขึ้นเพื่อซื้อแบรนด์ที่มีมูลค่า แต่มันก็เป็นวิธีที่สนุกที่นักเศรษฐศาสตร์ใช้เพื่ออธิบายเศรษฐกิจโลกค่ะ

‘สันติสุข มะโรงศรี’ วิจารณ์แรงถึงเหตุการณ์สูญเสียช้างไทย จี้ปางช้าง ‘เมื่อจุดขาย กลายเป็นจุดตาย จึงต้องบิดประเด็น ?’

(7 ต.ค. 67) นายสันติสุข มะโรงศรี ผู้ประกาศข่าวชื่อดังได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีการสูญเสียช้างไทยจากอุทกภัย ที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ว่า 

เมื่อจุดขาย (จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม) กลายเป็นจุดตาย จึงต้องบิดประเด็น ?

1. ปางช้างเดียวที่มีช้างตาย มีวิธีการเลี้ยงที่แตกต่าง เป็นจุดขาย คือ โชว์การให้อิสระเสรีกับช้าง ทำกรงกว้างใหญ่ ไม่ล่ามโซ่ ไม่ให้ควาญใช้ตะขอฝึกควบคุมช้าง 
พอถึงเวลาวิกฤติ ปางอื่นมีควาญควบคุมช้าง ย้ายไปที่ปลอดภัยหมด แต่ปางนี้ไม่สามารถควบคุมช้างเพื่อย้ายออกได้ หรือไม่มีแผนเผชิญเหตุ จนควาญช้างปางอื่นๆ ต้องมาช่วย (ทั้งที่เคยถูกด้อยค่า) ทีมคชบาลระดมกันมาช่วย ฯลฯ (ผมก็ออกข่าวช่วย) 

2.ผู้บริหารปางนี้ ให้สัมภาษณ์สื่อ “ถ้าล่ามโซ่สิ ช้างตายแน่ๆ เพราะขาไม่อิสระ ฯลฯ” 

สะท้อนว่า ไม่ได้คิดทบทวนอะไรเลย หรือเจตนาบิดเบือนประเด็น
ประเด็น ไม่ใช่แค่ล่ามโซ่ แต่มันคือการเลี้ยงช้างที่ต้องให้ควาญฝึกช้าง ควบคุมช้าง และยามวิกฤติก็สามารถควบคุมจัดการได้ (ไปอ่านบันทึกของทีมหน้างานที่เข้าไปช่วยช้างหนีน้ำที่ปางนี้ เขียนไว้ชัดเจน) 

ช้างปางอื่น ไม่มีใครล่ามโซ่ช้างตัวเองให้จมน้ำ เขาควบคุมได้ จึงให้ควาญพาขึ้นไปล่ามบนที่สูง จนควาญมีเวลาลงมาช่วยปางคุณป้าด้วยไงครับ

คือ ต่อให้ป้าจะเลี้ยงแบบเดิมต่อไป เพราะมันเป็นจุดขาย โรแมนติก โลกสวย ฝรั่งชอบ คนสงสารช้างชอบ ฯลฯ แต่จะไปบิดประเด็นต่อทำไม ควรขอบคุณควาญช้างที่สามารถควบคุมช้าง ที่เขามาช่วย แล้วสรุปบทเรียนหาแผนเผชิญเหตุของปางช้างคุณป้า ถ้ามีแบบนี้อีกจะทำยังไง ดีกว่ามั๊ยครับ

ด้วยความปรารถนาดีครับ

‘แพทองธาร’ ไม่กล้าพูดฟื้น ‘คนละครึ่ง’ กระตุ้นเศรษฐกิจ แง้ม รออีกนิดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรออยู่อีกเพียบ

(7 ต.ค. 67) ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสบวกสนับสนุนรัฐบาล หลังแจกเงินหมื่น และก่อนจะแจกเฟส2 เป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำโครงการคนละครึ่งมากระตุ้นเศรษฐกิจ นายกฯ นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนยกมือป้องปากและกล่าวว่า ไม่กล้าพูดเลย แล้วหันไปหัวเราะกับนายสรวงค์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา จากนั้นจึงระบุว่า จริง ๆ แล้วเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีในกระเป๋าเยอะมากเลย แต่ค่อยๆ ออกมา เพราะต้องดูสถานการณ์บ้านเมืองด้วย 

นายกฯ กล่าวด้วยว่า แน่นอนว่า หลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราทำแน่นอน เพราะฉะนั้นก็ขอให้รออีกนิดนึง อย่าเพิ่งรีบ กระทรวงไหนที่เกี่ยวข้อง ตนพยายามจะให้กระทรวงด้านนั้นมาเล่าว่าผลงานที่ตัวเองทำคืออะไร 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการคนละครึ่งเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในสมัยที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีการจัดรวมกันถึง 5 เฟส มีประชาชนใช้จ่ายจริงไม่น้อยกว่า 27 ล้านคน รวมถึงมีธุรกรรมที่เกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท

ก.พลังงานเผย ปริมาณน้ำมันในสต็อกพอใช้นานกว่า 60 วัน ใช้กองทุนน้ำมันลดความผันผวนราคาน้ำมัน พร้อมหากจำเป็นต้องใช้แผนฉุกเฉิน

(7 ต.ค. 67) กระทรวงพลังงานเผยปริมาณสำรองน้ำมันในสต็อกยังมีเพียงพอใช้นานกว่า 60 วัน ขอคนไทยไม่ต้องกังวล กระทรวงพลังงานจะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมหากจำเป็นต้องใช้แผนบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน เพื่อช่วยลดผลกระทบในทุกมิติหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้น 

นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้าง โดยเฉพาะสถานการณ์สู้รบระหว่างประเทศอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกน้ำมันจากพื้นที่ตะวันออกกลาง ทางกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินและเตรียมความพร้อมหากสถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น 

โดยขณะนี้ในด้านปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงยังมีเพียงพอใช้ในประเทศอย่างแน่นอน ปัจจุบัน มีน้ำมันดิบคงเหลือประมาณ 3,365 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ได้ 26 วัน น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่ง 2,055 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 16 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 2,414 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 20 วัน รวมจำนวนมีปริมาณน้ำมันคงเหลือและปริมาณสำรองที่สามารถใช้ได้ 62 วัน 

นอกจากนี้ ในด้านราคา กระทรวงพลังงานจะบริหารดูแลราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไม่ให้เกิดความผันผวนมากนัก โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหลัก ซึ่งสถานภาพกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มมีสภาพคล่องมากขึ้น มีการติดลบลดลง จึงขอให้ประชาชนอย่าวิตกต่อสถานการณ์ และสามารถมั่นใจได้ว่าประเทศไทยจะไม่ขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงและราคาก็จะรักษาเสถียรภาพไม่ให้ผันผวนมากนัก

“จากข่าวสงครามในตะวันออกกลางที่เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น และสร้างความกังวลให้นานาประเทศ จนส่งผลให้ราคาพลังงานโดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่นราคาน้ำมันดิบ WTI ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 อยู่ที่ 68 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่วันนี้ (7 ตุลาคม 2567) หลังสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 74 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นกว่า 8% ใน 1 สัปดาห์ 

กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งในด้านความมั่นคง กระทรวงพลังงานมีปริมาณน้ำมันสำรองสำหรับใช้ภายในประเทศมากกว่า 60 วัน ส่วนในด้านราคา กระทรวงพลังงานก็จะติดตามและใช้กลไกที่มีเพื่อให้เกิดผลกระทบด้านราคากับประชาชนให้น้อยที่สุด 

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานได้มีการซ้อมแผนการบริหารจัดการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้แก่ กรมธุรกิจพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อวางมาตรการต่างๆ และบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์วิกฤตพลังงาน อาทิ การปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า การบริหารจัดหาก๊าซในประเทศให้ได้มากที่สุด  การลดความต้องการใช้ เป็นต้น 

ขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวล และขอให้ติดตามข่าวสารที่เป็นทางการของทางราชการ กระทรวงพลังงานจะบริหารจัดการอย่างเต็มความสามารถให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สงครามที่เกิดขึ้นให้น้อยที่สุด” นายวีรพัฒน์ กล่าว

‘อัครเดช’ ออกลูกอ้อน ครม.-แบงก์ชาติ เร่งหารือสางปัญหาเงินบาทแข็งค่า หลังกระทบอุตสาหกรรมส่งออก หวั่นทำลายขีดความสามารถในการแข่งขัน

‘อัครเดช’ ในฐานะประธานกรรมาธิการการอุตสาหกรรม เสนอรัฐบาล-แบงก์ชาติ เร่งออกมาตรการสางปัญหาเงินบาทแข็งค่า หวั่นหากทิ้งไว้เรื้อรังทำเศรษฐกิจชะลอตัว ความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมส่งออกถดถอยส่งผลกระทบทางลบเศรษฐกิจหลายมิติ

(7 ต.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎรได้แสดงถึงความห่วงใยต่ออุตสาหกรรมส่งออกจากปัจจัยเงินบาทแข็งค่า ว่า 

จากที่ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินสกุลบาทไทยกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 33.33 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ และเคยมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 32.15 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา จากที่เคยอ่อนค่าที่สุดในช่วงเดือนเมษายน 2567 ที่อัตราแลกเปลี่ยน 37.17 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ 

การแข็งค่าของค่าเงินบาทเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากภายในระยะเวลาประมาณ 5 เดือนเท่านั้น และจากอัตราค่าเงินบาทแข็งค่านี้ตนได้รับทราบความเดือดร้อนของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมส่งออก เนื่องจากด้วยเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้การแลกเงินที่ได้รับจากการส่งออกกลับเป็นเงินบาทแลกได้น้อยลง 

ยกตัวอย่าง จากแต่เดิมส่งออกปลาทูน่ากระป๋อง 1 กระป๋องราคา 100 ดอลลาร์ เมื่อค่าเงินบาทอ่อนที่สุดสามารถแลกเป็นเงินบาทได้ 3,717 บาท แต่เมื่อเงินบาทแข็งค่าที่สุดจะสามารถแลกเป็นเงินบาทได้เพียง 3,215 บาทเท่านั้น 

การที่รายได้ของผู้ประกอบการที่ลดน้อยลง ย่อมส่งผลกระทบในอุตสาหกรรมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพการแข่งขันที่ลดลงส่งผลการชะลอตัวของการจ้างงานในอุตสาหกรรม, การลดการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการตัดลดงบพัฒนาและวิจัย(R&D)ในอุตสาหกรรมลง ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในอนาคตลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และจากการที่การส่งออกเป็นหนึ่งใน 4 เครื่องยนต์ของเศรษฐกิจไทย การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าเช่นนี้ย่อมทำให้เครื่องยนต์ส่งออกอ่อนกำลังลงอย่างชัดเจนส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงโดยเฉพาะการจ้างงานที่ลดลงจะส่งผลกระทบเศรษฐกิจในประเทศทำให้ประชาชนขาดกำลังซื้อนอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมส่งออกอีกด้วย

ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมจึงขอส่งเสียงไปยังธนาคารแห่งประเทศไทยผู้กำหนดนโยบายทางการเงิน ให้พิจารณาทบทวนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่เหมาะสมทั้งต่อเสถียรภาพทางเงินของประเทศ และลดผลเสียที่จะเกิดต่อระบบเศรษฐกิจไทย 

รวมถึงรัฐบาลในฐานะผู้กำหนดนโยบายทางการคลังของประเทศต้องมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อประคับประคองอุตสาหกรรมส่งออก ให้สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในระดับสากลได้ต่อไป และที่ดีที่สุดทั้งรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องเร่งหารือเพื่อหาทางออกของปัญหาค่าเงินแข็งตัวโดยเร็ว

นายกฯอิ๊ง จรดปากกาเซ็นตั้ง 2 ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพิ่ม เซอร์ไพรส์ ชื่อ ‘ณัฐวุฒิ’ โผล่นั่งตำแหน่ง หลังเคยประกาศวางมือ

(7 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 348/2567 ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม โดยมีเนื้อหาระบุว่า

ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 319/2567 เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 16 กันยายน 2567 นั้น เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จึงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม เพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่างๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ดังนี้

1. นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส
2. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เคยประกาศยุติบทบาททางการเมือง โดยขอลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย หลังเชิญพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล 

‘เจือ ราชสีห์’ ชี้!! ป่าไม้ถูกทำลาย สาเหตุหลักน้ำท่วมภาคเหนือ ฝาก ‘รัฐบาล‘ เร่งปลูกป่าอย่างจริงจัง ป้องกันน้ำท่วมซ้ำซาก

(7 ต.ค. 67) นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เปิดเผยกรณีอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ ว่า

มหันตภัย น้ำท่วมใหญ่ภาคเหนือ ภาพสะท้อนความไม่สมบูรณ์ของผืนป่า ผมขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล “อย่ามัวแต่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ” จนหลงลืมว่าปัจจัยสำคัญของมหันตภัยน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ คือ ป่าไม้ถูกทำลาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ปัญหา 

ถึงเวลาที่ “นายกรัฐมนตรี” ต้องขับเคลื่อนการเพิ่มพื้นที่ป่า ปลูกต้นไม้เพิ่มอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้

“ผมอยากให้รัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรี “ต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุตั้งแต่วันนี้ ต้องช่วยกันปลูกต้นไม้เพิ่ม” ซึ่งก็ไม่ได้ใช้งบประมาณมากมาย ในทางกลับกันถ้าไม่ทำ ปีหน้าหรือปีต่อๆไปน้ำก็ท่วมในลักษณะนี้อีก ต้องสูญเสียชีวิตพี่น้องประชาชน บ้านเรือน ถนนหนทางเสียหาย ต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการฟื้นฟูและช่วยเหลือ“

‘BIG CAMERA’ เปิดตัว ‘LEICA Q3 43’ กล้องหน้าชัดหลังละลาย ภาพสวยไร้การปรุงแต่งด้วยเลนส์ใหม่ใกล้เคียงสายตามนุษย์

(7 ต.ค. 67) "BIG CAMERA Leica Authorized Dealer" ร่วมกับ "Leica Camera Asia Pacific" จัดงานเปิดตัวกล้องคอมแพคฟูลเฟรมระดับไฮเอนด์ “LEICA Q3 43” ที่เกิดมาเพื่อมอบแก่นแท้ของการถ่ายภาพที่ไร้ซึ่งการปรุงแต่ง ด้วยเลนส์ตัวใหม่ใกล้เคียงสายตามนุษย์มากที่สุด สอดผสานเข้ากับเทคโนโลยีของกล้องแห่งศตวรรษที่ 21 มาพร้อมงานดีไซน์ตัวบอร์ดี้ที่คงอัตลักษณ์แห่งไลก้า โดดเด่นอยู่เหนือกาลเวลา สง่างาม เรียบหรู พร้อมเปิดให้เหล่าไลก้าเลิฟเวอร์ได้เก็บเข้าคอลเลกชันแล้วตั้งแต่วันนี้เฉพาะที่ บิ๊ก คาเมร่า เท่านั้น ราคาเริ่มต้น 264,000 บาท

กิจกรรมครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก มร. ไบรอัน โก๊ะ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาค บริษัท ไลก้า คาเมร่า เอเชียแปซิฟิก และ มร. เคซี อิง แบร์นแอมบาสเดอร์ และ ไลก้า อคาเดมี่ ประเทศสิงคโปร์มาร่วมแนะนำ “LEICA Q3 43” โดยมี นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ,นายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยช่างภาพท็อปคลาสของเมืองไทย จอร์จ-ธาดา วารีช, โอ๊ต-ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี และนักแสดงชื่อดัง สเตฟาน-ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์, ฌอห์ณ จินดาโชติ รวมทั้งช่างภาพอินฟูเอ็นเซอร์จากเพจดัง อาทิ Seventeenfiftyseven, Rockhhound, Pakornograpx และ Bzsranuwat เข้าร่วมงานและร่วมเวิร์คชอปถ่ายภาพครั้งแรกกับกล้อง LEICA Q3 43 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ เดอะเฮาส์ ออน สาทร

กล้อง LEICA Q3 43 คอมแพคฟูลเฟรมระดับไฮเอนด์ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Moment, Just as Your Eye Sees ด้วยการแลกเปลี่ยนแนวคิดกับช่างภาพทั่วโลก พร้อมการพัฒนากลายเป็นกล้องที่เกิดมาเพื่อมอบความลึกซึ้งถึงแก่นแท้ของการถ่ายภาพที่ไร้ซึ่งสิ่งปรุงแต่ง ตัวบอร์ดี้เน้นงานดีไซน์ที่คงอัตลักษณ์ Leica DNA มาอย่างหมดจด โดดเด่นอยู่เหนือกาลเวลา สง่างาม เรียบหรู สะท้อนความเป็น Iconic แห่งรสนิยม ที่สอดผสานเทคโนโลยีของกล้องแห่งศตวรรษที่ 21 มาพร้อมเลนส์ APO-Summicron 43 f2 ASPH เลนส์ Leica APO ในระยะใช้งานที่ไม่เคยมีมาก่อน ให้มุมมองใกล้เคียงสายตามนุษย์มากยิ่งขึ้น ผสานคุณสมบัติของเลนส์ไวแสง ให้ความคมชัดและความละเอียด 60 ล้านพิกเซล พร้อมไฟล์ภาพแบบ 3D Pop พื้นหลังละลายและเอกลักษณ์ Bokeh ที่สวยงาม

สำหรับผู้ที่สนใจ LEICA Q3 43 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ BIG Camera Leica Authorized Dealer ร้าน Exclusif by BIG Camera ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, สยามพารากอน, ดิ เอ็มควอเทียร์, เซ็นทรัลลาดพร้าว, ไอคอนสยาม, แฟชั่น ไอซ์แลนด์ และ เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ หรือติดตามความเคลื่อนไหวอื่นๆ ได้ที่ https://www.bigcamera.co.th

‘ธนกร’ อัดเต็มแรงใส่ ‘ธนาธร’ ละเมิดกฎหมายไม่ใช่ความเสมอภาค ย้ำชัด ๆ สถาบันฯ อยู่เหนือการเมือง หยุดหนุนหลังคนออกมาก้าวล่วง

(7 ต.ค. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ  อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า พูดบนเวทีงานรำลึกครบรอบ 48 ปี 6 ตุลาฯ 2519 ที่พูดถึงความเสมอภาคในสังคมไทย ว่า 

การพูดถึงเรื่องคดีความต่าง ๆ ที่บุคคลกระทำความผิด ก็สมควรที่จะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่คดีที่พรรคการเมืองถูกตัดสินยุบพรรคและบุคคลที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น 

ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องการสร้างประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยให้มีสิทธิ เสรีภาพ มีความเจริญก้าวหน้ามีความเสมอภาคเท่าเทียม อย่างที่นายธนาธรกล่าวอ้าง  แต่เป็นการทำผิดละเมิดกฎหมายหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง เพราะไม่ใช่กับบุคคลธรรมดาแต่เป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์ประมุขของรัฐ ถือเป็นความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจคนไทยทั้งชาติ เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง 

เมื่อถามว่าเหตุใดนายธนาธรถึงกล้าพูดชัดว่า ปี 2563-2564 รวมถึงการหาเสียงเรื่องการแก้ ม.112 ในปี 2566 มีการพูดเรื่องนี้อย่างกว้างขวางในสังคม ถือเป็นความก้าวหน้าของประเทศไทย และรู้สึกตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์นั้น 

นายธนกร กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการพูดของนายธนาธรครั้งนี้ เป็นการเปิดเผยเจตนาเบื้องลึกเบื้องหลัง หรือ ธาตุแท้อย่างชัดเจน เพราะพูดด้วยความภาคภูมิใจ เสมือนหนึ่งว่าได้ร่วมสร้าง ประวัติศาสตร์นี้ขึ้นมา เพื่อให้สังคม กล้าพูด กล้าวิพากษ์วิจารณ์เบื้องสูงได้อย่างหน้าตาเฉย ซึ่งตน ก็สงสัยและตั้งคำถามเหมือนกันว่าเป็นความก้าวหน้าของประเทศตรงไหน 

พร้อมขอตั้งข้อสังเกตและวิเคราะห์จากคำพูดนายธนาธร มองว่าความคิดในลักษณะนี้เป็นความไม่ปลอดภัยของชาติบ้านเมือง เพราะไม่มีคนไทยที่รักประเทศชาติ รักสถาบันฯ คนไหนเขาคิดกันแบบนี้  และตนไม่เห็นผู้นำพรรคการเมือง หรือองค์กร หน่วยงานใด สนับสนุนให้คนจาบจ้วงก้าวล่วงสถาบัน ซึ่งเป็นการทำลายชาติแบบนี้

“ขอย้ำว่าสถาบันฯอยู่เหนือการเมือง และอย่านำเรื่องนี้ มาเกี่ยวโยงอ้างประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะเป็นคนละเรื่องกัน พี่น้องประชาชนชาวไทย ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ เพราะทุกวิกฤตตั้งแต่ ภัยธรรมชาติ ภัยโรคระบาด ไปจนถึงวิกฤตเศรษฐกิจ สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงไม่เคยทิ้งคนไทยเลย  จึงขอให้นายธนาธรและพวกทบทวนแนวทางการเคลื่อนไหวทางการเมืองเสียใหม่ อย่าเป็นพวกจาบจ้วง เซาะกร่อนบ่อนทำลายชาติ เห็นผิดเป็นชอบ หยุดพยายามโน้มน้าวให้คนไทยเห็นดำเป็นขาวแบบนี้เลย ถ้านายธนาธรบอกว่า อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในทางที่ดีจริงๆ หยุดเถอะครับ หันไปทุ่มสรรพกำลัง นำกำลังคน สิ่งของไปช่วยพี่น้องที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในภาคเหนือจะดีกว่า“ นายธนกร ระบุ

‘สมศักดิ์’ สั่งการ ‘ผู้ตรวจ-สสจ.’ เขต1 ปูพรมทุกด้านเร่งช่วยเหลือประชาชนชาวเชียงใหม่เต็มที่บรรเทาวิดกฤตน้ำท่วม เผยคุณยายวัย 85 ป่วยโรคหัวใจรอดชีวิตได้รับการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลได้ทัน

เมื่อวันที่ (6 ต.ค. 67) นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง กล่าวว่าหลังจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบการสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเชียงใหม่ ช่วยเหลือประชาชนและสัตว์เลี้ยงให้บรรเทาความเดือดร้อนนั้น นายสมศักดิ์ ได้สั่งการให้นพ. สราวุฒิ บุญสุข ผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 รับนโยบายไปดำเนินการในทันที

นางสาวตรีชฎากล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว อันเนื่องมาจากผู้ตรวจรชการเขตสุขภาพที่ 1 ได้สั่งการและติดตามงานอย่างใกล้ชิดในทุกด้าน ได้แก่ 1.ทำ area mapping 7 โซน ใน เชียงใหม่ อิงของ ปภ เป็นหลัก ตั้งหน่วยแพทย์ให้บริการในทุกพื้นที่ ให้เป็น 1 stop service 2.จัดหน่วยบริการฉุกเฉินเคลื่อนที่ ของเขตสุขภาพ (จากทุกจังหวัดในเขต) พร้อมสำรองลงปฏิบัติการในพื้นที่  3.ทบทวนวางแผน และกำหนดจุดลงปฏิบัติ ของหน่วยปฏิบัติการการแพทย์ ลงพื้นที่เสี่ยงแบบเชิงรุก และที่ศูนย์พักพิงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 4. ประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนระวังภัยจากไฟดูด วิธีปฏิบัติและป้องกันตัว ในพื้นที่เสี่ยงทุกแห่ง  5. เฝ้าระวังโรคที่มากับน้ำ เช่น อาหารเป็นพิษ โรคฉี่หนู ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ในกลุ่มเสีย่ง และ อาสาสมัคร
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ที่ อ. สันป่าตอง จากการจมน้ำ รวมเป็น 3 ราย สูญหาย 1 ราย บาดเจ็บเพิ่ม 10 ราย แบ่งเป็นเชียงใหม่ 1 ราย ลพบุรี 9 ราย รวมบาดเจ็บทั้งหมด 14 ราย เป็นบาดเจ็บเล็กน้อย สถานบริการ ที่ได้รับผลกระทบ 7 แห่ง2 สสอ.(ปิดบริการ) 8 ร.พ. สต.( ปิดบริการ6) ร.พ.4 แห่ง (ปิดบริการ3)ศูนย์พักพิง 42 แห่ง ที่ อ. เมือง และ แม่ริม หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 16 ทีมปฏิบัติงานในพื้นที่ ที่จังหวัดเชียงใหม่

นางสาวตรีชฎากล่าวว่า จากรายงานพบว่า ปริมาณน้ำยังคงสูงอยู่ พื้นที่ได้รับผลกระทบมากที่ อ. เมือง สันป่าตอง หางดง สารภี มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจาก ร.พ. เอกชน 7 ราย ย้ายกลุ่มเปราะบางออกพื้นที่ รวม 41 ราย  ล่าสุด ทีมปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน ร.พ.นครพิงค์ ร่วมกับ กู้ภัยรวมใจ และ กองทัพบก ได้นำเรือท้องแบนและรถยกสูง ออกรับตัวคุณยายวัย 85ผู้ป่วยโรคหัวใจ มีอาการหายใจเหนื่อย ติดอยู่ในบ้านย่านสวนสุขภาพบ้านเด่น ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ อาการป่วย ไม่ติดเตียง พอเดินได้ แต่ร่าง กายอ่อนแอ พักอาศัยอยู่ภายในบ้านคนเดียว น้ำท่วมสูง ญาติไม่สามารถเข้าไปรับตัวได้  นำคุณยายไปรักษาตัวที่ร.พ. ผู้ป่วย case evacuated จากโรงพยาบาลราชเวช drowning post arrest และ ผู้ป่วย Stroke fast track เคหะหนองหอยนำส่ง รักษาต่อที่ รพ.นครพิงค์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top