Monday, 16 June 2025
TheStatesTimes

ฟุตบอลรักเมืองไทย 'วปอ.-พระปกเกล้า' ชูลดความเหลื่อมล้ำ-ร่วมสร้างชาติให้มั่นคง ขณะที่ 'อุ๊งอิ๊ง' ร่วมเชียร์ลั่นสนามศุภชชาศัย

เมื่อวานนี้ (1 ก.ย.67) ที่ สนามศุภชลาศัย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานเปิดการแข่งขัน ฟุตบอลประเพณี 'วปอ.-สถาบันพระปกเกล้า' ภายใต้แนวคิด 'รักเมืองไทย-ลดความเหลื่อมล้ำ-ร่วมสร้างชาติให้มั่นคง' ชิงถ้วยรางวัลสภากาชาดไทย และ ชิงถ้วยรางวัลจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 

โดยมี นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า พลโท ทักษิณ สิริสิงห ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 

พร้อมทั้ง คณาจารย์ ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน ของ วปอ. และ สถาบันพระปกเกล้า ประกอบด้วย หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) หลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (4 ส.) หลักสูตรการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) หลักสูตรการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปศส.) หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นายุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย (ปนป.) หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ 'มินิ วปอ.' หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง (สวปอ.มส. SML) เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างคับคั่ง

โดยกิจกรรมเริ่มจาก การแสดงดุริยางค์ จากกองดุริยางค์ทหารอากาศ ตามด้วยการแสดงขบวนพาเหรดจากเหล่าศิษย์เก่าและปัจจุบัน ของ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) และสถาบันพระปกเกล้า และการแสดงมินิคอนเสิร์ตของ 'ชัชชัย สุขขาวดี' หรือที่รู้จักในชื่อ 'หรั่ง ร็อคเคสตร้า' และ 'สปาย-ภาสกรณ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์' The Golden Song เวทีเพลงเพราะ

ต่อด้วยการแข่งขันฟุตบอล 3 คู่ ทีมแรก ประเภท YOUNG ทีมที่สองประเภท JUNIOR และทีมปิดแมตช์ ประเภท SENIOR โดยมีนักเตะกิตติมศักดิ์ ฝั่ง วปอ. อาทิ นายถิรชัย วุฒิธรรม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ขณะที่ฝั่ง สถาบันพระปกเกล้า มี ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวีน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ นายธนกร วังบุญคงชนะ นายนิธิ สมุทรโคจร นายยุทธนา หยิมการุณ สำหรับผลการแข่งขันฟุตบอล รุ่น YOUNG สถาบันพระปกเกล้า ชนะ วปอ. 2:1 รุ่น JUNIOR สถาบันพระปกเกล้า ชนะ วปอ. 3:1 และรุ่น SENIOR  สถาบันพระปกเกล้า แพ้ วปอ. 0:5

นายอรรถพล เสือคำรณ ประธานฝ่ายจัดงาน ปปร.27 กล่าวว่า กิจกรรมแข่งขันฟุตบอลประเพณีในปีนี้ นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของ 2 สถาบันแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังความรักชาติ รักสถาบันของประเทศไทย ให้ทุกฝ่ายได้เกิดความสามัคคีซึ่งกันและกัน ขณะที่ปีนี้ในประเทศของเราต้องเผชิญกับเหตุอุทกภัย การจัดกิจกรรมนี้จึงได้เปิดรับบริจาค โดยเงินทุกบาททุกสตางค์จะถูกส่งมอบไปยัง สภาการชาดไทย เพื่อนำไปก่อประโยชน์กับผู้ประสบภัยทุกคน

ด้าน ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานฝ่ายจัดงาน วปอ.67 กล่าวว่า วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) กับ สถาบันพระปกเกล้า ถือว่าเป็นสถาบันหลักของประเทศที่ให้ความรู้ และผลิตบุคลากรของชาติ ระดับคุณภาพอย่างมากมาย ซึ่งการแข่งขัน ยึดรูปแบบฟุตบอลประเพณี 'จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์' มาเป็นโมเดล และครั้งที่ 3 ปี 2568 ทางวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รับหน้าที่เป็นภาพจัดการแข่งขันเพื่อสืบสานปรเพณีเช่นนี้ต่อไป 

นายวิทวัส​ ชัย​ภาคภูมิ​ เลขาธิการสถาบัน​พระ​ปกเกล้า​ กล่าว​ว่า​ ต้องขอ​ขอบคุณ​ในความทุ่มเทของนักศึกษาหลักสูตร ปปร. และ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เป็นอย่างยิ่งที่ร่วมกันจัดงานฟุตบอลประเพณี 'รักเมืองไทย' ครั้งที่ 2 ขึ้น​ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดี​ ทำให้นักศึกษา​ทั้งสองสถาบัน​ฯ​ ได้มีโอกาสพบปะสร้างสัมพันธ์ใหเ้แน่นแฟ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านความร่วมมือด้านประชาธิปไตย สร้างความปรองดองสมานฉันท์ในสังคม​ โดยใช้กีฬาฟุตบอลเป็นสื่อกลาง

'รมว.ปุ้ย' เผยตัวเลขการผลิตน้ำตาลทรายของไทยปี 67 กำชับ!! 'สอน.' ดูแลปริมาณให้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ

(4 ก.ย. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลการผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยปี 2567 จากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) โดยในฤดูการผลิตปี 2566/67 ที่ผ่านมา มีปริมาณอ้อยเข้าหีบจำนวน 82.17 ล้านตัน มีผลผลิตน้ำตาลทราย 8.80 ล้านตัน โดยในครึ่งปีแรกของปี 2567 (มกราคม - มิถุนายน 2567) ไทยใช้น้ำตาลเพื่อบริโภคภายในประเทศ 1.27 ล้านตัน แบ่งออกเป็น น้ำตาลที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม 0.52 ล้านตัน และน้ำตาลที่ใช้ในการบริโภคโดยตรง (รวมร้านยี่ปั๊วและห้างโมเดิร์นเทรด) 0.75 ล้านตัน 

โดยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2567 ไทยมีน้ำตาลเพื่อบริโภคภายในประเทศคงเหลือ 1.77 ล้านตัน และ สอน. ได้คาดการณ์ว่าระหว่างเดือนกันยายน - ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเปิดหีบอ้อยฤดูการผลิตถัดไป ไทยจะใช้น้ำตาลเพื่อบริโภคภายในประเทศ 0.8 ล้านตัน ซึ่งตนได้กำชับให้ สอน. ดูแลปริมาณน้ำตาลให้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ

นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กล่าวว่า สอน. ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลในการดูแลปริมาณน้ำตาลให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ โดย สอน. ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ประจำโรงงานน้ำตาลทั้ง 57 โรงทั่วประเทศ รายงานปริมาณน้ำตาลคงเหลือส่งให้ สอน. เป็นประจำทุกวัน 

ปัจจุบัน ราคาขายหน้าโรงงานอยู่ที่ 21 - 22 บาท/กิโลกรัม (ไม่รวมค่าโลจิสติกส์และ VAT) ราคาขายปลีกตามห้างโมเดิร์นเทรดอยู่ที่ 27 - 28 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่เป็นไปตามกลไกการตลาดที่จะต้องมีการบวกเพิ่มค่าการตลาดและค่าบรรจุภัณฑ์

"ถือว่าเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ต้องการรักษาเสถียรภาพความมั่นคงทางอาหาร เนื่องจากน้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่ง สอน. จะบริหารจัดการการจำหน่ายเพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะมีปริมาณน้ำตาลทรายเพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ" นายวิฤทธิ์กล่าวปิดท้าย

'เทลสกอร์' ชี้!! ยอดรวมอินฟลูฯ-คอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทย แตะ 9 ล้านคน ในจังหวะตลอดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยขยายตัว 25-30% แตะ 4.5 หมื่นล้านบาท

(4 ก.ย.67) นางสาวสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า เทลสกอร์ ได้ประเมินภาพรวมตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในประเทศไทยในปีนี้มีมูลค่าประมาณ 4.50 หมื่นล้านบาท มีการเติบโต 25-30% เนื่องจากกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนได้มุ่งทำตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์อยู่ในระดับสูง

“ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้หลายฝ่ายประเมินว่าอาจไม่สดใสมากนัก แต่ภาคเอกชนไทยยังรุกทำการตลาด เนื่องจากการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ยังมีความสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งภาพรวมตลาดมีการขยายตัวในระดับดังกล่าวต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว” 

สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่ยังทุ่มงบการตลาดระดับสูง จะเป็นกลุ่มเพื่อสุขภาพและความงาม กลุ่มไลฟ์สไตล์ และกลุ่มการเงิน ส่วนกลุ่มที่ชะลอการใช้งบจะเป็น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และรถยนต์ตามภาพรวมตลาดที่หดตัวลง 

ทั้งนี้แนวโน้มการทำตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ที่มีการขยายตัวสูง โดยในประเทศไทยมีจำนวนอินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ประมาณ 9 ล้านคน ส่วนในทั่วโลก จากสถิติของ Linktree ระบุว่ามีจำนวนคอนเทนต์ครีเอเตอร์ประมาณ 200 ล้านคนทั่วโลก หรือประมาณ 3% จากประชากรโลก อีกทั้ง ภาพรวมตลาด คอนเทนต์ครีเอเตอร์ในไทย มีมูลค่าประมาณ 5.5 ล้านล้านบาท

สำหรับตลาดไทยกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานมีจำนวนสูงขึ้น มีความสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียและการใช้เวลาบนโลกออนไลน์ของคนไทย ที่อยู่ในระดับสูงอันดับต้นในโลก อีกทั้ง จากการประเมินของ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ระบุว่า ประชากรไทยมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ประมาณ 89.5% และมีช่องทางโซเชียลมีเดียมากถึง 50 ล้านคน คิดเป็น 71.5% ของประชากรทั้งหมด

ทั้งนี้ บริษัท เทลสกอร์ ที่ดำเนินธุรกิจในด้านอินฟลูเอนเซอร์ มาร์เก็ตติ้งแพลตฟอร์ม ได้ร่วมมือกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด จัดงาน The Mall Lifestore Presents Thailand Influencer Awards 2024 by Tellscore งานประกาศรางวัลสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์ และสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์แคมเปญที่ใหญ่สุดแห่งปี โดยจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 รวมทั้งสิ้น 59 สาขา

สำหรับงานจัดอยู่ในแนวคิด The Future is Yours! เพื่อร่วมแสดงถึงศักยภาพอินฟลูเอนเซอร์และนักการตลาดที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางและสร้างสรรค์อนาคตของเศรษฐกิจไทย พร้อมเน้นหาอินฟลูเอนเซอร์คุณภาพ การร่วมสร้างมาตรฐานและคอมมูนิตี้อินฟลูเอนเซอร์ของประเทศไทยให้แข็งแกร่ง

ขณะที่กำหนดการจัดงาน มีขึ้นในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ

'นนทบุรี' เตือน!! 30 ชุมชนนอกแนวป้องกันเสี่ยงน้ำท่วม อิทธิพล 'ฝนหนัก-น้ำเหนือ' แนะ!! เร่งยกของขึ้นที่สูง

เมื่อวานนี้ (3 ก.ย. 67) นายอภิชัย อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ในราชการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรี ถึงหัวหน้าส่วนราชการหลายหน่วยและนายกเทศมนตรีหลายแห่ง และแจ้งให้พร้อมรับมือน้ำฝนและรับน้ำเหนือ และ 30 ชุมชนเสี่ยงถูกน้ำท่วม

โดยอ้างประกาศฉบับที่ 2 ของกรมอุตุนิยมวิทยา ลงวันที่ 2 กันยายน แจ้งว่า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมาก บางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางพื้นที่ โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงระหว่างวันที่ 3-9 กันยายน 2567

และกรมชลประทานได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 2 กันยายน 2567 แจ้งว่า จะมีการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราระหว่าง 1,400-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน อีกประมาณ 0.25-1.40 เมตร และอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ประกอบกับจากการคาดการณ์ระดับน้ำทะเลหนุนสูง จากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ น้ำทะเลหนุนสูงถึงวันที่ 5 กันยายน 2567 และระหว่างวันที่ 14-20 กันยายน 2567

เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ และลดผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรีจึงขอให้ถือปฏิบัติตามแนวทาง ดังนี้

1.แจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งก่อสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า สำหรับเกษตรกรควรป้องกันผลิตผลทางการเกษตรที่อาจได้รับความเสียหาย และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำให้ขนย้ายสิ่งของเพื่อลดความเสียหายจากกรณีเพิ่มการระบายน้ำ และน้ำทะเลหนุนสูง จากระดับน้ำปัจจุบันประมาณ 0.25-1.40 เมตร

2.หากมีแนวโน้มจะเกิดสถานการณ์ฝนฟ้าคะนองรุนแรงในพื้นที่ ให้เตรียมพร้อมทรัพยากร และแผนเผชิญเหตุ รวมถึงกำลังเจ้าหน้าที่ให้มีความพร้อมบรรเทาภัย อำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยประสานและบูรณาการหน่วยงานพลเรือน เครือข่ายอาสาสมัคร จิตอาสา ภาคเอกชนทุกภาคส่วนเข้าร่วมปฏิบัติงาน

3.หากเกิดสาธารณภัยขึ้นในพื้นที่ให้รายงานสถานการณ์ และการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรีทราบทันที ทางหมายเลขโทรศัพท์ 0-2591-2471 สายด่วน 1784 หรือแจ้งผ่านแอพพลิเคชั่น Line ปภ.โดยดำเนินการเพิ่มเพื่อน Line ID : @๑๗๘๔DDPM ตลอด 24 ชั่วโมง

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรี จึงขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำต่ำ 30 จุด ให้เฝ้าระวังและยกของขึ้นที่สูงและเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหากมีแนวโน้มจะเกิดสถานการณ์สาธารณภัยในพื้นที่ ให้แจ้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา หรือกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนนทบุรี ร่วมปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อไป

สำหรับชุมชนทั้ง 30 แห่ง ที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ นอกแนวป้องกันน้ำท่วม เสี่ยงได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย

1.ชุมชนบริเวณวัดค้างคาว ม.4
2.ชุมชนริมน้ำท่าอิฐ ม.8
3.ชุมชนบริเวณมัสยิดท่าอิฐ ม.10
4.ชุมชนคลองบางภูมิ ม.5 ฝั่ง ต.คลองพระอุดม
5.ชุมชนบริเวณวัดไทรม้าเหนือ
6.ชุมชนบริเวณวัดไทรม้าใต้
7.ชุมชนวัดเฉลิมพระเกรียรติ
8.ชุมชนวัดอมฤต
9.ชุมชนบริเวณเกาะเกร็ด
10.ชุมชนบริเวณวัดแคนอก

11.ชุมชนวัดศาลารี
12.ชุมชนวัดค้างคาว ม.4
13.ชุมชนบริเวณวัดโพธิ์ทองบน
14.ชุมชนบริเวณวัดสลักเหนือ
15.ชุมชนวัดแจ้งศิริสัมพันธ์
16.ชุมชนบริเวณ หลัง รพ.พระนั่งเกล้า
17.ชุมชนบริเวณท่าน้ำนนทบุรี
18.ชุมชนบริเวณหมู่บ้านเทพประทาน
19.ชุมชนบริเวณวัดกู้
20.ชุมชนบริเวณวัดบ่อ

21.ชุมชนบริเวณวัดสนามเหนือ
22.ชุมชนวัดกลางเกร็ด
23.ชุมชนวัดแสงสิริธรรม
24.ชุมชนริมน้ำท่าอิฐ ม.4, ม.5, ม.6 และ ม.7
25.ชุมชนวัดตำหนักใต้
26.ชุมชนบริเวณวัดท่าบางสีทอง
27.ชุมชนบริเวณวัดชลอ
28.ชุมชนบริเวณวัดเกตุประยงค์เล็ก
29.ชุมชนบริเวณวัดพิกุลทอง
30.ชุมชนวัดใหญ่สว่างอารมณ์

'การบินไทย' ตรวจสอบความปลอดภัย ‘Airbus A350’ ยัน!! ไม่พบปัญหาจากเครื่องยนต์ และคงให้บริการตามปกติ

เมื่อวานนี้ (3 ก.ย. 67) นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีสายการบิน ‘คาเธ่ย์ แปซิฟิก แอร์เวย์’ (Cathay Pacific Airways) ตรวจสอบพบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่มีปัญหาในเครื่องบิน Airbus SE A350 ส่งผลให้ต้องระงับการใช้เครื่องบินดังกล่าว และยกเลิกเที่ยวบินหลายเส้นทาง

ในส่วนของการบินไทยปัจจุบันมีอากาศยานรุ่น Airbus A350 ให้บริการ ซึ่งมีการตรวจสอบ และซ่อมบำรุงตามวงรอบปกติ โดยปัจจุบันอากาศยานรุ่นดังกล่าวยังคงให้บริการตามปกติ และยังไม่พบปัญหาจากเครื่องยนต์

สำหรับกรณี Cathay Pacific Airways ตรวจสอบพบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ Airbus A350 มีการรายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ในวันนี้ (3 ก.ย.) Cathay Pacific Airways ได้ยกเลิกเที่ยวบินจากฮ่องกงไปสิงคโปร์เกือบทั้งหมด รวมถึงเที่ยวบินอื่น ๆ ทั่วเอเชีย หลังจากพบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่มีปัญหาในเครื่องบิน Airbus SE A350 ของตน โดยคาดว่าท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผิดรูปหรือเสื่อมสภาพเป็นสาเหตุ

สายการบินได้ขอให้นักวิศวกรของตนตรวจสอบท่อสายยางที่จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับเครื่องยนต์อย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อหาความผิดปกติ การเสียรูป การบิด การพองตัวหรือการเสื่อมสภาพ ตามแหล่งข่าวสองคนที่ขอไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดต่อสาธารณะ ขณะด้าน Cathay Pacific ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาชิ้นส่วนเครื่องยนต์โดยเฉพาะ

นอกจากนี้ สายการบิน Cathay Pacific ยังได้ยกเลิกเที่ยวบินจากฮ่องกงไปกรุงเทพฯ และเที่ยวบินไปสนามบินนาริตะของโตเกียวเกือบครึ่งหนึ่ง โดยเที่ยวบินที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่นั้น ไม่มีเที่ยวบินใดใช้เครื่องบินแอร์บัส A350 แล้ว ซึ่งสายการบินระบุว่า มีการยกเลิกเที่ยวบินเดี่ยวประมาณ 48 เที่ยวบิน รวมถึงเที่ยวบินขาไปและขากลับ

ทั้งนี้ Cathay Pacific ได้ตรวจพบปัญหาเกี่ยวกับชิ้นส่วนเครื่องยนต์ในเครื่องบินลำหนึ่งที่ต้องกลับจากเที่ยวบินเดิมที่มุ่งหน้าไปยังเมืองซูริคในวันจันทร์ การตรวจสอบเครื่องบินอื่น ๆ ในฝูงบินพบว่าชิ้นส่วนเครื่องยนต์แบบเดียวกันหลายชิ้นก็จำเป็นต้องเปลี่ยน

วธ.เปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ 'สอนศิลป์ ถิ่นกวี' มุ่งสืบสานมรดกภูมิปัญญาศิลปวัฒนธรรมไทย ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

เมื่อวานนี้ (3 ก.ย.67) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้ นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ 'สอนศิลป์ ถิ่นกวี ขับกล่อมดนตรีพื้นบ้าน ร่วมสานงานศิลปวัฒนธรรม' ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ จัดขึ้นที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมวัฒนธรรมและมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานและเผยแพร่มรดกภูมิปัญญาของศิลปวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านศิลปะและดนตรีพื้นบ้าน ให้แก่คนรุ่นใหม่ ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป

ในการกล่าวเปิดงาน นายประสพ เรียงเงิน ได้กล่าวชื่นชมการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่นำไปสู่การขับเคลื่อนศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในอนาคต 

นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป และการจัดฝึกอบรมครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการจัดงานและการสนับสนุนของทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันเพื่ออนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างยั่งยืน

จากนั้น นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวขอบคุณอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมที่เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ 'สอนศิลป์ ถิ่นกวี ขับกล่อมดนตรีพื้นบ้าน ร่วมสานงานศิลปวัฒนธรรม' โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และศิลปินแห่งชาติ 3 สาขา จำนวน 17 ท่าน 

ผนึกกำลังในการดำเนินโครงการนี้เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้จากศิลปินแห่งชาติและศิลปินอื่น ๆ ให้แก่ผู้เข้าร่วมผ่านการเรียนรู้ใน 14 ฐานศิลปะ ซึ่งครอบคลุมหลากหลายแขนง ทั้งด้านจิตรกรรม ประติมากรรม วรรณศิลป์ และการแสดง อาทิ เทคนิคจิตรกรรมและสื่อผสม เทคนิคสร้างสรรค์ภาพพิมพ์ เทคนิคประติมากรรม  การสร้างสรรค์งานวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) การสร้างงานศิลปะการแสดงพื้นบ้าน (เพลงโคราช) การสร้างงานศิลปะการแสดงพื้นบ้าน 

(ดนตรีพื้นบ้านและการสร้างงานศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ไทยร่วมสมัย  เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการแสดงผลงานของศิลปินแห่งชาติอีก 39 ชิ้น โดยหวังว่าผู้เข้าร่วมจะได้รับแรงบันดาลใจและร่วมกันสืบทอดศิลปวัฒนธรรมไทยต่อไป กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ได้แก่ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน ศิลปินร่วมสมัย และครูศิลปะ อาทิ ดร. กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรมและสื่อผสม) นายวรนันทน์ ชัชวาล

ทิพากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพถ่าย) นางชมัยภร บางคมบาง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ นายกำปั่น นิธิวรไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงโคราช) นายทรงศักดิ์ ประทุมสินธุ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้านอีสาน) นางรุ่งฤดี เพ็งเจริญ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสำกล - ขับร้อง) นายเดช นานกลาง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านปั้นดินเผาร่วมสมัยคนด่านเกวียนที่มาร่วมถ่ายทอดความรู้และ

ประสบการณ์ให้แก่ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ทำให้เกิดการต่อยอดภูมิปัญญา และสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่ยั่งยืนแก่ประเทศชาติ

สุโขทัย-รองนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดสุโขทัย สั่งการทุกหน่วยงานสำรวจพื้นที่น้ำท่วม เร่งเยียวยาประชาชน

วันนี้ (31 ส.ค. 67) เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมศรีนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานประชุมตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยโดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย เขต 1 ร่วมประชุมโดยรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยจากนายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และสถานการณ์น้ำในภาพรวมของจังหวัดสุโขทัย โอกาสนี้ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยรองนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ให้ทุกหน่วยบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้นำเสนอขอความอนุเคราะห์งบประมาณให้กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการก่อสร้างกำแพงป้องกันตลิ่ง ดังนี้

1.หมู่ 6 ตำบลคลองกระจง อำเภอสวรรคโลก ระยะทาง 300 เมตร
2.หมู่ 7ตำบลท่าทอง อำเภอสวรรคโลก ระยะทาง 800 เมตร
3.หมู่ 5 ตำบลคลองตาล อำเภอศรีสำโรง ระยะทาง 150 เมตร
4.หมู่ 6 ตำบลวังใหญ่ และหมู่ 8 ตำบลวังทอง อำเภอศรีสำโรง ระยะทาง 990 เมตร
5.หมู่ 1 , หมู่ 6 และหมู่ 7 ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย ระยะทาง 2,400 เมตร
6.ตำบลยางซ้าย อำเภอเมืองสุโขทัย ระยะทาง 5,000 เมตร
7.ขอปรับปรุงพื้นที่รับน้ำนอง บริเวณตำบลยางซ้าย และตำบลปากพระ อำเภอเมืองสุโขทัย ในรูปแบบบางระกำโมเดล

ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นจะเร่งผลักดันให้มีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยลุ่มแม่น้ำยมในระยะยาวต่อไป จากนั้นได้เยี่ยมโรงครัวศูนย์ประสานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และพบปะให้กำลังใจพร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย อำเภอเมืองสุโขทัย ณ อาคารอเนกประสงค์ ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย พร้อมกล่าวพบปะให้กำลังใจประชาชนว่ารัฐบาลห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วน เร่งฟื้นฟู และช่วยเหลือให้กลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว ยืนยันรัฐบาลพร้อมเร่งแก้ปัญหาในระยะยาว หลักสำคัญคือพลังความร่วมมือทั้งหมดของประชาชนคนไทยที่จะร่วมมือกันฟันฝ่าอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ ต่อจากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ ณ ประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ และประตูระบายน้ำคลองหกบาท ต.ป่ากุมเกาะ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ก่อนที่จะเดินทางไปยังจังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดชัยนาท เพื่อหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป

'เชียงราย' นายอำเภอประสานจิตอาสาทั่วไทยธารน้ำใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน แบ่งปันสู่อำเภอเทิง

(1 ก.ย. 67) สืบเนื่องจากจากเหตุการณ์เกิดน้ำป่าไหลหลาก และฝนตกหนักต่อเนื่องบริเวณ พื้นที่อำเภอเทิง เวียงแก่น ขุนตาล พญาเม็งราย ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ เช่นเดียวกับอำเภอเทิงที่เกิดเหตุน้ำท่วมหนักและเกิดความเสียหายหลายครัวเรือนต่อมาทางด้านของ นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอเทิง ไม่ได้นิ่งนอนใจ ประสานทุกหน่วยงาน จิตอาสาทั่วประเทศ เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนบ้านเวียงใต้ หมู่ที่15 ตำบลเวียง อำเภอเทิงจากเป็นที่มาของ “ธารน้ำใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” แบ่งปันสู่ อำเภอเทิง หลั่งไหลความรัก ให้พี่น้องชาวอำเภอเทิงที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมขังในหลายพื้นที่และก้าวเริ่มสู่ระยะฟื้นฟูกันต่อไปบางครอบครัวแทบสิ้นเนื้อประดาตัวและต้องขอขอบพระคุณ น้ำใจจากผู้มีจิตอาสาทุกคนที่ร่วมเป็นสะพานบุญ ส่งมอบความสุขให้พี่น้องที่ประสบภัยทุกคน จิตอาสาจากทั่วทุกสารทิศที่ร่วมกันกับภารกิจในครั้งนี้ โดยการประสานงานจาก “นักประสานงาน10ทิศ  นักจิตอาสาคนเดิมจากภารกิจ ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนาย ประสงค์  น้อยหมอ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่จันได้ประสานภารกิจจากพี่น้องทุกทิศทั่วไทยเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือขอบสิ่งของในครั้งนี้เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2567 โดยมีผู้ร่วมภารกิจ อาทิเช่น คุณรัตน์ สันตอรรนพ ผู้บริหารอาวุโส ช.การช่าง ผู้ใหญ่ตั้น นภดล นิยมตรง (ปั้มเจส จากถ้ำหลวง)เสื้อผ้าใหม่ๆ จาก Camp71 แบรนด์ 71 Export บจก.JP เมดอินโนเวชั่น กลุ่มพรเจริญ กรุ๊ป ครอบครัว วรจักร และ เพื่อนๆจิตอาสาซักผ้าจากปฎิบัติการถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนและน้องจากหน่วยงาน pea แม่จัน พร้อมพี่น้องจาก อยุธยา ทุกคนที่ร่วมธารน้ำใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน แบ่งปันสู่อำเภอเทิงในครั้งนี้ต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์/หัวหน้าศูนย์ข่าวอำเภอแม่สาย/รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top