Sunday, 15 June 2025
TheStatesTimes

สมุทรปราการ-”นันทิดา” เปิด สกายวอล์ค ทางเดินลอยฟ้า รำลึก!! “ชนม์สวัสดิ์” ผู้ก่อตั้งสกายวอล์ค

(28 ส.ค. 67) นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นางประภาพร อัศวเหม นายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเปิด สกายวอล์คทางเดินลอยฟ้า ภายใต้การผลักดันและให้การสนับสนุนริเริ่มก่อสร้างโครงการแห่งนี้ของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ

โดยทางด้าน นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ถือฤกษ์ดี วันที่ 28 สิงหาคม 2567 เวลา 9.28 น. ซึ่งถือว่าเป็นเลขมงคลของ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ อีกทั้ง เพื่อเป็นการรำลึกถึงนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ผู้ริเริ่มก่อสร้างโครงการสกายวอล์คและด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นเพื่อพี่น้องประชาชนคนสมุทรปราการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการจึงได้ทำการเปิดสกายวอล์คทางเดินลอยฟ้าเพื่อคนสมุทรปราการในวันนี้ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้

โดยทางด้าน นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า สกายวอล์คแห่งนี้มีความสะดวกของทางเดินลอยฟ้า เชื่อม BTS ปากน้ำ ลงจากรถไฟฟ้าเดินต่ออีกนิดก็สามารถเข้าถึงสถานที่ราชการได้หลายแห่ง แถมยังสามารถเดินทะลุไปจนถึง "หอชมเมืองฯ" แบบไม่ร้อนไม่เปียก มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความปลอดภัยและให้บริการกับประชาชน โดยจะมีแผนที่ทางเดินสกายวอล์คและจุด ขึ้น-ลง ต่างๆ ที่เชื่อมต่อจาก BTS สถานีปากน้ำ (E19) ฝั่งทางออกที่ 6 ศาลากลาง เปิด-ปิด เวลา 05.00 - 01.00 น.

หมายเลข 1 : จุดขึ้น-ลงบันได ตรงข้ามสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ ชมวิวริมเขื่อนศาลากลางจังหวัดฯ หรือติดต่อส่วนราชการได้ ทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ และเทศบาลนครสมุทรปราการ (อาคารใหม่กำลังก่อสร้าง) หรือเดินอีกนิดก็ถึง ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ, ศาลากลางจังหวัด, อบจ.สมุทรปราการ, ศาลาประชาคม (มี สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ สนง.วัฒนธรรมจังหวัด ตั้งอยู่ภายในอาคาร)

หมายเลข 2 : จุดขึ้น-ลงมีลิฟท์สำหรับวีลแชร์ และบันไดเดินขึ้นลง ใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ติดกับ "วิหารพระพุทธชินราชมงคลปราการ" อยู่ใกล้กับสรรพสามิตจังหวัดสมุทรปราการ ถ.สุทธิภิรมย์ ถัดไปยังมีไปรษณีย์ไทยอยู่ถัดไปอีก โดยจุดนี้มีห้องสุขาสำหรับผู้ใช้วีลแชร์หรือคนพิการโดยจะอยู่ติดกับลิฟท์ด้านบน

หมายเลข 3 : จุดขึ้น-ลงแบบบันไดเลื่อน สะดวกสบาย พร้อมลิฟท์โดยสารสำหรับวีลแชร์ ถ.ประโคนชัย ฝั่งเดียวกับ ศาลากลางฯ ที่อยู่ใกล้ป้ายรถประจำทาง ตรงข้ามสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ เดินอีกนิดก็ถึงสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ

หมายเลข 4 : จุดขึ้น-ลงบันได ด้านหน้า ถ.ประโคนชัย ติดห้องสมุดประชาชน มีป้ายรถประจำทางอยู่ด้าน ถ.ศรีสมุทร และก่อนถึงห้องสมุด เดินย้อนไปนิดจะเจอธนารักษ์ เดินขึ้นสกายวอล์คมามุ่งหน้าสู่หอชมเมืองฯ หรือเดินไปยังจุดต่างๆได้

หมายเลข 5 : จุดขึ้น-ลงบันได ในพื้นที่ "อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ" เปิด-ปิด เฉพาะเวลา 06.00 - 18.00 น. สะดวกสุดๆ กับส่วนเชื่อมต่อเข้าอาคารหอชมเมืองฯ ที่บริเวณชั้น 2 ลงลิฟท์มาชั้น 1 เพื่อรับชมนิทรรศการ หรือขึ้นไปชั้น 23 และ ชั้น 25 เพื่อชมวิวสวยๆ ของเมืองสมุทรปราการได้อีกด้วย หอชมเมืองฯ เปิดให้บริการวันอังคาร - วันเสาร์ เวลา 10.00 - 17.00 น. งดให้บริการวันอาทิตย์ - วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

'บิ๊กราญ' รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดการอบรมเชิงสัมมนา ด้านการปราบปรามยาเสพติด รับฟังเสียงสะท้อนจากคนทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิผล ประชาชนอุ่นใจ ตามนโยบายรัฐบาล

(28 ส.ค. 67) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. ร่วมเปิดโครงการอบรม เชิงสัมมนาเรื่องมุมมองและเสียงสะท้อนจากผู้ปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด เพื่อเพิ่มประสิทธิผล ด้านความสงบสุขของประชาชนตามนโยบายรัฐบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ในสังกัด บช.ปส., บช.น., ภ. 1 – 9, สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ , สำนักงานกำลังพล, สำนักงานงบประมาณและการเงิน, ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.), ศอ.ปส.ภ.1 -9, น. และผู้สังเกตการณ์ เข้าร่วมทั้งสิ้น 175 คน โดยมีระยะเวลาอบรม ตั้งแต่วันที่ 28 – 30 สิงหาคม 2567 ณ ห้องประชุมฟีนิกซ์ ศูนย์ประชุมเอ็กซิบิชั่น เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณการสัมมนา จาก สำงาน ป.ป.ส. เป็นเงินจำนวน 1,810,700 บาท

การจัดสัมมนาในครั้งนี้เกิดมาจากสภาพปัญหาสังคมอันเกิดจากการใช้สารเสพติด และปัญหาอาชญากรรมที่เป็นผลโดยตรงจากยาเสพติดได้ทวีความรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เห็นชอบตามที่ นายกรัฐมนตรีเสนอ ให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน และสำคัญของรัฐบาล โดยได้มอบนโยบายเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถลดความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหายาเสพติด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ในระดับที่ประชาชนเกิดความพึงพอใจ ซึ่งการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในมิติที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบนั้น เมื่อพิจารณาจากเกณฑ์การผ่านตัวชี้วัดในด้านต่าง ๆ อาจถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์ อย่างไรก็ตามทุกความสำเร็จ ทุกกระบวนงานที่ขับเคลื่อน และจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ได้ทุ่มเทกำลังแรงกายทั้งหมดที่มีในการลงพื้นที่ชุมชน/หมู่บ้าน อย่างหนัก เพื่อเสาะแสวงหาข้อมูล และความร่วมมือของประชาชน ผู้นำชุมชน เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลผู้เสพ และผู้ค้ารายย่อยในชุมชน จนนำมาซึ่งการป้องกันและการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ แต่ยังคงไม่สามารถลดสภาพปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด และเพิ่มความพึงพอใจของประชาชนได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ด้วยเหตุนี้ ทิศทางการดำเนินการในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแผนปฏิบัติการด้านยาเสพติดของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงอยากรับฟังมุมมอง และเสียงสะท้อนจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ที่อยู่ในพื้นที่โดยตรง เพื่อนำข้อมูล และข้อเสนอแนะมาใช้ในการปรับปรุงเป้าหมายตัวชี้วัด และผลสัมฤทธิ์ในช่วงเวลาสำคัญที่เหลืออยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิผลด้านความสงบสุขของประชาชนตามนโยบายรัฐบาลและใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแผนปฏิบัติงาน   ด้านยาเสพติด ในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ต่อไป โดยการสัมมนามีการอภิปรายเรื่องการนำนโยบายของรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด , การสนับสนุนการทำงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ยังมีการปฏิบัติ

โดยแบ่งกลุ่มสัมมนา (Workshop) ในหัวข้อ ต่าง ๆ อาทิ สรุปประเด็นปัญหา อุปสรรคที่เกิดจากการปฏิบัติงานแนวทางแก้ไข และข้อเสนอแนะการเพิ่มประสิทธิภาพงานในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเร่งด่วน, แนวทางการเพิ่มความพึงพอใจของประชาชน และเครื่องมือวัดผลที่ควรนำมาใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568, แนวทางและเกณฑ์ด้านการสืบสวนปราบปราม และสอบสวนที่ควรกำหนดในแผน และตัวชี้วัดของงานยาเสพติด ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๘ และข้อเสนอแนะที่สามารถนำมาใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือสามารถเปลี่ยนแปลงผลสำเร็จของงานได้อย่างสิ้นเชิง เพื่อผู้ปฏิบัติสามารถนำสิ่งที่ได้อบรมไปใช้ลดปัญหาอุปสรรค และประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในทุกมิติ และอาจส่งผลต่อการลดสภาพปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด เพิ่มความรู้สึกพึงพอใจของประชาชน ลดจำนวนผู้เสพยาเสพติด และผู้มีอาการทางจิตประสาทจากฤทธิ์ยาเสพติด ทั้งในมิติด้านการค้นหาการนำส่งการสนับสนุนงานด้านการบำบัดรักษา และการบูรณาการกับหน่วยงานภาคีและภาคเอกชน ให้ปัญหาอยู่ในระดับที่ประชาชนยอมรับได้ และสิ่งที่สำคัญคือการเพิ่มความอุ่นใจปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมตามโครงการ 'แว่นตาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง'

(28 ส.ค.67) เวลา 10.30 น. ณ สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม ตามโครงการ 'แว่นตาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง' พร้อมด้วย คุณกรีชา เกิดศรีพันธุ์ กรรมการบริษัท ห้างแว่นท็อปเจริญ, นายบุญส่ง ไตรภูธร ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษห้างแว่นท็อปเจริญ, นายณัฏฐ์พัชร์ ธรรมศักดิ์ ผู้ประสานงานโครงการฯ, คุณกาญจนา เกิดศรีพันธุ์ กรรมการบริษัท ห้างแว่นท็อปเจริญ และ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดพิธีมอบแว่นสายตาให้กับพี่น้องสมาชิกโครงการศิลปาชีพที่ประสบปัญหาสายตาและการมองเห็น และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ละพี่น้องสมาชิกศิลปาชีพที่เข้าร่วมคัดกรองตรวจวัดสายตา ประกอบแว่นในโครงการดังกล่าวให้การต้อนรับ

โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า "โครงการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความห่วงใยพี่น้องประชาชนโครงการศิลปาชีพในความดูแลของผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในปี 2566 – 2570 ห้างแว่นท็อปเจริญ จะให้บริการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นและมอบแว่นฟรีให้กับพี่น้องประชาชนตามโครงการ แว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปีละ 2,000 อัน รวมทั้งสิ้น จำนวน 10,000 อัน โดยในปีงบประมาณ 2566 - 2567 ได้จัดกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา มีประชาชนได้รับแว่นสายตาแล้วจำนวน 3,128 คน ในนามของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับมอบแว่นตาในวันนี้ ต้องขอขอบคุณบริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (มหาชน) และทุกภาคส่วน ที่ได้จัดทำโครงการ ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนใช้ชีวิตได้สะดวกและมีความสุขมากยิ่งขึ้น    

สำหรับกิจกรรมภายในงานยังจัดให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น พร้อมสั่งจ่ายยารักษาตามอาการแก่ประชาชนฟรีจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของศูนย์ประสานการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจัดให้บริการตัดผมบุรุษฟรี จากกองร้อยทหารพรานที่ 4612 ในโครงการเกศาสานใจ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย สร้างความสุข เติมพลังใจแก่ประชาชนที่เข้ารับบริการ

เปิดใจ!! 'น้าโย่ง-ครูโจ้' ความภูมิใจหลังได้รับเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติ ลั่น!! ขออนุรักษ์-สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

(28 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายได้ว่า ตามที่ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ประกาศผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ ปี 2566 จำนวน 12 คน ดังนี้ 

สาขาทัศนศิลป์ 4 คน ได้แก่
1.ศ.เกียรติคุณกัญญา เจริญศุภกุล (สื่อผสม) 
2.นางวิภาวดี พัฒนพงศ์พิบูล (สถาปัตยกรรมภายใน) 
3.ร้อยตรีทวี บูรณเขตต์ (ประณีตศิลป์-ช่างปั้น หล่อ) 
4.นายสุดสาคร ชายเสม (ประณีตศิลป์-เครื่องประกอบฉาก)

สาขาวรรณศิลป์ จำนวน 2 คน ได้แก่
1.นายประสาทพร ภูสุศิลป์ธร 
2.นายวศิน อินทสระ 

สาขาศิลปะการแสดง 6 คน ได้แก่ 
1.นายสมบัติ แก้วสุจริต (นาฏศิลป์ไทย-โขน ละคร) 
2.นายไชยยะ ทางมีศรี (ดนตรีไทย) 
3.นายพิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา (การแสดงพื้นบ้าน-เพลงฉ่อย) 
4.จ่าโทหญิง ปรียนันท์ สุนทรจามร (นักร้องเพลงไทยสากล-ลูกทุ่ง) 
5.นายสุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (นาฏศิลป์สากล)
6.รศ.บรรจง โกศัลวัฒน์ (ภาพยนตร์) นั้น

นายพิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา หรือ โย่ง เชิญยิ้ม ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน-เพลงฉ่อย) กล่าวว่า รู้สึกดีใจสุด ๆ ไปเลย กับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ที่ผ่านมาพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยเฉพาะ ในส่วนของการเรียนรู้ และการแสดงเพลงฉ่อย ลิเก เป็นสิ่งที่ตนหัดเล่นตั้งแต่สมัยเป็นเด็กเล็ก ๆ และเมื่อเราเห็นคนดูมีความสุขกับการแสดง เราก็มีความสุขตามไปด้วย

ทั้งนี้ตนพร้อมและยินดี ที่จะช่วยธำรงรักษา และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านศิลปะการแสดงพื้นบ้านตามที่ตนถนัด สู่เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ ผ่านกิจกรรมของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม วธ. ถือเป็นโอกาสที่เราจะได้ช่วยสังคม เพื่อที่จะทำให้มรดกอันล้ำค่าคงอยู่ ไม่สูญหาย ถือเป็นการอนุรักษ์ สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นรากเหง้าของชาติ ให้คงอยู่

ด้าน นายสุธีศักดิ์ ภักดีเทวา หรือครูโจ้ เดอะสตาร์ (นาฏศิลป์สากล) กล่าวว่า เมื่อได้ทราบข่าวก็หัวใจเต้นแรง และขอพูดตรง ๆ ว่ารู้สึกดีใจ และภูมิใจมาก เพราะการแสดงสาขานี้เป็นศาสตร์ที่ผสมผสานนาฏศิลป์ไทย และตะวันตกให้สอดประสานเป็นวัฒนธรรม การได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นรางวัลของวงค์ตระกูล ภักดีเทวา ซึ่งตนอยากนำความรู้ในส่วนนี้ไปถ่ายทอดให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาเรียนรู้ นาฏศิลป์สากล ไม่ใช่แค่การเต้น ที่ปัจจุบันมีผู้สนใจจำนวนมาก แต่สิ่งที่ยากคือ ต้องสื่อให้เห็นว่า เป็นศาสตร์ที่มีตัวต้น เป็นตัวดำเนินเรื่องที่ผสมผสานวัฒนธรรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

“ศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งศิลปินไทยสามารถปักธง และได้รับรางวัลในระดับนานาชาติจำนวนมาก ดังนั้น ผมอยากถ่ายทอด เพื่อสืบสานและต่อยอด ให้การแสดงของคนได้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น” ครูโจ้ กล่าว

🔎ส่องประเทศที่มี ‘นักท่องเที่ยว’ เดินทางไปเยอะที่สุด ในปี 2023

จากผลสำรวจของ The World Tourism rankings  by the United Nations World Tourism Organization ระบุว่าในปี 2023 ‘ประเทศไทย’ ทำรายได้จากการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติรวม 1.2 ล้านล้านบาท มีรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวลำดับ 1 มาจากมาเลเซีย 4.5 ล้านคน

ส่วนประเทศที่โกยนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากที่สุดในปี 2023 ได้แก่ ‘ฝรั่งเศส’ โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวมากถึง 100 ล้านคน

Fort Knox คลังเก็บทองคำสำรองของสหรัฐฯ สถานที่ซึ่งยากจะเข้าถึงที่สุดในโลก

ถ้าจะถามว่าในโลกใบนี้ สถานที่ใด? ยากที่จะเข้าถึงมากที่สุด น่าจะมีชื่อ Fort Knox คลังเก็บทองคำสำรองของสหรัฐอเมริกา ผุดขึ้นมาให้คิดถึง...

สำหรับชื่อเสียงของ Fort Knox นั้นมีมาอย่างยาวนานในสถานะคลังเก็บทองคำสำรองที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ โดยหากพิจารณาจากปี 2021 ปริมาณสำรองทองคำของสหรัฐฯ ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 8,134 เมตริกตัน จะพบว่า ตัวเลขประมาณการทองคำกว่าราว 4,580 เมตริกตันหรือคิดเป็น 56.35% ของทองคำสำรองของสหรัฐฯ ได้ถูกเก็บไว้ที่นี่

คำว่า 'ปลอดภัยเหมือน Fort Knox' เป็นคำที่แสดงถึงความมั่นคงปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้ และกลายเป็นคำรับรองถึงความปลอดภัยสูงสุดในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธนาคาร, ตู้นิรภัย, บริการรับฝากสินค้าฯลฯ

เดิม Fort Knox เป็นที่ตั้งหน่วยรถถังของกองทัพบกสหรัฐฯ ในมลรัฐ Kentucky ทางใต้ของเมือง Louisville และทางเหนือของเมือง Elizabethtown โดยการตั้งชื่อ Fort Knox ขึ้นมานั้น ก็เพื่อเป็นเกียรติแก่พลตรี Henry Knox ผู้บัญชาการหน่วยปืนใหญ่ในสงครามประกาศอิสรภาพอเมริกา และรัฐมนตรีกระทรวงสงครามคนแรกของสหรัฐฯ ในช่วงสงครามกลางเมือง Fort Knox ที่มีค่ายทหารเล็ก ๆ อยู่ไม่กี่แห่ง 

ต่อมาในปี 1936 คลังเก็บทองคำสำรองของสหรัฐฯ ก็ได้ถูกสร้างขึ้นโดยกระทรวงการคลังบนที่ดินที่รับโอนมาจากกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งในช่วงแรก Fort Knox ได้เก็บรักษาทองคำจำนวนเกือบ 13,000 เมตริกตัน และทุกการขนย้ายทองคำ จะได้รับการคุ้มกันโดยรถถังของกรมทหารม้าที่ 1 กองทัพบกสหรัฐฯ ไปยังโรงรับฝาก 

ทั้งนี้ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง Fort Knox ยังเคยถูกใช้ในการเก็บรักษาสิ่งของล้ำค่ามากมาย อาทิ ต้นฉบับของทั้งรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา, คำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา, ข้อบังคับของสมาพันธรัฐ, คำปราศรัยในการรับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่สองของ Abraham Lincoln และร่างคำปราศรัย Gettysburg ของ Abraham Lincoln อีกด้วย

สำหรับเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Fort Knox กลายเป็นคลังทองคำสำรองของสหรัฐฯ นั้น ต้องย้อนไปในเดือนมิถุนายน 1935 ที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศความตั้งใจจะสร้างคลังทองคำสำรองในบริเวณ Fort Knox มลรัฐ Kentucky อย่างรวดเร็ว จุดประสงค์เพื่อเก็บทองคำสำรองซึ่งเดิมเก็บไว้ในสำนักงานทดสอบ ในนคร New York และโรงกษาปณ์ Philadelphia 

ความตั้งใจนี้สอดคล้องกับนโยบายที่ประกาศไว้ก่อนหน้าว่า จะย้ายทองคำสำรองออกจากเมืองชายฝั่งไปยังพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการโจมตีโดยกองกำลังต่างชาติน้อยกว่า ซึ่งนโยบายนี้ได้นำไปสู่การขนส่งทองคำเกือบ 85.7 ล้านทรอยออนซ์ (2,666 เมตริกตัน) จากโรงกษาปณ์ San Francisco ไปยังโรงกษาปณ์ Denver ก่อนขนย้ายมายัง Fort Knox ที่สร้างเสร็จในเดือนธันวาคมของปี 1936 ด้วยราคา 560,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ซึ่งเทียบเท่ากับ 9,700,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2023) 

ในปี 1988 อาคาร Fort Knox ได้รับการขึ้นทะเบียนในทะเบียนโบราณสถานแห่งชาติในปี เนื่องด้วยสถานะเป็น 'สถานที่สำคัญที่รู้จักกันดีซึ่งมักถูกอ้างถึงบ่อยครั้งในบริบทที่เป็นข้อเท็จจริงและสมมติ' และมี 'ความสำคัญเป็นพิเศษทางประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศ'

อ่านถึงตรงนี้ หลายท่านคงจะพอจะนึกตามได้แล้วว่า ทำไม Fort Know จึงเป็นสถานที่ที่ยากจะเข้าถึงมากที่สุดในโลก นั่นก็เพราะข้อได้เปรียบทางทหารหลายประการที่เอื้อต่อ Fort Knox 

- กองกำลังต่างชาติที่โจมตีจากชายฝั่งทะเลตะวันออกของสหรัฐฯ จะต้องสู้รบผ่านเทือกเขา Appalachian ซึ่งถือเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการเคลื่อนกำลังทหารในยุคนั้น 
- นอกจากนี้ ยังแยกออกจากทางรถไฟและทางหลวง ซึ่งเป็นการขัดขวางอำนาจการโจมตีอีกด้วย 
- แม้แต่การเดินทางทางอากาศไปยัง Fort Knox ก็ต้องบินข้ามภูเขา ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อนักบินที่ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ดังกล่าวในยุคนั้นเช่นกัน 
- และที่สุด หน่วยทหารม้ารถถังเพียงหน่วยเดียวของกองทัพบกสหรัฐฯ ในขณะนั้น ก็ยังประจำการอยู่ในค่ายที่อยู่ติดกัน ซึ่งพร้อมที่จะนำไปใช้เพื่อปกป้อง Fort Knox คลังเก็บทองคำสำรองของสหรัฐฯ โดยทันที

ไม่เพียงเท่านี้ Fort Knox ยังล้อมรอบไปด้วยหอคอยยาม ซึ่งมีพลซุ่มยิงที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี หากคุณโชคดีพอที่จะผ่านพ้นการลาดตระเวนของเฮลิคอปเตอร์, รถถัง และรถลาดตระเวนมาได้ และต่อให้คุณผ่านพ้นพื้นที่ของพลซุ่มยิง, รั้วลวดหนาม, กำแพงคอนกรีตหนา และกำแพงเหล็กได้ การจะเข้าไปในห้องนิรภัยได้ ก็ต้องทราบรหัสประตูห้องนิรภัยที่มีน้ำหนัก 24 ตัน ซึ่งสามารถเปิดได้ด้วยการถอดรหัส รหัสประตูห้องนิรภัย 10 ชุดที่แตกต่างกัน และต้องป้อนตามลำดับที่ถูกต้องด้วยเท่านั้น

แล้วก็อย่าลืมว่า ภายใน Fort Knox ยังเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ทั่วทุกที่ ทันทีที่มีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาจะส่งสัญญาณวิทยุไปยังหัวหน้าของพวกเขา และหากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหายไป หัวหน้าก็จะส่งสัญญาณเตือนภัย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธหลายร้อยนายพร้อมรถหุ้มเกราะจะปิดล้อมรอบ Fort Knox ทันที

โดยสรุป หากคิดที่จะปล้นทองคำจาก Fort Knox คุณต้องทะลวงผ่านด่านนอก อาทิ การลาดตระเวนของเฮลิคอปเตอร์, รั้วลวดหนาม, การลาดตระเวนของรถลาดตระเวนและรถหุ้มเกราะ, รั้วไฟฟ้าสูง 10 ฟุต, พลซุ่มยิงที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี, กำแพงหินแกรนิตและคอนกรีตหนา 4 ฟุต, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากอยู่ภายใน, ผนังคอนกรีตเสริมเหล็กหนา 24 นิ้วที่สร้างขึ้นเพื่อทนต่ออาวุธนิวเคลียร์, กล้องวงจรปิดแบบหลายจุด, กระจกกันไฟและกันกระสุน, อุโมงค์น้ำท่วม เพื่อสังหารผู้บุกรุก, ทุ่นระเบิด และดาวเทียมพร้อมการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง 

จากนั้นด่านใน คุณต้องเข้าไปยังห้องนิรภัย โดยใช้รหัสเข้าใช้ลับที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ปลดล็อกได้ไปพร้อม ๆ กับการหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม หากคุณทำสำเร็จ จะสามารถรวบรวมทองคำแท่ง ซึ่งมีมูลค่ากว่า 240,000 ล้านดอลลาร์ตามการประมาณการโดยอิงจากมูลค่าทองคำล่าสุดไปครอง 

แต่ก็ยังมีคำถามอีกว่า คุณจะขนทองคำทั้งหมด ที่มีน้ำหนักประมาณ 4 ล้านกิโลกรัมหรือ 4,000 ตัน แล้วหลบหนีออกไปจากสหรัฐฯ อย่างเงียบๆ ได้อย่างไร?

และนี่ จึงทำให้ Fort Knox กลายเป็นสถานที่ซึ่งยากแก่การเข้าถึงมากที่สุดในโลกนั่นเอง...

เรื่อง: ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล

'เสี่ยเท้ง' แจงดรามาไม่แจกของน้ำท่วม เพราะอยู่ในช่วง 180 วันก่อนเลือกตั้ง

(28 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยถึงดรามาพรรคประชาชนไม่แจกของน้ำท่วม ว่า เป็นข้อเท็จจริงในเชิงกฎหมาย ภายใน 180 วันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ไม่สามารถแจกของได้ ตัวแทนของพรรคประชาชนก็ต้องระมัดระวัง แต่ที่ตนพูดในเวทีปราศรัยไม่ได้หมายความว่าการแจกของเป็นสิ่งที่ผิด

ทั้งนี้ หากย้อนไปดูงานต่าง ๆ ของสส.ในพรรค ช่วงวิกฤตที่ประชาชนต้องการจริง ๆ พวกข้าวสารอาหารแห้งก็เป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะฉะนั้นการแจกของก็ดูที่ความเหมาะสมความต้องการของประชาชน ไม่ใช่แจกเพื่อระบบอุปถัมภ์ ให้ประชาชนในพื้นที่รู้สึกว่าต้องตอบแทน

ส่วนที่มีคนเอาไปเทียบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่องค์กรอิสระ ซึ่งกกต.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงไปดูว่าพรรคอื่นทำผิดหรือไม่ผิด

'ทัพฟ้าไทย' เลือก ‘กริพเพน’ บรรจุฝูงบินรบใหม่เหนือ F-16 เผย!! ข้อเสนอผู้ผลิตจากสวีเดนตอบโจทย์ไทยมากกว่าของสหรัฐฯ

(28 ส.ค. 67) สื่อต่างประเทศรายงานข่าวกองทัพอากาศไทยตัดสินใจเลือกเครื่องบินขับไล่กริพเพน (Gripen) บรรจุเข้าฝูงบินขับไล่โจมตีฝูงใหม่ โดยมองว่าข้อเสนอซึ่งผู้ผลิตสัญชาติสวีเดนให้มานั้นตอบโจทย์ความต้องการของไทยมากกว่า F-16 จากอเมริกา

กองทัพอากาศไทยระบุในคำแถลงที่เผยแพร่วานนี้ (27ส.ค.) ว่า "คณะกรรมการพิจารณาเลือกแบบ ได้กำหนดขั้นตอนและเกณฑ์การพิจารณาที่ละเอียดรอบคอบ โดยใช้ระยะเวลากว่า 10 เดือนในการดำเนินการ จึงสามารถสรุปได้ว่าเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ JAS 39 Gripen E/F มีขีดความสามารถที่ตอบสนองความต้องการทางยุทธการตามหลักนิยมและยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศ ทั้งยังมีอิสระในการใช้งาน และสามารถพัฒนาต่อยอดนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติการร่วมหลายมิติ (Multi-Domain Operations) ระหว่างกองทัพอากาศร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และหน่วยงานความมั่นคงต่าง ๆ ภายใต้แนวความคิดการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต"

ทอ.ยังระบุด้วยว่า “การพิจารณาดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีในการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศไปอีกอย่างน้อย 30 ปี”

สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 รุ่นใหม่ล่าสุดจากบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน ก็ยังอยู่ในการพิจารณา โดยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทย

ทั้งนี้ โครงการจัดซื้อฝูงบินกริพเพนมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาทดแทนฝูงบินขับไล่ F-16 A/B ซึ่งใช้งานมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1980

กองทัพอากาศไทยยังไม่ได้เผยรายละเอียดว่าจะมีการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนทั้งหมดกี่ลำ แต่มีรายงานจากสื่อที่เชี่ยวชาญด้านการทหารออกมาให้ข้อมูลเมื่อช่วงต้นปีนี้ว่า ไทยน่าจะมีแผนจัดซื้อประมาณ 12 ลำ

ปัจจุบันไทยมีฝูงบินขับไล่กริพเพนรุ่นเก่าใช้งานอยู่ 11 ลำ และมีฝูงบิน F-16 อยู่อีกหลายสิบลำ

ด้านบริษัท ซาบ (Saab) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินกริพเพนได้ออกมาแสดงความยินดีต่อการตัดสินใจของกองทัพอากาศไทย

“เราสามารถยืนยันได้ว่า กองทัพอากาศไทยได้แถลงต่อสาธารณชนแล้วว่ามีความสนใจที่จะสั่งซื้อฝูงบินขับไล่กริพเพน ซึ่งถือเป็นข่าวดีมากสำหรับซาบและสวีเดน” แมทเทียส รัดสตรอม ผู้จัดการฝ่ายสื่อของซาบ ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

“ณ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการทำสัญญาหรือมีคำสั่งซื้อเข้ามา แต่เราก็รอคอยที่จะได้หารือเพิ่มเติมกับกองทัพอากาศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย”

'ภูมิธรรม' เคาะ!! 68 มาตรการ คุมเข้มนำเข้าสินค้าและบริการไม่ได้มาตรฐานและผิดกฎหมายจากต่างประเทศ พร้อมปรับกฎระเบียบรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก

ปัญหานำเข้าสินค้าและบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน และผิดกฎหมายจากต่างประเทศ ยังคงสร้างปัญหาให้กับผู้ผลิตผู้ประกอบการ ตลอดจนถึงผู้บริโภคชาวไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ฯลฯ ต้องเร่งระดมสรรพกำลังเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก 

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการ/แนวทางในการแก้ไขปัญหาและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ผลิตและผู้ประกอบการในทุกมิติ เช่น ตรวจสอบความถูกต้องของการจดทะเบียนการค้าและใบอนุญาตต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจของต่างชาติ ตรวจสอบคุณภาพสินค้าจากต่างประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐานได้รับการรับรองจากหน่วยงานของไทย ตรวจสอบใบอนุญาตนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และการชำระอากรขาเข้าของผู้ประกอบการต่างชาติ และตรวจสอบความถูกต้องของการได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ควบคู่ไปกับการสร้างภูมิคุ้มกันและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกประชุม 28 หน่วยงาน อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เพื่อหารือถึงมาตรการแก้ปัญหาการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานและราคาต่ำจากต่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาสินค้านำเข้าสู่ตลาดที่ไม่ได้มาตรฐานและราคาต่ำ ในการป้องกันและกำกับดูแลทั้งสินค้าและธุรกิจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายควบคู่กับการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ SMEs และ e-Commerce ไทยปรับตัวได้ในโลกการค้ายุคใหม่ โดยการหารือดังกล่าว เป็นการติดตามการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐตามมติ ครม.ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการ แนวทางในการแก้ไขปัญหาและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ผลิตและผู้ประกอบการ 

นายภูมิธรรม ระบุว่า ที่ประชุมได้หารือและมีข้อสรุปร่วมกันสำหรับมาตรการที่หน่วยงานรัฐต้องดำเนินการ 5 มาตรการหลัก แยกเป็นมาตรการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที และมาตรการยั่งยืน รวม 63 มาตรการย่อย ดังนี้...

1. ให้หน่วยงานบังคับใช้ระเบียบ กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยบูรณาการตรวจเข้มสินค้า ณ ด่านศุลกากร ทั้งในส่วนของการสำแดงพิกัดสินค้า การชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม การตรวจมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) การเพิ่มอัตราการเปิดตู้สินค้า (Full Container Load) เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบของ Cyber Team ตรวจสอบสินค้ามาตรฐานจำหน่ายออนไลน์ในส่วนการประกอบธุรกิจ มีมาตรการเชิงรุกตรวจสอบผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายไทย การป้องปรามการกระทำอันมีลักษณะเป็นนอมินี โดยให้ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นคนไทยต้องส่งเอกสารที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงิน พร้อมกับการขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด

2. ปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการค้าอนาคต ซึ่งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) อยู่ระหว่างจัดทำประกาศให้ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มต่างประเทศที่มีคุณสมบัติตามกำหนด "ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล โดยให้มีสำนักงานในไทย" พร้อมให้มีข้อกำหนดเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและคุ้มครองผู้บริโภคไทย นอกจากนี้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจะเร่งเพิ่มจำนวนรายการสินค้าควบคุมภายใต้มาตรฐานบังคับ ครอบคลุมรายการสินค้าให้มากที่สุดไปด้วยอีกทางหนึ่ง

3. มาตรการภาษี โดยกรมสรรพากรอยู่ระหว่างปรับปรุงประมวลรัษฎากรสำหรับการกำหนดให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ และแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ ที่จำหน่ายสินค้าในไทย ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร ขณะเดียวกัน กรมการค้าต่างประเทศเตรียมการจัดอบรมให้ความรู้เชิงเทคนิคกับภาคเอกชนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ

4. มาตรการช่วยเหลือ SMEs ไทย โดยได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ทุกหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กระทรวงอุตสาหกรรม, กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น เร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้า และการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทย เพื่อให้แข่งขันได้ในยุคการค้าโลกใหม่ โดยเฉพาะการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้สามารถขยายการส่งออกผ่าน 9 แพลตฟอร์ม e-Commerce พันธมิตรในประเทศเป้าหมาย

5. สร้าง/ต่อยอดความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เพื่อส่งเสริมการค้าผ่านช่องทางตลาด e-Commerce ให้เป็นอีกช่องทางในการผลักดันสินค้าไทยผ่าน e-Commerce ไปตลาดต่างประเทศให้ผู้ประกอบการไทย รวมถึงส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายสินค้าสำหรับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในระดับภูมิภาค

นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจฝ่าฝืนกฎหมาย โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานรับรายงานทุกสัปดาห์ โดยจะประชุมร่วมกันทุก 2 สัปดาห์ หากมีความจำเป็นก็จะทำงานให้เข้มข้นขึ้น อย่างไรก็ตาม ย้ำว่า สินค้าที่จะจำหน่ายในไทยต้องมีคุณภาพ ถูกกฎหมาย ไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล และจะตรวจให้เข้มข้นขึ้น ถ้ามีปัญหาอาจเพิ่มความถี่ในการเปิดตู้

ขณะเดียวกัน  เนื่องจากโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก กฎ ระเบียบที่มีอยู่ แม้จะมีผลบังคับใช้ แต่ก็ต้องมีการ ทบทวนปรับกฎระเบียบเพิ่มเติม เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ มาตรการแนวทางที่จะออกมา จะไม่ถือเป็นการกีดกันทางการค้า แต่จะคำนึงถึงความตกลงทางการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมกับรักษาผลประโยชน์ของอุตสาหกรรม และธุรกิจทุกฝ่ายอย่างสมดุลสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในโลกการค้ายุคใหม่ ซึ่งทุกประเทศมีกลไกดูแลสินค้าผู้ประกอบการในประเทศของตัวเอง

“จากปัญหาความห่วงใยของพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยและผู้ประกอบการบนแพลตฟอร์ม ที่มีความกังวลในสินค้าจากต่างประเทศที่เข้ามา ทั้งปัญหาที่ไม่ได้มาตรฐานหรือผิดกฎหมาย ครม.ได้มอบหมายให้ผมเป็นประธานในการประชุมแก้ไขปัญหา และให้รายงานคณะรัฐมนตรีภายในสิ้นเดือนสิงหาคม ผมย้ำว่าสินค้าที่จะจำหน่ายในไทยต้องมีคุณภาพ ถูกกฎหมาย ไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยจะดำเนินการไปพร้อมกับรักษาผลประโยชน์ของอุตสาหกรรม และธุรกิจทุกฝ่ายอย่างสมดุลสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในโลกการค้ายุคใหม่ ซึ่งทุกประเทศมีกลไกดูแลสินค้าผู้ประกอบการในประเทศของตัวเอง” รมว.พาณิชย์ กล่าว 

ส่วนแพลตฟอร์ม TEMU ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ที่สิงคโปร์ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับเอกอัคราชฑูตประเทศจีนแล้ว โดยทางเอกอัคราชฑูต รับทราบถึงข้อกังวลดังกล่าว และจะพยายามให้ทาง TEMU เข้ามาจดทะเบียนตั้งบริษัท และสำนักงานในประเทศไทย ซึ่งหากไม่ดำเนินการรัฐบาลไทยจำเป็นต้องใช้กฎหมายบังคับต่อไป

ยูทูบเบอร์ด้านการบิน แฉยับ!! ช่างเครื่องบินเลวๆ หลอกนักบินไปตาย แทบช็อก!! หลังแกะเช็กทั้งลำ พบอุปกรณ์หมดอายุเสียหายเพียบ

(29 ส.ค. 67) จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Warat Laithong' หรือ 'วรัทย์ ไล้ทอง' ยูทูบเบอร์ด้านการบิน จากช่อง 'Flown By Prame' ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของช่างซ่อมเครื่องบิน ที่ซ่อมไม่ได้มาตรฐาน ระบุว่า...

ผมคิดอยู่นานว่าผมจะโพสต์เรื่องนี้ดีมั้ย โพสต์ไปจะสร้างปัญหาให้ใครรึเปล่า โพสต์ไปแล้วจะสร้างศัตรูเพิ่มรึเปล่า หรือ โพสต์ไปแล้วจะทำให้ชาตินี้อดขับเครื่องบินรึเปล่า นี่ยังไม่รวมถึงความเกรงใจต่อคนนั้นคนนี้อีกพอสมควร แต่สุดท้ายหลังจากคิดอยู่หลายรอบก็ได้คำตอบว่า มันทำกับเราขนาดนี้ จะเกรงใจทำไม อีกอย่างก็ควรโพสต์ให้เป็นอุทาหรณ์จะได้ไม่มีใครตายจากเครื่องบินตก เพราะอุปกรณ์มีปัญหาอีก

จริงๆ จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจออกมาโพสต์ มันอยู่ที่ช่วงวันแม่ ที่ผมบินกลับไปอยู่กับแม่ที่เชียงราย ไปอยู่กับแม่ 3 วันก็ต้องกลับกรุงเทพ Flight เชียงราย-กรุงเทพ ของผมเป็น Flight ดึก ก่อนจะออกจากบ้านแม่เอากับข้าวที่ผมชอบใส่ถุงมาให้แล้วบอกว่า กลับไปถึงก็ดึกแล้ว เอาไปกิน เดี๋ยวหิว

เท่านั้นแหละ ผมเลยคิดได้ว่า แม่กูรักกูขนาดนี้ กูซื้อเครื่องบินมาเพราะอยากบินปลอดภัยให้แม่สบายใจ แล้วพวกมึงเป็นใคร มาหลอกกูให้ขับเครื่องบินไปตาย พอคิดได้แบบนั้น ก็ตัดสินใจได้ว่า ไม่ต้องสนใจหน้าไหนอีกแล้ว แฉให้มันไม่มีที่ยืนในสังคมเลยละกัน 

Important Note: เรื่องราวที่จะเขียนต่อจากนี้ ไม่เกี่ยวกับทีมช่างบางพระ ย้ำว่า ไม่เกี่ยวกับทีมช่างบางพระ ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทีมช่างบางพระ เพราะถ้าไม่มีช่างบางพระผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้ 

ผมซื้อเครื่องบินลำนี้มาเมื่อ 2 ปีก่อน เครื่องบินลำนี้ ชื่อรุ่น Commander 114 ทะเบียน HS-AWS เป็นทะเบียนเดิมที่ติดมากับเครื่อง เครื่องลำนี้ถูกบูรณะอยู่ 2 ปี เพื่อส่งมอบกับผม เท่าที่ผมทราบ ระหว่าง 2 ปีนั้น มีการเปลี่ยนทีมช่างไป 3 ชุด 21 เมษายน 2567 ช่างชุดสุดท้ายที่ทำเครื่อง แจ้งกับเราว่า เครื่องบินพร้อมบินแล้ว ให้ไปเทสและตรวจรับได้ พร้อมกับแจ้งว่า เครื่องบินได้รับ 'ใบสมควรเดินอากาศ' เรียบร้อยแล้ว การมีใบสมควรเดินอากาศ ทำให้เรามั่นใจมากว่าเครื่องบินอยู่ในสภาพที่ดี 

ในระหว่างเทส Flight ซึ่งผมก็ขึ้นไปร่วมเทส ก็เจอปัญหาหลายอย่าง แต่ที่หนักสุดคือ รอบใบพัด Overspeed เครื่องรุ่นนี้ รอบใบพัดมัน Maximum ที่ 2,700 RPM แต่ตอนเทส ในจังหวะที่ Low Pass รอบวิ่งทะลุ 2,700 รอบ ขึ้นไปถึง 3,000 รอบ พอลงมาแจ้งช่างที่ทำ เค้ากลับตอบว่า ไหนบอกอยากได้แรงๆ แล้วก็แก้ให้แบบถูๆ ไถๆ ดีขึ้นแต่ไม่ได้หายขาด ยังพบอาการรอบแกว่งอยู่บ้างเรื่อยๆ 

ผมกับเพื่อนบินเครื่องลำนี้ ไปๆ มาๆ อยู่ประมาณ 15 ชั่วโมง ก็มีโอกาสได้ขับไปบางพระ ซึ่งนั่นทำให้เราเจอว่า Governor ที่ใช้คุมรอบใบพัด ถูกติดตั้งผิดมาตั้งแต่ต้น และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้รอบใบพัดไม่เคยนิ่ง

ประเด็นคือ ช่างบางพระมองแค่แวบเดียวก็พบความผิดปกติทันที และชี้ให้เราดู พร้อมเอาหลักฐานเป็นคู่มือเครื่องบินมายืนยัน ว่ามันติดตั้งผิดจริงๆ 

ทีนี้เราเลยกังวลว่ามันจะมีอะไรหมกเม็ดอีกรึเปล่า เราเลยรบกวนให้ช่างบางพระแกะเช็กทั้งลำ เท่านั้นแหละ ความเลวของไอ้พวกนั้นก็ถูกเปิดเผยออกมาหมด 

ตัวอย่างบางส่วน:

- ฟองน้ำกรองอากาศหมดอายุ เป็นรูขนาดใหญ่ และ ไม่ใช่อะไหล่แท้ 
- ท่อน้ำมันเชื้อเพลิงหมดอายุ กรอบ มีรอยปริ
- ท่ออากาศหมดอายุ ฉีกขาด 
- ยางรองแท่นเครื่องหมดอายุ จนแข็งเหมือนก้อนหิน หดตัว ไม่สามารถรับแรงกระแทกของเครื่องยนต์
- มีรอยสนิมเกิดขึ้นที่ปีก
- สาย Sling ที่ใช้บังคับเครื่องบินแห้งกรัง ไม่ถูกถอดออกมาชโลมน้ำมันหล่อลื่น
- Oil Cooler ไม่ได้รับการ Flush ล้าง 
- พบรังนกใน Airframe รวมกันกว่า 3 กระสอบ 
- และเหี้ยสุด คือ พบไขควงลืมไว้ในห้องเครื่องยนต์ 

ถามว่าช่างเครื่องบินที่ติดตั้ง Governor ไม่ได้อ่านคู่มือเหรอ ถึงติดตั้งผิดได้ขนาดนั้น รวมถึงช่างคนที่ลง Log Book ว่าทำ Annual 100H แล้ว ทำไมถึงปล่อยให้ของหมดอายุพวกนี้อยู่ในเครื่องบินได้ คือมันไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรเลย แค่เปิดก็เห็นทันที การที่มันไม่ถูกเปลี่ยน มีเหตุผลข้อเดียวเลย คือ ตั้งใจไม่เปลี่ยน ซึ่งการทำแบบนี้ เป็นการหลอกให้นักบิน ขับเครื่องที่อันตรายอย่างร้ายแรง มันไม่ต่างจากการหลอกให้คนไปตาย 

ช่างทุกคนที่มีส่วนในความผิดพลาดของการซ่อมเครื่องบินลำนี้ ผมแนะนำให้รีบออกมาสารภาพ ยอมรับความผิด และเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ ทางพวกเราได้ปรึกษากันแล้วว่าจะไม่มีการไกล่เกลี่ยและไม่ขอรับการชดเชยใดๆทั้งสิ้น

สุดท้ายนี้ ผมทราบดีว่ามีเพื่อนนักบินอีกหลายคนที่ได้เจอเรื่องราวของช่างเลวๆ แบบนี้ ผมขอให้ทุกคนช่วยกันออกมาแชร์ เพื่อให้สังคมนักบินได้ตื่นตัวและรับรู้ถึงความชั่วช้าของคนกลุ่มนี้

ผม เก้า Sorasit Zheng บูม Chikka Boom และจริงๆ ต้องมีครูฝาย Pudit Supawatanakul ด้วย ในฐานะนักบินประจำเครื่อง คือคนที่พบความเสี่ยงระดับสูงมากจากช่างกลุ่มนี้ ขออนุญาตเก้ากับบูมแล้ว ว่าจะนำเรื่องนี้มาเผยแพร่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top