Sunday, 8 June 2025
TheStatesTimes

‘เศรษฐา’ โพสต์เฟซ ‘วันแม่ 2567’ ระบุ!! เป็นครั้งแรกที่ ‘ไม่มีแม่อยู่ด้วยในวันแม่’ ย้ำ!! ไม่เคยรู้สึกขาดอะไรในชีวิต เพราะแม่ ‘เป็นทั้งแม่-พ่อ’ ได้รับความอบอุ่นเต็มที่

(12 ส.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin’ เรื่อง ‘วันแม่ 2567’ ระบุว่า เป็นครั้งแรกที่จะเป็นวันแม่ที่ไม่มีแม่อยู่ด้วย 62 ปีที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน ตลอด 59 ปีที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่มีแต่ความมุ่งมั่นและทุ่มเทที่จะเลี้ยงลูกชายคนเดียวให้เติบโต

เป็นทั้งแม่และพ่อ โดยละทิ้ง ซึ่งชีวิตส่วนตัว ทำให้ตัวผมไม่เคยรู้สึกขาดอะไรในชีวิต ไม่เคยรู้สึกโกรธหรือน้อยใจแม่แม้แต่ครั้งเดียว จนผมผ่านทุกวันในชีวิตมาได้อย่างอบอุ่น

แม่สอนเสมอว่าถ้าเราทำงานให้หนัก มีวินัย เราก็จะไปถึงจุดที่เราอยากจะไป แม่ไม่ได้ดูแลแค่ผมคนเดียว ลูกหลานของน้าของป้า แม่ก็ให้ความรักและเอาใจใส่อย่างดี

ผมเชื่อว่าทุก ๆ ท่านก็รักคุณแม่ของแต่ละท่านไม่น้อยกว่าผม ในวันแม่ปีนี้และทุก ๆ วัน ผมขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลเอาใจใส่ทะนุถนอมจิตใจคุณแม่ในทุก ๆ โอกาส

ถึงวันที่แม่จากไป เราจะได้มีความรู้สึกว่าเราได้ดูแลแม่อย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าไม่มีทางที่เราจะทดแทนบุญคุณที่แม่ทำให้กับเราได้หมดสิ้น…

สุขสันต์วันแม่ครับ…..

เราไปดูกันว่าคนไทยใครเป็นหนี้ และมีหนี้อะไรบ้าง

(13 ส.ค. 67) รู้หรือไม่ว่าคนไทยกว่า 1 ใน 3 หรือกว่า 25.5 ล้านคนของคนทั้งประเทศคือคนที่มีหนี้ จากข้อมูลของเครดิตบูโรได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลแสดงให้เห็นว่าคนไทยมีหนี้ครัวเรือนรวมกันมากถึง 91% ของ GDP ซึ่งเทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วเเละประชากรมีรายได้ต่อหัวที่สูงอย่างเนเธอร์แลนด์เลยทีเดียว และหนี้กว่า 67% นั้นเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และที่แย่ไปกว่านั่นคือ 23% เป็นหนี้เสีย

โดยสาเหตุหลักๆของปัญหาหนี้สินคนไทยประกอบไปด้วย 

-การเป็นหนี้เร็ว โดย 1 ใน 2 คนของคนที่เริ่มทำงานมีหนี้
-การเป็นหนี้เกินตัว โดย 40% ของลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลและบัครเครดิต จ่ายขั้นต่ำ ทำให้หนี้ยิ่งพอกพูน
-การเป็นหนี้เพราะเหตุจำเป็น กว่า 50% ของคนไทยไม่มีเงินสำรองไว้ในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
-การเป็นหนี้นาน กว่า 25.7% ของคนที่เกษียณแล้วแต่ยังใช้หนี้ไม่หมด 
-การเป็นหนี้นอกระบบ ที่ผ่านมามีคนมาลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบของกระทรวงมหาดไทยมากถึง 1.46 แสนราย คิดเป็นเงินกว่า10,475 ล้านบาท

และถ้าถามว่าเราควรกังวลกับเรื่องนี้ได้หรือยัง? คำตอบคือใช่ค่ะ เพราะจากงานวิจัยของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements: BIS) ชี้ให้เห็นว่า หนี้ครัวเรือนที่สูงเกิน 80% ต่อ GDP มีแนวโน้มจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวลดลง และทุกๆ หนี้ที่เพิ่มขึ่น 1% จะส่งผลให้ GDP ลดลงมากถึง 0.1% อีกทั้งไทยเองยังมีปัญหาที่รออยู่ทั้งการเติบโตของเศรษฐกิจที่ต่ำจากปัญหาเชิงโครงสร้างทั้งสังคมผู้สูงอายุ คุณภาพแรงงานและคุณภาพและการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวต่อหัวที่ลดลง นี่จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องการการแก้ไขเพื่อให้เศรษฐกิจของเราสามารถไปต่อและโตเท่าเทียมประเทศอื่นๆ ได้ค่ะ  

‘สื่อเวียดนาม’ ปรี๊ดแตก!! หลังผลงาน ‘นักกีฬาโอลิมปิก’ ล้มเหลว ชี้!! ไม่ได้ด้อยกว่าชาติใด เตรียมจัดทัพใหม่ ลุ้นต่อไป โอลิมปิกที่อเมริกา

(12 ส.ค. 67) VN Express สื่อเวียดนามสรุปผลการแข่งขันกีฬาปารีส โอลิมปิก 2024 ที่ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา ยอมรับว่าผลงานของทีมชาติเวียดนาม ‘ล้มเหลว’ ไม่ได้เหรียญรางวัลติดมือกลับบ้านแม้แต่เหรียญเดียวติดต่อกันเป็นสมัยที่ 2 ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนต่างมีพัฒนาด้านกีฬาที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี ที่เวียดนามไม่ได้เหรียญรางวัลโอลิมปิกถึง 2 สมัยติดต่อกัน นับตั้งแต่งานโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว และล่าสุดที่โอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส โดยกีฬาที่เป็นความหวังที่สุดคือ ยกน้ำหนักชายรุ่น 61 กก. แต่ทว่า ทรินห์ วัน วินห์ ล้มเหลวในการยกทั้ง 3 ครั้ง ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย 

จากผลงานของ ทรินห์ วัน วินห์ นอกจากจะดับความหวังของชาวเวียดนามในการลุ้นเหรียญแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พร้อมของเวียดนามในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปีล่าสุดนี้ ที่ทำให้ทีมนักกีฬาเวียดนามไม่ประสบความสำเร็จในการคว้าเหรียญรางวัลกลับบ้านได้

ซึ่งสวนทางกับผลงานในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2023 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่ผ่านมา ที่ทีมนักกีฬาเวียดนามประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถคว้าเหรียญทองได้ถึง 136 เหรียญ ครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองอาเซียนไปได้ และยังทิ้งห่างไทย ที่ได้เหรียญทองมาเป็นที่ 2 ถึง 28 เหรียญ

โดยเวียดนาม จัดเป็น 1 ใน 6 ชาติที่มีความโดดเด่นด้านกีฬาที่สุดในย่านอาเซียน อันได้แก่ เวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และ สิงคโปร์ 

แต่ความสำเร็จในกีฬาระดับ ซีเกมส์ ไม่ได้การันตีผลลัพธ์ระดับ เอเชียน เกมส์ หรือ โอลิมปิกสำหรับเวียดนาม เมื่อดูจากผลงานการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่เมืองหังโจว ประเทศจีน เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา เวียดนามจบที่อันดัน 21 จากตารางเหรียญ และเป็นอันดับที่ 6 ในกลุ่มชาติอาเซียน ได้ไป 3 เหรียญทอง ในขณะที่ไทยได้ไป 12 เหรียญทอง เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มอาเซียน

และในการแข่งขันปารีส โอลิมปิก 2024 เวียดนามก็ยังไม่สามารถเอาชนะกลุ่มประเทศคู่แข่งด้านกีฬาของอาเซียนได้  โดย ชาติอาเซียนสร้างผลงานคว้าเหรียญโอลิมปิกได้ถึง 15 เหรียญ และเป็นเหรียญทองถึง 5 เหรียญ  

ซึ่งม้ามืดของปีนี้ ต้องยกให้ คาร์ลอส  ยูโล นักยิมนาสติกของฟิลิปปินส์ ที่ทำได้ถึง 2 เหรียญทอง ส่วน  อินโดนีเซีย ได้ไป 2 เหรียญทองเช่นกัน จาก วิดิค ลีโอนาโด ในกีฬาปีนเขา และ ริซกิ จูเนียนสยา จากกีฬายกน้ำหนักชายรุ่น 73 กิโลกรัม ในขณะที่ไทย แม้จะเพียงได้ 1 เหรียญทองจากกีฬาเทควันโด โดย น้อง เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ แต่ทีมนักกีฬาของไทยก็สามารถคว้าเหรียญโอลิมปิกได้ถึง 6 เหรียญ มากที่สุดในกลุ่มชาติอาเซียน

เวียดนามเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1988 แต่สามารถคว้าเหรียญเงินได้เป็นครั้งแรกในงานโอลิมปิก 2000 ที่เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย  โดย ตรัน ฮิว งาน จากกีฬาเทควันโดหญิง หลังจากนั้นก็มีนักกีฬาเวียดนามเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง ฮวง ซวน วินห์ สามารถคว้าเหรียญทองแรกให้เวียดนามได้สำเร็จ จากกีฬาปืนอัดลม 10 เมตร ในงานโอลิมปิก ปี 2016 ที่ริโด เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล  

แต่ถึงแม้เวียดนามจะพยายามผลักดันศักยภาพของนักกีฬาให้สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งในย่านอาเซียนได้อย่างทัดเทียม แต่สื่อเวียดนามยอมรับว่า เพื่อนบ้านในอาเซียนต่างมีพัฒนาการในด้านกีฬาที่ก้าวกระโดดอย่างมาก จนสามารถบรรลุเป้าหมายเหรียญรางวัลในสนามแข่งขันระดับโลกได้มากกว่าเวียดนาม

อีกทั้งสรีระ รูปร่างของนักกีฬาของอาเซียน เป็นหนึ่งในข้อเสียเปรียบ ที่ทำให้ชาติอาเซียนจำเป็นต้องมุ่งเน้นประเภทกีฬาที่กำหนดน้ำหนักในการแข่งขัน อาทิ ยกน้ำหนัก มวยสากล หรือ เทควันโด 

แต่เมื่อมีการบรรจุกีฬาเอ็กซ์ตรีม เข้าไปอยู่ในงานโอลิมปิกมากขึ้น ได้เปิดโอกาสให้นักกีฬาหน้าใหม่จากอาเซียน สามารถทะลุเข้าถึงรอบแข่งไฟนอล  อาทิ น้อง ‘เอสที’ วารีรยา สุขเกษม นักกีฬาไทย วัย 12 ปี ที่อายุน้อยที่สุดในการแข่งขันกีฬาสเก็ตบอร์ตในปารีส โอลิมปิก  หรือความสำเร็จของ  วิดิค ลีโอนาโด ที่คว้าเหรียญทองกีฬาปีนเขาให้กับอินโดนีเซียเป็นครั้งแรก ถือเป็นกลยุทธในการส่งเสริมนักกีฬารุ่นใหม่ที่ได้ผลตอบแทนอย่างน่าภูมิใจ 

สื่อเวียดนามย้ำว่า นักกีฬาเวียดนาม ไม่ได้ด้อยกว่าชาติใดๆ ในอาเซียน เพียงแต่ต้องกลับมาเรียนรู้ ทบทวนใหม่ ว่าการส่งเสริมทีมชาติของเวียดนามพลาดที่ตรงไหน ก่อนจัดทัพใหม่อีกคร้้ง ในงานโอลิมปิกครั้งต่อไปที่นคร ลอส แอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2028 

‘รมว.ปุ้ย’ กำชับ ‘กรมโรงงานฯ-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง’ ต้องควบคุม’ไซยาไนด์’ เข้มงวด!! การใช้ผิดวัตถุประสงค์ นอกเหนือกิจการอุตสาหกรรม ต้องดำเนินคดี

(12 ส.ค. 67) จากกรณีการเสียชีวิตอย่างปริศนาของนางสาวชลดา หรือ น้องตอง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมามีการสอบสวนถึงสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากสารไซยาไนต์ที่ผู้ต้องหาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเป็นคนสั่งซื้อออนไลน์มาใช้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับผู้ต้องหาที่ก่อคดีสะเทือนขวัญเมื่อไม่นานมานี้ 

ก่อนหน้านี้ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำชับกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เข้มงวดกับสถานที่เก็บรักษาโพแทสเซียมไซยาไนด์ ซึ่งต้องได้รับการตรวจสอบทุกครั้งประกอบการพิจารณาขออนุญาต เพื่อให้เกิดความปลอดภัย เหมาะสม เป็นไปตามกฎหมายและหลักวิชาการ และพนักงานเจ้าหน้าที่ยังมีการตรวจติดตามสถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายเป็นประจำทุกปี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อบุคคล ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม และกำหนดให้ผู้ที่มีโพแทสเซียมไซยาไนด์ในครอบครองตั้งแต่ 100 กิโลกรัมขึ้นไปในรอบ 6 เดือน มีหน้าที่ต้องรายงานข้อเท็จจริงของการนำไปใช้ ปริมาณคงเหลือ การจำหน่าย เพื่อให้สามารถติดตามตรวจสอบไปจนถึงผู้ใช้ได้

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ชี้แจงถึงการควบคุมสารโพแทสเซียมไซยาไนด์(potassium cyanide) โดยระบุว่า สารดังกล่าวมีลักษณะเป็นของแข็ง ก้อนผลึก หรือผงสีขาว เมื่อเป็นของเหลวจะใสไม่มีสี กลิ่นคล้ายแอลมอนต์ เมื่อเจอกับความร้อนจะทำให้เกิดก๊าซพิษ หากได้รับเข้าสู่ร่างกายจะรบกวนการทำงานของอวัยวะภายใน จนเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยมีการนำไปใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมชุบโลหะ และในห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ เช่น การนำไปทดสอบหาค่าความกระด้างของน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้ โพแทสเซียมไซยาไนด์ไม่มีการผลิตในประเทศไทย โพแทสเซียมไซยาไนด์มีการควบคุมโดยหน่วยงานภาครัฐ 2 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) โดย อย. กำหนดการควบคุมผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือน หรือทางสาธารณสุขที่มีเกลือของไซยาไนด์ที่ละลายน้ำได้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ห้ามมิให้มีการผลิต การนำเข้ามาในประเทศ ส่วน กรอ. ควบคุมสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ที่ความเข้มข้นมากกว่าร้อยละ 1 โดยน้ำหนัก เป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่ง กรอ. มีการกำกับดูแลกรณีมีการนำเข้า และการครอบครองสารดังกล่าว ดังนี้

1. ผู้ประกอบการต้องขอขึ้นทะเบียนพร้อมระบุวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ และขออนุญาตก่อนนำเข้า โดยการพิจารณาอนุญาตเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่กำหนด และการนำไปใช้ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ปรากฏในใบสำคัญการขึ้นทะเบียน 

2. เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ในการนำเข้าต้องแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการนำเข้า ก่อนนำโพแทสเซียมไซยาไนด์ ออกจากด่านศุลกากร เช่น ปริมาณการนำเข้า ลักษณะภาชนะบรรจุ สถานที่เก็บรักษา และกำหนดวันที่พาหนะ จะมาถึงด่านศุลกากร เป็นต้น ตามแบบ วอ./อก.6 โดยปัจจุบันกำหนดให้แจ้งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 

3. กรณีมีโพแทสเซียมไซยาไนด์ในความครอบครอง ตั้งแต่ 100 กิโลกรัมขึ้นไป ในรอบ 6 เดือน ต้องแจ้งข้อเท็จจริง เช่น ปริมาณการใช้ การจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ และข้อมูลผู้ซื้อ เป็นต้น ตามแบบ วอ./อก.7 ซึ่งการประกอบการในระหว่างเดือนมกราคม – มิถุนายน ต้องแจ้งภายในเดือนกรกฎาคมของปีนั้น และการประกอบการ ในระหว่างเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม ต้องแจ้งภายในเดือนมกราคมของปีถัดไป โดยสามารถแจ้งที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือแจ้งผ่านไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ 

4. กรณีครอบครองโพแทสเซียมไซยาไนด์เพื่อการใช้สอยส่วนบุคคล หรือใช้เพื่อการอุตสาหกรรม และกรณีครอบครองโพแทสเซียมไซยาไนด์เพื่อการค้าปลีก ที่เก็บโพแทสเซียมไซยาไนด์และวัตถุอันตรายทุกชนิดตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตรายรวมกันไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตครอบครอง

จากเหตุการณ์ที่มีการนำโพแทสเซียมไซยาไนด์ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก่อให้เกิดผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งพบการจำหน่ายอย่างแพร่หลายในแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสารดังกล่าวได้โดยง่าย เพื่อนำไปใช้ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ กระทรวงอุตสาหกรรม  โดย กรอ. ได้มีดำเนินการ ดังนี้

1.กำหนดมาตรการเร่งด่วนเพื่อควบคุมมิให้มีการนำโพแทสเซียมไซยาไนด์ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยกำหนดให้ใบอนุญาตที่ออกใหม่มีอายุไม่เกิน 1 ปี และกำหนดให้เพิ่มเงื่อนไขในใบอนุญาตนำเข้าสารโพแทสเซียมไซยาไนด์(ทั้งกรณีใบอนุญาตฉบับเดิมที่ยังมีอายุอยู่และใบอนุญาตที่ออกใหม่) สำหรับกลุ่มผู้ได้รับใบอนุญาตนำเข้า สารโพแทสเซียมไซยาไนด์ที่แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ตามความเข้มข้นและวัตถุประสงค์การนำไปใช้ ได้แก่ กลุ่มผู้นำเข้าสำหรับกิจการโรงงาน กลุ่มผู้นำเข้าสำหรับห้องปฏิบัติการ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และกลุ่มผู้นำเข้าสำหรับกิจการชุบล้างโลหะขนาดเล็ก 

รายละเอียดดังตารางสรุปมาตรการเพื่อควบคุมมิให้มีการนำโพแทสเซียมไซยาไนด์ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ 

2. จัดทำระบบรายงานข้อมูลสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ เพื่อรองรับรายงานการเปลี่ยนแปลงปริมาณการครอบครองวัตถุอันตรายทันที และรายงานการเปลี่ยนแปลงปริมาณการครอบครองทุกปริมาณ ทุก 3 เดือน 

3. จัดทำหนังสือขอความร่วมมือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กำหนดมิให้มีการโฆษณาและจำหน่ายสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ และสารโซเดียมไซยาไนด์ ในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำขนาดใหญ่ที่มีการซื้อขายสินค้าจำนวนมากด้วย 

4.จัดทำร่างประกาศกรมโรงานอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการโฆษณาวัตถุอันตรายที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมเห็นชอบ พ.ศ. .... โดยกำหนดห้ามมิให้ทำการโฆษณาวัตถุอันตราย โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์สื่อสังคมออนไลน์ หรือสื่อโฆษณาอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

5. ส่งเจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์ เพื่อให้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 

ตามข้อมูลการรายงานการสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2566 จากรายงานดังกล่าว พบว่ามีผู้กระทำความผิดตามมาตรา 45 (4) อันมีโทษตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 31 ราย โดยมีผู้ร่วมกระทำความผิดประกอบด้วย ผู้จำหน่าย จำนวน 6 ราย และผู้นำเข้า จำนวน 1 ราย และเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 กรอ. ได้มีหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสอบถามความคืบหน้าในการร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535

ทั้งนี้ ภายหลังดำเนินการดังกล่าวข้างต้น ยังปรากฏข้อมูลการโฆษณาจำหน่ายสารประกอบไซยาไนด์ เช่นโกลด์โพแทสเซียมไซยาไนด์ ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายภายใต้กฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งวัตถุอันตรายจำพวกสารประกอบไซยาไนด์ทุกชนิดเป็นสารพิษที่มีความรุนแรงสูง ออกฤทธิ์ได้เร็วโดยหากได้รับในขนาดที่เพียงพอจะทำให้เสียชีวิตเฉียบพลัน ในลักษณะเดียวกับโพแทสเซียมไซยาไนด์ และโซเดียมไซยาไนด์

ดังนั้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัย ป้องกันประชาชนทั่วไปเข้าถึงวัตถุอันตรายดังกล่าว และมีการนำไปใช้ ผิดวัตถุประสงค์ กรอ. จึงได้มีการดำเนินการเพื่อควบคุมวัตถุอันตรายจำพวกสารประกอบไซยาไนด์ ดังนี้ 

1. จัดทำหนังสือถึงผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตรายจำพวกสารประกอบไซยาไนด์ และมีการนำเข้าสารดังกล่าวในปี พ.ศ. 2565 – 2566 จำนวน 37 ราย เพื่อควบคุมการจำหน่ายและการใช้สารประกอบไซยาไนด์ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งหรือระบุในใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย 

2. จัดทำหนังสือขอความร่วมมือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กำหนดมิให้มีการโฆษณาและจำหน่ายวัตถุอันตรายจำพวกสารประกอบไซยาไนด์เพิ่มเติม จำนวน 13 รายการ เช่น โกลด์ โพแทสเซียมไซยาไนด์ ในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ 

3. จัดทำร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงการจัดชนิดวัตถุอันตรายในกลุ่มสารประกอบไซยาไนด์ จำนวน 6 รายการ จากเดิมที่มีการควบคุมเป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 1 ให้ยกระดับเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายและขออนุญาต ตามมาตรา 36 และมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 ตามลำดับ รวมทั้งผู้นำเข้าหรือส่งออกต้องแจ้งข้อเท็จจริงก่อนนำหรือส่งวัตถุอันตรายออกจากด่านศุลกากร และผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองที่มีหรือเคยมีวัตถุอันตรายตามรายชื่อที่กำหนด ต้องแจ้งข้อเท็จจริงปีละ 2 ครั้ง ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมว่าด้วยเรื่องการให้แจ้งข้อเท็จจริงของผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม

‘แม่ลิซ่า’ เข้ารับพระราชทานรางวัล ‘แม่ดีเด่นแห่งชาติ’ ประจำปี 2567 ส่วน ‘ลิซ่า’ ได้รับคัดเลือก ลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่

(12 ส.ค. 67) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปทรงเปิดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 น.  ณ เจ้าพระยาแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 3 อาคารบางกอก ดินเนอร์ เธียเตอร์ สยามอะเมซิ่งพาร์ค ถนนสวนสยาม เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร

ซึ่งปีนี้ ทางสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ได้เชิดชูเกียรติ คุณแม่จิตรทิพย์ บรู๊ชวายเลอร์ คุณแม่ของนักร้องสาว ลิซ่า Blackpink ให้ได้รับการคัดเลือกเป็น ‘แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2567’ และ นางสาวลลิษา มโนบาล ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น ‘ลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่’ ในโอกาสงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567 ของสภาสังคมสงเคราะห์ฯ 

‘กรมโรงงานฯ’ เผยสถิติโรงงาน ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 5 ปี มีแนวโน้มที่ดี ส่งสัญญาณบวก 7 เดือนแรกของปีนี้ มีเงินลงทุนเพิ่มกว่า 1.6 แสนล้าน จ้างงานเพิ่มกว่า 2.5 หมื่นคน

(12 ส.ค. 67) นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สถิติการปิดโรงงาน (เลิกประกอบกิจการ) ในช่วง7เดือนแรกในปี 2567 (มกราคม-กรกฎาคม 2567 )พบว่า มีโรงงานเลิกประกอบกิจการ จำนวน 667 โรง และมีโรงงานเปิดใหม่ แจ้งประกอบกิจการแล้ว จำนวน 1,260 โรง คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 54 ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

"เมื่อหักลบโรงงานที่ปิดตัวลง ใน 7 เดือนแรกของปีนี้ จากยอดโรงงานใหม่ มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 167,691 ล้านบาท และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 25,663 คน" นายจุลพงษ์กล่าว

ส่วนสถิติการปิดโรงงาน ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยปีละ 1,254 โรง ในขณะที่มีการเปิดโรงงานใหม่ (รับใบอนุญาตและแจ้งประกอบแล้ว) เฉลี่ยปีละ 2,360 โรง คิดเป็นอัตราส่วนเฉลี่ยร้อยละ 53 หากคิดรายปีพบว่า ตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2566 อัตราส่วนการเลิกประกอบกิจการเท่ากับร้อยละ 69 ร้อยละ 36 ร้อยละ 28 ร้อยละ 52 และร้อยละ 84 ตามลำดับ

ก่อนหน้านี้ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าสถานการณ์ภาคการผลิตของไทยหดตัว ถึงแม้ว่า 6 เดือนแรกของปี 2567 จะมีการเปิดโรงงานกว่า 1,009 โรง เพิ่มขึ้นร้อยละ 122.67 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนต่างชาติที่ย้ายฐานผลิตมาไทยไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ PCB และรถอีวีจากจีนที่เข้ามาลงทุนผ่าน BOI ขณะที่ตัวเลขพบว่ามีโรงงานปิดตัวเพิ่มขึ้นกว่า 667 โรง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 86.31 หรือเฉลี่ย 111 โรงต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดเล็ก(SMEs )ที่มีมูลค่าโรงงานเฉลี่ยต่อโรงอยู่ที่ 27.12 ล้านบาท

‘ผู้ปกครอง’ วอนหน่วยงาน ให้ความรู้ ‘ใบประกาศนียบัตร’ ที่มหาวิทยาลัยรับรอง ย้ำ!! มีเยอะไม่ได้ช่วยให้ดูดี บางกิจกรรม ‘เอกชน’ สร้างขึ้นมาเพื่อปั้น ‘Portfolio’

(12 ส.ค. 67) เมื่อเร็วๆนี้ ในรายการเจาะข่าวเด็ด ทางช่องโมโน 29 มีผู้ปกครองของน้องนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ การใช้ ‘ใบประกาศนียบัตร’ ในการยื่นเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา โดยได้ระบุว่า ...

เกี่ยวกับ ใบประกาศนียบัตร ที่ใช้ประกอบในการยื่นรอบ Portfolio ผู้ปกครองควรช่วยน้องๆในการเลือกสถาบันในการเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อรับใบประกาศนียบัตรกันด้วย การมีเยอะไม่ได้แปลว่าดูดี  ควรเลือกดูที่กิจกรรม และองค์กรที่ออกใบประกาศนียบัตรด้วย  admission officer เค้าดูออก

หลายมหาวิทยาลัย จะมีระบุไว้ในระเบียบการรับสมัครเลย ว่าไม่รับใบประกาศนียบัตรจากค่ายของบริษัทเอกชนที่รับปั้น Portfolio  ต่างๆ 

ตอนนี้ได้รับความรู้มาว่า ถ้าเกิดไม่ใช่ของหน่วยงานราชการจัด ใบประกาศนียบัตร มันจะใช้ไม่ได้ เพิ่งทราบก็เลยอยากจะฝากกระทรวงศึกษาธิการ ทบวงมหาวิทยาลัยใดๆ ให้ความรู้หน่อย ให้ความรู้เด็กๆ หน่อยให้ความรู้ผู้ปกครองหน่อยว่า ใบประกาศนียบัตร แบบไหนใช้ได้ ใบประกาศนียบัตรแบบไหนใช้ไม่ได้

ซึ่งเมื่อ ‘เอก นนทกฤช กลมกล่อม’ พิธีกรผู้ดำเนินรายการ ได้ซักถามต่อว่า ถ้างั้นเราจะรู้กันแค่ว่า ให้เด็กๆ เตรียม Portfolio นะ ม.4 ม.5 ม.6 เตรียม Portfolio แล้วพอเด็กๆเตรียม Portfolio กัน 3ปีนะ ประสบการณ์ Portfolio ดีมันไม่ต้องสอบถูกมั้ย?

ผู้ปกครองคนดังกล่าว ก็ได้ เล่าต่อว่า ยื่น Portfolio อย่างเดียวถ้า Portfolio ดี ทํากิจกรรมต่างๆ มาเยอะ มีประสบการณ์เยอะ ถ้า Portfolio ผ่านนี่คือจบเลย เข้ามหาวิทยาลัยได้เลย ไม่ต้องสอบ แล้วทุกคนก็หวังจากการเก็บสะสม Portfolio แต่ทีนี้เราไม่ทราบว่า Portfolio ที่ใช้ได้ เป็นแบบไหน Portfolio ที่ใช้ไม่ได้เป็นแบบไหน มันก็เลยนํามาสู่การไปซื้อคอร์ส นี่มีตั้ง 30 ใบประกาศนียบัตร 

ซึ่งคุณแม่ท่านนี้ ก็ได้อธิบายต่ออีกว่า ถ้าเป็นที่ได้มาจากหน่วยงาน ที่เป็นเอกชนอย่างนี้ เป็นติวเตอร์เป็นโรงเรียนเขาเปิด มันใช้ไม่ได้ บางมหาวิทยาลัย เขาก็ออกจดหมายมาเลยว่า ถ้าเกิดเป็นค่ายที่เอกชนจัดขึ้นอย่างนี้ 

เขาไม่รับรอง!!

‘พีระพันธุ์’ เผยเสนอชื่อ ‘เอกนัฏ พร้อมพันธุ์’ ให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ในโควตา ‘รทสช.’ ‘เศรษฐา’ รับพิจารณา แต่ว่า!! ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีทางการเมืองก่อน

(12 ส.ค. 67) ที่ท้องสนามหลวง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ปรับ ครม.) ในส่วนของพรรค รทสช. ยังเหมือนเดิมหรือไม่ ที่เสนอให้นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะที่ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ยังอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ นายพีระพันธุ์ พยักหน้ารับ 

ส่วนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล หารือช่วงเย็นวันนี้ (12 ส.ค. 67) นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เป็นการพูดคุยเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรค รทสช. ในเรื่องนี้เป็นอย่างไร นายพีระพันธุ์ ตอบว่า “ยังเหมือนเดิมคือต้องดูข้อกฎหมายก่อน”

ก่อนหน้านั้น (เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงการเชิญพรรคร่วมรัฐบาล ประชุมในช่วงเย็นวันที่ 12 ส.ค.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า เป็นการพบปะกันปกติเดือนละครั้ง เป็นการพูดคุยกันตามปกติ สอบถามในเรื่องของการทำงาน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของวาระสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึง ครม.

เมื่อถามว่าเป็นการนัดเพื่อส่งรายชื่อการปรับ ครม. หรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้าร่วมการหารือ และยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน เนื่องจากเป็นเพียงเรื่องการประสานงานที่ตนทำหน้าที่ เป็นการพูดคุยกันเฉพาะหัวหน้าพรรคและผู้แทนพรรคเท่านั้น ถือเป็นวาระปกติ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ส.ค.67 ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติ  ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี กรณีโควตาพรรคที่ว่างอยู่ 1 ตำแหน่ง หากมีการปรับ ครม. พรรคขอเสนอ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรค เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ว่า ตนได้อ่านจากหนังสือพิมพ์ แต่เรื่องยังไม่ถึงมือ 

ตอนนี้เดือนสิงหาคม คิดว่ามีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบตุลาการเยอะไปหมด จริงๆ แล้วต้องให้เกียรติตรงนั้นก่อนดีกว่า ให้หลายเรื่องมันจบไปก่อนดีกว่ามั้ง แต่แน่นอนถ้าเกิดพรรคร่วมรัฐบาลเสนอมาเราก็ต้องพิจารณา แต่ว่าคงไม่ใช่เร็วๆ นี้ เพราะยังมีเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ต้องให้เกียรติตรงนั้นก่อน

‘ทรัมป์’ กล่าวหา ‘แฮร์ริส’ ใช้ AI ตกแต่งภาพ สร้างฝูงชน รอรับที่สนามบินมิชิแกน ทีมงานรองประธานาธิบดี ตอบโต้ทันที ชี้!! เป็นภาพจริง มีผู้คนมารอต้อนรับนับหมื่น

(12 ส.ค. 67) นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 แห่งพรรครีพับลิกัน กล่าวหานางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเป็นผู้สมัครฯ จากพรรคเดโมแครตว่า ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ตกแต่งภาพผู้คนเป็นจำนวนมากมารอต้อนรับเธอที่ท่าอากาศยานดีทรอยต์เมโทรโพลิแทน ในเมืองโรมิวลุส รัฐมิชิแกน เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า นางแฮร์ริสโกงภาพที่ปรากฏ เพราะไม่มีใครอยู่ ซึ่งเธอใช้เอไอทำภาพดังกล่าวขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม ทางทีมงานของรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ออกมาตอบโต้ พร้อมทั้งยืนยันว่า ภาพที่ผู้คนเป็นจำนวนมากมารอต้อนรับรองประธานาธิบดีแฮร์ริสที่ท่าอากาศยานดังกล่าวนั้น เป็นภาพจริง ซึ่งในขณะนั้นมีผู้คนจำนวนราว 15,000 คนมารอต้อนรับ รองประธานาธิบดีแฮร์ริส และว่าในการปราศรัยหาเสียงในแต่ละที่ ก็มีผู้คนมาฟังปราศรัยนับหมื่นคนเป็นประจำเช่นกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top