Saturday, 7 June 2025
TheStatesTimes

‘มาสด้า’ ประกาศสนับสนุน ‘สวาทแคท’ ลุยศึกไทยลีก สร้างความสุขให้แฟนบอล ชี้!! มีมิตรภาพที่เหนียวแน่น ‘สุข-เศร้า-ผ่านอุปสรรค’ มาด้วยกัน นี่คือสปิริตของคนกีฬา

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฤดูกาลที่ผ่านมามีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นมากมาย ทีมสวาทแคทได้นำความสุข นำชัยชนะกลับมาเป็นของขวัญให้แฟน ๆ ทุกคน ทำให้เรากลับขึ้นมายืนหนึ่งในไทยลีกได้อย่างสง่างาม ในฐานะแชมป์ T2 ผมชื่นชมในความอุตสาหะและการทุ่มเทของนักกีฬา โค้ช ผู้บริหาร และทีมงานทุกคน ที่สำคัญคือแฟน ๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจส่งเสียงเชียร์ช่วยผลักดันให้ทีมก้าวไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ เราทุกคนต่อสู้เพื่อทีมที่เรารัก โดยไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค สิ่งเหล่านี้คือสปิริตที่เรามีร่วมกัน นี่คือบทพิสูจน์ที่นำพาให้เราชาวสวาทแคทก้าวเดินมาจนถึงทุกวันนี้ได้ มาสด้าสนับสนุนสวาทแคทตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ 12 ปีเต็ม ผ่านประสบการณ์ร่วมกันมากมาย ทั้งสุข และเศร้า ผ่านอุปสรรคนานัปการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ความรักความผูกพันของเราเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นมิตรภาพที่เหนียวแน่นมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเฉพาะคนโคราชเท่านั้น แต่รวมถึงคนไทยทั้งประเทศ

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การสนับสนุน “สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี”  เป็นจุดเริ่มสำคัญของมาสด้าในการบุกเบิก Sports Marketing วันนี้ มาสด้าและสวาทแคทเดินทางมาไกล แต่เราจะไม่หยุดเดิน เราต้องไปให้ถึงจุดหมายที่ทุกคนคาดหวัง เราประสบความสำเร็จจากการก้าวขึ้นมาเล่นในไทยลีก T1 อีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์ T2 ปีนี้มาสด้าสานต่อการสนับสนุนทีมต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน เราทุกคนเชื่อมั่นในสปิริตของทีม เรามั่นใจว่าฤดูกาลนี้สโมสรจะประสบความสำเร็จดังที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพราะทุกคนมีความพยายาม มีความมุ่งมั่น ทุ่มเท และไม่เคยยอมแพ้ ด้วยสปิริตแห่งนักสู้นี้ เรามีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าปีนี้ทีมจะก้าวขึ้นไปอยู่แถวหน้าของตาราง การลงนามความร่วมมือกันระหว่างมาสด้าและสโมสรฯ ในครั้งนี้ คือ พันธสัญญาที่จะก้าวเดินไปด้วยกัน ต่อสู้ไปด้วยกัน เพื่อความสำเร็จของทีม รวมถึงความสุขของแฟนบอล โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพวงการกีฬาฟุตบอลของเมืองไทยให้ก้าวไปสู่ระดับชั้นนำของโลกดังที่ทุกคนตั้งความหวัง

“ปีนี้มาสด้ายังคงให้การสนับสนุนทีมสวาทแคทอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ทีมก้าวสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะเราไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่ชัยชนะเท่านั้น การที่มาสด้ามีส่วนช่วยผลักดันนักเตะและวงการฟุตบอลของไทยให้เติบโตไปไกลกว่าเดิม ผมมั่นใจว่าทีมงานทั้งหมด ทั้ง ผู้บริหารสโมสรฯ โค้ช และนักเตะทุกคน ต่างมีใจสู้ไม่ถอย ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค พร้อมร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันให้ทีมก้าวสู่เป้าหมายตามที่ต้องการ เพราะสิ่งเหล่านี้คือสปิริตที่เรามีร่วมกัน เราไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่เก็บชัยชนะเท่านั้น เราต้องการพัฒนาและยกระดับฟุตบอลไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมให้นักกีฬาก้าวสู่ระดับอาชีพ ที่สำคัญ คือการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นให้เติบโตไปพร้อม ๆ กันทุกภูมิภาคทั่วประเทศ” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ประธานเปิดงาน กล่าวว่า ฤดูกาลที่ผ่านมา เราสามารถทำเป้าหมายได้สำเร็จ คว้าแชมป์ฟุตบอลไทยลีก 2 ได้เลื่อนชั้นกลับขั้นมาอยู่บนไทยลีก 1 ส่วนฤดูกาลใหม่นี้ ก็เป็นปีที่มีความท้าทาย เราในฐานะทีมน้องใหม่ ซึ่งในส่วนของฝ่ายบริหาร ผมพร้อมให้การสนับสนุนทีมในทุก ๆ ด้าน อย่างเต็มที่ เพราะผมรู้ว่าการแข่งขันในลีกสูงสุดไม่ใช่เรื่องง่าย และเราก็ผ่านประสบการณ์มาแล้ว ทำให้เรามีความระมัดระวังมากขึ้นในทุกมิติ และเตรียมพร้อมทุกอย่างให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก็ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทีมทุก ๆ ท่าน ที่ยังอยู่เคียงข้างทีมสวาทแคท และที่สำคัญก็คือแฟนบอลสวาทแคทที่คอยส่งเสียงเชียร์สนับสนุนทีมมาโดยตลอด

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานบริหารสโมสรฯ กล่าวว่า เราทำสำเร็จตามเป้าหมาย คือ เลื่อนชั้นกลับไปสู่ลีกสูงสุดภายในปีเดียว และเราขึ้นมาด้วยการคว้าแชมป์ไทยลีก 2 ทำให้มีความมั่นใจ ซึ่งฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงเราพร้อมต่อยอดผลงาน มีการเตรียมความพร้อมรับมือในทุกด้าน ทั้งด้านบริหารและการเตรียมทีม ที่มี โค้ชโจ ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น เป็นเฮดโค้ช ได้เตรียมความพร้อมตัวผู้เล่นที่เสริมเข้ามาใหม่ผนวกกับตัวผู้เล่นเดิมที่มีการผสมผสานจนเกิดความลงตัวและพร้อมลงสนามแข่งขัน ผมจึงอยากเชิญชวนแฟนบอลชาวโคราชเข้ามาส่งกำลังใจเชียร์ทีมในสนามให้เยอะ ๆ ซึ่งผมมีความเชื่อมั่นว่าการแข่งขันในปีนี้จะเป็นการต่อสู้ที่สนุกของพวกเรา

สำหรับอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของงานฯ คือการเปิดตัวชุดแข่งขันใหม่ประจำฤดูกาล 2024/25 ที่มาจากการออกแบบของ VOLT โดยมี 3 แบบ คือ SWATCAT HOME JERSEY (สีส้ม), SWATCAT AWAY JERSEY (สีน้ำเงิน), SWATCAT THIRD JERSEY (สีเทา) และชุดผู้รักษาประตู3 สี คือ สีดำ, สีขาว, สีเหลือง โดยนักฟุตบอลของสวาทแคทยังได้ร่วมกันเดินแบบโชว์ตัว สวมชุดแข่งขันใหม่อวดสายตาแฟนบอลอย่างเป็นทางการครั้งแรก ท่ามกลางบรรยากาศสุดชื่นมื่น และเต็มไปด้วยความอบอุ่น 

‘ประชาชน’ หวั่นนำคำว่า ‘ประชาชน’ ไปแอบอ้าง ‘เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’ ร่วมเคลื่อนไหวในโซเชียลฯ แชร์ข้อความ ย้ำ!! จุดยืน ไม่ร่วมล้มล้างการปกครอง

(10 ส.ค.67) จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคก้าวไกล ทำให้สส.จำนวน 143 คนของพรรคก้าวไกล ย้ายสังกัดพรรคใหม่ ในชื่อพรรคว่า ‘พรรคประชาชน’ โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ยืนยันยังคงยึดมั่นอุดมการณ์เดิมของพรรคก้าวไกล และจะเดินหน้าแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อไป

ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวในโซเชียลฯ โดยชาวเน็ตมีการแชร์ต่อข้อความที่ว่า ข้าพเจ้า ขอประกาศ ณ ที่นี่ว่า คำว่า ‘ประชาชน’ ของพรรคประชาชน ไม่ได้รวมถึงข้าพเจ้าและครอบครัว แต่อย่างใด

ทั้งนี้เพื่อป้องกันการถูกนำไปแอบอ้างในการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ อันนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในอนาคต

'วิว กุลวุฒิ' และ 'เมย์ รัชนก' รับรางวัลจาก ผบ.ตร. หลังสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ ในการแข่งขันแบดมินตัน ในกีฬาโอลิมปิก 2024

เมื่อวานนี้ (9 ส.ค.67) เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานกรรมการบริหารกีฬาประเภทแบดมินตัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำ 'โค้ชอาร์ท' พ.ต.ท.พงศ์พณัฐ กฤตานุกูลย์ โค้ชผู้ฝึกสอนกีฬาแบดมินตัน , 'วิว' ส.ต.ท.กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ผบ.หมู่ ฝอ.บก.ป. นักกีฬาแบดมินตัน ที่คว้าเหรียญเงินประเภทชายเดี่ยว ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 และ 'เมย์' ส.ต.ต.หญิง รัชนก อินทนนท์ นักกีฬาแบดมินตันหญิงเดี่ยว ที่เป็นอีกหนึ่งตัวแทนทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ พร้อมด้วย นาง กมลา ทองกร เจ้าของโรงเรียนสอนแบดมินตันบ้านทองหยอด เข้าพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ณ สำนักงาน ผบ.ตร. อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีข้าราชการตำรวจจำนวนมากให้การต้อนรับสองนักกีฬาและคณะ 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีและชื่นชม 'วิว' ส.ต.ท.กุลวุฒิฯ ที่สามารถคว้าเหรียญเงินกีฬาแบดมินตัน ชายเดี่ยว ในการแข่งขันโอลิมปิก 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งชื่นชม 'เมย์' ส.ต.ต.หญิง รัชนกฯ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันกีฬาแบดมินตันในครั้งนี้ ซึ่งการเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ถือเป็นความภูมิใจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและคนไทยทุกคน โอกาสนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบพระพุทธรูปและเงินรางวัลให้กับ 'วิว' ส.ต.ท.กุลวุฒิฯ และ 'เมย์' ส.ต.ต.หญิง รัชนกฯ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจด้วย

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานกำลังพล ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ส.ต.ท.กุลวุฒิฯ เป็นนักกีฬาทีมชาติที่มีผลการแข่งขันดีเด่นในการแข่งขันที่องค์การกีฬาระดับนานาชาติให้การรับรอง จึงให้สิทธิได้รับคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร รับเงินเดือนตามคุณวุฒิได้ ซึ่งขณะนี้ ส.ต.ท.กุลวุฒิฯ อยู่ระหว่างศึกษาในระดับปริญญาตรี ดังนั้น หลังจากที่มีคุณวุฒิแล้ว ประธานคณะกรรมการบริหารการกีฬาแบดมินตัน หรือกองสวัสดิการ สำนักงานกำลังพล จะเป็นผู้เสนอรายชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรต่อไป

ย้อนอดีต ‘พรรคประชาชน’ กับ ‘กลุ่ม 10 มกราฯ’ ในพรรคประชาธิปัตย์ คนอกหักทางการเมือง ที่ไม่มีใครเห็นหัว สุดท้ายก็ยุบตัว ในสถานการณ์ที่ร่อแร่

(10 ส.ค.67) เมื่อคณะอดีตพรรคก้าวไกลที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรค และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี ได้อพยพกันไปอยู่พรรคใหม่ “ถิ่นกาขาวชาววิไล และเปลี่ยน ชื่อพรรคมาเป็น 'พรรคประชาชน'

ถามว่าพรรคประชาชนเคยมีตัวตนอยู่จริงไหม คนรุ่น 50-60 ขึ้นไปจะตอบได้ว่า “มี” อันก่อกำเนิดมาจากกลุ่ม 10 มกราฯในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นกลุ่มอกหักทางการเมือง ถูกถีบส่งออกมา มี 'เฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์-วีระ มุสิกพงศ์' เป็นแกนนำหลัก ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มาตั้งพรรคใหม่ ใช้ชื่อว่า 'พรรคประชาชน' ใช้คำขวัญพรรคว่า 'ของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน'

พรรคประชาชนมีชื่อเดิมว่าพรรครักไทย จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2526 ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 พรรครักไทยได้เปลี่ยนแปลงชื่อพรรคเป็น พรรคประชาชน

คณะพรรคประชาชนมาเปิดที่ทำการพรรคอยู่ริมคลองประปา ตั้งอยู่ข้ามกระทรวงการคลัง ไม่ไกลจากที่ทำการของพรรคประชาธิปัตย์มากนัก ถ้าเป็นต่างจังหวัดพูดได้ว่า ตะโกนกันได้ยิน

กลุ่ม 10 มกราฯก่อตัวมาจากความขัดแย้งในการฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล ในยุคที่ 'พิชัย รัตตกุล' เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีดร.พิจิตต รัตตกุล ลูกชายได้รับการคัดเลือกให้เป็นรัฐมนตรี ในขณะที่สายของ 'เฉลิมพันธ์-วีระ' ถูกมองข้าม แม้กระทั่งในกลุ่มวาดะห์ ก็ไม่มีใครเห็นหัว ไม่มีตำแหน่งใด ๆ

ความขัดแย้งขยายผลมาถึงการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ แบ่งเป็นสองทีมลงแข่งขันกันชัดเจน สายของ 'เฉลิมพันธ์-วีระ' พ่ายแพ้ศึกชิงหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค

กลุ่มของ 'เฉลิมพันธ์-วีระ' ถูกเฉดหัวออกมาอย่างไม่มีปรานีปราศรัย ตัดญาติขาดมิตรต่อกัน กลุ่มก้อนการเมืองสายนี้จึงก่อเกิดเป็น 'พรรคประชาชน'

พรรคประชาชนยุคเปลี่ยนผ่านจึงมีหัวหน้าชื่อเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ เลขาธิการชื่อวีระ มุสิกพงศ์ คำขวัญ ของพรรคประชาชน คือโดยประชาชน เพื่อประชาชน

สถานการณ์ทางการเมือง ทำให้พรรคประชาชนไปยุบรวมกับพรรคการเมือง อื่นๆอีก 4 พรรค เช่นพรรคกิจประชาคม พรรคก้าวหน้า เป็นต้น ก่อกำเนิดเป็น 'พรรคเอกภาพ' 

แกนนำของพรรคประชาชนในยุคนั้นนอกจากเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ เป็นหัวหน้าพรรค และวีระ มุสิกพงศ์ เป็นเลขาธิการพรรค ยังมีแกนนำคนสำคัญ อาทิ เดโช สวนานนท์ ไกรสร ตันติพงศ์ เลิศ หงษ์ภักดี อนันต์ ฉายแสง สุรใจ ศิรินุพงศ์ ถวิล ไพรสณฑ์ พีรพันธุ์ พาลุสุขสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ กริช กงเพชร กลุ่มวาดะห์ในสามจังหวัดชายแดนใต้

เลือกตั้งครั้งแรก ปี 2532 พรรคประชาชนกวาดที่นั่งในสภามาร่วม 40 ที่นั่งในสถานการณ์ที่พรรคร่อแร่ 'วีระ มุสิกพงศ์' เลขาธิการพรรคติดคุกในช่วงหาเสียงเลือกตั้งคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถวิล ไพรสณฑ์ ขึ้นมารักษาการเลขาธิการพรรคแทน

มาถึงวันนี้อดีตคนพรรคก้าวไกลตัดสินใจใช้ชื่อ 'พรรคประชาชน' อีกครั้งกับโฉมใหม่ โลโก้เป็นไป คำขวัญเป็นไป จุดยืนทางการเมืองที่ไม่เหมือนกัน มีเป้าหมายชัดเจนว่า เลือกตั้งปี 70 ต้องได้เกินครึ่งของสภา จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

ติดตามกันต่อไปครับว่า พรรคประชาชนอันมีรากเหง้ามาจากพรรคก้าวไกล จะเดินไปบรรลุเป้าหมายหรือไม่ หรือเป็นฝ่ายค้านต่อไป ไม่มีใครร่วมด้วย (ถ้าได้ไม่ถึงครึ่ง)

ย้อนดูรายชื่อ 'นักวิชาการ' อุ้ม 'วิทยานิพนธ์' ของ 'ณัฐพล ใจจริง' จริยธรรมอยู่ไหน? ทำไมค้านสภามหาลัยของจุฬาฯ ยุติการสอบสวน

(10 ส.ค.67) ศ.ดร.สายันต์ ไพรชาญจิตร์ อดีตคณบดีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และอดีตอาจารย์ประจำภาควิชา การพัฒนาชุมชน คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก 'Sayan Praicharnjit' ระบุว่า...

กรณีนี้เราจะถือว่า นักวิชาการกลุ่มนี้เป็นผู้บกพร่องด้านจริยธรรม+จรรยาบรรณทางวิชาการด้วยหรือไม่ ?????????????? พอดีมีคนส่งงานของใครบางคนมาให้อ่าน+พิจารณา+ประเมิน แล้วในแบบประเมินมีข้อหนึ่งที่ต้องระบุเรื่องจริยธรรม+จรรยาบรรณทางวิชาการว่าเป็นอย่างไร ?

รายชื่อนักวิชาการ (บางส่วน) ที่ลงชื่อขอให้สภามหาวิทยาลัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยุติการสอบสวนกรณีวิทยานิพนธ์ของณัฐพล ใจจริง

1. ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2. ศ. (พิเศษ) ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
3. ศ.ดร.ชาตรี ประกิตนนทการ คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร
4. ศ.ดร.ทักษ์ เฉลิมเตียรณ Graduate school Cornell University
5. ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
6. ศ.ดร.นิติ ภวัครพันธุ์ อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
7. ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักประวัติศาสตร์
8. ศ.บาหยัน อิ่มสำราญ นักวิชาการอิสระ
9. ศ.สรวิศ ชัยนาม คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
10. ศ.ดร.โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

11. ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
12. ศ. (เกียรติคุณ) ดร. อานันท์ กาญจนพันธุ์ ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
13. รศ.ขวัญชีวัน บัวแดง คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
14. รศ. ดร.จักรกริช สังขมณี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
15. รศ.ฉลอง สุนทราวณิชย์ อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
16. รศ.ดร.ไชยันต์ รัชชกูล นักวิชาการ
17. รศ.ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
18. รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ นักประวัติศาสตร์
19. รศ.ดร.นงเยาว์ เนาวรัตน์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
20. รศ.ดร.นภาพร อติวานิชยพงศ์ วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

21. รศ.ดร.บูฆอรี ยีหมะ คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
22. รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
23. รศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
24. รศ.ประภัสสร์ ชูวิเชียร คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
25. รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
26. รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
27. รศ.ดร.พิเชฐ แสงทอง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
28. รศ.ดร.แพร จิตติพลังศรี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
29. รศ.ดร.ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
30. รศ.มนตรา พงษ์นิล คณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

31. รศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
32. รศ.ดร.วริตตา ศรีรัตนา ภาควิชาภาษาอังกฤษคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
33. รศ.ดร.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ ภาควิชาประวัติศาสตร์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
34. รศ.ดร.วิศรุต พึ่งสุนทร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
35. รศ.ดร.เวียงรัฐ เนติโพธิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
36. รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
37. รศ.ดร.สิทธิพล เครือรัฐติกาล วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
38. รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
39. รศ.ดร. สามชาย ศรีสันต์ วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
40. รศ.ดร. สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

41. รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
42. รศ.ดร.อภิชาติ สถิตนิรมัย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
43. รศ.อภิญญา เวชยชัย อดีตอาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
44. รศ.อัศวิน เนตรโพธิ์แก้ว นิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
45. รศ.ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ นักวิชาการ
46. ผศ.ดร.กนกรัตน์ สถิตนิรามัย คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
47. ผศ.กิตติกาญจน์ หาญกุล วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
48. ผศ.กุสุมา กูใหญ่ วิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี
49. ผศ. ดร. กนิษฐ์ ศิริจันทร์ ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
50. ผศ.ดร. เกษม เพ็ญภินันท์ ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

51. ผศ.คงกฤช ไตรยวงค์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
52. ผศ.คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
53. ผศ.ดร.คารินา โชติรวี นักวิชาการ
54. ผศ.ดร.คำแหง วิสุทธางกูร อดีตอาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
55. ผศ.ดร.ชาญณรงค์ บุญหนุน คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
56. ผศ.ดร.ชาติชาย มุกสง ภาควิชาประวัติศาสตร์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
57. ผศ.ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
58. ผศ.ดร.ซัมซู สาอุ คณะวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
59. ผศ.ณัฐพล โสตถิรัตน์วิโรจน์ สำนักการศึกษาทั่วไป สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
60. ผศ.ดร.ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

‘นายกฯ มาเลเซีย’ เผย Tesla พับแผนตั้งโรงงาน 'ไทย-มาเลเซีย-อินโดนีเซีย' เหตุ!! เพลี่ยงพล้ำ การแข่งขันอันดุเดือด ไม่สามารถแข่งขันสู้ รถอีวีจากจีนได้

(10 ส.ค.67) เว็บไซต์ ‘เดอะสเตรทไทม์ส’ ในสิงคโปร์รายงานอ้างการเปิดเผยของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียว่า ‘เทสลา อิงค์’ (Tesla) ได้ตัดสินใจที่จะยกเลิกแผนการสร้างโรงงานรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียแล้ว เนื่องจากปัญหาการเพลี่ยงพล้ำของบริษัทและการแข่งขันที่ดุเดือดจากประเทศจีน

อันวาร์กล่าวว่า ซาฟรุล อาซิส รัฐมนตรีการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเทสลามาโดยตรง

ซาฟรุลได้รับข้อมูลล่าสุดนี้มา ซึ่งเป็นเพราะเทสลากำลังเพลี่ยงพล้ำและไม่สามารถแข่งขันกับรถอีวีจากจีนได้

นี่คือรายงานโดยตรงที่เราได้รับ ไม่ใช่มาจากการรายงานข่าวของสื่อ อันวาร์กล่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ขณะตอบคำถามเกี่ยวกับกระแสข่าวว่าเทสลาได้พับแผนตั้งโรงงานใน 3 ประเทศอาเซียน เพื่อหันไปโฟกัสเรื่องการทำสถานีชาร์จ  

อย่างไรก็ตาม อันวาร์กล่าวว่าแผนที่จะลงทุนในมาเลเซียนั้นยังเป็นแค่ไอเดียในช่วงแรกเริ่มเท่านั้น ในขณะที่ปัจจุบันเทสลามีเพียงการตั้งสำนักงานขายและโชว์รูมในประเทศไทยและมาเลเซีย  

ทั้งนี้เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา สำนักนายกรัฐมนตรีของไทยได้เปิดเผยว่า เทสลากำลังอยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุยกับรัฐบาลไทยเพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์อีวีขึ้นในประเทศ โดยรัฐบาลไทยได้เพิ่มข้อเสนอให้เทสลาเกี่ยวกับการใช้พลังงานสีเขียว 100% ในโรงงาน

ทางด้านซาฟรุล อาซิส กล่าวว่าทางกระทรวงไม่เคยประกาศอย่างเป็นทางการว่าเทสลาจะมาเปิดโรงงานในประเทศมาเลเซีย และเทสลาเองก็ไม่เคยประกาศแผนว่าจะตั้งโรงงานที่นี่เช่นกัน 

ส่วนรายงานล่าสุดที่เทสลาพับไอเดียการลงทุนตั้งโรงงานผลิตในอาเซียนนั้น ซาฟรุลกล่าวว่า ไม่ได้มาจากแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของเทสลา แต่มาจากแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้

‘ผู้เขียนบท 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ เผยคำพูด ‘พระองค์เจ้าบวรเดช’ ทูลต่อในหลวง ร.7 หากไม่พระราชทานรัฐธรรมนูญ จะเกิดการปฏิวัติ

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 67 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้จัดกิจกรรมเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' และรับชมภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

สำหรับการเสวนาในหัวข้อ 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' นั้น หนึ่งในวิทยากรที่ขึ้นบรรยายได้แก่ นางสาวปัณฑา สิริกุล ผู้เขียนบทภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ได้เล่าถึงเส้นเรื่องของประวัติศาสตร์และตั้งข้อสังเกตถึงบางช่วงบางตอนของประวัติศาสตร์ที่ไม่ปรากฏในตำราและหนังสือใด ๆ โดยเฉพาะการฉ้อโกง และดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างทางการเมืองของคณะราษฎร ประกอบกับการนำข้อมูลของศาลพิเศษของหลวงพิบูลสงครามมาเป็นข้อมูลประกอบในหนังสือซึ่งขาดความน่าเชื่อถือ เพราะจากการสืบค้นและตรวจสอบข้อมูลพบว่า การให้การภายในศาลพิเศษนั้น ล้วนเต็มไปด้วยคำให้การเท็จเป็นจำนวนมาก

โดยนางสาวปัณฑาได้เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งพระองค์เจ้าบวรเดช เข้ากราบทูลต่อในหลวง รัชกาลที่ 7 เกี่ยวกับการพระราชทานรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า “พระองค์เจ้าบวรเดช เคยทูลรัชกาลที่ 7 ว่า…ถ้าท่านไม่พระราชทานรัฐธรรมนูญ ก็อาจจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น”

‘ผู้เขียนบท 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ เผยความโชคร้ายของไทยคือการเกิด ‘ศาลพิเศษ’ ในยุคของ จอมพล ป.

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 67 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้จัดกิจกรรมเสวนา 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' และรับชมภาพยนตร์ 2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศรีศรัทธา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

สำหรับการเสวนาในหัวข้อ 'มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้างร่างที่เป็น' นั้น หนึ่งในวิทยากรที่ขึ้นบรรยายได้แก่ นางสาวปัณฑา สิริกุล ผู้เขียนบทภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ได้เล่าถึงเส้นเรื่องของประวัติศาสตร์และตั้งข้อสังเกตถึงบางช่วงบางตอนของประวัติศาสตร์ที่ไม่ปรากฏในตำราและหนังสือใด ๆ โดยเฉพาะการฉ้อโกง และดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างทางการเมืองของคณะราษฎร ประกอบกับการนำข้อมูลของศาลพิเศษของหลวงพิบูลสงครามมาเป็นข้อมูลประกอบในหนังสือซึ่งขาดความน่าเชื่อถือ เพราะจากการสืบค้นและตรวจสอบข้อมูลพบว่า การให้การภายในศาลพิเศษนั้น ล้วนเต็มไปด้วยคำให้การเท็จเป็นจำนวนมาก

ในบางช่วงบางตอน โดยนางสาวปัณฑาระบุถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุกบฏบวรเดชว่า “ความโชคร้ายของประเทศไทย คือ…กบฏบวรเดชทำให้เกิดหลวงพิบูลสงครามขึ้น และต่อมาก็เกิดศาลพิเศษ ที่จำเลยไม่มีทนาย ไม่มีการอุทธรณ์หรือฎีกา เมื่อพิพากษาเสร็จให้บังคับคดีได้เลย”

'ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าฯนครราชสีมา' เป็นประธานทิ้งกระจาดของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แห่งที่ 2

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ยากไร้ เนื่องในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นแห่งที่ 2 ณ คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาโคราช จังหวัดนครราชสีมา

วันนี้ (วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2567 เวลา 13.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม และนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ จัดพิธีแจกข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 ให้กับประชาชนผู้ยากไร้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงคลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาโคราช จำนวน 2,000 ชุด สิ่งของที่แจกประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำปลา น้ำมันพืช และขนม บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ พร้อมมอบค่าพาหนะคนละ 100 บาท โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย แพทย์จีนสมชาย จิรพินิจวงศ์ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว คณะมูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถาน (หลักเสียงเซี่ยงตึ๊ง) และคณะหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ร่วมในพิธี ณ คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาโคราช จังหวัดนครราชสีมา

นอกจากนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังมีกำหนดการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ยากไร้อีก 2 แห่ง ได้แก่ ในวันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ณ คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี และ ในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ รวมแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 แก่ประชาชนทั้งสิ้น 4 จังหวัด คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 13.3 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธา ยังคงสามารถร่วมทำบุญข้าวสารกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 ได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 สิงหาคม 2567 ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ หรือ ทำบุญทิ้งกระจาดออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ https://pttfny.net/newsh ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

ประเพณีทิ้งกระจาด เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมูลนิธิฯ ได้ปฏิบัติสืบเนื่องมาทุกปีเป็นเวลาช้านานไม่ต่ำกว่า 80 ปี และคาดว่าจะเป็นมูลนิธิแห่งแรก ที่จัดงานทิ้งกระจาดอย่างเป็นทางการ และเป็นกิจจะลักษณะ เพราะถือว่าเป็นประเพณีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่ล่วงลับไปแล้วทั้งที่เป็นญาติและไม่เป็นญาติพร้อมกับทำทานให้แก่ผู้ยากไร้ ในช่วงประเพณี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้มีผู้มีจิตศรัทธา และผู้ใจบุญจะนำเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ ข้าวสารอาหารแห้ง และอื่น ๆ มากราบไหว้หลวงปู่ เพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ ซึ่งมูลนิธิฯ จะรวบรวมไว้ไปสมทบกับสิ่งของที่จัดซื้อเพิ่มเติม เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ยากไร้ รวม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร นครราชสีมา ชลบุรี และ กรุงเทพฯ พร้อมนำมอบองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้พัฒนาการแจกจ่ายสิ่งของเครื่องใช้ ให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละยุคแต่ละสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัสดุในการบรรจุสิ่งของที่มูลนิธิฯ ได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นถุงผ้าเพื่อลดการใช้พลาสติก และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอบุญบารมีองค์หลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ดลบันดาลให้ผู้มีจิตศรัทธา เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และครอบครัวของทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในงานมหาบุญมหากุศลนี้ มีความสุข ความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดปี ตลอดไป

‘ดีอี’ จับมือ 10 หน่วยงานพันธมิตร คิกออฟ ‘Digital Vaccine’ จุดพลุ สร้างภูมิคุ้มกันคนไทยปลอดภัยจาก ‘โจรออนไลน์’

เมื่อวานนี้ (9 ส.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานในพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการจัดทำพร้อมทั้งเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์ ภายใต้โครงการ ‘Digital Vaccine’ โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ พลตำรวจโท อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตช.) , พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , นางสาวอรัญญา เกตุแก้ว รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ , นางสาวดวงพร รอดเพ็งสังคหะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) , นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) , ร้อยตำรวจเอก ไพรัตน์ เทศพานิช ที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) , นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) , พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (สกมช.) , นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย , นายสืบศักดิ์ สืบภักดี เลขาธิการสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ ห้องประชุม NT Auditorium ชั้น 2 อาคารสโมสร สำนักงานใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) 

นายประเสริฐ กล่าวว่า ปัจจุบันการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือภัยออนไลน์ ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการปราบปรามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการหลอกลวงซื้อขายสินค้า การหลอกลวงโอนเงิน การหลอกลวงให้เผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านการใช้แอปพลิเคชัน และแพลตฟอร์มต่างๆ ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้วยการอ้างเป็นหน่วยงานรัฐต่าง ๆ หรือหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ แล้วหลอกให้กดลิงก์ หรือดาวน์โหลดติดตั้งแอปพลิเคชันขโมยเงิน ทำให้สูญเสียทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล 

รวมถึงปัญหาบัญชีม้า การเปิดบัญชีเงินฝาก การลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์แล้วให้คนอื่นนำไปใช้ โดยบัญชีม้า เป็นช่องทางที่มิจฉาชีพใช้รับเงินจากผู้เสียหาย เพื่อปกปิดหรือหลบเลี่ยงไม่ให้การสืบสวนไปถึงตัวผู้กระทำความผิดตัวจริงได้

นอกจากนี้ล่าสุดยังพบการสร้างแพลตฟอร์มปลอมในรูปแบบต่างๆในช่องทางสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างข่าวปลอม ข้อมูลบิดเบือน ที่เกี่ยวข้องกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet หรือ โครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ซึ่งเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาล เพื่อหลอกลวงประชาชน ทำให้สูญเสียทรัพย์และข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้การก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีดังกล่าว ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ไม่ว่าจะเป็น เยาวชน ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อยู่ในภูมิภาค ซึ่งถูกหลอกลวงเป็นจำนวนมาก มีมูลค่าความเสียหายสูง ถือเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง และเป็นอันตรายร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 

ดังนั้น ทั้ง 11 หน่วยงาน ซึ่งประกอบด้วย
1) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
2) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
3) กรมสอบสวนคดีพิเศษ 
4) กรมประชาสัมพันธ์ 
5) ธนาคารแห่งประเทศไทย 
6) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
7) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
8) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 
9) สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ 
10) สมาคมธนาคารไทย
11) สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 

จึงเห็นร่วมกันว่า จำเป็นจะต้องร่วมกันดำเนินการจัดทำโครงการ “Digital Vaccine” เพื่อร่วมบูรณาการข้อมูลของแต่ละหน่วยงานนำมาจัดทำเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในช่องทางต่างๆ ของหน่วยงานพันธมิตรทั้งหมด เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชน เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบภัยออนไลน์ วิธีป้องกัน และแนวทางรับมือที่ถูกต้อง เพิ่มทักษะการรู้เท่าทันสื่อ ลดความเสี่ยง ลดโอกาสที่ประชาชนจะตกเป็นเหยื่อของภัยออนไลน์ รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร ความน่าเชื่อถือของข้อมูล และตอบสนองนโยบายของรัฐบาล สอดคล้องกับนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลของประเทศ 

“อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอี พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตร ได้เร่งปราบปรามปัญหาอาชญากรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการรุกสร้างความรู้ โดยการบูรณาการข้อมูลของทุกหน่วยงานร่วมกัน ผ่านโครงการ “Digital Vaccine” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันด้านภัยออนไลน์ให้กับประชาชน สามารถใช้ป้องกันตัวและคนในครอบครัวจากโจไซเบอร์ ช่วยลดผลกระทบและความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับประชาชนในสังคมวงกว้าง” นายประเสริฐ กล่าว

หากพี่น้องประชาชนโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการระงับ อายัดบัญชี AOC 1441
สอบถามข้อมูลข่าวสารโครงการ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ โทรสายด่วน Digital Wallet 1111 (24 ชั่วโมง) แจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชั่วโมง.)  ที่  Line ID: @antifakenewscenter และเว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top