Tuesday, 13 May 2025
TheStatesTimes

เมื่ออัตลักษณ์แห่งศิลปะวัฒนธรรม 'เมียนมา' ยัง 'ฝังแน่น-มิจางหาย' คงเสน่ห์ไว้ได้หลายร้อยปี กลายเป็นของดีที่ไม่ต้องเคลมจากใคร

จากที่ใครต่อใครหลายคนเห็นว่า สื่อโซเชียลประเทศหนึ่งที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของไทยพยายามตั้งหน้าตั้งตาเคลมทุกอย่างจากไทย ด้วยการสร้างสตอรี่ขึ้นมาใหม่ ว่านี่เอย...นั่นเอย...เป็นของตนมาก่อน แค่ถูกชาวสยามขโมยไป สวนทางกับประเทศฝั่งตะวันตกอย่างเมียนมา ซึ่งก็มีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันกับไทย แต่กลับไม่เคยคิดจะเคลมว่าไทยขโมยมาจากพม่าแต่อย่างใด  

วันนี้เอย่าจะพาไปค้นหาว่าทำไมคนพม่า ไม่เคลมอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างของชาวสยาม หรือที่พม่าชอบเรียกว่า 'โยเดีย' นั้น ว่าเป็นของเขามาก่อน

1. พม่ายอมรับการมีอยู่ของโยเดียและยอมรับว่าโยเดียมีศิลปะของตนเอง ดั่งที่เราทราบว่าในเมียนมามีชุมชนชาวโยเดียที่เทครัวมาครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก  และนำพาศิลปะวิทยาการมาด้วย

2. ความชาตินิยมของชนเผ่า ต้องยอมรับว่าเมียนมาเป็นประเทศที่มีชนเผ่าหลายชาติพันธุ์รวมกัน แต่ละชาติพันธุ์ก็มีอัตลักษณ์ของตนเอง และสืบต่อให้ลูกหลานอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมของตน ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ เครื่องแต่งกาย

3. ทางเมียนมาไม่ได้สนใจกับต้นกำเนิดว่ามาจากไหน เพียงแค่มีอยู่ในชีวิตประจำวันก็เพียงพอ อาทิเช่น มวยไทย กับ มวยพม่า (Lethwei) ที่มีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็ไม่เคยมีการเคลมว่ามวยพม่าเป็นต้นกำเนิดของมวยไทย หรืออย่างการนับวันปีใหม่ไทยก็คือ สงกรานต์ เช่นเดียวกับตะจ่านของเมียนมา แม้จะมีความเหมือนกันและต่างกันในรายละเอียดบางอย่าง แต่ทางเมียนมาก็ไม่คิดถามถึงว่าต้นกำเนิดมาจากใด

4. ความเชื่อที่ฝังแน่นจากรุ่นสู่รุ่นทำให้เกิดเป็นรากฐานทางสังคมที่แข็งแกร่ง อาทิเช่นการขอขมาผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลออกพรรษา หรือทางพม่าเรียกว่าตะดิงจุด ยังคงมีอยู่สืบรุ่นสู่รุ่น ในขณะที่ทางไทยธรรมเนียมนี้ได้หายไปจากสังคมไทยนานแล้ว

5. อีกสิ่งหนึ่งคือชาวเมียนมาไม่ได้ยึดติดกับอดีต  เท่าที่เอย่าได้คุยกับคนเมียนมาส่วนใหญ่ แม้ว่าเขาจะบอกว่าในอดีตเขาไม่เคยลืมว่าบรรพบุรุษของเขาว่าเป็นกษัตริย์นักรบที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่ยุคสมัยเหล่านั้นได้ผ่านไปแล้ว คนรุ่นใหม่ไม่ยึดติดกับหงสาวดีหรือคองบองเหมือนคนไทยที่ยังยึดติดกับกษัตริย์อย่างเหนียวแน่น...ชาวเมียนมายุคใหม่บอกว่ายุคของเขาเริ่มต้นในสมัยของนายพลอองซานที่ปลดแอกชาวเมียนมาจากจักรวรรดิอังกฤษ กล่าวสั้นๆ ได้ว่า 'จำได้แต่ไม่ยึดติด' นั่นเอง

ปัจจุบันชาวเมียนมายังคงอนุรักษ์สิ่งที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตนับหลายร้อยปีจนถึงปัจจุบัน แสดงออกมาในแง่ของการแต่งกาย อาหาร คติความคิด ค่านิยม การใช้ชีวิต รวมถึงศิลปะวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ จนไม่ต้องไปเคลมของชาติใด

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ชี้ ‘พิชิต’ ลาออกตอนนี้ ก็สายเกินไปแล้ว พร้อมตั้งข้อสงสัย หากไม่ด่างพร้อย เหตุใดต้องลาออก

(22 พ.ค.67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart เกี่ยวกับกรณีที่นายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดย นายนันทิวัฒน์ ได้ระบุว่า ...

ลาออกไม่ใช่คำตอบ

ว่าแล้วต้องมาทางนี้ ลาออกจะช่วยอะไรให้ดีขึ้นหรือหวังตัดตอนให้ศาลจำหน่ายคดีมันจะช่วยได้หรือ

สว. 40 เข้าชื่อฟ้องนายกและพิชิตไม่ได้ฟ้องพิชิตคนเดียวนายกเป็นจำเลยที่หนึ่ง จำเลยที่สองลาออกก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหากคาดหวังให้ศาลยุติการพิจารณาถือว่าเดาใจศาลรัฐธรรมนูญผิดเพราะนายกเป็นคนเสนอชื่อรัฐมนตรีและลงนามสนองพระบรมราชโองการ ถ้าชื่อที่กราบบังคมทูลขัดรัฐธรรมนูญความผิดสำเร็จแล้ว ถ้าจะผิดก็ผิดเต็มๆ ศาลรัฐธรรมนูญคงเดินหน้าต่อ ไม่หยุดแน่

หากคิดว่า. ตัวขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องคุณสมบัติถูกต้องไม่ด่างพร้อย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญตั้งแต่แรก
ลาออกทำไมถึงเวลานี้ ทุกอย่างมันสายไปแล้ว

'สกุลธร' แจง 6 ข้อ ปมคดีติดสินบน 20 ล้าน เช่าที่ดินทรัพย์สินฯ ยัน!! ตนเองเป็นผู้เสียหาย แต่กลับกลายเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริต

เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.67) นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกจดหมายชี้แจง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาลงโทษให้จำคุก 6 เดือน โดยได้ระบุว่า …

ผมเป็นผู้แจ้งเบาะแสทุจริต แต่กลับกลายเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริต

สืบเนื่องจากคดีการทุจริตซึ่งเกิดขึ้นกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตามที่ปรากฏในข่าว เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 โดยมีผมเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำเลยในคดีนี้

ผมขอชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ดังนี้

1) ผมและคณะทำงานในขณะนั้น ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยได้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนตามกฎหมายตามที่เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้แจ้งกับผมและทีมงานทุกประการ

แต่ต่อมาภายหลัง ผมได้ทราบว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้หลอกลวงผม ด้วยการปลอมแปลงเอกสารของสำนักงานทรัพย์สินฯ

2) เมื่อผมได้ทราบว่าถูกเจ้าหน้าที่คนนี้หลอก ก็แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยรีบแจ้งข้อเท็จจริงถึงเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานทรัพย์สินฯ จนเป็นเหตุทำให้สำนักงานทรัพย์สินฯ ดำเนินคดีอาญากับบุคคลนี้ จนศาลพิพากษาลงโทษเขาพร้อมกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง และคดีถึงที่สุดไปแล้ว

3) ระหว่างสอบสวนคดีดังกล่าวในช่วงปี 2562 ผมยังเคยได้รับเชิญไปให้การในฐานะผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าวด้วย แต่เนื่องจากในขณะนั้นผมติดภารกิจสำคัญอยู่ที่ต่างประเทศ จึงไม่ได้ไปให้การเป็นพยานกับพนักงานสอบสวน

4) ในช่วงระหว่างการดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่หลอกลวงปลอมแปลงเอกสารสำนักงานทรัพย์สินฯ กลุ่มนี้ ตั้งแต่ในชั้นสอบสวนกระทั่งถึงในชั้นศาล พนักงานสอบสวนไม่เคยดำเนินคดีใดๆกับผมทั้งสิ้น

5) แต่หลังจากนั้น กลับมี“นักร้อง” ไปร้องให้ดำเนินคดีผม หาว่าผมรู้เห็นเป็นใจกับบุคคลนี้ และเป็นผู้ใช้ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวไปกระทำการทุจริต

6) ผมขอตั้งคำถามให้ทุกท่านลองพิจารณาด้วยใจเป็นธรรม ว่าหากผมมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าวจริงแล้ว เหตุใดผมจะต้องวิ่งไปแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหลอกลวงดังกล่าว เพื่อให้ตัวเองเดือดร้อนถูกดำเนินคดีไปด้วย?

ผมคือผู้เสียหายจากการหลอกลวงของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่จำเลย การที่ผมเป็นผู้เริ่มคดีขึ้นเสียเองด้วยการแจ้งเบาะแสการทุจริตไปยังสำนักงานทรัพย์สิน ก็เพราะไม่อยากให้สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้รับความเสื่อมเสียจากการที่มีบุคลากรแอบแฝงกระทำการหลอกลวงผู้อื่นเช่นที่ผมพบเจอด้วยตนเอง

ผมเคารพในคำพิพากษาของศาลชั้นต้น แต่ผมขอใช้สิทธิต่อสู้คดีจนถึงที่สุด และพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อพิสูจน์ความสุจริตใจของผมตามครรลองของกระบวนการยุติธรรมต่อไป

สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ

21 พฤษภาคม 2567

'ไทยภักดี' ลั่น!! รัฐประหารเพียงปลายเหตุ ต้นเหตุคือนักการเมืองโกง  ชี้!! ประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์ หยุดรัฐประหารได้แท้จริง

(22 พ.ค.67) พรรคไทยภักดี ได้ออกแถลงการณ์ โดยมีเนื้อหา ระบุว่า...

"รัฐประหารเพียงปลายเหตุ ต้นเหตุคือนักการเมืองโกง ประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักการปกครองเท่านั้นจึงจะหยุดรัฐประหารได้แท้จริง"

วันนี้คือวันครบรอบ 10 ปี การรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เพื่อยึดอำนาจจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกมวลมหาประชาชนชาวไทยจำนวนหลายล้านคนชุมนุมขับไล่อยู่ การรัฐประหารเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เป็นที่มุ่งหวังไม่พึงประสงค์ของทุกๆ ภาคส่วนในสังคมประชาธิปไตย แต่ประเทศไทยกลับต้องเผชิญกับการรัฐประหารมาแล้วทั้งสิ้น 13 ครั้ง มากไม่น้อยเมื่อเทียบกับระยะเวลาประชาธิปไตยไทย 92ปี เฉลี่ยแล้ว 7 ปีมีรัฐประหาร 1 ครั้ง 

"รัฐประหารเพียงปลายเหตุ 
ต้นเหตุคือนักการเมืองโกง"

ซึ่งเหตุผลสำคัญของคณะรัฐประหารโดยส่วนใหญ่คือการฉ้อฉลทุจริตของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการรัฐประหาร 2 ครั้งสุดท้ายในปี 2549 และ 2557 ที่คณะรัฐประหารได้รับดอกไม้ และเสียงชื่นชมสนับสนุนจากประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประชาชนเกลียดชังรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่มีพฤติกรรมฉ้อฉลทุจริตคอร์รัปชัน และเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งแตกแยกแบ่งสีแบ่งฝ่ายของประชาชน สร้างวิกฤตปัญหาร้ายแรงต่างๆ ขึ้นในสังคมไทย ที่สำคัญเป็นรัฐบาลที่ไร้สำนึกทางจริยธรรม ไร้ยางอาย แม้จะมีมวลมหาประชาชนชาวไทยหลายล้านคนลุกขึ้นมาประท้วงขับไล่ทั่วทั้งประเทศก็ไม่ยอมลงจากอำนาจเสียที สุดท้ายกองทัพแห่งชาติจึงต้องทำการรัฐประหารในท้ายที่สุด

พรรคไทยภักดี ยืนยันสนับสนุนหลักการประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักการปกครองเท่านั้นจึงจะหยุดการรัฐประหารได้อย่างแท้จริง การที่พรรคเพื่อไทย และหลายภาคส่วนในสังคม เสนอให้มีกฎหมายป้องกันการรัฐประหาร หรือให้ศาลไม่ยอมรับ 'อำนาจรัฏฐาธิปัตย์' ของคณะรัฐประหาร เป็นสิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้จริง ผิดหลักการทางรัฐศาสตร์ เป็นเพียง 'จินตนาการที่ฟุ้งเฟ้อเลื่อนลอย' เพราะโดยแท้จริงแล้วการหยุดรัฐประหารเริ่มต้นจากตัวพรรคการเมืองเอง ความเป็นประชาธิปไตยในพรรคคือ 'สารตั้งต้นหยุดรัฐประหาร' ถ้าพรรคการเมืองเป็นพรรคของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เป็นพรรคมวลชน (Mass Party) อย่างแท้จริง ไม่ใช่พรรคการเมืองของใครบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ที่ผูกขาด รวบอำนาจเป็นทาสหัวหน้าพรรค เป็นทาสนายทุนพรรค แบบพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันที่กล่าวอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่ภายในพรรคผูกขาดรวบอำนาจโดยคนเพียงคนเดียว หรือตระกูลเดียว ความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคยังไม่มี จะสร้างประชาธิปไตยของประเทศได้อย่างไร? 

ถ้าพรรคการเมืองมีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มีมวลมหาประชาชนเป็นเจ้าของพรรค คอยควบคุมนักการเมืองในพรรค พรรคการเมืองนั้นจะเคารพกฎหมาย เคารพรัฐธรรมนูญ ยึดมั่นในหลักนิติรัฐนิติธรรม ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล จะไม่ฉ้อฉลทุจริตคอรัปชั่น จะไม่สร้างวิกฤตปัญหามากมายให้กับประชาชน และประเทศชาติ จะมีมวลมหาประชาชนทั้งหลายเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก กองทัพแห่งชาติก็ไม่อาจจะกระทำรัฐประหารได้  

ในโอกาสนี้พรรคไทยภักดีจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ มาร่วมกันสร้างพรรคการเมืองของประชาชน (Mass Party) พรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพื่อหยุดวงจรรัฐประหารร่วมกัน

ด้วยจิตคารวะ
พรรคไทยภักดี

เปิดเรียน 6 วัน ถังแช่นมว่างเปล่า เพราะนมโรงเรียนมาไม่ถึง  ผู้ปกครองทำได้แค่โวย ผู้อำนวยการปวดใจไร้นมแจกเด็ก

ปัญหาความล่าช้าในการจัดสรรพื้นที่ผลิต-จำหน่ายนมโรงเรียนก่อปัญหาแล้ว เมื่อนมโรงเรียนไม่ถึงมือเด็ก ทำให้เด็กไม่ได้กินนม

ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งเปิดเผยว่า ตอนนี้เปิดเรียนมาแล้วเป็นเวลา 6 วันแล้ว แต่ยังไม่มีนมแจกเด็กนักเรียนสักชั้น ทาง อบต.เปิดเผยมีหน้าที่จัดซื้อออกเงินแต่ในพื้นที่ยังหาผู้ส่งนมไม่ได้อยู่ในขั้นตอนจัดหาบริษัทคาดจะได้เร็ววันนี้

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 58 (ห้วยคตสามัคคี) หมู่ที่ 3 บ้านป่าผาก ตำบลห้วยคต อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งทางนายขวัญชัย บารมี ผู้อำนวยการโรงเรียนเปิดเผยว่า ในตอนนี้ถังนมที่เคยแพ็กนมแล้วก็แช่นมไว้ว่างเปล่า ยังไม่มีผู้รับจ้างหรือรับเหมาในอำเภอห้วยคตมาส่งนมให้นักเรียนเลย 

โรงเรียนแห่งนี้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของทาง องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยคตมาอยู่ด้วยและมีเด็กจำนวน 38 คนและในส่วนของโรงเรียนไทยรัฐวิทยาเองนั้น มีเด็กจำนวน 214 คน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึง ป.6 

นักเรียนส่วนใหญ่นั้นมีฐานะค่อนข้างยากจน ซึ่งพ่อและแม่ฝากให้อยู่กับตายาย เพราะต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวที่ต่างจังหวัด 

ตอนนี้ครูที่สอนอยู่นั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเปิดเรียนมา 6 วันแล้วแต่นมโรงเรียนนั้นไม่มีให้เด็กดื่มเลย จึงอยากให้แก้ปัญหาดังกล่าวอย่างรวดเร็วว่ามันติดขัดตรงไหนถึงล่าช้าแบบนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่เด็กนั้นขาดโอกาสไปมาก

ทั้งนี้ ทางโรงเรียนได้ทำตามนโนบายของกระทรวงศึกษาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องห้องน้ำก็ทำการปรับปรุงให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อพลานามัยของเด็กนักเรียน และได้งบประมาณค่าอาหารกลางวันหัวละ 22 บาท ซึ่งก็เพียงพอต่อความต้องการทำให้เด็กนั้นอิ่มท้องกันทุกวันอย่างไม่ขาดแคลน ไม่มีปัญหาอะไรเหมือนโรงเรียนต่างๆ ที่เป็นข่าว เพราะได้บริหารจัดสรรค์อย่าลงตัวมาตลอด โดยมีครูช่วยกันเพื่อเด็กนักเรียนจะได้พัฒนาการเรียนควบคู่กับการกินอยู่ระหว่างที่เด็กนักเรียนนั้นอยู่ในโรงเรียน แต่ในตอนนี้กลับมาติดขัดในเรื่องนมที่กล่าวมา และไม่รู้ว่าจะต้องรอจนถึงเมื่อไหร่ ซึ่งก็ไม่มีใครออกมาชี้แจงหรือกำหนดได้

กล่าวสำหรับการจัดสรรพื้นที่ผลิต-จำหน่ายนมโรงเรียนนั้น ทางหน่วยงานกำกับจะมีการจัดสรรตามปริมาณน้ำนมดิบที่โรงนมทำสัญญาซื้อขายไว้กับสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม

แต่สำหรับปีนี้ตัวเลขจำนวนน้ำนมดิบถูกเก็บงำไว้ที่ส่วนกลาง จนโรงเรียนใกล้เปิดเทอม คือเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา จึงแจ้งปริมาณน้ำนมดิบของแต่ละโรงนม เพื่อให้คณะอนุกรรมการจัดสรรพื้นที่ผลิต-จำหน่าย เรียกประชุมผู้ประกอบการโรงนมนักเรียน

คณะอนุกรรมการจัดสรรโควตา เรียกประชุมผู้ประกอบการโรงนมวันเสาร์ ให้ไปประชุมวันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม และเมื่อได้โควตา ถูกสั่งกำชับให้เร่งผลิตให้ทันแจกในวันที่ 16 พฤษภาคม วันเปิดเรียนวันแรก แต่เข้าใจว่าโรงนมบางแห่งอาจจะมีเวลาเตรียมตัวน้อย จึงผลิต และเสนอขายผ่านท้องถิ่นไม่ทัน จึงไม่สามารถส่งนมให้โรงเรียนได้ทันวันเปิดเรียน

ข้ามมาที่นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองนักเรียนในพื้นที่ อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีฯ ว่า มีโรงเรียนบางแห่งไม่ได้รับนมโรงเรียนเช่นกัน ทราบแต่เพียงว่า อบต.บางแห่งยังไม่ทำสัญญาซื้อขายนมโรงเรียนกับทางผู้ผลิต

"ไม่ทราบว่า ทาง อบต.ทำอะไรกันอยู่ที่เด็กนักเรียนยังไม่ได้ดื่มนมโรงเรียน ทั้งที่โรงเรียนได้ทำการเปิดเรียนมาแล้วตั้งแต่ 16 พ.ค.2567 จนถึงปัจจุบัน นักเรียนที่อยู่ในสังกัดของ อบต.ถ้ำพรรณราและ อบต.ดุสิต ยังไม่ได้ดื่มนมโรงเรียนเลยสักวัน แต่ในพื้นที่อื่นๆ ได้ให้เด็กนักเรียนดื่มนมโรงเรียนแล้วตั้งแต่เปิดเทอม เป็นต้นมา" ผู้ปกครองรายหนึ่งตั้งคำถามถึงผู้บริหารของ อบต.และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบว่า "ทำอะไรกันอยู่ จึงไม่สั่งนมโรงเรียนให้นักเรียนดื่มทั้งที่เวลาล่วงเลยมาหลายวันแล้ว"

นี่ขนาดเป็นนโยบายของรัฐบาลที่มีการส่งเสริมให้เด็กตั้งแต่อนุบาลจนถึงประถมการศึกษาปีที่ 6 ดื่มนมฟรีตลอดปี เพื่อให้เด็กมีสุขภาพลานามัยแข็งแรง เติบโตขึ้นมาเป็นกำลังของชาติ ซึ่ง อบต.ไม่เห็นความสำคัญของนโยบายรัฐบาลที่ทำมาตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ให้ได้ดื่มนมฟรีตั้งแต่ พ.ศ.2540 เป็นต้นมา จึงอยากถามผู้บริหารเรื่องแค่นี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้หรือว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนกันไม่ลงตัว จึงอยากฝากได้ถึงนายกรัฐมนตรีให้ตรวจสอบผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ

รายงานข่าวแจ้งว่า ในจังหวัดนครศรีฯ ไม่ใช่เฉพาะ อ.ถ้ำพรรณรา ที่เด็กยังไม่ได้กินนม อำเภออื่นบางอำเภอ เช่น เชียรใหญ่ โรงเรียนบางโรงก็ยังไม่มีนมให้เด็กกิน

มีรายงานว่า ท้องถิ่นบางแห่งมีเงื่อนไข ต้องการซื้อนมยูเอสทีไปแจกนักเรียน ทั้งๆ ที่เด็กควรได้ดื่มนมพาสเจอร์ไรท์ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าทำไมผู้บริหารท้องถิ่นบางคนจึงต้องการซื้อนมยูเอสทีไปแจกเด็ก

‘ราชทัณฑ์’ แจงส่งตัว ‘วนรัชต์’ ผู้ต้องหาโกงหุ้น ‘STARK’ นอนโรงพยาบาลตำรวจ  ชี้!! ปฏิบัติตามมาตรฐานการแพทย์ ยึดหลักสิทธิมนุษยชน ดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด

(22 พ.ค.67) กรมราชทัณฑ์ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจง ระบุว่า ตามที่สื่อมวลชนได้เผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการเข้ายื่นหนังสือต่อกระทรวงยุติธรรม ของกลุ่มผู้เสียหายจากคดีของ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้ต้องขัง คดีฉ้อโกง ซึ่งอยู่ระหว่างไต่สวน-พิจารณาคดี ออกไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.2567 เป็นความจริงหรือไม่ นั้น

กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แจ้งว่า ได้รับตัว นายวนรัชต์จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2567 ด้วยอาการป่วยหลายโรค

ซึ่งระหว่างรักษาตัวอยู่ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ พบว่ามีความผิดปกติ เป็นก้อนเนื้ออักเสบในร่มผ้า ซึ่งได้ทำการรักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่อง 14 วัน แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2567 โดยให้เป็นผู้ป่วยใน

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2567 แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ได้ดำเนินการผ่าตัดเพื่อทำการรักษา แต่เนื่องจากมีอาการติดเชื้อ จึงจำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประสาน เพื่อขอความเห็นประกอบการพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ การรับตัวนายวนรัชต์ กลับไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์จะต้องได้แจ้งจากโรงพยาบาลตำรวจก่อน กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า ผู้ต้องขังทุกรายหากมีอาการเจ็บป่วยภายในเรือนจํา จะได้รับการปฏิบัติตามมาตรฐานทางการแพทย์ โดยถือตามหลักสิทธิมนุษยชนและสุขภาพผู้ต้องขังเป็นสำคัญ

และหากอาการเจ็บป่วยเกินขีดความสามารถจะต้องพิจารณาส่งตัวออกไปรักษาที่โรงพยาบาลภายนอก เพื่อให้ได้รับบริการที่มีคุณภาพและปลอดภัยของผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงในการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563

‘กทพ.’ ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ 3 สายทาง เพื่อ ‘อำนวยความสะดวก-ลดค่าใช้จ่าย’ ให้ปชช.

(22 พ.ค.67) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษ รวม 3 สายทาง ดังนี้

-ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 19 ด่าน

-ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 31 ด่าน

-ทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 10 ด่าน

ในวันพุธที่ 22 พฤษภาคม 2567 (วันวิสาขบูชา) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึง 24.00 น. จำนวน 1 วัน ซึ่งเป็นวันหยุดราชการประจำปีตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ปรากฏในสัญญาสัมปทาน ฉบับแก้ไขใหม่ ระหว่าง กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในวันหยุด และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน รวมทั้งช่วยลดปัญหาจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้ใช้ทางพิเศษสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง สภาพการจราจร และขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ EXAT Call Center โทร 1543 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

‘สายป่าน อภิญญา’ ทุ่มเงินครึ่งล้าน ซื้อนักมวยหนุ่มเข้าค่าย ชี้!! ชอบศิลปะมวยไทย อยากปั้นเด็กรุ่นใหม่ ให้ประสบความสำเร็จ

(22 พ.ค.67) สายป่าน อภิญญา เผยจุดเริ่มต้นจับธุรกิจมวยไทย ทุ่มครึ่งล้าน ซื้อนักมวยหนุ่มวัย 19 อนาคตไกล ชี้ประสบการณ์ใหม่ ต้องใจรักมาก

เริ่มเข้าวงการมวย เพราะชื่นชอบเป็นพิเศษ ถึงกับไปเรียนจริงจัง สำหรับนางเอกสาว ‘สายป่าน อภิญญา’ ล่าสุดควักเงินครึ่งล้าน ซื้อตัวนักมวยหนุ่มวัย 19 อนาคตไกล มาปลุกปั้นให้โอกาสขึ้นสังเวียน

โดย สายป่าน ได้เปิดใจถึง ประสบการณ์ใหม่ในวงการมวย ว่า ...

ช่วงนี้ซื้อนักมวยเก่ง? 
“ไม่เก่ง คนเดียวเองค่ะ(หัวเราะ) เพชรโฟกัส ตอนนี้ใช้ชื่อ เพชร โพกัส พีเค ว.อภิญญา ถามว่ามาเข้าวงการมวยได้ยังไง เราชอบ ไปดูแล้วรู้สึกว่าชอบศิลปะป้องกันตัวมวยไทยเป็นพิเศษ แล้วก็เรียน หลังจากนั้นมาพอเราดูทุกๆ วีค มีความชื่นชอบ อยากจะซื้อมวยไว้สักคนหนึ่ง ป่านชอบจริงๆ แล้วน้องเขาดูมีอนาคต เราอยากให้น้องเขาได้โอกาสดีๆ”

“ไม่ถึงกับเป็นโปรโมเตอร์ขนาดนั้นค่ะ ก็คือว่าเราสนับสนุนน้องเขา ดูแลน้องเขา ส่งน้องเขาซ้อม และมีรายการก็ส่งน้องเขาไปแข่งขัน ไปขึ้นชก เราก็คอยเป็นกำลังใจเชียร์ ดูแลเขาอยู่ในสายตาตลอด”

ทุ่มงบไปเท่าไหร่? 
“ไม่บอก(หัวเราะ) ประมาณ 6 หลักกลางๆ ยังไม่คิดจะซื้ออีก ขอลองก่อนเพราะจริงๆ มันไม่ได้ง่ายนะ ทำมวยต้องใจรักมากๆ จริงๆ ค่ะ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับป่านกับวุฒิเลย”

“สำหรับเป้าหมายในการปั้นน้อง ก็ไปให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่น้องจะไปได้ คือตอนนี้โฟกัสยังอายุ 19 เข้า 20 น้องเขายังไปต่อได้อีกไกล อยากให้น้องเขาประสบความสำเร็จในอาชีพ น้องเขาเป็นมวยที่เก่งอยู่แล้ว อยู่ที่ประสบการณ์ของน้องด้วย”

“ซึ่งป่านยินดีที่จะสนับสนุนน้องเขา ตอนนี้เป็นรายบุคคลไปก่อน สามีเขาก็สนับสนุน เขาอยากทำ พอมาคุยกันเราก็ชอบเหมือนกันนอกเหนือจากดำน้ำแล้ว ก็มีเรื่องมวยนี่แหละที่เราชอบทั้งคู่ มันถึงเวลาแล้ว พอเห็นน้องเขา แล้วรู้สึกว่าน้องเขามีโอกาสมีอนาคตอีกไกลเลย ก็น่าสนใจ”

พี่สาวสุดสตรอง แม่ติดธุระด่วน ฝากช่วยเลี้ยงน้อง เลยพามานั่งเรียนด้วย ชาวโซเชียลปลื้ม ที่เด็กไม่ยอมขาดเรียน ชี้!! เป็นภาพที่น่ารักมาก

(22 พ.ค.67) ถือเป็นคลิปวีดีโอที่เป็นไวรัลในขณะนี้ เมื่อเด็กน้อยมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียน แม้ว่าทางคุณแม่จะมีธุระด่วนทำให้ต้องเลี้ยงน้องช่วยคุณแม่ แต่น้องก็ไม่ยอมขาดเรียน โดยพาน้องมาเลี้ยงที่โรงเรียน และนั่งเรียนหนังสืออย่างเต็มที่

ทั้งนี้ เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ผ่านผู้ใช้งานติ๊กต็อกชื่อ yingggzz ซึ่งเป็นคุณครูได้แชร์คลิปสุดน่ารัก โดยระบุข้อความว่า 

ไม่รู้คนเป็นครูเเบบเราจะรู้สึกยังไง เเต่สิ่งเดียวบอกกับเด็กเสมอว่า ไม่ว่ายังไงอย่าขาดเรียนนะลูก เเม่ไม่ว่างเอาน้องมาเรียนด้วยเลย เเล้วทำจริ้งงงง55555 ดีนะน้องไม่ดื้อ 

เมื่อคลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไปทำให้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ 

น้องแข็งแกร่งมาก มือนึงอุ้มน้อง อีกมือเขียนสมุด หนูลูกเก่งมาก

พี่เก่งมากเลยค่ะ ที่เลี้ยงน้องได้

ก่อนอื่นต้องชื่นชมครูเลยที่ให้โอกาสและเข้าใจความจำเป็นของเด็ก...น้องน่ารักและเก่งมาก ๆ ค่ะ

ไม่มีอะไรที่พี่คนโตทำไม่ได้โดยเฉพาะพี่สาว

เเข็งแกร่งมากเลยพี่สาวคนนี้

สายตามุ่งมั่นลูก หนํจ๋าโตมา โมเม้นท์นี่ต้องอยู่กับหนูทั้งสองนะคะ แล้วหนูจะน่ารักมาก เป็นต้น 

ทวนความจำชาวสยามในวันที่ 'พรรคเพื่อไทย' ลั่นต้าน ‘รัฐประหาร’ บทลงเอยมีแค่ 'ทำวันนี้เพื่อชาติ' หรือ 'ผิดพลาดเช่นในอดีต'

ทันทีที่แถลงการณ์ '10 ปีที่ผ่านไป จากรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ยุติวงจรรัฐประหาร ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน' ของพรรคเพื่อไทยปรากฏออกมา...

ฉับพลันทันใดก็เกิดคำถามต่างๆ ตามมามากมาย โดยเฉพาะคำถามที่มุ่งไปถึงเหตุอันทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมากต้องออกมาเดินถนนเพื่อประท้วงรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ใต้เงาแห่งทุจริตคอร์รัปชันที่คลุมรัฐบาลในขณะนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ 'โครงการจำนำข้าว' 

พูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องขอหยิบยกข้อมูลที่ย้อนไปเมื่อ 1 มิถุนายน 2565 โดยมี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ซึ่งเปิดโปงการทุจริต ‘โครงการจำนำข้าว’ ได้มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กไว้ดังนี้...

ในอภิปรายงบประมาณถึงโกงจำนำข้าว "ตั้งแต่ปี 54 โครงการจำนำข้าว ขาดทุน 9.5 แสนล้านบาท รัฐบาลชุดนี้ ตั้งงบประมาณชำระหนี้ไปแล้ว 7.8 แสนล้านบาท คงเหลือเงินต้นและดอกเบี้ยอีก 3 แสนล้านบาท" เป็นคำพูดของพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ตอบนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กรณีกล่าวหาตั้งงบประมาณส่อโกง และวันนี้คนที่เกี่ยวข้องกับการโกงจำนำข้าวถูกตัดสินจำคุกนับสิบคน รวมทั้งนายบุญทรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น เสี่ยเปี๋ยง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ฯลฯ รวมถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งหลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศจนทุกวันนี้

พรรค ‘เพื่อไทย’ (เริ่มตั้งแต่พรรค ‘ไทยรักไทย’ ถูกยุบ ตั้งพรรคใหม่เป็นพรรค ‘พลังประชาชน’ ถูกยุบและตั้งพรรคใหม่อีกเป็น ‘เพื่อไทย’) เป็นพรรคการเมืองที่มีรัฐมนตรีติดคุกด้วยคดีทุจริตประพฤติมิชอบมากที่สุด ได้แก่...

(1) บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณินย์ และ (2) ภูมิ สาระผล อดีตรมช.พานิชย์ จากคดีทุจริตจำนำข้าว 

(3) วัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร 

(4) เบญจา หลุยเจริญ อดีตรมช.คลัง จากคดีทุจริตช่วย 'โอ๊ค-เอม' ซื้อหุ้นชินคอร์ปโดยไม่ต้องเสียภาษี 

(5) ยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรมว.มหาดไทย มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากคดีที่ดินอัลไพน์ 

(6) ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรมว.ทรัพยากรฯ มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากคดีการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในกระทรวงทรัพยากรฯ ขณะเป็นปลัดกระทรวงฯ 

(7) ชูชีพ หาญสวัสดิ์ อดีตรมว.เกษตรฯ มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากคดีฮั้วประมูลจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ 

(8) สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา 157 กรณีที่มีการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) จำคุก 1ปี 

(9) ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก 

(10) ประชา มาลีนนท์ อดีตรมช.มหาดไทย จากคดีทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิง (อยู่ระหว่างการหลบหนีคดี)

และ (11) ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากคดีทุจริตจำนำข้าว (อยู่ระหว่างการหลบหนีคดี) ทั้งนี้ยังไม่รวมนักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องในสังกัดของพรรค ‘เพื่อไทย’ พรรค ‘ไทยรักไทย’ และพรรค ‘พลังประชาชน’ อีกหลายคนที่ถูกตัดสินจำคุกจากคดีที่เกี่ยวข้องการทุจริตประพฤติมิชอบ 

มูลเหตุในการรัฐประหารทุกครั้งที่ผู้ก่อการหยิบยกมาเป็นเหตุผลคือ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ เมื่อมีการตรวจสอบโดยไม่มีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองเข้าแทรกแซง แล้วผลการตรวจสอบก็พบว่า มี ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ เกิดขึ้นจริง ทั้งยังเป็นการสร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างมากมายมหาศาล ดังนั้นหากไม่สามารถกำจัด ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ โดยนักการเมืองและพรรคการเมืองให้หมดสิ้นไปได้แล้ว ย่อมมีโอกาสที่จะทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมากออกมาเดินถนนประท้วงรัฐบาลที่มีพฤติการณ์และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ อีกอย่างแน่นอน จึงต้องเกิด ‘รัฐประหาร’ อีกเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็น ‘วงจรอุบาทว์’ โดยมี การเลือกตั้ง -> จัดตั้งรัฐบาล -> เกิดวิกฤตการณ์จาก ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมือง -> เกิดการรัฐประหาร  -> ยกเลิกรัฐธรรมนูญ -> ร่างรัฐธรรมนูญ -> กลับเลือกตั้งอีก ทั้งนี้หากไม่สามารถที่จะหยุดยั้ง ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ได้ก็จะไม่สามารถป้องกัน ‘วงจรอุบาทว์’ ในอนาคตได้เลย

การหยิบยกเอา ‘รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน’ ป้องกัน ‘การรัฐประหาร’ เพื่อหยุดยั้ง ‘วงจรอุบาทว์’ ไม่มีทางสำเร็จอย่างแน่นอนหากไม่จัดการป้องกัน ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ อย่างเด็ดขาดจนหมดสิ้นไป เพราะผู้ก่อการ ‘การรัฐประหาร’ ย่อมเป็น ‘รัฏฐาธิปัตย์’ (ผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจสูงสุดในรัฐ) เสมอ หากพรรค ‘เพื่อไทย’ มีความตั้งใจจริงในการกำจัด ‘วงจรอุบาทว์’ ด้วยไม่ต้องการให้ ‘การรัฐประหาร’ เกิดขึ้นอีกนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องอ้างถึงการร่าง ‘รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน’ แต่อย่างใดเลย เพราะเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้นที่ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้มีความเข้มข้นและชัดเจนในเรื่องของการป้องกันและปราบปราม ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมืองและพรรคการเมือง มากอยู่แล้ว 

หากรัฐบาลโดยพรรค ‘เพื่อไทย’ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงตรง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนและพวกพ้อง มีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างที่สุดในการต่อต้านและปฏิเสธ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมืองและพรรคการเมือง เพียงเท่านี้ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมืองและพรรคการเมืองก็จะค่อย ๆ หมดไป ทำให้ไม่มีเหตุผลให้พี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมากต้องออกมาเดินถนนประท้วงรัฐบาลอีก และไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่ผู้ก่อการ ‘รัฐประหาร’ จะนำเอาเรื่องของ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ มาเป็นความชอบธรรมในการก่อการได้อีกเลย 

แต่สิ่งที่รัฐบาลโดยพรรค ‘เพื่อไทย’ ทำอยู่ขณะนี้กลับทำให้เกิดความรู้สึกน่าสงสัยและเคลือบแคลง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามเพื่อ ‘ฟอกขาว’ คดีทุจริตจำนำข้าว หรือ โครงการ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย ฯลฯ ต่างก็ไม่เห็นด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ตรรกะของพรรค ‘เพื่อไทย’ อาจจะผิดเพี้ยน ด้วยเน้นแต่การต่อต้านการ ‘รัฐประหาร’ แต่กลับไม่กล่าวถึงการต่อต้าน คัดค้านการ ‘ทุจริตคอร์รัปชัน’ อันเป็นสาเหตุต้นตอที่มาของ ‘วงจรอุบาทว์’ ในระบบการเมืองของไทยอย่างแท้จริงแต่ประการใด

ด้วยเพราะ รัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งนำโดยพรรค ‘เพื่อไทย’ นั้น มีความชอบธรรมในการจัดตั้งตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันอย่างถูกต้องทุกประการ ทั้งยังมีความมั่นคงทางการเมืองที่เข้มแข็งในระดับที่น่าพอใจ ทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยต่างก็มีความหวังว่า ตลอดอายุของสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ ‘นายกฯ นิด เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรี จะสามารถสร้างผลงานเพื่อนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าสู่อนาคตด้วยความมั่นคงและยั่งยืน เหมือนดังเช่นนโนยายที่พรรค ‘เพื่อไทย’ ได้นำมาใช้ในการหาเสียง 

ดังนั้นในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ทีมบรรณาธิการของ THE STATES TIMES จึงขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วยให้ ‘นายกฯนิด’ ทำงานเพื่อประเทศชาติได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และเมื่อตอนนี้มีโอกาสช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยแล้ว ก็ขอให้ทำให้เต็มที่และทำให้ดีที่สุด โดยอยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบัน อย่าได้ย้อนทำในเรื่องที่เคยผิดพลาดและไม่ถูกต้องเช่นในอดีตอีก 

ทั้งนี้หากรัฐบาล ‘พรรคเพื่อไทย’ จะได้ถือเอา “ความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงตรง เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนและพวกพ้อง” เป็นที่ตั้งได้แล้ว ความดีต่าง ๆ เหล่านี้จะทำหน้าเป็นเสมือนเกราะป้องกันภัยทางการเมืองต่าง ๆ รวมทั้ง ‘การรัฐประหาร’ ไปจนถึง ‘วงจรอุบาทว์’ ในระบบการเมืองของไทยที่พรรค ‘เพื่อไทย’ ไม่ปรารถนาได้เป็นอย่างดีที่สุด 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top