Wednesday, 14 May 2025
TheStatesTimes

มุกดาหาร -สสจ.มุกดาหาร ปฐมนิเทศ ขรก. และบุคลากรใหม่ ประจำปี 2567

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม นายแพทย์ณรงค์ จันทร์แก้วนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร มอบหมายให้แพทย์หญิงกันตินันท์ มหาสุวีระชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมปฐมนิเทศข้าราชการและบุคลากรใหม่ในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร ประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวน 47 คน เพื่อพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถและความพร้อมในการเป็นข้าราชการที่ดีในระหว่างวันที่ 13-14 พฤษภาคม 2567 โดยมีคณะผู้บริหารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหารเข้าร่วมพิธีด้วย ที่ห้องประชุมดุสิตา โรงแรมมุกดาหารแกรนด์

เดวิท โชคชัย มุกดาหาร   รายงาน 092-5259777

พิษณุโลก อบจ.พิษณุโลก มอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียน 9 อำเภอ รวม 896 ทุน

อบจ.พิษณุโลก มอบทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาและทุนช่วยเหลือนักเรียนผู้ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ปีการศึกษา 1/2567 จำนวน 896 ราย ครอบคลุมทั้ง 9 อำเภอ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางเศรษฐกิจของผู้ปกครองและเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ที่มีฐานะยากจน ยากไร้หรือด้อยโอกาสได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง 

วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ที่ศูนย์ประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นประจำอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการมอบทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาและทุนช่วยเหลือนักเรียนผู้ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ปีการศึกษา 1/2567 จำนวน 896 ราย ครอบคลุมทั้ง 9 อำเภอ เพื่อแบ่งเบาภาระทางเศรษฐกิจของผู้ปกครองและเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ที่มีฐานะยากจน ยากไร้หรือด้อยโอกาสได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุน เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและอนาคตที่ดีแก่นักเรียนนักศึกษาที่มีฐานะยากจน ยากไร้หรือด้อยโอกาส สำหรับโครงการมอบทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนและทุนช่วยเหลือนักเรียนผู้ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ภาคเรียนที่ 1/2567 ในพื้นที่ทั้ง 9 อำเภอของจังหวัดพิษณุโลก โดยมีนักเรียน/นักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาและทุนช่วยเหลือ จำนวนทั้งสิ้น 896 ราย ซึ่งแบ่งตามระดับการศึกษาได้ ดังนี้ ระดับประถมศึกษา จำนวน 374 ราย รายละ 1,000 บาท, ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 340 ราย รายละ 2,000 บาท, ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า จำนวน 100 ราย รายละ 3,000 บาท และระดับสูงกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า จำนวน 82 ราย รายละไม่เกิน 33,000 บาท.

นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้กล่าวว่า ในวันนี้เป็นวันที่เราในฐานะผู้ใหญ่ในวันนี้ รู้สึกดีใจมากๆ และก็ภูมิใจมากๆ ที่ได้สร้างโอกาสให้กับเด็กเยาวชน ยุวชน ของจังหวัดพิษณุโลก นั่นก็คือการมอบทุนการศึกษาให้กับผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากจน โดยมีคณะกรรมการได้พิจารณาจากภายในและภายนอกพิจารณามอบทุนให้กับเด็กๆ ระดับประถมศึกษาได้รับทุนละ 2000 บาท มัธยมศึกษาตอนต้นได้รับทุนละ 4000 บาท มัธยมตอนปลายได้รับทุนละ 6000 และระดับอนุปริญญา และ ปริญญาตรี ได้รับ 33000 บาท ต่อปี เพื่อเป็นประโยชน์เป็นกำลังใจให้กับเด็ก เพื่อจะได้นำเงินไปศึกษาเล่าเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ฝากกับเด็กทุกคนขอให้เป็นคนดี วันข้างหน้าให้เป็นคนเก่ง เพื่อที่จะสร้างอนาคต ของบ้านเมืองของเราในการที่จะนำพาสิ่งดีๆ เข้ามาสู่พิษณุโลกของเราในวันข้างหน้าต่อไป เพราะครั้งหนึ่งตนเองเคยไปเจอเด็กคนหนึ่งสอบติดพยาบาลแต่ไม่มีเงินไปลงทะเบียน ต้องไปหารับบริจาค สิ่งเหล่านี้ไม่อยากให้เกิดขึ้น จึงอยากให้โอกาสเด็ก จึงตั้งงบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก 1 ปี ตามกฎหมาย ไม่เกิน 5 ล้านบาท ท่านใดที่ได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนทุนทรัพย์เรื่องของทุนการศึกษาของเด็กๆ ก็สามารถติดต่อมาได้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ถึงแม้ว่าในโรงเรียนจะมีทุนอยู่ แต่เราก็มีส่วนหนึ่ง ช่วยกันคนละไม้คนละมือเชื่อว่าเด็กพิษณุโลกก็จะมีอนาคตที่ดี ด้านนางสาวรัชนีกร ยาพานแถ้ว นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากๆ ที่รับเงินทุนการศึกษาจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลกในครั้งนี้ ทำให้มีเงินมาช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองในครอบครัว ทำให้เราได้มีเงินไปศึกษาต่อในระดับชั้นต่อๆไป ขอบคุณที่ทำให้หลายๆครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นจากเงินเหล่านี้ โดยเฉพาะครอบครัวที่ลำบากจริงๆ เงินทุนเหล่านี้สามารถไปช่วยได้เยอะเลยจริงๆ ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

พิษณุโลก เลขาฯ ป.ป.ส. ลุยงานยึดทรัพย์ฯเหนือล่าง เสริมศักยภาพเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ริบทรัพย์ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติด

วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. ตรวจเยี่ยมโครงการฝึกอบรมเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการริบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง พร้อมพบปะและมอบนโยบายแก่เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่รับผิดชอบด้านสอบสวน สังกัดตำรวจภูธรภาค 6 ณ โรงแรมเดอะพาร์ค จังหวัดพิษณุโลก                    

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีเป้าหมายลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดและต้องเห็นผลเป็นรูปธรรม ภายใน 1 ปี โดยในด้านการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดได้สั่งการให้ทำงานบูรณาการหนักขึ้น ในการยึดทรัพย์ผู้ค้าทั้งรายใหญ่รายย่อย และต้องขยายผลให้ถึงผู้ค้าเครือข่ายรายสำคัญ ตลอดจนการใช้สาธารณสุขนำการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านการสร้างศูนย์บำบัด และนำผู้เสพเข้ารับการบำบัดรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงมาตรการป้องกันยาเสพติดที่มุ่งหวังให้เยาวชนไทยมีปฏิกิริยาการปฏิเสธต่อยาเสพติด เหมือนกับเยาวชนในสหรัฐอเมริกาที่หาที่กำบังเมื่อได้ยินเสียงปืน หรือเหมือนกับเยาวชนในญี่ปุ่นที่รีบวิ่งเข้าใต้โต๊ะเมื่อรู้สึกถึงการสั่นของอาคาร โดยให้ทุกหน่วยงานผนึกกำลังเพื่อลดความเดือนร้อนของประชาชน โดยยึดหลัก “ผู้เสพเป็นผู้ป่วย ส่วนผู้ค้าจะต้องถูกลงโทษและยึดทรัพย์สิน” โดยการยกระดับการปราบปราม ทำลายโครงสร้างเครือข่ายกลุ่มการค้ายาเสพติดระดับต่าง ๆ อย่างจริงจัง

การจัดโครงการฝึกอบรมในครั้งนี้ ถือเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บแก่เจ้าหน้าที่ให้พร้อมทั้งองค์ความรู้แนวทางการทำงาน และเครือข่ายประสานงาน เพื่อให้การยึดทรัพย์สินตามมูลค่าหรือ Value-based confiscation ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดทำได้อย่างมีศักยภาพ จำเป็นต้องพัฒนาเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสอบสวนตรวจสอบทรัพย์สินเพราะต้องใช้องค์ความรู้ในการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงพยานหลักฐานให้ครอบคลุม และต้องก้าวทันรูปแบบการโอนย้ายอำพรางเส้นทางการเงินของเครือข่ายการค้ายาเสพติด อาจใช้กลไกศูนย์สืบภาค บูรณาการงานร่วมกันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค กับตำรวจภูธรภาค เพื่อขยายผลยึดทรัพย์ผู้กระทำผิด และนำผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษให้มากที่สุด 

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเป็นกำลังให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านในทำงานเพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้  สำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมให้การสนับสนุนงบประมาณแก่ตำรวจภูธรภาคในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดในระดับพื้นที่จากผู้ค้ารายย่อย รวมถึงการลดความรุนแรงที่อาจเกิดจากผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด ตลอดจนการนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดตามนโยบายของรัฐบาล

ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

เชียงใหม่-ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าว " ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่ "

ตำรวจภูธรภาค 5  แถลงข่าวการจับกุมเยาวชนหัวหน้าแก๊งวัยรุ่นป่วนเมือง ของ สภ.หางดง และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น(คลองแม่ข่า) ของ สภ.เมืองเชียงใหม่ " ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่ "

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2567  เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล  ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,พล.ต.ต.วรพงศ์  คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ,รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ผกก.สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการตาม "ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่" พร้อมทั้งได้แถลงข่าวการจับกุมเยาวชนหัวหน้าแก๊งวัยรุ่นป่วนเมืองของ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น (คลองแม่ข่า) ของ สภ.เมืองเชียงใหม่จ.เชียงใหม่  ณ ห้องประชุมชั้น 3 สภ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

โดยมีรายละเอียดดังนี้
สรุปผลการจับกุมบุคคลต่างด้าว  “ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่”
ได้ปิดล้อมตรวจค้นหอพัก ในพื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่   จำนวน   6  แห่ง   ผลการปิดล้อมตรวจค้น ได้จับกุม ผู้กระทำความผิดบุคคลต่างด้าว   รวมจำนวน 27 คน  เป็นชาย 20 คน หญิง 7 คน  ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

สถานีตำรวจภูธรหางดง จังหวัดเชียงใหม่  จับกุมหัวหน้าแก๊ง SOHOT
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 สถานีตำรวจภูธรหางดง ได้รับแจ้งกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุคือ นายณัฐพงค์ หรือเฟรก คำแก้ว (หัวหน้าแก๊งค์ Sohot) ซึ่งนายณัฐพงค์หรือเฟรกฯ เคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นมาแล้วหลายครั้ง และยังเคยใช้อาวุธปืนข่มขู่ผู้อื่น สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง  ได้ทำการสืบสวนติดตามไปถึงบริเวณบ้านพักของนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ ที่บ้านเลขที่ 35/3 หมู่ที่ 11 ต.บ้านแหวน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ พบนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ บริเวณบ้านพัก ลักษณะท่าทางมีพิรุธ รีบหลบเข้าไปในบ้านพัก จึงมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่ามีทรัพย์สินซึ่งมีไว้เป็นความผิด ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนินช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ ทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้น นายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น และเป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 2 นัด และปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 ปลอก ซุกซ่อนอยู่บริเวณในตู้เสื้อผ้า ชั้นบน ข้างที่นอนของนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ สอบถามนายณัฐพงค์ หรือเฟรกฯ รับว่ากระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางดังกล่าวเป็นของตน ยอมรับว่ากระสุนปืนดังกล่าวได้มาจากเพื่อนชื่อนายวุฒิ  ไม่ทราบชื่อ สกุลจริง บุคคลต่างด้าวเชื้อชาติไทยใหญ่ สัญชาติเมียนมา เมื่อประมาณ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา จึงได้จับกุมตัวพร้อมของกลาง ดำเนินคดีในข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งพนักงานสอบสวน  สภ.หางดง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สภ.เมืองเชียงใหม่ จับกุมกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกายผู้อื่น บริเวณคลองสะพานแม่ข่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2567 เวลาประมาณ 01.00 น. ได้มีกลุ่มวัยรุ่นชายจำนวน 6 คน รุมทำร้ายร่ายกายนายประวิทย์ฯ ซึ่งเป็นครูสอนมวย เป็นเหตุให้นายประวิทย์ฯ ได้รับบาดเจ็บ ตามที่ได้เผยแพร่ไปตามสื่อโซเชียล นั้นฃ

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2567 นายประวิทย์ ฯ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว จากนั้นชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายจำนวน 6 นายที่หลบหนีไป โดยสามารถติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้จำนวน 5 ราย หลบหนี  1 ราย  ดังนี้
1. นายอาหลู่ ไม่มีนามสกุล อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่บ้านพัก ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่
2. นายฉลอม ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปีสัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนราชวิถี อ.ศรีภูมิ อ.เมือง จว.เชียงใหม่
3. นายอาเล หลีจ๊ะ อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมาร์ จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
4. นายอาเบ ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปีสัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
5. นายอาเล ไม่มีนามสกุล อายุ 18 ปีสัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
6. นายอาส่า ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์(หลบหนี)

โดยแจ้งข้อกล่าว “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 นาย เป็นบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียรมาร์ ที่ลักลอบหลบหนีเข้ามายังประเทศไทยโดยใช้ช่องทางธรรมชาติและเข้ามาหาทำงานรับจ้างทั่วไปในตัวเมืองเชียงใหม่ ติดต่อกับกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาก่อนเพื่อขอทำงานและพักอาศัย ไม่มีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่งและเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆ

ตำรวจภูธรภาค 5 ขอยืนยันว่ามีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชนและยังคงเน้นย้ำในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ทั้งนี้หากพบเห็นอาชญากรรมหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดโปรดแจ้ง 191 ตลอดเวลา 24ชั่วโมง หรือแจ้งผ่านไลน์ ผบช.ภ.๕ ไอดี @police5 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดแข่งขัน ROYAL THAI POLICE SWAT CHALLENGE 2024 เฟ้นหาสุดยอดทีมปฏิบัติการพิเศษ เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันระดับโลก

วานนี้ (13 พ.ค.67) เวลา 17.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขัน Royal Thai Police SWAT Challenge 2024 ณ กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยมี พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 , พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.6 , พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ รอง ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. , พล.ต.ต.วีรวิชญ์ บัวประเสริฐยิ่ง รอง จตร.ช่วยราชการ ภ.2 , พล.ต.ต.ลาภ ศรีสําอางค์ รอง จตร.ช่วยราชการ ภ.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี

การแข่งขัน Royal Thai Police SWAT Challenge 2024 ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในการเตรียมความพร้อมและยกระดับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการประจำปี 2567 โดยการแข่งขันเริ่มตั้งแต่วันที่ 13-18 พฤษภาคม 2567 เพื่อค้นหาสุดยอดทีมปฏิบัติการพิเศษ เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขัน UAE SWAT Challenge ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ทำผลงานในระดับโลกไว้เป็นที่น่าพอใจ อีกทั้งยังตอกย้ำศักยภาพของเหล่าสุดยอดปฏิบัติการพิเศษของไทย โดยการส่งทีมหญิง 1 เดียวของไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกในปีที่ผ่านมา ในปีนี้มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันจากกองบัญชาการต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวน 29 ทีม และมีทีมน้องใหม่ เช่น ศรียานนท์ 46 เป็นทีมปฏิบัติการพิเศษจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ , ทีมสารสิน A,B เป็นทีมปฏิบัติการพิเศษจากตำรวจภูธรภาค 8 เป็นต้น ในส่วนการแข่งขันนั้นจะแบ่งเป็น 5 Stage โดย Stage ที่ 1 HOSTAGE RESCUE ภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน ทีมที่ทำเวลาและคะแนนรวมได้ดีที่สุด ได้แก่ ทีมหนุมาน จากกองบังคับการปราบปราม , รองชนะเลิศอันดับ 1 ทีมสารสิน ทีมA จาก ตำรวจภูธรภาค 8 และรองชนะเลิศอันดับ 2 ทีมทศรถ 491 จากตำรวจภูธรภาค 4 

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า สํานักงานตํารวจแห่งชาติในฐานะของหน่วยงานรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม มีหน้าที่หลักในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของราชอาณาจักร โดยต้องมีความสามารถในการบูรณาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เพื่อรองรับภารกิจสําคัญที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีมาตรฐานสากล และสามารถปฏิบัติงานภายใต้สถานการณ์ที่กําลังเผชิญหน้ากับการก่อความไม่สงบ ที่ขยายพื้นที่และเป้าหมายปฏิบัติการแบบไม่กําหนดกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ เพื่อให้ข้าราชการตํารวจในสังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้พัฒนาความรู้ ทักษะ ให้เกิดความชํานาญในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ เตรียมการวางแผนการประสานการปฏิบัติ การพัฒนาศักยภาพเชิงทักษะ ภายใต้สถานการณ์วิกฤติ โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จึงต้องมีการซักซ้อม ทําความเข้าใจบทบาทหน้าที่ร่วมกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับประชาชน การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อแพ้หรือชิงชัยชนะเพียงอย่างเดียว แต่นี่คือการยกระดับเหล่าสุดยอดปฏิบัติการพิเศษของไทยให้เทียบเท่าระดับโลก 

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามการแข่งขันในสเตจที่เหลือได้ทางเฟสบุ๊ก POLICE TV สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 18 พฤษภาคม 2567

'ไทยเบฟฯ' ยินดี!! เหล่านักกอล์ฟเยาวชนรุ่น Super GENZ-Junior GENZ หลังคว้าแชมป์ 'ช้าง คลาสสิค 2024' คั่วตั๋วดวลวงสวิงต่างแดน

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย 'น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง' เปิดศึกดวลสวิงต่อสนามที่ 4 กับรายการ 'ช้าง คลาสสิค 2024' แข่งขันระหว่างวันที่ 11-12 พฤษภาคม 2567 สนามพานอราม่า กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา เพื่อชิงตั๋วลุยญี่ปุ่น และสิงคโปร์

สำหรับการแข่งขันในสนามนี้ 'เดอะ เจ็นซ์' จะคัดเลือกนักกอล์ฟเยาวชนที่ทำสกอร์ได้ดีที่สุดในรุ่น Super GENZ และ Junior GENZ (Best Score ประเภทชาย 1 คน และหญิง 1 คน) รวม 2 คน เพื่อไปร่วมแข่งขันในรายการ Yonex Junior Golf Championship 2024 ระหว่างวันที่ 27-29 สิงหาคม นี้ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยนักกอล์ฟหญิงที่ชนะในรายการ Yonex Junior Golf Championship 2024 จะได้สิทธิ์แข่ง Japan LPGA Tour ในรายการ Yonex Ladies Tournament 2025 

นอกจากนี้ ในสนามที่ 4 ยังคัดนักกอล์ฟเยาวชนที่มีคะแนนสะสม (สนามที่ 1-4) อันดับ 1 และ 2 จากรุ่น Super GENZ (ชายและหญิง) และรุ่น Junior GENZ (ชายและหญิง) รวม 8 คน ร่วมสู้ศึกที่ประเทศสิงคโปร์ ในรายการ SJDTour International Amateur Championship 2024 อีกด้วย

หลังจบการแข่งขันในรอบสุดท้าย (12 พ.ค. 67) ผลปรากฏว่า ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ ในรุ่น Super GENZ (ชาย) ฟอร์มยังคงร้อนแรง สนามนี้กดไปถึง 6 อันเดอร์พาร์ 138 คว้าแชมป์ไปครองพร้อมคว้าตั๋วไปแข่งสิงคโปร์ได้อีก 1 รายการ ส่วนฝ่ายหญิงของรุ่น Super GENZ เขมมินทรา งามเหลา คว้าแชมป์แรกของฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ ด้วยสกอร์รวมอีเวนท์พาร์ 144  

สำหรับนักกอล์ฟที่ได้สิทธิ์แข่งขันกอล์ฟ SJDTour International Amateur Championship 2024 ที่สนามลากูน่า เนชั่นแนล กอล์ฟ  รีสอร์ท ประเทศสิงคโปร์ จำนวน 8 คน มีดังนี้ รุ่น Super GENZ (ชาย) ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ และณฐภัทร ตรงจิตภักดี รุ่น Super GENZ (หญิง) ฐิตารีย์ วิศวปัทมวรรณ และเขมมินทรา งามเหลา ส่วนรุ่น Junior Genz (ชาย) รัฐวิชญ์ รัฐชัยอนันต์ และฐิติวัฒน์ ปิตุรงคพิทักษ์ รุ่น Junior Genz (หญิง) สุริฏฐ์ปรียา พฤกษานุบาล และณชา สถิตย์สัมพันธ์

ส่วนนักกอล์ฟที่ได้สิทธิ์แข่งขันรายการ Yonex Junior Golf Championship 2024 ที่ประเทศญี่ปุ่น เรียบร้อยแล้วจำนวน 6 คน ได้แก่ ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์, รัฐวิชญ์ รัฐชัยอนันต์, นรบดินทร์ แสวงดี, เขมณัฏฐ์ ศรลัมพ์, สุริฏฐ์ปรียา พฤกษานุบาล และณชา สถิตสัมพันธ์ โดยยังคงเหลือชิงตั๋วอีก 2 ใบสุดท้ายในการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมรายการที่ 5 'ดิทโต้ คลาสสิค 2024' แข่งขันระหว่างวันที่ 15-16 มิถุนายน 2567 ที่เทรชเชอร์ ฮิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ จ.ชลบุรี ซึ่งรายการนี้จะทำการแข่งขันแบบ Super 6 Match Play แข่งรอบละ 6 หลุม โดยผู้ชนะในประเภทชาย และประเภทหญิง ของการแข่งขันแบบ Super 6 Match Play จะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟรายการ Yonex Junior Golf Championship 2024 ที่ประเทศญี่ปุ่น 

สำหรับผู้ปกครองและนักกอล์ฟที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Official Line : @genzgolf หรือโทร. 065 696 2229

'พีระพันธุ์' พิจารณาแนวทางสนับสนุนให้โรงสูบน้ำมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ แก้ปัญหาภัยแล้ง 'เพชรบุรี' บรรเทาทุกข์ ‘เกษตรกร-ประชาชน' โดยเร็ว

เมื่อวานนี้ (13 พ.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ลงพื้นที่อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากองค์การบริหารส่วนตำบลไร่โคก ถึงปัญหาเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากเครื่องสูบน้ำของโรงสูบน้ำไร่โคก - ไร่สะท้อน ที่ชำรุดเสียหายและยังไม่ได้ดำเนินการซ่อมแซม ทำให้น้ำไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร  

โรงสูบน้ำดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาราชบุรีฝั่งขวา สังกัดสำนักชลประทานที่ 13 โดยมีพื้นที่ชลประทานจำนวน 86,500 ไร่ ส่งผลให้พื้นที่ปลูกข้าวใน 7 ตำบลของอำเภอบ้านลาด ได้รับความเสียหาย เกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งยังมีการอั้นน้ำของพื้นที่ต้นน้ำในเขตจังหวัดราชบุรี และพื้นที่อำเภอเขาย้อยจังหวัดเพชรบุรี รวมถึงยังมีไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการทำงานของโรงสูบ ทำให้น้ำส่งไม่ถึงพื้นที่ปลายน้ำ และไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร  

พื้นที่ตำบลไร่โคกมีพื้นที่ปลูกข้าวได้รับผลกระทบประมาณ 3,000 ไร่ ซึ่งนายพีระพันธุ์ ได้รับทราบปัญหาและกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ในเบื้องต้นกระทรวงพลังงานจะพิจารณาแนวทางสนับสนุนให้โรงสูบน้ำมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่ตำบลหัวสะพาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี หลังจากได้รับแจ้งปัญหาความเดือดร้อนจากการบริหารจัดการน้ำ ณ คลองปากง่าม ตำบลหัวสะพาน ซึ่งขาดประตูน้ำสำหรับกั้นน้ำจากเขื่อนเพชรกรณีเขื่อนปล่อยน้ำ และเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้ง เพราะไม่มีพื้นที่กักเก็บน้ำ ทำให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย รวมถึงคลองอรรถสิทธิ์ ตำบลบ้านกุ่ม ซึ่งประตูน้ำทรุดโทรมและไม่สามารถกันน้ำเค็มได้ หากน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรของประชาชนเช่นเดียวกัน 

โดยนายพีระพันธุ์ ได้กำชับให้กรมชลประทานเร่งแก้ให้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว และได้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เพื่อพิจารณางบประมาณสนับสนุน

จากนั้นในช่วงบ่าย ได้เยี่ยมชมโครงการ 'ชั่งหัวมัน'  ซึ่งเป็นโครงการตามพระราชดำริ มีโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าโครงการชั่งหัวมันฯ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าขนาดเล็กมาก หรือ VSPP (Very Small Power Producer) จากพลังงานทดแทนแบบหมุนเวียน เริ่มดำเนินการในวันที่ 21ตุลาคม 2552 

โครงการชั่งหัวมันฯ ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีการผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งจากกังหันลม และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมากเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตกระแสไฟฟ้า ให้มีการใช้ทรัพยากรภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานเชิงพาณิชย์ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นแบบอย่างในการกระจายโอกาสไปยังพื้นที่ที่ห่างไกลให้มีส่วนร่วมในการผลิตกระแสไฟฟ้า และเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางด้านการลงทุนของรัฐบาลในระบบการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า

"วันนี้ ผมได้ลงพื้นที่อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี เพื่อรับฟังเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้ง มีน้ำไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร ส่งผลกระทบมากถึง 3,000 ไร่ ซึ่งเกิดจากเครื่องสูบน้ำเสียและยังไม่ได้รับการซ่อมแซม ในเบื้องต้น ผมได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ส่วนหลังจากนี้ ผมจะพิจารณาแนวทางสนับสนุนให้โรงสูบน้ำมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วต่อไป...

"ส่วนการเยี่ยมชมโครงการ 'ชั่งหัวมัน' ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผมเชื่อว่าเป็นโครงการที่หลายคนคงรู้จัก เป็นโครงการที่แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาญาณของพระองค์ท่าน ที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาประเทศ ซึ่งในส่วนของพลังงานก็มีการใช้พลังงานทดแทนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ 

"และเมื่อปีที่แล้ว ก็มีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำในสระน้ำบริเวณแปลงมะนาวกลางไร่ของโครงการชั่งหัวมันฯ จำนวน 96 แผง ขนาดกำลัง 62.40 kWp เพื่อให้ใช้ประโยชน์ภายในโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ และเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับผู้เข้าชมโครงการฯ...

"จึงอยากเชิญชวนให้นักเรียน นักศึกษา เกษตรกร และประชาชนที่สนใจ มาเยี่ยมชมโครงการชั่งหัวมัน เพราะนอกจากจะได้ความรู้ด้านพลังงานแล้ว ยังจะได้รู้จักกับทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 สำหรับการนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตอีกด้วย" นายพีระพันธุ์ กล่าว

'รมว.คลัง' ปัดตอบ 'กฤษฎา' ทิ้งเก้าอี้ เพราะไม่ให้เกียรติ ยัน!! วิธีทำงานมีเหตุผล ด้าน 'เผ่าภูมิ' ย้ำไม่ขัดแย้ง

(14 พ.ค.67) ที่ มรภ.เพชรบุรี อ.เมือง จ.เพชรบุรี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) กรณีที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีตรมช.คลังระบุเหตุผลในจดหมายลาออกว่า เป็นเพราะไม่ให้เกียรติกันในการทำงาน ว่า ขออนุญาตยังไม่ให้ความเห็น ต้องขอเวลาอีกนิด ส่วนความคืบหน้าการนัดหมายพูดคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ใกล้ถึงเวลานัดหมายเพื่อพูดคุยกัน ขอย้ำว่าทุกอย่างพูดคุยกันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้อ่านจดหมายลาออกแล้วรู้สึกอย่างไร นายพิชัย กล่าวว่า “ก็เข้าใจได้ และวิธีการทำงานของผมมีเหตุและผลอยู่” เมื่อถามย้ำว่าก่อนหน้านี้ที่ได้พูดคุยกับนายกฤษฎา ให้ความเห็นไว้ อย่างไรบ้าง นายพิชัยกล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ไม่สามารถตอบในขณะนี้ได้ และไม่ว่าเหตุผลที่เขียนในจดหมายลาออกเป็นอย่างไร ก็ไม่เป็นไร

ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ขอความเห็นในเรื่องดังกล่าวแต่ส่วนตัวไม่มีปัญหากัน พอรู้จักกันมาเป็น 10 ปีตั้งแต่สมัยที่ตนยังทำงานอยู่ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ส่วนเรื่องการแบ่งงานใหม่ หลังจากที่นายกฤษฎา ลาออก ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร

จาก 'โกงจำนำข้าว' ถึง 'โกงการกินข้าว' เรื่องยากๆ ที่นักการเมืองเนรมิตได้ง่ายๆ

ถ้าเป็นประเทศอื่น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นประเทศใหญ่ หรือเป็นมหาอำนาจ เพียงแค่ประชาชนในชาติ 'คิดเป็น' จะทำให้การสัมผัสนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต คอร์รัปชัน หรือหนีคดีเพียงครั้งเดียว ก็ไม่มีทางที่จะพร้อมใจกันไปกาเลือกให้เข้ามามีอำนาจอีกครั้งเป็นแน่แท้

แค่นี้ประเทศชาติก็เจริญได้ไวแล้ว!!

'คนที่คิดเป็น' จะมาพร้อม 'สติปัญญา' และ 'สามัญสำนึก' ที่สูงมากพอ 

ประชาชนเช่นนี้เท่านั้นที่จะทำให้ประเทศชาติปลอดภัยจากนักการเมืองเลว ๆ 

แต่สำหรับประเทศไทย นอกจากจะมีนักการเมืองที่ 'นรกสั่งมาเกิด' หมุนเวียนเข้ามารุมกินโต๊ะประเทศทุกยุค เรายังมีเหล่าประชาชนที่ 'หูหนวกตาบอด' อ่านไม่ออก ดูไม่เป็น วิเคราะห์ไม่ขาด ไม่เข็ดไม่จำ มองเห็น 'เลวเป็นดี' อยู่มากเกินควร เราทุกคนจึงต้อง 'รับผลกรรม' นี้ไว้ร่วมกัน

พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง เคยโดนคดีโกงจำนำข้าวจนอื้อฉาวไปทั่วโลก แถมมีอดีตนายกฯ ทำผิดกฎหมายจนต้องหนีคดีไปต่างประเทศถึงสองคน

พฤติกรรมเลวร้ายขนาดนี้ ถ้าเรามีประชาชนที่ 'คิดเป็น' จำนวนมากกว่าประชาชนที่ 'เบาปัญญา' พรรคการเมืองนี้จะไม่มีทางกลับมาเรืองอำนาจได้

เมื่อเข้ามาใหญ่จนถึงขนาดได้เป็นรัฐบาล ก็แสดงบทบาทเก่าๆ นั่นคือการ 'หลอกต้มประชาชน' ราวกับว่าประชาชนคนในชาตินั้นต่างกินหญ้ากันทั้งหมด แท้ที่จริงหญ้าที่เป็นอาหารของวัวควาย น่าจะให้กับ 'คนกลุ่มหนึ่ง' ที่ยังคงสนับสนุนพรรคการเมืองพรรคนี้กินน่าจะถูกปากกว่า 

ที่น่าทุเรศกว่านั้น การจัดอีเวนต์ 'กินข้าวโชว์' ที่มี 'รัฐมนตรีทาสรับใช้เทวดา' ร่วมกับ 'สื่อไร้สมอง' บางสำนัก โชว์การกินข้าวค้างสต็อกในโกดังบาปยาวนานถึง 10 ปี การันตีว่ากินได้ ปลอดภัยไม่เป็นอันตราย เพียงเพื่อจะฟอกความผิดให้ 'โจรหนีคดี' ที่กำลังรอการกลับประเทศโดยไม่ต้องเข้าปิ้งตามรอย 'โจรผู้พี่' ที่ทำสำเร็จมาก่อนหน้า 

ข้าวเน่าค้างเก่า 10 ปี ถ้าอยากให้สังคมเชื่อว่ากินได้จริงนั้นง่ายนิดเดียว แค่ Live สด ตั้งแต่การหุง แล้วนำไปให้เทวดาและสุนัขรับใช้ กินโชว์ออกสื่อทุกวัน มาดูว่าสามวันห้าวัน เทวดาหรือสุนัขใครจะตายด้วย 'พิษข้าวเน่า' ก่อน

ถ้าเกินเจ็ดวัน ทั้งเทวดาและสุนัขรับใช้ปลอดภัยดี ผมจะขอมาหุงกินด้วยคน 

‘ตำรวจ’ รุดตรวจสอบ ปมดรามา ‘โยคะเซ็กซ์’ ว่อนเน็ต ยัน!! ไม่ใช่เกาะพะงัน ชี้!! เหตุเกิดอยู่ที่บาหลี อินโดฯ

เมื่อวานนี้ (13 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เอ็กซ์ (X) รายหนึ่ง เผยแพร่คลิปอ้างว่าเป็นการสอนโยคะที่เปิดสอนโดยชาวต่างชาติของสถานที่แห่งหนึ่งบนเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมกับเขียนคำอธิบายภาพว่า “So this is what happens at those foreign run yoga centers in Ko Pha-ngan.” จนมียอดผู้ที่เข้ามาดูกว่า 9.5 ล้านครั้ง และมีผู้รีโพสต์ 1,613 ครั้ง

โดยภาพจากคลิปเป็นหญิงสาวและชายชาวต่างชาติยืนแยกเป็นคู่ ๆ ในภาพหญิงสาวได้อยู่ในอาการที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ลักษณะอาการกระตุก ส่งเสียงร้องโหยหวน และมีชายชาวต่างชาติคอยประคองอยู่ด้านหลัง โดยผู้ใช้ X ยังนำรูปภาพเพื่อที่จะโยงไปให้เข้าใจว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่เดียวกันกับกรณีที่มีข่าวจับยูทูบเบอร์ดังชาวโปแลนด์ ผู้ติดตาม 18 ล้าน เปิดสอน ‘โยคะเซ็กซ์’ ที่เกาะพะงัน ซึ่งกรณีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจับกุมเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา

ต่อมาวันเดียวกัน พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ รองผบช.ทท.3 พ.ต.อ.ปัญญา นิรัติมานนท์ ผกก.สภ.เกาะพะงัน นายอัครพล พูนผล ปลัดอำเภอเกาะพะงัน นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำเกาะสมุย ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี (พะงัน) และเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง อ.เกาะะพะงัน ร่วมตรวจสอบที่พัก นายมิเคล อายุ 46 ปี สัญชาติโปแลนด์ ครูสอนโยคะ และเป็นยูทูบเบอร์ชื่อดัง

กรณีพบเป็นข่าวในสื่อโซเชียลว่ามีการเปิดการเรียนการสอนโยคะทางเพศ ผลการตรวจสอบไม่พบการกระทำความผิดแต่อย่างใด นายมิเคลยังยืนยันว่าไม่รู้จักสถานที่และบุคคลในคลิปดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบสถานประกอบการสอนโยคะ 2 แห่ง ผลการตรวจสอบไม่พบการกระทำความผิดแต่อย่างใดเช่นกัน ทั้งนี้ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการเดินทางไปร้องทุกข์ที่ สภ.เกาะพะงัน เนื่องจากถูกกล่าวอ้างให้เกิดความเสียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับคลิปที่ปรากฎดังกล่าวเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเป็นสถานที่เกาะแห่งหนึ่ง (เกาะบาหลี) ที่ประเทศอินโดนีเซีย ไม่ใช่ที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ประกอบการบนเกาะพะงันยังเผยอีกว่าไม่เข้าใจเจตนาของผู้ที่นำคลิปมาเผยแพร่ แล้วนำรูปภาพเก่าสถานที่ที่ตำรวจเคยจับกุมดำเนินคดีไปแล้วมาเชื่อมโยงกัน

ทั้งที่เป็นคนละสถานที่กัน หรือเพื่อต้องการหวังที่จะทำลายชื่อเสียงของเกาะพะงัน โดยคลิปวีดีโอการสอนโยคะแปลก ๆ แบบนี้ มีการเผยแพร่ทางอินสตราแกรม ชาวรัสเซีย นักจิตวิทยา เป็นครูผู้ฝึกสอนโยคะลักษณะดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top