Wednesday, 4 June 2025
TheStatesTimes

สหรัฐฯ กังวลหนัก!!..ขาดแร่ธาตุจากจีน กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการผลิตอาวุธ

(2 มิ.ย. 68) The Wall Street Journal รายงานว่าผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับการขาดแคลนแร่ธาตุหายาก ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตระบบอาวุธขั้นสูง ทั้งในด้านเรดาร์ มอเตอร์ขีปนาวุธ ไปจนถึงอาวุธพลังงานสูง โดยบริษัทเหล่านี้ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าแร่ดังกล่าวจากจีนเป็นหลัก ซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งทางยุทธศาสตร์โดยตรง

นายกรัฐมนตรีเหอ ลี่เฟิง ของจีน และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนท์ และผู้แทนการค้า เจมิสัน เกรียร์ มีเป้าหมายให้จีนกลับมาส่งออกแร่ธาตุหายากอีกครั้ง โดยสหรัฐฯ จะระงับการเก็บภาษีเป็นเวลา 90 วัน 

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวหาว่าจีนละเมิดข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศ  ทำให้มีผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ที่พึ่งพาแร่ธาตุหายากเหล่านี้ และกำลังพิจารณาการเพิ่มภาษีสินค้าจีนอื่นๆ ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ทางการทูตได้เสื่อมถอยลงอีก โดยสหรัฐฯ ได้เพิกถอนวีซ่านักเรียนต่างชาติ และเปิดการสอบสวนแนวทางการค้าของจีน

แม้ว่าจะมีความเปิดกว้างจากฝ่ายจีนในการเจรจาต่อไป แต่ความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมยังคงมีจำกัด ซึ่งสะท้อนถึงความตึงเครียดทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นระหว่างสองประเทศ

‘พีระพันธุ์’ เผยผลสำเร็จการเจรจาภาคธุรกิจจีน เดินหน้าลดต้นทุนติดตั้งระบบโซลาร์ช่วยคนไทย

‘พีระพันธุ์’ ประสบความสำเร็จเจรจาภาคธุรกิจจีน พร้อมขยายความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์ระบบโซลาร์ราคาถูก ลดต้นทุนการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ให้ภาคประชาชนและธุรกิจไทย   

(2 มิ.ย. 68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาว่า  การเดินทางครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเจรจาความร่วมมือกับภาคธุรกิจด้านระบบพลังงานแสงอาทิตย์ของจีน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนไทยสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือระบบโซลาร์ที่ได้มาตรฐานในราคาที่ถูกลง  ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกในการลดภาระค่าไฟของประชาชน และช่วยลดต้นทุนของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมลงด้วย

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า  ในการเยือนจีนครั้งนี้ ตนได้พบปะเจรจากับเจ้าของและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำที่อยู่ในภาคการผลิตอุปกรณ์และระบบพลังงานแสงอาทิตย์ตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรม  นับตั้งแต่การผลิตแผงโซลาร์เซลล์ประเภทต่าง ๆ ระบบอินเวอร์เตอร์ทุกขนาด  เครื่องกักเก็บพลังงานและแบตเตอรี่หลากหลายรูปแบบ ไปจนถึงระบบควบคุมและจัดการพลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยได้มีการหารือกันเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และเปิดโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ระบบโซลาร์ที่มีคุณภาพในราคาถูกลง

นายพีระพันธุ์กล่าวอีกว่า  จากการเยี่ยมชมและเจรจาหารือกับบริษัทชั้นนำ 6 แห่ง ในนครเซี่ยงไฮ้ และมณฑลเจียงซู ซึ่งล้วนเป็นผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านระบบโซลาร์ในระดับโลก ประกอบด้วย  บริษัท GoodWe Technologies บริษัท Canadian Solar Inc. (CSI) บริษัท Trina Solar บริษัท Changzhou Almaden บริษัท JinkoSolar และบริษัท Sungrow ทุกบริษัทต่างพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในแนวทางที่ตนนำเสนอซึ่งจะมีการประสานงานกันต่อไปเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

“เป็นเรื่องน่ายินดีที่ทุกบริษัทที่ได้ร่วมหารือกันในครั้งนี้ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในแนวทางที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ภาคประชาชนและภาคธุรกิจของไทย ซึ่งต้องขอขอบคุณทางหอการค้าจีนที่ช่วยประสานการเจรจา โดยเฉพาะท่าน Shi Yonghong รองประธานหอการค้าจีน ที่เดินทางมาจากปักกิ่งเพื่อร่วมคณะเจรจาในครั้งนี้ พร้อมผู้ช่วยที่ดูแลด้านพลังงานและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับโซล่าร์ รวมถึงสถานกงสุลไทยประจำนครเซี่ยงไฮ้ที่ช่วยประสานงานด้านต่าง ๆ” นายพีระพันธุ์กล่าว

การขยายความร่วมมือกับภาคธุรกิจจีนในครั้งนี้ยังเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการออกกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่จะปลดล็อกกฎระเบียบเกี่ยวกับการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้มีความสะดวก รวดเร็ว และส่งเสริมให้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้น  เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าของประชาชน และช่วยลดต้นทุนของภาคธุรกิจ  โดยนายพีระพันธุ์ได้ยกร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในนามของกระทรวงพลังงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว  และเตรียมจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในเร็วๆนี้และจะรีบเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นทางเลือกด้านพลังงานที่ยั่งยืนให้กับประชาชน

“ผมให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟฟ้าซึ่งกระทบกับค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน และภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ การส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทดแทนไฟฟ้าหลักก็เป็นอีกแนวทางในการลดภาระค่าไฟที่ต้องเร่งทำ  และเร่งหาช่องทางในการเข้าถึงเทคโนโลยีและอุปกรณ์ระบบโซลาร์ราคาถูก มีคุณภาพได้มาตรฐาน  ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน และต้องทำอย่างจริงจัง” นายพีระพันธุ์กล่าว

‘ดร.หิมาลัย’ โต้ ‘แรมโบ้ เสกสกล’ ปมทวงพรรครวมไทยสร้างชาติคืน ชี้ พรรคเป็นของประชาชนผู้สนับสนุนพรรค ไม่ใช่ของส่วนตัวผู้ใด

(2 มิถุนายน 2568) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เพซบุ๊กว่า ...

ตามหาพรรคให้พี่แรมโบ้อยู่ครับ...

เรียน พี่แรมโบ้ เสกสกล ที่รักและเคารพ 
ผมได้รับทราบ จากสื่อต่างๆ ว่าพี่ออกมาทวงพรรครวมไทยสร้างชาติ คืนจากท่านพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ผมในฐานะ ผอ.พรรค ซึ่งมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับพี่ จึงได้รีบดำเนินการตรวจสอบเพื่อนำเสนอท่านหัวหน้าพรรคตามความต้องการของพี่ ผลการตรวจสอบปรากฎดังนี้ครับ

1. พี่ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคไปเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันจึงไม่มีสถานภาพเป็นสมาชิกของพรรค 

2. ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคจากการเลือกตั้งอย่างถูกต้อง ตามข้อบังคับพรรคและระเบียบ กกต. ในการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อ 3 ส.ค.65

3. วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งพรรคการเมือง เพื่อให้พรรคเป็นตัวแทนของสมาชิกพรรคในการเสนอนโยบายและแนวทางบริหาร ต่อพี่น้องประชาชนทั่วไป ในปัจจุบัน พรรคมีสมาชิกพรรคถึง 40,000 กว่าคน ได้รับเสียงสนับสนุนในการเลือกตั้งครั้งหลังสุดถึงสี่ล้านกว่าเสียง ได้รับเงินบริจาคอุดหนุนผ่าน กกต.ในห้วงปีที่ผ่านมากที่สุด

จากการตรวจสอบพบข้อเท็จจริงทั้ง 3 ข้อข้างต้น ผมจึงเข้าใจได้ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นของประชาชนผู้สนับสนุนพรรค ไม่ใช่ของส่วนตัวของผู้ใด ผมจึงไม่สามารถหาข้อมูลหรือเหตุผลที่จะนำเสนอท่านหัวหน้าพรรค เพื่อคืนพรรคให้พี่ได้ หากพี่มีหลักฐานอื่นใดที่แสดงว่าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นของพี่ กรุณาส่งหลักฐานเพิ่มเติมให้ผมได้ที่พรรค เพื่อจะได้ประมวลเรื่องนำเรียนท่านหัวหน้าพรรคตามขั้นตอนต่อไป 

รัฐบาลไทย เบรกแผนกองทัพปิดด่าน หลังผู้นำกัมพูชาต่อสายร้องขอ หวั่นกระทบเศรษฐกิจชายแดน

(2 มิ.ย. 68) มีรายงานว่า รัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ขอให้กองทัพใช้ความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังพบว่ากัมพูชาเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักในพื้นที่ช่องบก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ โดยฝ่ายกัมพูชาหันปืนใหญ่เข้าสู่ฝั่งไทย

กองทัพไทยแจ้งต่อรัฐบาลว่า ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามายังเขตแดนของไทย จึงเสนอปิดด่านชายแดนทั้งหมด เพื่อกดดันให้กัมพูชาถอนกำลังออกไป โดยมองว่าหากนิ่งเฉยจะเป็นการยอมรับการล้ำแดน ซึ่งสร้างความไม่สบายใจต่อฝ่ายทหาร

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีและรองนายกฯ ขอให้ชะลอแผนปิดด่านออกไป เนื่องจากกังวลว่าจะกระทบต่อการค้าชายแดน และซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมระบุว่ากำลังจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นเวทีทางการทูตที่ควรให้โอกาสก่อน

รายงานระบุเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ. เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชา ได้โทรศัพท์หานายภูมิธรรม ร้องขอไม่ให้ไทยปิดด่านชายแดน ซึ่งนำไปสู่การพูดคุยภายในรัฐบาล และมีคำสั่งให้กองทัพยับยั้งมาตรการแข็งกร้าวไว้ชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดที่จะลุกลามบานปลาย

4 มิถุนายน พ.ศ. 2461 รัชกาลที่ 6 วางรากฐานโรงเรียนเอกชน ตรากฎหมายควบคุมคุณภาพการศึกษา

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2461 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา ‘พระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์’ พุทธศักราช 2461 ถือเป็นกฎหมายฉบับแรกของไทยที่ควบคุมดูแลการจัดตั้งและดำเนินงานของโรงเรียนเอกชน ซึ่งในขณะนั้นเริ่มมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

พระราชบัญญัติดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อ ควบคุมมาตรฐานการศึกษานอกภาครัฐ โดยกำหนดให้โรงเรียนราษฎร์ต้องขออนุญาตจัดตั้งจากกระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน) และต้องดำเนินการภายใต้หลักสูตรและข้อบังคับที่ทางราชการกำหนด เพื่อให้มั่นใจว่านักเรียนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ

นอกจากนี้ ยังมีบทบัญญัติเกี่ยวกับคุณสมบัติของครู ผู้บริหาร และการตรวจสอบจากทางราชการ ตลอดจนบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน จึงนับว่าเป็นหมุดหมายสำคัญของการจัดระบบการศึกษาเอกชนให้เข้าสู่ระเบียบแบบแผนเดียวกับการศึกษาในภาครัฐ

พระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ฉบับนี้ ได้กลายเป็นรากฐานของการพัฒนาโรงเรียนเอกชนในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน และสะท้อนถึงพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของรัชกาลที่ 6 ที่ทรงตระหนักถึงบทบาทของการศึกษาเอกชนในการเสริมสร้างความรู้และพัฒนาประเทศในระยะยาว

ทรงพระเจริญ ๓ มิถุนายน วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหารและพนักงาน สำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES

วันที่ 3 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 

พระราชประวัติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี คู่พระบารมีรัชกาลที่ 10

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2521 มีพระนามเดิมว่า สุทิดา ติดใจ ทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ.2543 ก่อนที่จะทรงเข้าทำงานเป็นพนักงานต้อนรับของการบินไทย เมื่อปี พ.ศ.2546 - พ.ศ. 2551 หลังจากนั้น ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ทรงดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตรา พลเอกพิเศษ)

วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส และสถาปนาพลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา เป็น "สมเด็จพระราชินีสุทิดา" ทรงดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ต่อมา พระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการ จัดขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีสุทิดาขึ้นเป็น "สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี"

สมุทรปราการ-โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

(30 พ.ค.68) ที่ผ่านมา ทางคณะครูโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ได้จัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

โดยคณะครู และนักเรียนโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา ร่วมถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ ห้องประชุมเธียร์เตอร์โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ

ในพิธีฯ ได้รับเกียรติจาก ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 
ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เป็นประธานในพิธี 

พร้อมด้วย ปลัดเทศบาล รองปลัดเทศบาล คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี  ทั้งนี้ คณะผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงและเต็มเปี่ยมด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สมุทรปราการ-สุดยิ่งใหญ่!! มหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น เทศบาลตำบลแพรกษา เจ้าภาพใหญ่ จัดการแข่งขันทักษะวิชาการ ระดับภาคตะวันออก ครั้งที่ 30 

(1 มิ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เทศบาลตำบลแพรกษา โดยนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ดำเนินการเตรียมพร้อมจัดการแข่งขันทักษะวิชาการ ระดับภาคตะวันออก ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2568 ซึ่งทางเทศบาลตำบลแพรกษาได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ภายใต้แนวคิด EDUCATION COME FIRST ท้องถิ่นสร้างคน เยาวชนเก่งดี เวทีพหุปัญญา 

ตามที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ขอความร่วมมือจังหวัดแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมและประสงค์รับเป็นเจ้าภาพระดับประเทศ/ระดับภาคในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เข้าร่วมประชุมพิจารณาคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และประสงค์รับเป็นเจ้าภาพระดับประเทศ/ระดับภาคในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพจัดการศึกษาท้องถิ่น เมื่อวันพุธที่ 10 มกราคม 2567 ผ่านระบบ Cisco Meeting Server นั้น

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อให้การดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พศ 2568 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอความร่วมมือจังหวัดแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเป็นเจ้าภาพระดับประเทศ/ระดับภาค ในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ 2568 ทราบและจัดทำคำของบประมาณรายการเงินอุดหนุนสำหรับส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาท้องถิ่นพร้อมประมาณการรายละเอียด ค่าใช้จ่าย สถานที่ และห้วงระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรมที่ชัดเจน โดยบันทึกคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี ในระบบสารสนเทศเพื่อการจัดทำงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (BBL) ภายในวันที่ 15 มกราคม 2567 เพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายการดังกล่าวต่อไป 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดรายชื่อถนน 94 จุดทั่วประเทศ เข้มงวดบังคับใช้กฎหมายจราจร ตาม “โครงการถนนปลอดภัย” คิกออฟวันนี้พร้อมกันทั่วประเทศ

(1 มิ.ย. 68) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยจัดทำ “โครงการถนนปลอดภัย” ให้ดำเนินการเสริมสร้างวินัยจราจรและสร้างความปลอดภัยทางถนน เพื่อให้การบริหารงานจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยให้บังคับใช้กฎหมายจราจรทางบกและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรถหรือการใช้ทางบนถนนดังกล่าวอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยในการสัญจร โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป 

ทั้งนี้ กองบังคับการ/ตำรวจภูธรจังหวัด ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ได้พิจารณาเลือกถนนสายสำคัญในพื้นที่ หรือถนนที่มีการฝ่าฝืนกฎจราจรจำนวนมาก หรือถนนที่มีอุบัติเหตุในเส้นทางบ่อยครั้ง หรือถนนที่มีที่ตั้งของสถานศึกษาอยู่หลายแห่ง เพื่อรณรงค์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรในทุกมิติ รวมจำนวนถนนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 94 จุด ทั่วประเทศ แบ่งเป็น พื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล จำนวน 11 จุด , ตำรวจภูธรภาค 1 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 2 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 10 จุด , ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 13 จุด , ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 8 จุด , ตำรวจภูธรภาค 6 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 9 จุด , ตำรวจภูธรภาค 8 จำนวน 8 จุด และตำรวจภูธรภาค 9 จำนวน 8 จุด 

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า วันนี้ได้เริ่มดำเนิน “โครงการถนนปลอดภัย” พร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งเป็นโครงการที่ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง มุ่งเป้าลดการเกิดอุบัติเหตุจราจร สร้างความปลอดภัยให้แก่ทุกคนที่ใช้รถใช้ถนน พร้อมขอเชิญชวนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ร่วมกันปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่ฝ่าฝืนกฎจราจรในถนนเส้นดังกล่าวในทุกมิติ เพราะหากพบการกระทำผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจะกวดขันดำเนินคดีอย่างเข้มงวดทุกกรณี

หากประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนพบเหตุต้องสงสัย หรือสอบถามข้อมูลเส้นทางเพิ่มเติม  แจ้งอุบัติเหตุจราจร และขอความช่วยเหลือด้านการจราจร สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top