Tuesday, 3 June 2025
TheStatesTimes

‘นายกฯ แพทองธาร’ สั่งการตรงจาก ‘โมนาโก’ หลังน้ำท่วมแม่สาย มอบ ‘อนุทิน’ ช่วยเหลือด่วน!! พร้อมให้ สธ.ลุยแก้สารปนเปื้อน

(24 พ.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมแม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นน้ำที่ทะลักจากเมียนมา ลงสู่แม่สายบริเวณใกล้วัดพรหมวิหารอย่างใกล้ชิด แม้ยังอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจต่างประเทศในการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร และราชรัฐโมนาโก ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รายงานนายกรัฐมนตรีในฐานะ ประธานคณะกรรมการบรรเทาสาธารณภัย ว่าได้สั่งการให้เข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีโดยด่วน และให้กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำมาตรวจ ลดความกลัวในเรื่องน้ำที่มีสารปนเปื้อน และให้ตรวจเช็คสุขภาพ ร่างกายพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป 

ขณะที่นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย กล่าวว่ามวลน้ำที่มีมากทำให้ล้นบิ๊กแบ็คขึ้นมา ส่งผลให้เข้าท่วมพื้นที่ดังกล่าว  นอกจากนี้ ช่วงน้ำท่วมยังมีวัชพืชและขอนไม้ไหลมาติดสะพานอีก ทำให้ต้องเร่งนำเอาวัชพืชและขอนไม้ออกเพื่อให้น้ำไหลระบายได้สะดวก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ระดมบิ๊กแบ็คเพิ่มเติมเพื่อนำไปป้องกันบริเวณริมฝั่งชุมชนเกาะทรายและไม้ลุงขนต่อไป ทั้งนี้ ภายหลังน้ำลดจะมีการลงพื้นที่ เพื่อเร่งเจรจากับชาวบ้านที่ยังคงเหลืออาศัยอยู่ริมฝั่งอีก 8-9 ราย ให้ย้ายออกและทำการรื้อถอน เพื่อจะได้สร้างแนวพนังกั้นน้ำ รวมทั้งยังจะทำให้แม่น้ำมีความกว้างมากขึ้น

ส่วนกรณีมีการตรวจพบน้ำว่ามีสารปนเปื้อนนั้น ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบแล้ว หากพบว่ามีอาการแผลตุ่มให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ รวมถึงแนะนำให้ประชาชนที่ยังอาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่เพียงไม่มากนัก ให้ไปพักอาศัยอยู่ตามสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เป็นการชั่วคราว ซึ่งทางเทศบาล ต.แม่สาย ได้จัดสถานที่เอาไว้ที่วัดพรหมวิหาร หอประชุม อ.แม่สาย และภายในสำนักงานเทศบาลแม่สาย จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

“นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติการตามข้อสั่งการของนายกฯ โดยสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประสานกับหน่วยทหาร และสาธารณสุข ร่วมกับทางมหาดไทยเร่งแก้ไขโดยด่วน รวมทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในภาคเหนือซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงการเกิดอุทกภัย ต้องเตรียมความพร้อมรับมือให้ทันกับสถานการณ์ และให้ประสานกับผู้บริหารส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน และหากต้องประกาศพื้นที่ภัยพิบัติให้ทำทันที ส่วนเรื่องสารปนเปื้อนในแม่น้ำสาย และแม่น้ำกกนั้น ให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ“ นายจิรายุ กล่าว

‘ผู้พิพากษาสหรัฐฯ’ ขวาง!! รัฐบาลทรัมป์ กรณีเพิกถอนสถานะทางกฎหมาย ‘นศ.ต่างชาติ’

(24 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

เจฟฟรีย์ ไวท์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งห้ามรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิกถอนสถานะทางกฎหมายของนักศึกษาชาวต่างชาติที่ศึกษาและทำงานอยู่ในสหรัฐฯ โดยปราศจากการพิจารณารายบุคคล รวมถึงห้ามจับกุมหรือกักขังนักศึกษาที่เกิดในต่างประเทศโดยอ้างอิงสถานะผู้อพยพเพียงอย่างเดียว

รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยุติการบันทึกข้อมูลชาวต่างชาติหลายพันคนในฐานข้อมูล "ระบบข้อมูลนักศึกษาและผู้เข้าร่วมการแลกเปลี่ยน" (SEVIS) ของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเมื่อเดือนเมษายนด้วยข้ออ้างปราบปรามนักศึกษาชาวต่างชาติที่มีประวัติอาชญากรรม ทำให้นักศึกษาชาวต่างชาติสูญเสียสถานะทางกฎหมายในสหรัฐฯ ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกจับกุม กักขัง หรือเนรเทศ

คำสั่งห้ามของวันพฤหัสบดี (22 พ.ค.) ยังห้ามรัฐบาลสหรัฐฯ โอนย้ายโจทก์ในคดีที่อยู่ระหว่างพิจารณาไปยังเขตอำนาจศาลนอกถิ่นพำนักอาศัย ซึ่งทั้งหมดถือเป็นการบรรเทาความวิตกกังวลครั้งแรกแก่นักศึกษาที่ได้รับผลกระทบ โดยไวท์ระบุว่ารัฐบาลภายใต้การนำของทรัมป์ "สร้างหายนะ" แก่ชีวิตความเป็นอยู่ของโจทก์ รวมถึงนักศึกษาชาวต่างชาติคนอื่นๆ

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ได้เพิกถอนการรับรองมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดภายใต้โครงการนักศึกษาและผู้เข้าร่วมการแลกเปลี่ยนเมื่อวันพฤหัสบดี (22 พ.ค.) ซึ่งส่งผลให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไม่สามารถรับสมัครนักศึกษาชาวต่างชาติใหม่เข้าเรียนได้

ด้านมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยื่นฟ้องร้องในวันศุกร์ (23 พ.ค.) ซึ่งผู้พิพากษาในรัฐแมสซาชูเซตส์ได้อนุมัติคำสั่งยับยั้งการเพิกถอนดังกล่าวเป็นการชั่วคราว เพื่ออนุญาตนักศึกษาชาวต่างชาติสามารถลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดต่อไปได้

'มอญ' จากอารยธรรมสุวรรณภูมิ สู่ชนกลุ่มน้อยในพม่า | THE STATES TIMES Story EP.168

'ชนชาติมอญ' จากมหาอาณาจักรที่รุ่งเรืองที่สุดในสุวรรณภูมิ...
สู่ชนกลุ่มน้อยที่ไร้โอกาสฟื้นฟูแผ่นดินอีกครั้ง

เรื่องราวของชนชาติมอญ ผู้วางรากฐานอารยธรรม พุทธศาสนา และศิลปวัฒนธรรมให้กับภูมิภาคนี้ ก่อนจะล่มสลายไปกับกระแสสงครามและการเปลี่ยนแปลงแห่งประวัติศาสตร์

วิพากษ์คำถาม BBC Thai ชี้นำ ‘ศ.โรบินสัน’ เตือนสติ!!..อย่าเปรียบเทียบไทย-เวียดนามโดยไร้บริบท

(25 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ปราชญ์ สามสี โพสต์ข้อความว่า…ข้อทบทวนต่อบทสัมภาษณ์ ศ.เจมส์ เอ. โรบินสัน และคำถามนำจาก BBC ไทย

ข้าพเจ้าได้ติดตามบทสัมภาษณ์ของศาสตราจารย์เจมส์ เอ. โรบินสัน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลและผู้ร่วมเขียนหนังสือ Why Nations Fail ซึ่งเผยแพร่ผ่าน BBC Thai อย่างละเอียด ด้วยความเคารพในองค์ความรู้และเจตนารมณ์ของท่านในการวิพากษ์โครงสร้างของสถาบันทางการเมืองและเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ

อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าขออนุญาตแสดงความเห็นต่างในสองประเด็นหลัก ทั้งในส่วนของคำตอบจากศาสตราจารย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อทิศทางของคำถามที่มาจากผู้ดำเนินรายการ ซึ่งมีลักษณะ “ชี้นำ” ไปสู่การเปรียบเทียบที่ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่เหมาะสม

1. คำถามนำที่สร้างกรอบเปรียบเทียบอย่างไม่เป็นธรรม

ประเด็นที่ข้าพเจ้ารู้สึกกังวลเป็นพิเศษ คือการที่ผู้สัมภาษณ์ของ BBC Thai พยายามตั้งคำถามในลักษณะ “ยกเวียดนามขึ้นเปรียบเทียบกับไทย” โดยเฉพาะในช่วงที่ระบุว่า “เวียดนามกำลังจะโตแซงไทย” และเปิดให้ศาสตราจารย์โรบินสันให้ความเห็นต่อประเด็นดังกล่าว

แม้การเปรียบเทียบประเทศจะเป็นเรื่องปกติในงานวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ แต่การโยงเวียดนามมาเป็น “คู่แข่งโดยตรง” ของไทยในลักษณะคำถามแบบนำ (leading question) โดยไม่ปูพื้นบริบทของแต่ละประเทศให้ชัดเจน เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ามองว่าไม่ยุติธรรม และอาจชักนำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในหมู่ผู้อ่านทั่วไป

2. การเติบโตของประเทศไม่สามารถวัดด้วยไม้บรรทัดเดียวกัน

ข้าพเจ้าขอชี้ให้เห็นว่า ประเทศแต่ละประเทศมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม เกาหลีใต้ หรือประเทศไทย ทั้งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์การเมือง สงคราม ภัยคุกคามจากภายนอก รวมถึงทิศทางการพัฒนาเชิงสถาบัน

เวียดนามโตเร็วจริง หากดูจาก GDP ปี 2025 แต่เป็นการเติบโตที่ยังอิงกับการพึ่งพาภาคการผลิตส่งออกและการลงทุนต่างชาติเป็นหลัก ในขณะที่ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน การกระจายรายได้ และระบบสวัสดิการยังคงเป็นโจทย์ระยะยาวที่ไม่อาจละเลย

สิ่งที่เกิดขึ้นในเวียดนามคือผลจากเจตจำนงของผู้นำในห้วงประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ผลจาก "ความเหนือชั้นของระบบพรรคเดียว" อย่างที่บางคนอาจเข้าใจ และแน่นอนว่าไม่ใช่ "โมเดลที่ไทยควรเดินตาม" อย่างไม่มีเงื่อนไข

3. ประชาธิปไตยอาจช้า แต่ไม่หลงทาง

ประเทศไทยมีความท้าทายของตัวเอง ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมทางสังคม ข้าพเจ้าไม่ปฏิเสธว่าเรายังมีหนทางอีกไกลในการทำให้สถาบันต่าง ๆ มีความครอบคลุมและตรวจสอบได้อย่างแท้จริง

แต่สิ่งที่ควรมองเห็นเช่นกันคือ พลวัตของการตั้งคำถาม การเปลี่ยนแปลงจากภายใน และความพยายามของประชาชนในการผลักดันให้เกิดสังคมที่ดีขึ้น — แม้จะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป

การวัดประเทศจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงปีใดปีหนึ่ง หรือใช้ประเทศเพื่อนบ้านมาเป็น “เงาเปรียบเทียบ” โดยไม่มีบริบทที่รอบด้าน จึงเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นว่าควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะในเวทีสื่อสารสาธารณะเช่น BBC ซึ่งมีอิทธิพลต่อทัศนคติของประชาชนในวงกว้าง

บทส่งท้าย — โตแบบไทยในแบบของเรา

ศาสตราจารย์โรบินสันได้กล่าวไว้ว่า “หากคุณจินตนาการสิ่งใหม่ ๆ ไม่ได้ คุณก็จะไม่มีวันเดินหน้าไปไกลได้เลย” ข้าพเจ้าเห็นพ้องในหลักการนั้น และขอเสริมว่า

“หากคุณไม่เข้าใจว่าตนเองยืนอยู่ตรงไหน คุณก็จะไม่รู้เลยว่าควรเดินไปทางใด”

ประเทศไทยอาจไม่ได้โตเร็วเหมือนใคร แต่เรามีสิทธิ์โตในแบบของเรา — โดยไม่ต้องยืมไม้บรรทัดของใครมาวัด

สองนักเรียนเตรียมทหาร ต้นทุนน้อยนั่งจยย. พ่วงข้าง ไม่มีเงิน ไม่ได้กวดวิชา แต่สู้ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้

(25 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก วิเชียร นุรักษ์ทวีพร โพสต์ข้อความแชร์เรื่องราว…ขอชื่นชม นักเรียนเตรียมทหารทั้ง 2 นายนี้นะครับ ซึ่งทั้ง2 นายนี้มีต้นทุนต่ำมากๆ ถึงมากที่สุด ขอเล่าคร่าวๆนะครับ

อาจเป็นกำลังใจให้น้องๆที่กำลังเจอปัญหาแบบนี้ครับ…

นตท.คนที่ 1.... เหล่า ทบ. (เคียงธงแดง)​ ซึ่งมีต้นทุนต่ำด้านการเงิน แต่มีใจอยากเป็นนักเรียนเตรียมทหาร พยายามค้นหาความรู้ต่างๆเท่าที่จะหาได้ ไม่ได้กวดวิชา เพราะไม่มีเงิน พอถึงวันไปสอบ ก็มีคุณพ่อ พาไปสอบ แต่ภาพที่เห็นคือคือคุณพ่อขับรถมอเตอร์ไซด์​พ่วงข้างพาน้องไปสอบ มืดไหน นอนนั่น ผลสอบปีแรกไม่สัมฤทธิผล​ แต่ยังไม่ถอดใจ ขอสู้ใหม่ปีหน้า จนมีผู้ใหญ่ใจดี เข้ามาช่วยเหลือ จนสอบติดเหล่า ทบ.

นตท. คนที่ 2 เหล่าตำรวจ มีต้นทุนต่ำด้าน ความรู้ ตั้งแต่เรียน ม.ต้น เกรดไม่ถึง 2 ( ม.3 เทอม1 เกรด 1.11).. แต่มีความรักอยากเป็นนักเรียนเตรียมทหาร จึงมาปรึกษาพ่อแม่ขอไปเรียนกวดวิชา พ่อแม่ก็โอเคร ตกลงปลงใจ ย้ายโรงเรียนไปอยู่ที่โรงเรียนกวดวิชาต่างจังหวัด ผลสอบออกมา สอบติดได้เหล่า ตร.
ปัจจุบันน้องทั้งเป็นพี่เหล่าเรียบร้อยแล้วครับ 

ปล.ถ้าได้อ่านข้อความนี้แล้วรู้สึกว่ามีกำลังใจ เป็นแรงบันดาลใจ ก็ลงมือทำ ที่นี่ เดี่ยวนี้ เลยครับ....ว่าที่ นตท.69 สู้สู้ 

คลิปไวรัลจากชิบูย่า ยกหนุ่มไทย ‘หล่อสุด’ ในใจสาวญี่ปุ่น ถึงไม่รู้ว่าไทยอยู่ไหนในแผนที่ แต่ตั้งเป้าขอไปเห็นด้วยตาตัวเอง

(25 พ.ค. 68) กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียล เมื่อคลิปสัมภาษณ์สาวญี่ปุ่นจากช่อง girlsinterviewjapan หลังพิธีกรลงพื้นที่ห้าแยกชิบูย่า กรุงโตเกียว เพื่อสอบถามกลุ่มนักเรียนมัธยมปลายหญิง 3 คนในหัวข้อ “ประเทศไหนมีคนหล่อเยอะที่สุดในความคิดคุณ”

โดยเริ่มต้นด้วยการให้เลือกเปรียบเทียบทีละคู่ ตั้งแต่ “เกาหลีใต้ VS จีน” ซึ่งทั้ง 3 คนเลือกเกาหลีใต้แบบไม่ลังเล จากนั้นแม้จะเทียบกับ “อิหร่าน” พวกเธอก็ยังเลือกเกาหลีใต้ แต่เมื่อถึงคำถาม “เกาหลีใต้ VS ไทย” คำตอบกลับเปลี่ยนทันทีเป็น “ประเทศไทย” และไม่ว่าไทยจะถูกจับเทียบกับประเทศใดต่อ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรืออินเดีย คำตอบก็ยังคงมั่นคงที่ “ไทย”

เมื่อถามถึงเหตุผลที่เลือกประเทศไทย สาว ๆ ทั้งสามให้เหตุผลว่า “คนหล่อ ๆ ที่พวกเราเคยเห็นมักมาจากประเทศไทย” พร้อมเสริมว่ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไทยอยู่ตรงไหนในแผนที่ แต่ก็อยากไปให้ได้สักครั้ง พร้อมชวนกันแบบน่ารักว่า “เฮ้ยแก ไปประเทศไทยกันนะ” ปิดท้ายคลิปอย่างสดใสและกลายเป็นไวรัลทันที

อดีต ตชด. สะท้อนปัญหากะเหรี่ยง หนังเก่าวนฉายซ้ำ คนกะเหรี่ยงยังเป็นฝ่ายรับกรรม

(25 พ.ค. 68) ไม่นานมานี้บนเฟสบุ๊กของอดีต ตชด. ท่านหนึ่งออกมาวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ที่ KNU ตีฐานของกองทัพเมียนมาแตกว่า เหมือนหนังเก่าที่วนมาฉายซ้ำไม่ต่างจากละครดาวพระศุกร์ หรือคู่กรรม  แต่ต่างตรงที่ในโลกความเป็นจริงคนกะเหรี่ยงคือคนรับกรรมและไทยก็คือแหล่งกบดาน

ในข้อความเอ่ยว่าในอดีตกองกำลังกะเหรี่ยงมีฐานตามแนวชายแดนไทยตั้งแต่สบเมยไปจนถึงน้ำพุร้อน  ในอดีตทำการค้าดีโดยเฉพาะการเก็บเงินจากสัมปทานไม้สัก เหมืองทองและเหมืองหยก โดยอู้ฟู่ที่สุดคือยุคนายพลโบ เมี๊ยะครองอำนาจ

จากนั้นหลังจากปี 2537 ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนในกลุ่มกะเหรี่ยงสูงขึ้นจนเกิดความขัดแย้งภายใน  ว่ากันว่ามีการคอร์รัปชั่นในกลุ่มกองกำลังกะเหรี่ยงจนแยกตัวออกมาเป็น DKBA จนสุดท้ายก็ไปรวมกลายเป็น BGF ในที่สุด

มาจนถึงวันนี้กะเหรี่ยงหลายคนคิดว่ากองกำลังที่เขาต่อสู้คือกองทัพเมียนมาแต่ความเป็นจริง กองกำลังนี้คือกองกำลังประจำถิ่นอันประกอบด้วยคนเชื้อสายกะเหรี่ยงเป็นส่วนใหญ่

ตลอด 75 ปีที่รบกันมา ฝ่ายกะเหรี่ยงก็พยายามสร้างวิวาทะ ขายฝันหลอกคนรุ่นใหม่ของกะเหรี่ยงมาเป็นทหารออกรบเพื่อชาติตนเอง ทั้งๆที่การสร้างชาติที่แท้จริงสามารถจบได้บนโต๊ะเจรจา

สุดท้ายคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสงครามในขณะนี้กองกำลังกะเหรี่ยงก็ไม่ต่างอะไรกับทหารรับจ้างของพวกตะวันตกที่พยายามสร้างประเด็นในเมียนมาเพื่อป้องกันการรุกคืบของจีนและรัสเซียในภูมิภาคนี้

กอทูแล ณ วันนี้คนกะเหรี่ยงคงไม่มีโอกาสได้เห็นและจะไม่มีวันได้เห็นหากสุดท้ายคนกะเหรี่ยงเองเลือกที่จะจับอาวุธเข้ายึดแทนที่จะเลือกหนทางสันติวิธี

ส่วนไทยคงต้องตอบคำถามให้หนักว่าเราเลยจุดที่เอากะเหรี่ยงเป็นรัฐกันชนหรือยัง  เพราะอย่าลืมว่า ณ วันนี้ยาเสพติดส่วนหนึ่งเข้ามาประเทศไทยโดยทางช่องทางธรรมชาติในพื้นที่กะเหรี่ยงนั่นเอง

‘พิชัย’ ถกอาเซียน-จีน-ญี่ปุ่น-ออสเตรเลีย-นิวซีเเลนด์ จับมือลดความเสี่ยงการค้า ชู WTO เป็นกลไกลฟื้นเศษรฐกิจ

(25 พ.ค. 68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ว่า ทุกฝ่ายยืนยันสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีภายใต้กลไกขององค์การการค้าโลก (WTO) พร้อมร่วมกันหลีกเลี่ยงมาตรการตอบโต้ทางการค้าและยึดมั่นในความเป็นกลางทางเศรษฐกิจ

ที่ประชุมยังเห็นพ้องร่วมกันเร่งส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างสมดุล มุ่งพัฒนาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะการยกระดับความตกลงอาเซียน–จีนภายในปี 2567 เพื่อขยายความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

สำหรับความร่วมมือกับญี่ปุ่น ไทยได้เสนอให้ขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อผลักดันให้อาเซียนเป็นฐานการผลิตระดับโลก ส่วนออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่ประชุมเห็นพ้องให้เร่งใช้ประโยชน์จาก FTA ฉบับปรับปรุง โดยเน้นเศรษฐกิจหมุนเวียน พลังงานสะอาด และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ จีนยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของอาเซียนในปี 2567 ด้วยมูลค่าการค้ากว่า 770,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ อยู่ในอันดับ 3, 6 และ 10 ตามลำดับ สะท้อนบทบาทสำคัญของอาเซียนในเศรษฐกิจภูมิภาคและโลกอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top