Saturday, 3 May 2025
TheStatesTimes

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดกิจกรรม 'Open House เปิดประตูสู่สถาบันศึกษาปอเนาะ' ยกย่องเป็นต้นแบบการศึกษา สานพลังสร้างสันติสุขชายแดนใต้

เมื่อวานนี้ (30 เม.ย.68) เวลา 11.00 น. ที่สถาบันศึกษาปอเนาะแสงอรุณศาสตร์ หมู่ที่ 3 ตำบลฆอเลาะ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “Open House เปิดประตูสู่สถาบันศึกษาปอเนาะ” ภายใต้โครงการ “ปอเนาะสานใจ สู่การพัฒนา” โดยมีผู้นำภาครัฐ ภาคศาสนา และภาคประชาชนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนรับรู้บทบาทของสถาบันศึกษาปอเนาะในการส่งเสริมการเรียนรู้ ศาสนา วัฒนธรรม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมพหุวัฒนธรรม ตลอดจนเป็นเวทีให้เยาวชนและผู้เรียนได้แสดงความสามารถและศักยภาพ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน จากสถาบันศึกษาปอเนาะในอำเภอแว้ง และพื้นที่ใกล้เคียง

นายภิญญา รัตนวรชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า สถาบันศึกษาปอเนาะแสงอรุณศาสตร์เป็นแบบอย่างของการจัดการศึกษาคุณภาพ มีบทบาทเด่นทั้งด้านการเรียนการสอนและการพัฒนาท้องถิ่น ได้รับรางวัลหลายรายการ และได้รับการคัดเลือกเป็นสถาบันนำร่องภายใต้โครงการ “ปอเนาะสานใจ สู่การพัฒนา” โดยกิจกรรม Open House ครั้งนี้ถือเป็นการสื่อสารและสร้างความเข้าใจในบทบาทของสถาบันปอเนาะในสังคมร่วมสมัย โดยภายในงานมีการจัดนิทรรศการจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนที่ร่วมกันสนับสนุนการจัดการศึกษา การสร้างอาชีพ และโอกาสในอนาคตให้แก่ผู้เรียน

ด้าน พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า รู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเยี่ยมเยียนและพบปะโต๊ะครูของสถาบันแห่งนี้ พร้อมยกย่องสถาบันศึกษาปอเนาะแสงอรุณศาสตร์ว่าเป็นปอเนาะต้นแบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

“กิจกรรม Open House ครั้งนี้ เป็นโอกาสอันดีในการเปิดบ้านแห่งการเรียนรู้ เสริมสร้างความเข้าใจระหว่างสถาบันการศึกษากับชุมชน และขอยืนยันว่า กองทัพบก โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 4 จะสนับสนุนและเสริมสร้างพลังให้กับภาคประชาชน ภาคการศึกษา และภาคศาสนา เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสังคมชายแดนใต้ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” พลโท ไพศาล ฯ กล่าว

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดของกลางยาบ้า 6 ล้านเม็ด ไอซ์ 20 กก.

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ของสภ.ห้วยไร่ จว.แพร่ จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 6,000,000 เม็ดและไอซ์ จำนวน 20 กิโลกรัม

เมื่อวันที่ (29 เม.ย.68) เวลา 11.00 น. พล.ต.ท. กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เป็นประธานการแถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด รายสําคัญ ของสภ.ห้วยไร่ จัวหวัดแพร่ จับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลางยาบ้าจํานวน 6,000,000 เม็ด และไอซ์ จำนวน 20 กิโลกรัม ณ ด่านตรวจห้วยไร่ จว.แพร่ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568

โดยมี  พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ภ.5, นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล รอง ผวจ.แพร่, พล.ต.ต.พงษ์เดช คำใจสู้ ผบก.ภ.จว.แพร่, รอง ผบก.สส.ภ.5, รอง เสธ.นบ.ยส.35, ผู้แทน ปปส.ภ.5 และ สวญ.สภ.ห้วยไร่ ร่วมแถลงผลการจับกุม ณ ลานแถลงข่าว อาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่

สืบเนื่องจากวันที่ 24 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 08.00 น. ร.ต.อ.อาลักษณ์ วรรณา รอง สวป.(ชส) สภ.ห้วยไร่ พร้อมชุดปฏิบัติการ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ตั้งจุดตรวจสกัดกั้นยาเสพติด ณ ด่านตรวจห้วยไร่ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จว.แพร่ และได้รับแจ้งจากสายลับ (ไม่ประสงค์ออกนามประสงค์รับเงินรางวัลยาเสพติด)  แจ้งมีกลุ่มลำเลียงยาเสพติดใช้รถยนต์บรรทุกหกล้อ มีลักษณะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยใช้รถยนต์หกล้อบรรทุกสินค้าปะปนอยู่ในท้ายบรรทุก ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้ชุดปฏิบัติการเข้มข้นในการคัดกรองรถยนต์บรรทุกหกล้อ  

ต่อมาเวลาประมาณ 13.54 น. (24 เมษายน 2568) พบรถยนต์บรรทุกหกล้อ หมายเลขทะเบียน 71-2199 เชียงใหม่ ขับขี่เข้าด่านตรวจห้วยไร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้สัญญาณหยุดรถและได้เรียกเข้าจุดตรวจค้น โดยมีนายสุดใจ เป็นผู้ขับขี่ โดยบรรทุกสินค้าเป็นผ้าอัดกระสอบ โดยได้คุมผ้าใบปิดบังมิดชิด แจ้งว่ามาจากพื้นที่ จว.เชียงราย ไปส่งปลายทางที่ จว.สมุทรสาคร จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้นายสุดใจ นำรถยนต์บรรทุก ไปทำการ X-RAY ที่ด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่(X-RAY) ผลการ X-RAY พบวัตถุต้องสงสัยมีลักษณะคล้ายยาเสพติด ซึ่งมีกระสอบผ้าอัดก้อนปิดทับไว้เป็นชั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการตรวจสอบกระสอบผ้าอัดก้อนดังกล่าว 

พบยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) จำนวน 30 กระสอบ จำนวน 6,000,000 เม็ด และ ไอซ์จำนวน 20 กิโลกรัม จากนั้นได้ทำการตรวจปัสสาวะเบื้องต้นของนายสุดใจ ผลการตรวจเบื้องต้นเป็นลบ จึงได้จับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาให้นายสุดใจทราบ และทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาค ส่วน ทั้ง ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครองสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และนำบัญชาข้อสั่งการของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ตอนในอย่างเข้มข้นและจริงจัง และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

สรุปผลการจับกุมยาเสพติด ของ ตำรวจฎธรภาค 5 ห้วงตั้งแต่ 1 ต.ค.67 - 25 เม.ย.68  จับกุมคดียาเสพติด จำนวน 12,684 คดี คดียาเสพติดรายสำคัญ 122 คดี ตรวจยึดของกลางยาเสพติด ยาบ้า 122 ล้านเม็ดเศษ ไอซ์ 8,120 กิโลกรัมเศษ เฮโรอีน 148 กิโลกรัม เคตามีน 993 กิโลกรัมเศษ ฝิ่น 60 กิโลกรัมเศษ ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติด มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 377 ล้านบาทเศษ

นครพนม-รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม นบ.ยส.24 บูรณาการ 'Seal Stop Safe' เพื่อป้องกันยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ 

เมื่อวันที่ (28 เม.ย.68) เวลา 1330 น. ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานในพื้นที่ จังหวัดนครพนมตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อติดตามปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง อำเภอชายแดน เพื่อมอบนโยบายในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน เร่งรัดการดำเนินงานสกัดกั้น ยาเสพติดตามแนวชายแดนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบาย เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด                              

พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม โดยได้รับฟังบรรยายสรุปสถิติและการปฏิบัติที่สำคัญแต่ละมาตรการตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ตัวชี้วัดประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย แนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติด กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมอบนโยบาย ข้อสั่งการ และข้อเน้นย้ำ แนวทางการปฏิบัติงาน ตามที่รัฐบาลได้ออกประกาศเรื่องกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและผู้รับผิดชอบเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปีงบประมาณ 2568 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 

มีพื้นที่อำเภอชายแดนเป็นพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนใน 7 จังหวัด 25 อำเภอชายแดน มีหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เป็นหน่วยรับผิดชอบ มีภารกิจวางแผนบูรณาการอำนวยการประสานงาน ในการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ปราบปรามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด บำบัดผู้ป่วยจิตเวช ยาเสพติด จัดตั้งหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็งเอาชนะยาเสพติด ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และแก้ไขปัญหายาเสพติดด้านอื่นๆในพื้นที่ชายแดน โดยได้ดำเนินการตาม 6 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการสกัดกั้น มาตรการปราบปราม มาตรการป้องกัน มาตรการบำบัดรักษา มาตรการบูรณาการ มาตรการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน  

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าการมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ที่ปฏิบัติงานของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปรามปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันนี้  ถือว่าเป็นหน่วยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาสำคัญหลักของชาติ โดยเฉพาะปัญหาด้านยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน และรัฐบาลนี้ก็ให้ความสนใจให้ทุ่มเทในการแก้ปัญหาดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศชาติ มีความมั่นคงปลอดภัย และนับว่าเป็นโอกาสอันดี ที่ผมและทีมงาน ได้เข้ามารับทราบผลการปฏิบัติงานรวมถึงรับทราบปัญหา ข้อขัดข้องเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหา และเพื่อเป็นการ​ เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น ขอชื่นชมในความทุ่มเท เสียสละ และความมุ่งมั่นของทุกท่านในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ และดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยเฉพาะในภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 

ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมไทยจากการรับฟังบรรยายสรุป เห็นถึงความเข้มแข็ง และความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการดำเนินการสกัดกั้น ลำเลียง ปราบปราม ตลอดจนบำบัดและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในพื้นที่ชายแดนและตอนใน โดยเฉพาะการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ นบ.ยส.24 รวมถึงการขับเคลื่อน “ธวัชบุรีโมเดล” 

ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการและสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหา และขอให้หน่วยดำเนินการดำรงความเข้มแข็งในการปฏิบัติงานเชิงรุก โดยใช้การข่าวและการลาดตระเวนเชิงลึก ควบคู่กับเทคโนโลยี เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้ามาในประเทศได้ตั้งแต่แนวหน้า ส่งเสริมการประสานความร่วมมือข้ามหน่วยงานและข้ามพรมแดน เพื่อเสริมสร้างระบบความมั่นคงแนวชายแดน โดยเฉพาะการมีจุดประสานงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเข้มแข็ง เป็นปราการด่านหน้าในการเอาชนะยาเสพติด และเป็นกลไกในการดูแล พี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด สนับสนุนภารกิจการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อปราบปรามกลุ่มผู้กระทำผิด เร่งรัดการผลักดันโครงการที่จำเป็นเร่งด่วน และการของบประมาณสนับสนุนจากกองทุนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมศักยภาพและขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ ผมมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของกำลังพลทุกนายว่า จะสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อปกป้องประชาชนและประเทศชาติให้ปลอดภัยจากภัยยาเสพติด และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืน  

‘มูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ’ ตอกย้ำปณิธาน!! พัฒนาการศึกษาไทย จัดโครงการพัฒนาครู มุ่งสู่การเรียนรู้ เพื่ออนาคต รุ่นที่ 4

(1 พ.ค. 68) มูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ จัดโครงการฯ ยิ่งใหญ่ประจำปี พร้อมมอบสิ่งดี ๆ ให้คุณครู มุ่งยกระดับครูทั่วทุกภูมิภาค พัฒนาไปพร้อมการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน ผ่าน 'โครงการพัฒนาครู มุ่งสู่การเรียนรู้ เพื่ออนาคต' รุ่นที่ 4 พร้อมปรับการสอนเชิงสร้างสรรค์ เพื่อกระตุ้นผู้เรียน พัฒนาผู้สอน ให้มีศักยภาพทางด้านการศึกษา ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีและดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เน้นให้เกิดประสิทธิภาพ และก่อประสิทธิผล

โดยตลอดระยะเวลา 7 ปีของโครงการพัฒนาครูจนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกับโครงการพี่สอนน้อง 'ปลูกปัญญา...พร้อมมอบความอบอุ่น' มูลนิธิฯ ยังคงมุ่งมั่น ตั้งใจ และลงมือทำ เพื่อผลักดันให้มีโครงการดี ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการพัฒนาครู เป็นโครงการที่ได้เห็นถึงคุณค่าของ 'ครู' ที่นับว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อการศึกษาของเด็ก และเยาวชน จากการมีครูที่ดี 1 คน สามารถสร้างนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่ดีได้อีกหลายคน

ดังนั้น หากจะพัฒนาการศึกษาไทยให้เกิดประสิทธิภาพ 'ครู' จึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกส่วนหนึ่ง ที่ต้องปรับตัว พร้อมพัฒนาองค์ความรู้ของตน ควบคู่ไปกับนักเรียน ส่งผลทำให้เกิดเป็นโครงการพัฒนาครู มุ่งสู่การเรียนรู้ เพื่ออนาคต โดยจัดขึ้นเป็นรุ่นที่ 4 นับเป็นการส่งเสริมต่อยอดองค์ความรู้ให้แก่ครูผู้สอน ที่เป็นผู้อบรมสั่งสอนนักเรียนได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น

อีกทั้งเนื่องจากปัจจุบัน เป็นยุคแห่งเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และก้าวกระโดด ทำให้บทบาทในฐานะแม่พิมพ์ หรือ ครูผู้สอน จึงต้องเสริมสร้าง พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบการสอนเชิงสร้างสรรค์ (Creative Learning) หรือ แนวทาง Active Learning - Beyond the Future เพื่อสอดรับการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนอย่างสร้างสรรค์ พร้อมส่งต่อความรู้สู่นักเรียนได้อย่างเท่าทัน และหนุนนำให้นักเรียนเติบโตในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

สำหรับการอบรมในปีนี้ จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา เพราะมูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ ได้เปิดโอกาสให้โรงเรียนภาครัฐ และบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมมีจำนวนรวมกว่า 250 โรงเรียน จัดขึ้นทั้งในรูปแบบ Onsite และ Online เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ณ อาคารอินเตอร์ลิ้งค์ (สำนักงานใหญ่) ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ 

บรรยากาศภายในงาน ได้รับเกียรติจากประธานมูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ ดร.ชลิดา อนันตรัมพร ร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมรับบทบาทเป็นวิทยากรในครั้งนี้ บรรยายในหัวข้อ “ครูพันธุ์ดี ยุค 5G” ปั้นคน ปรับตัว เปิดใจ เปลี่ยนแปลง ในยุคที่ต้องปรับตัวให้ทันเทคโนโลยี ยกระดับการศึกษาไทยแนวใหม่

รวมทั้ง ยังได้เชิญ ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ มาร่วมเป็นวิทยากร และบรรยายหัวข้อ 'กระบวนการแนวคิด Active Learning' เทคนิคการสอนที่ทำให้ผู้เรียน มีความสุข รับความรู้ คิดอย่างสร้างสรรค์ พร้อมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนแบบสร้างสรรค์อีกท่าน นางสาวจิตปภา สุพันธะ มาร่วมบรรยายและจัดกิจกรรม Workshop ในหัวข้อ 'การสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน Creativity-based Learning (CBL)' พร้อมสอนเทคนิคการสร้างสื่ออย่างสร้างสรรค์ด้วย AI ซึ่งทำให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจและสามารถนำไปปรับใช้ในรูปแบบของการสอน พร้อมพัฒนาตนเองและผู้เรียน ได้นำไปใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งนับว่าเป็นหัวข้อสุดท้ายที่ทำให้การอบรมในครั้งนี้จบลงอย่างสวยงาม

“นับเป็นความตั้งใจที่มูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนโครงการฯดี ๆ นี้ให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งมั่นไว้ รวมถึงเป็นการพัฒนาเพิ่มพูนความรู้ด้านการสอนของครูให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยสร้างเสริมครูผู้สอนให้มีแรงบันดาลใจ รักและภูมิใจในอาชีพครู เพื่อเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ให้แก่ครูสู่นักเรียน เท่าทันการเติบโตในโลกอนาคตได้อย่างมีคุณภาพ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเสียสละเวลาส่วนตัว ทำเพื่อส่วนรวมโดยจะนำความรู้ที่ได้จากการอบรมในครั้งนี้ ไปต่อยอดพัฒนาลูกศิษย์ของตน ถือเป็นเรื่องที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง ที่ประเทศไทยมีบุคคลที่เสียสละทั้งใจ ทั้งกาย ในอาชีพครู โดยในพัฒนาครูฯ ในรุ่นที่ 4 คุณครูให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยม เข้าร่วมรับฟังการอบรม รับความรู้ที่อัดแน่นไปด้วยเทคนิคการสอนอันเต็มเปี่ยม เพื่อก้าวให้ทันสู่การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันที่พร้อมจะนำไปพัฒนาตนเองให้ก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และมีประสิทธิภาพ พร้อมกับปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ สามารถนำไปต่อยอด ส่งต่อความรู้ที่ได้รับ นำไปประยุกต์สู่การเรียนการสอนในรูปแบบสร้างสรรค์ให้แก่นักเรียนในประเทศของเรา พัฒนาได้เทียบเท่าเด็กในระดับนานาชาติต่อไปในอนาคตได้อีกด้วยค่ะ” ดร.ชลิดา กล่าวเสริมตอนท้าย

กรมการขนส่งทหารเรือ จัดกิจกรรม 'Naval Transportation Department Safety 2025' 

กรมการขนส่งทหารเรือ จัดกิจกรรม 'Naval Transportation Department Safety 2025' ณ ห้องศรีศิริ กรมการขนส่งทหารเรือ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับกำลังพลในการป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย ของผู้บัญชาการทหารเรือ (NAVY-SAFETY 2025) อีกทั้งยังเป็นไปตามขอบเขตการจัดการความรู้ ของกองทัพเรือ ในปีงบประมาณ 2568 โดยมี พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ เจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรม การจัดกิจกรรม Naval Transportation Department Safety 2025 

กองทัพเรือได้ตระหนักและให้ความสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยของกำลังพลทและยุทโธปกรณ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นทรัพยากรอันทรงคุณค่า โดยผู้บัญชาการทหารเรือได้มีนโยบายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่ต้องการให้เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ มุ่งเน้นให้การปฏิบัติภารกิจด้านต่าง ๆ มีความปลอดภัย จึงเกิดเป็นกิจกรรมในครั้งนี้ขึ้น โดยความรู้ที่ได้รับจากการจัดกิจกรรม จะนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน เพื่อให้กำลังพลและยานพาหนะมีความปลอดภัยมากยิ่งขี้น ในปีนี้ กรมการขนส่งทหารเรือ ตั้งเป้าหมายไว้ว่า 365 วันอุบัติเหตุต้องเป็น 0

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย การเสวนาจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีประสบการด้านความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ อาทิ มูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ สำนักสวัสดิภาพ กรมการขนส่งทางบก ฯลฯ ในหัวข้อ “ความปลอดภัยด้านการขนส่งของกองทัพเรือ” และการบรรยายจากกรมแพทย์ทหารเรือ ในหัวข้อ 'การควบคุมสภาวะทางอารมณ์' โดยมีข้าราชการ พลขับรถ นายท้าย เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการโรงงาน รวมทั้งหน่วยวิทยาการ สายขนส่ง ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล เข้ารับฟังการเสวนา และการจัดนิทรรศการความปลอดภัยด้านการขนส่งต่าง ๆ

ตุ๊กตาถักไหมพรม 2 ตัว จาก คุณยุ้ย 'ศิริลักษณ์ ใจชื่น' เจ้าหน้าที่กงสุลไทยประจำราชอาณาจักรภูฏาน สะท้อนความอบอุ่น สายสัมพันธ์แน่นแฟ้น ระหว่างสองแผ่นดิน

(1 พ.ค. 68) ภาพตุ๊กตาถักไหมพรม 2 ตัวที่อยู่ในพระหัตถ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ตุ๊กตาคู่นี้ มาจาก คุณยุ้ย–ศิริลักษณ์ ใจชื่น เจ้าหน้าที่กงสุลไทยประจำราชอาณาจักรภูฏาน

คุณยุ้ยได้ตั้งใจนำมาติดเข็ม แล้วทูลเกล้าฯ ถวายเป็นของที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีในโอกาสการเสด็จเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยความภักดีและหัวใจไทยที่สะท้อนความอบอุ่นและสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างสองแผ่นดิน

รมว.กลาโหมของสหรัฐฯ เพิ่งประกาศสงครามกับ อิหร่าน (หรือเปล่า) หลัง ‘อิหร่าน’ ให้การสนับสนุน ‘ฮูตี’ ลั่น!! จะต้องชดใช้ผลที่ตามมา

(1 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

รมว.กลาโหมของ #สหรัฐฯ เพิ่งประกาศสงครามกับ #อิหร่าน หรือเปล่า??

สารถึงอิหร่าน

สหรัฐฯเห็นว่าอิหร่านสนับสนุนกลุ่มฮูตีเต็มร้อย สหรัฐฯรู้ดีว่าอิหร่านกำลังทำอะไรอยู่
อิหร่านรู้ดีอยู่แล้วว่ากองทัพสหรัฐฯ มีศักยภาพแค่ไหน — และอิหร่านได้รับคำเตือนแล้ว
อิหร่านจะต้องชดใช้ผลที่ตามมาในเวลาและสถานที่ที่สหรัฐฯกำหนด”

'วิโรจน์' ตั้งข้อสังเกตบทบาท พล.ต.ต.วินธัย หลังร่วมตอบโต้แทน คณะกรรมการ รมน.

เมื่อนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร ให้สัมภาษณ์กับสื่อด้วยภาษา (หยาบคาย) ว่า “ไม่เกี่ยวข้องกับ กอ.รมน. แล้วเผยอหน้ามาให้สัมภาษณ์ทำไม …”

‘เซเลนสกี้’ ยอมแล้ว!! หลังจากทะเลาะกันให้โลกดู คาด!! ยอม ‘Rare Earth’ ให้สหรัฐอเมริกา ใช้หนี้

(1 พ.ค. 68) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีใจความว่า...

ก้าวแรกสู่การสงบศึก Russia-Ukraine !!
เซเลนสกี้ ยอมแล้ว!!
หลังจากทะเลาะกันให้โลกดูเมื่อเดือนที่แล้ว
จะนำไปสู่การฟื้นฟู Ukraine จากสงคราม 
รวมถึงการปลดพันธนาการพึ่งพา Rare Earth จากจีน
ซึ่ง Rare Earth เหล่านี้ จะนับเป็นการคืนเงินที่สหรัฐช่วยสู้ศึกในช่วงที่ผ่านมา 

สมาคมรัฐศาสตร์แห่งอเมริกา ออกแถลงการณ์!! แสดงความกังวล กรณี ‘พอล แชมเบอร์ส’ ถูกจับในข้อหา ‘หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ’

(1 พ.ค. 68) สมาคมรัฐศาสตร์แห่งอเมริกา (APSA) ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการจับกุมและควบคุมตัว ดร.พอล แชมเบอร์ส นักรัฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ประจำมหาวิทยาลัยนเรศวร ประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2025 ภายใต้ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของไทย

แม้ว่าปัจจุบัน ดร.แชมเบอร์สจะได้รับการประกันตัวแล้ว แต่เขายังคงถูกเพิกถอนวีซ่า ถูกยึดพาสปอร์ต และถูกยึดคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป ซึ่งสมาคมฯ เห็นว่าเป็นการจำกัดเสรีภาพในการทำงานด้านวิชาการอย่างรุนแรง

สมาคมรัฐศาสตร์แห่งอเมริกา จึงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพทางวิชาการตามที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญไทย รวมถึงพันธกรณีระหว่างประเทศ พร้อมทั้งขอให้มีการยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งหมดต่อ ดร.แชมเบอร์ส เพื่อแสดงความมุ่งมั่นของไทยในการสนับสนุนเสรีภาพทางวิชาการและเสรีภาพในการแสวงหาความรู้

จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ ถูกส่งถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้แก่ ทอม โคล, แฟรงค์ ลูคัส, เควิน เฮิร์น, สเตฟานี ไบซ์ และจอช เบรคีน รวมถึงวุฒิสมาชิก เจมส์ แลงค์ฟอร์ด และ มาร์ควีน มัลลิน รวมทั้ง เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก และอัยการสูงสุดของไทย คุณไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ

สำหรับสมาคมรัฐศาสตร์แห่งอเมริกา (APSA) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1903 ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 11,000 คนจากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยมีบทบาทสำคัญในการจัดประชุมสัมมนาวิชาการระดับชาติและนานาชาติ ตีพิมพ์วารสารวิชาการชั้นนำ ส่งเสริมการวิจัยและการเรียนการสอนด้านสังคมศาสตร์ รวมถึงการปกป้องสิทธิและเสรีภาพของนักวิชาการที่ถูกคุกคามจากรัฐ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top